“เจ้านาย…” อาเจี๋ยไม่ได้ชวนคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หยิบเหล้าแก้วออกไป
เย่ฉ่าวเหยียนกำลังเมาหนัก มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“นี่ไม่ใช่คุณชายรองของตระกูลเย่หรอกเหรอ?” ชายคนหนึ่งยิ้มอย่างมีเจตนาร้าย
อาเจี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าเย่ฉ่าวเหยียน จ้องมองผู้มาเยือนอย่างเย็นชา “พวกนายเป็นใคร มีธุระอะไร?”
“สหาย จริงจังทำไมหนักหนา? เจ้านายพวกเราอยากชวนคุณชายรองไปดื่มด้วยหน่อย”
อาเจี๋ยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้านายพวกนายเป็นใคร?”
“ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้” ชายคนนั้นกวักมือ ชายฉกรรจ์อีกเจ็ดแปดคนเข้ามาล้อมเย่ฉ่าวเหยียนและอาเจี๋ยเอาไว้
อาเจี๋ยเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี กำลังจะชักปืนออกมาแต่ถูกชายคนนั้นกดเอาไว้ก่อน “สหาย เพียงแค่ดื่มเหล้าเอง ถ้าขยับเจ้านายจะเจ็บตัวเอานะ”
“ถ้าทำร้ายเจ้านายเรา เย่ฉ่าวเฉินไม่ปล่อยพวกนายไว้แน่” อาเจี๋ยรู้สึกผิดตอนที่ออกมาเขาน่าจะพาพรรคพวกมามากกว่านี้
“วางใจได้ แค่ไปดื่มกันเท่านั้น ไปกันเถอะ”
กว่าที่เย่ฉ่าวเหยียนจะสร่างเมาก็เป็นเวลาบ่ายโมง เมื่อลืมตาขึ้นก็ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ไม่เพียงแต่ถูกมัดแขนมัดขาติดไว้กับเก้าอี้ แต่สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวยิ่งไม่คุ้นเคย เป็นห้องเก่าๆ โล่งๆ ห้องหนึ่ง ไม่มีของตกแต่งมากมาย แต่ที่น่าแปลกใจคือ มีกล้องวิดีโอติดตั้งไว้รอบๆ ห้อง
ถูกลักพาตัว
คำสี่คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเย่ฉ่าวเหยียน แต่เขาก็ไม่ได้ขี้ขลาดตาขาวแม้แต่นิด ตั้งแต่เล็กจนโตเขาถูกลักพาตัวมาแล้วหลายครั้ง รู้ว่ายิ่งหวาดกลัวยิ่งขี้ขลาด ยิ่งทำให้คนที่ลักพาตัวมายิ่งหยิ่งผยองมากขึ้น
แต่ ใครกันที่ลักพาตัวเขามา?
ขณะที่คิด ประตูก็ถูกผลักออกเสียงดัง ‘ปัง’ ใบหน้าคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนานปรากฏขึ้นตรงหน้าประตู
“เย่ฉ่าวเหยียนในที่สุดคุณก็ตื่นสักที ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หนานกงเฮ่ายิ้ม และเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา
เย่ฉ่าวเหยียนเข้าใจในทันที ที่เขามาอยู่ที่นี่เพราะพี่ใหญ่ งั้นคงไม่มีอะไรต้องกังวล”
“หนานกงเฮ่า ไม่เจอกันนานเลยนะ”
หนานกงเฮ่านั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา ไขว่ขาและยิ้ม “นายไม่สงสัยเหรอว่าผมเชิญคุณมาทำไม?”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มเบาๆ “นายจะบอกผมด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
“โธ่ คิดไม่ถึงว่าออกไปเอ้อระเหยลอยชายอยู่ข้างนอกมาไม่กี่ปี ใจจะเย็นลงมาก”
“ชมกันเกินไป” เย่ฉ่าวเหยียนมองไปรอบๆ อย่างใจเย็นแล้วถามขึ้น “ อาเจี๋ยลูกน้องของฉันล่ะ?”
“เขาไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน ถูกตีหัวจนสลบแล้วโยนทิ้งไว้ข้างถนน เดาว่าปานนี้ก็คงยังไม่ฟื้น”
“พูดมา เชิญฉันมาทำไม?”
หนานกงเฮ่าเอามือกุมที่หน้าอก แล้วพูดเบาๆ ว่า “ง่ายมาก ฉันแค่อยากให้นายช่วยสักอย่าง”
“พูดมา แต่ฉันไม่รับปากว่าจะช่วย”
หนานกงเฮ่าหัวเราะ “เรื่องนี้มีแต่นายเท่านั้นที่ช่วยได้ เพราะถ้าเย่ฉ่าวเฉินจะเป็นห่วงใครสักคนบนโลกนี้ นั่นก็ต้องเป็นนาย”
เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้ว “แสดงว่าที่พูดมา สิ่งที่จะให้ฉันช่วยเกี่ยวกับพี่ชายฉันงั้นเหรอ?”
“ใช่ ต้องเป็นนายเท่านั้น”
เย่ฉ่าวเหยียนถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า “งั้นนายก็หาผิดคนแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกับพี่ใหญ่ทะเลาะกันอยู่ เขาคงหวังว่าฉันจะตายไปแล้ว”
หนานกงเฮ่าเริ่มสนใจขึ้นมา ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ทำไม?”
“เพราะฉันอยากพามู่เวยเวยไปจากเขา แต่ว่าเขาไม่เห็นด้วย ตอนฝนตกเมื่อสองวันก่อน เขาเกือบจะขับรถชนฉันตาย นายว่าทะเลาะกันจนถึงจุดๆ นี้แล้ว เขายังจะมาช่วยฉันงั้นเหรอ?”
หนานกงเฮ่าชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา เขาหัวเราะไปสักพักกว่าจะหยุดลง “เย่ฉ่าวเหยียน นายตกหลุมรักพี่สะใภ้นายใช่ไหม?”
เย่ฉ่าวเหยียนเหล่ตามอง “ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่ชินที่เห็นเขาปฎิบัติต่อผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้”
“งั้นก็ดี เราสองคนร่วมมือกันทำลายเย่ฉ่าวเฉินให้ชื่อเสียงป่นปี้ไม่ดีกว่าเหรอ ถึงตอนนั้นมู่เวยเวยจะได้หลุดพ้นสักที” หนานกงเฮ่าพูดอย่างตื่นเต้น
ชื่อเสียงป่นปี้? ไม่ ไม่ว่าเขาจะเกลียดพี่ชายแค่ไหน ก็ไม่อาจทำแบบนั้นกับเขาได้
“อย่ามัวพูดจาไร้สาระ นายต้องการอะไร?” เย่ฉ่าวเหยียนขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับเขา
สีหน้าของหนานกงเฮ่าไม่อาจคาดเดาได้ “ง่ายๆ นายแค่ต้องบอกกับคนทุกคน ว่าเย่ฉ่าวเฉินเป็นปีศาจ เขามีวิชาอาคมแปลกๆ ฉันกำลังคิดหาวิธีถ่ายรูปเขามาอีกครั้ง เราไม่ต้องแต่งให้มันเกินจริง นายคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมีจุดยืนอยู่บนโลกนี้ได้อีกงั้นเหรอ?
เย่ฉ่าวเหยียนตกตะลึง เดิมทีเขาก็มีความคิดแบบนี้
ถ้าทุกคนได้รู้ความลับของเย่ฉ่าวเฉิน ไม่ต้องพูดถึงแม้เรื่องดีๆ พวกนั้นจะปฎิบัติต่อเขาเหมือนสัตว์ประหลาด ถึงเวลานั้นจะมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยหาวิธีอย่างหนักเพื่อเอาเขาไปทดลอง
เพียงแค่คิดเหงื่อออกที่แผ่นหลัง เขาจะปล่อยให้พี่ใหญ่ได้รับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร?
สีหน้าของเย่ฉ่าวเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หนานกงเฮ่า ถ้านายอยากทำเรื่องนี้นายก็จัดฉากทั้งหมดได้หนิ ทำไมต้องให้ฉันพูด?”
“แน่นอนว่ามันต่างกัน แม้ฉันจะถ่ายรูปมาได้ เมื่อถึงเวลานั้นเย่ฉ่าวเฉินก็จะบอกว่ามันถูกแต่งขึ้นมา แปลว่าที่ฉันทำลงไปก็เปล่าประโยชน์ แต่นายเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา หากนายเป็นคนเปิดเผยความลับเรื่องนี้ ความน่าเชื่อถือก็มีมากขึ้น”
เย่ฉ่าวเหยียนจ้องมองชายหนุ่มสีหน้าร้ายกาจที่อยู่ตรงหน้า แล้วเอ่ยถามขึ้น “หนานกงเฮ่า นายกับพี่ใหญ่รู้จักกันมานานหลายปี แม้จะขัดแย้งกันเพราะมู่เวยเวย แต่จำเป็นต้องทำกับเขาขนาดนี้เลยเหรอ? นายไม่เพียงจะทำลายชื่อเสียงของเขา แต่อยากให้เขาตายมากกว่า ทำให้เขาตายทั้งเป็น”
ความเกลียดชังปรากฎขึ้นบนใบหน้าหนานกงเฮ่า “ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี้เพราะเย่ฉ่าวเฉินบีบบังคับฉัน ถ้าเขาส่งมู่เวยเวยให้ฉัน ฉันจะทำแบบนี้กับเขาไหม?”
เย่ฉ่าวเหยียนเมื่อได้ยินแบบนั้นก็เดือดดาล “ให้นาย? มู่เวยเวยเป็นสิ่งของงั้นเหรอ? ที่จะโยนไปโยนมาก็ได้ แม้ว่าพี่ใหญ่จะให้ นายคิดว่ามู่เวยเวยอยากไปกับนายงั้นเหรอ?
เขาเกลียดพวกผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้ที่สุด เขาชอบมู่เวยเวย แต่เขาก็เคารพการตัดสินใจของเธอ เขาอยากพาเธอไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอเห็นด้วยไหม ไม่ใช่บังคับเธอ
“นั้นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องทำลายเย่ฉ่าวเฉิน เพียงแค่ทำลายเขา ฉันไม่เชื่อว่ามู่เวยเวยจะไม่มีใจให้ฉัน”
เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวที่อยู่ข้างในลึกๆ “หนานกงเฮ่า ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปเป็นคนน่ากลัวได้ขนาดนี้?”
หนานกงเฮ่ามองท่าทางของเขา ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะเปลี่ยนไปเป็นอะไรก็ช่าง นายไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก แต่ฉันเข้าใจความหมายของนายดี นายไม่อยากร่วมมือกับฉันใช่ไหม?”
“เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฉัน นายคิดว่ายังไงล่ะ?” เย่ฉ่าวเหยียนถามกลับ
“ดูเหมือนว่านายไม่เห็นโลงศพจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ” หนานกงเฮ่าปรบมือ แล้วบอดี้การ์ดสองคนก็เดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้า “ลงมือ”
ทันทีที่สิ้นเสียง กำปั้นสี่หมัดก็ประโคมลงที่หน้าและลำตัว ในเวลาไม่กี่นาที เย่ฉ่าวเหยียนทนต่อไปอีกไม่ไหว
“เป็นยังไงล่ะ ? จะทำไม่ทำ?” หนานกงเฮ่าถามอย่างเย็นชา
เย่ฉ่าวเหยียนถ่มน้ำลายปนเลือดออกมา พร้อมกับแสยะยิ้มแล้วพูดออกไปว่า“นายฆ่าฉันเลยเถอะ”
“คิดไม่ถึงว่าพี่น้องคู่นี้จะรักกันมาก จัดการมันอีก”
เสียงปึงปังดังขึ้นอีกครั้ง หนานกงเฮ่ามองดูเย่ฉ่าวเหยียนที่เกือบหมดสติไปจึงบอกให้หยุด เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดอยู่ในลำคออย่างโหดร้าย “เป็นไง? ยังจะไม่พูดอยู่อีกไหม ?”
“หนานกงเฮ่า ถ้านายเป็นผู้ชายพอก็ฆ่าฉันให้ตาย คิดว่าฉันจะทำเรื่องแบบนี้กับพี่ใหญ่ได้ลงเหรอ อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย” สายตาเย่ฉ่าวเหยียนไม่หวั่นไหว
“ไม่ไม่ไม่ มันไม่คุ้มที่จะฆ่านายให้ตาย” หนานกงเฮ่าปล่อยเขาเป็นอิสระ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสองสามรูป ขณะส่งรูปก็พูดไปด้วย “นายที่ซื่อสัตย์ต่อพี่ชาย ไม่อยากรู้หน่อยเหรอว่าพี่นายจะทำยังไงกับนาย หึ? ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”
เย่ฮว่างกรุ๊ป
ในห้องประชุม ผู้บริหารระดับสูงกำลังประชุมอยู่ โทรศัพท์เย่ฉ่าวเฉินก็มีเสียง “ติ๊ง ติ๊ง” ดังขึ้นมาติดต่อกัน
เขาเหลือบดูข้อความที่ส่งเข้ามา เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้สนใจทั้งยังบอกปัดๆ ให้ประชุมต่อ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที โทรศัพท์ก็เสียงดัง “ติ๊ง ติ๊ง” ขึ้นมาอีก
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งกดเปิดข้อความ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขาเดินออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับต่อสายหาอีกฝ่าย
“เย่ฉ่าวเฉินในที่สุดนายก็ติดต่อฉันกลับมาสักที นายยังแคร์ความเป็นความตายของน้องอยู่นี่นา” เสียงหัวเราะเยาะของหนานกงเฮ่าดังเข้ามาในสาย
“หนานกงเฮ่า แม่งเอ้ย ! ฉันจะทำให้ตระกูลหนานกงหายไปจากสารบบเมืองA” เย่ฉ่าวเฉินตวาดด้วยความโมโหร้าย เหล่าผู้บริหารทั้งหลายได้แต่มองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่เคยเห็นประธานเย่โมโหเช่นนี้มาก่อน
“ฮ่าฮ่า ก่อนจะพูดอย่างนี้ นายเป็นห่วงชีวิตของฉ่าวเหยียนก่อนเถอะ”
เย่ฉ่าวเหยียนหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง “หนางกงเฮ่า ตกลงนายคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“จำบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่พวกเราเคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆ ได้ไหม ฉันและน้องชายที่นายรักจะรอนายอยู่ที่นี่ ถ้าจำได้ก็มา คนเดียว”
เย่ฉ่าวเฉินวางสาย แล้วรีบตรงดิ่งไปยังลานจอดรถ
……
รถที่แล่นอยู่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง เย่ฉ่าวเฉินไม่รู่ว่าหนาวกงเฮ่าคิดที่จะทำอะไรกันแน่ แต่เขามีอยู่ความคิดอยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเขาต้องช่วยเย่ฉ่าวเหยียนออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
บ้านไม้ที่หนานกงเฮ่ากล่าวถึงอยู่แถบชานเมืองไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก ตอนเด็กๆ ที่นี่เป็นสถานที่ลับของพวกเขา ทั้งสองมักจะมาเล่นซ่อนหากันอยู่บ่อยๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่ฉ่าวเฉินมาถึงจุดมุ่งหมาย ที่หน้าประตูทางเข้ามีบอดี้การ์ดอยู่สี่ห้าคน แค่มองก็รู้ว่าเป็นมือสังหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินสั่นรัว ครั้งนี้ถ้าหนานกงเฮ่าไม่ได้ตามที่ต้องการคงไม่หยุด
บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูมองเห็นเขา ไม่มีใครขัดขวางเขาได้ เย่ฉ่าวเฉินถีบประตูเข้าไป เย่ฉ่าวเหยียนนั่งหัวตกอยู่บนเก้าอี้อยู่กลางห้อง เลือดไหลท่วมตัว ด้านหลังเขายังมีชายฉกรรจ์ยืนอยู่อีกสองคน หนานกงเฮ่านั่งอยู่ข้างๆ เย่ฉ่าวเหยียนอย่างสบายใจเฉิบ
“ฉ่าวเหยียน!” เย่ฉ่าวเฉินร้องเรียกด้วยความโมโหผสมกับความร้อนใจ เพ่งมองคนสำคัญที่อยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันที่หนานกงเฮ่าเอาปืนไปจ่อที่ขมับของเย่ฉ่าวเหยียน
“อย่าขยับ! เดินเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันส่งน้องแกไปสวรรค์แน่”
เย่ฉ่าวเฉินหยุดฝีเท้า จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา “หนานกงเฮ่า แกจะทำอะไรเขา?”
หนานกงเฮ่าพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ได้ทำอะไร ในเมื่อไม่รู้จักฟังก็ต้องสั่งสอนซะหน่อย วางใจเถอะ มันยังไม่ตายหรอก ดูสิ…” หนานกงเฮ่า กระทุ้งศอกไปที่หน้าอกของเย่ฉ่าวเหยียน หลังจากสลบไปพักนึง เขาก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
เย่ฉ่าวเฉินทนต่อการถูกกระทำอย่างนี้ไม่ได้ ตะโกนออกไปด้วยความโมโห “หนานกงเฮ่า ฉันบอกให้แกหยุด!”
หนานกงเฮ่ายักไหล่ “ฉันแค่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉ่าวเหยียนยังไม่ตาย แบบนี้เราถึงคุยข้อตกลงกันได้ง่ายๆ หน่อย”
เย่ฉ่าวเฉินกำมือแน่น “โอเค ข้อตกลงอะไร แกพูดมาเลย”
หนานกงเฮ่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ “ฉันนะเหรอ เดิมทีฉันก็ไม่ได้อยากจะรบกวนอะไรนายหรอก อยากจะให้เย่ฉ่าวเหยียนถ่ายวิดีโอมาให้สักคลิปเพื่อประกาศให้โลกรู้ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะยอมตาย ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชิญนายมาแสดงเอง แน่นอน ถ้านายยอมที่จะพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ฉันก็จะยิ่งพอใจมาก”
เย่ฉ่าวเฉินมองด้วยความหม่นหมอง เพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่คิดเลยว่าจะลงมือทำเรื่องแบบนี้ได้
ให้เขาออกมาพูดเรื่องนี้ ก็เป็นการยอมรับกับทุกคน ว่าเขาคือปีศาจ เขาแปลกประหลาด
นี่เป็นจุดอ่อนจุดสุดท้ายที่เขาโกรธมากที่สุด
“หนานกงเฮ่า แกต้องการที่จะทำลายฉันอย่างนั้นเหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินถามขึ้น
หนานกงเฮ่าเงียบไปชั่วขณะ และพูดว่า “เย่ฉ่าวเฉิน ขอโทษนะ ฉันแค่ต้องการสิ่งที่ฉันอยากจะได้”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนอยากจะฆ่าเขาให้ตาย “แกทำลายฉัน แล้วคิดเหรอว่ามู่เวยเวยจะรับแกได้?”
“ไม่ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไง?”
“พี่ อย่า ไม่ต้องทำอย่างนี้หรอก”เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้นพูด เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ดวงตาและใบหน้าปูดบวม เลือดที่เปื้อนอยู่ตรงมุมปากนั้น
ภายในใจเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเจ็บปวดไปหมด นี่เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขานะ แม้ว่าตอนเช้าก่อนออกจากบ้านจะยังทำตัวเย็นชาเข้าหากัน แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญกลับเอาแต่นึกถึงเขา
ครั้งที่แล้วก็เป็นอย่างนี้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันถามขึ้น “ถ้าไม่ทำล่ะ?”
ความจริงแล้วเย่ฉ่าวเฉินไม่กล้าที่จะเสี่ยง เพราะเขายังฝึกฝนทักษะได้ไม่ชำนาญ หากพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร? เพราะตรงหน้าเป็นน้องชายที่มีอยู่เพียงคนเดียว
หนานกงเฮ่าไม่ได้เร่งรัดอะไร ปล่อยให้เขาตัดสินเรื่องลำบากใจเอง
เวลาผ่านไปสักพัก ราวกับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของเย่ฉ่าวเฉิน ถามขึ้นด้วยเสียงเศร้า “อยากจะให้ฉันทำอะไร?”
เย่ฉ่าวเหยียนตะโกนอย่างร้อนใจ “พี่ใหญ่ อย่าทำอย่างนี้ พี่จะให้ไอ้บ้านั่นมาทรมาณพี่จนตายเลยเหรอ ผมไม่อยากให้พี่มาเจอเรื่องแย่ๆอย่างนี้เพราะผมนะ”
ความอบอุ่นพรั่งพรูออกมาผ่านสายตาเย่ฉ่าวเฉิน “ฉ่าวเหยียน นายคือน้องชายของฉัน ฉันทำให้นายตายไม่ได้หรอก จะว่าไป หนานกงเฮ่าก็กลัวว่าแผนการครั้งนี้อาจจะไม่สำเร็จ”
“พวกแกจะพล่ามอะไรหนักหนา?” หนานกงเฮ่ากลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจจึงขัดบทสนทนาขึ้น
นัยน์ตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินฉายความดุร้ายออกมา “หนานกงเฮ่า หลังจากนี้นายอย่าได้ตกมาอยู่ในกำมือฉัน ไม่เช่นนั้นนายไม่มีทางได้มาขอร้องชีวิตกับฉันแน่”
“หึ อย่าปากดีหน่อยเลย ฉันอยากรู้นักว่านายจะปิดปากเงียบได้นานแค่ไหน”หนางกงเฮ่าเดินไปที่หน้ากล้องวิดีโอสี่ตัว กดลงไปที่ปุ่มอัดภาพ ไฟสีแดงเล็กๆ สว่างขึ้น เลนส์กล้องทั้งหมดเล็งไปที่เย่ฉ่าวเฉิน
“เริ่มได้ อย่างเช่นย้ายม้านั่งตัวนี้ไปทางนั้น หรือจะทำเหมือนครั้งนั้นที่บินไปบินมาบนอากาศก็ได้”ความตื่นเต้นปรากฏบนใบหน้าหนานกงเฮ่า
เย่ฉ่าวเฉินหลับตาลง เมื่อลืมตาอีกครั้งนัยน์ตาสีฟ้าก็พลันเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม แม้ว่าหนางกงเฮ่าจะเตรียมใจรับมือมาแล้วเขาจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน ทว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่ฉ่าวเหยียน กลับหน้าถอดสี ตกใจกลัวกันอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ใหญ่ หยุดได้แล้ว อย่าทำอย่างนี้อีก ผมขอร้อง” เย่ฉาวเหยียนแทบจะร้องไห้อ้อนวอนเขา
เย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้ม เสียงสิ่งของแตกกระจายดังไปทั่ว หนานกงเฮ่ามอง แจกันดอกไม้เริ่มสั่นไปมาเบาๆ
“ใช่ใช่ใช่ อย่างนี้แหละ” เขาร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
พริบตาเดียวก็เกิดลมโหมพัดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วห้อง เพียงไม่ถึงวินาทีลมก็หายไปราวกับถูกกดปุ่มให้หยุด แววตาของหนานกงเฮ่าลุกวาว
เย่ฉ่าวเฉินไม่รอช้า รีบวิ่งไปถอดเมมโมรี่การ์ดออกจากกล้องวิดีโอทั้งสี่ตัว จากนั้นก็แก้เชือกที่มัดมือมัดเท้าเย่ฉ่าวเหยียนแล้วรีบวิ่งออกไปให้ไกล
หน้าประตูทางเข้า มีบอดี้การ์ดห้าคนหยุดอยู่กับที่
เมื่อวางเย่ฉ่าวเหยียนไว้ที่รถ เย่ฉ่าวเฉินกลับไปที่บ้านไม้อีกครั้ง เขาแย่งปืนจากหนึ่งในนั้นมา ยิงไปที่หัวใจของทั้งเจ็ดคนโดยไม่มีความปราณีใดๆ หนานกงเฮ่ายืนอยู่ตรงหน้า เขาฆ่าหนานกงเฮ่าไม่ลง จึงยิงไปที่ขาของเขาแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...