วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 154

“สวัสดีทุกท่านครับ ยินดีต้องรับสู่การเป็นแขกของตระกูลเย่ ก่อนอื่นผมขอแนะนำ คนนี้คือน้องชายของผม เย่ฉ่าวเหยียน เพิ่งกลับมาจากการศึกษาต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูล พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะมีความสุขในค่ำคืนนี้ ขอบคุณครับ”

หลังจากเสียงปรบมืออย่างอบอุ่ม เย่ฉ่าวเฉินก็พาเย่ฉ่าวเหยียนไปชนแก้ว

“คุณลุงหลี่ ไม่เจอกันนานเลย คนนี้เป็นลูกสาวของคุร ? ตอนเด็กผมเคยเจอ ไม่คิดว่าจะโตขนาดนี้แล้ว ?”

“คุณป้าเฉิน สวัสดี นี่คือฉ่าวเหยียน ยังจำได้ไหม ? เมื่อยังเด็กเขาชอบไปทานอาหารที่บ้านคุณ”

มู่เวยเวยมองดูพวกเขาอยู่ไกลๆ พวกเขาเติบโตมาในแวดวงที่ร่ำรวยจริงๆ ฉากที่พูดคุยกันช่างแตกต่างกับท่าทีเย็นชาปกติโดยสิ้นเชิง

ที่แท้ภายใต้แสงแพรวพราวนี้ทุกคนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากัน

เย่ฉ่าวเฉินเป็นอย่างไร มู่เวยเวยเธอก็เป็นอย่างนั้น

นี่ไม่ ในขณะเดียวกันเธอก็ถูกสาวงามรายล้อม และถามเกี่ยวกับเย่ฉ่าวเหยียน

“คุณนายเย่ ปกติฉ่าวเหยียนขอบทำอะไรเหรอ?”

“เขาค่อนข้างที่จะชอบออกกำลังกาย ว่านน้ำ วิ่งอะไรพวกนี้ ”มู่เวยเวยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างให้เย่ฉ่าวเหยียนดูเป็นเด็กร่าเริงสดใส

“แล้วเขาชอบทานอะไรเหรอ ?”

มู่เวยเวยรู้สึกลำบากแล้ว เธอไม่เคยสังเกตว่าเย่ฉ่าวเฉินชอบทานอะไร ดูเหมือนว่าขอแค่ฉินหม่าเป็นคนทำ เขาก็กินหมด

“อันนี้........ถ้าคุณสนใจก็สามารถนัดเขาไปทานข้าวได้นะ รู้ด้วยตัวเองมันน่าจะสนุกกว่าไม่ใช่เหรอ ?” เธอยิ้มพูด

ก็มีสาวสวยอีกคนถามขึ้นมา “คุณนายเย่ ปกติเย่ฉ่าวเหยียนไม่ชอบพูดเหรอ ? ทำไมฉันถึงเห็นเขาทำสีหน้าเย็นชาตลอดเลย”

มู่เวยเวยเหลือบมองไปที่นักแสดงชาย ใบหน้าเย็นชาจริงๆ

“เหอะเหอะ......อันนี้.........”มู่เวยเวยไม่มีอะไรจะพูด เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม

“ฉันคิดว่าเย่ฉ่าวเหยียนเป็นแบบนี้ก็ดีนะ” หนึ่งในสาวสวยแสดงสีหน้าที่หลงผู้ชายช่วยผู้แก้สถานการณ์แทนเธอ “มองดูผู้ชายเหล่านั้นสิ มีความเย็นชาที่แข็งแกร่ง ฉันชอบ”

มู่เวยเวยตกตะลึง ตอนนี้ไม่นิยมผู้ชายอบอุ่นแล้วเหรอ ? เริ่มนิยมผู้ชายเย็นชากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

เฮ้อ ตั้งแต่แต่งงานเธอก็ไม่ได้สัมผัสกับเทรนด์อีกเลย

โชคดีที่ผู้หญิงเหล่านี้แยกย้าย ไปตามเย่ฉ่าวเหยียนแล้ว

หลังจากยืนเป็นเวลานาน เท้าของมู่เวยเวยเจ็บไปหมด ไม่มีใครสนใจเธอ เธอจึงหามุมหนึ่งละนั่งลงอย่างเงียบๆ

เดิมที่อยากจะหยุดอยู่สักพัก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสองสามคนพูดคุยกันเบาๆอยู่ข้างๆ

“เห็นรึยัง ? ผู้หญิงเมื่อครู่ก็คือภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวย ดูแล้วก็ไม่ได้สวยมาก ทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงชอบได้นะ”

“ก็คือ นับตั้งแต่พ่อแม่มู่เวยเวยตาย ครอบครัวก็ไม่ค่อยมีเงิน เย่ฉ่าวยังแต่งงานกับเธอ ?”

“ชัดเจนขนาดนี้ดูไม่ออกรึไง ? คือการแต่งงานทางธุรกิจ มู่เวยเวยแต่งงานกับเย่ฉ๋าวเฉินเพียงเพื่อช่วยเหลือธุรกิจตระกูลมู่เหรอ”

เสียงแตก..........

พูดอะไรหลังจากนั้นมู่เวยเวยก็ไม่มีกะจิตกะใจฟัง เธอถูกเย่ฉ่าวเฉินฝึกฝนให้มีจิตใจที่เข้มแข็งและอดกลั้น ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่พวกเธอพูดมันไม่ผิดเลยสักนิดเดียว

เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกรธ

เมื่อหลับตา ก็รู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งข้างๆเธอ จากความคุ้นเคยเขา มู่เวยเวยไม่ได้ลืมตาขึ้นมา

เขาไม่พูด เธอก็ไม่พูดอะไร

ผู้หญิงสามคนข้างๆยังคงคุยกัน.........

ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเริ่มเย็นชาขึ้นรื่อยๆ ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามเธอ เหนื่อยมากไหม ? ทำไมถึงมาแอบอยู่ตรงนี้ ?

“เหนื่อยแล้ว อยากพักสักครู่” มู่เวยเวยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เมื่อทั้งสองคนพูด เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานข้างๆก็หยุดลง และรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว.......

มู่เวยเวยถอนหายใจ ผู้หญิงพวกนี้เอาแต่นินทาตอแหลลับหลัง คงกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวาย

“หิวไหม ? ผมจะไปเอาอาหารมาให้”

มู่เวยเวยยิ้มและลืมตามองหน้าเขา “เย่ฉ่าวเฉิน พวกเธอไปแล้ว ไม่ต้องแสดงแล้ว”

“คุณ......”เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ดวงตาที่ไร้รอยยิ้มของเธอในเงามืด ในใจของเขาถูกสะกิดอย่างรุนแรง เขาโกรธหลังจากที่ได้ยินมันมาเพียงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว ได้ยินมากน้อยแค่ไหน แต่กลับไม่มีร่องรอยของความโกรธ ?

“คุณไม่ใส่ใจสักนิดเลยเหรอ ?”เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างกังวล

มู่เวยเวยส่ายหัวอย่างไม่แยแส “คำพูดของพวกเธอสุภาพกว่าที่ฉันเคยได้ยิน”

เคยได้ยิน ?

ยังมีใครอีก ? นอกจากตัวเขา กลัวว่าจะเป็นเฉียวซินโยว

เย่ฉ่าวเฉินมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง และลุกขึ้นไปหยิบเค้กมาสองสามชิ้นด้วยตัวเอง เขาจำได้ลางๆว่าเธอชอบกินของหวาน

“รองท้อง อีกเดี๋ยวยังต้องส่งแขก”

มู่เวยเวยเอื้อมมือไปหยิบมา ในสายตาก็เต็มไปด้วยความมึนงง และถามเขาว่า “เย่ฉ่าวเฉิน ช่วงนี้ฉันเพิ่งสังเกตว่าคุณไม่ได้ทำร้ายชั้นแล้ว ทำไมเหรอ ?”

เย่ฉ่าวเฉินสำลักเมื่อเธอถามขึ้นมา ที่จริงเขาก็อยากรู้ ว่าทำไมจู่ๆถึงอยากทำดีกับเธอ

“ก็ไม่ทำไม ช่วงนี้อารมณ์ดีเลยทำดีกับคุณหน่อย ”เย่ฉ่าวเฉินปกปิดความแปลกประหลาดในใจเขา

“โอ้~งั้นฉันก็ขอให้คุณอารมณ์ดีแบบนี้ตลอดเลย ”เธอกินเค้กพลางมองไปที่ไปที่เย่ฉ่าวเฉินที่ใจร้อนอยู่ไม่ไกล และถามเขาว่า “คุณหาผู้หญิงที่เย่ฉ่าวเหยียนชอบเจอรึยัง ?”

ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินมืดมนลง “ไม่ คุณถามเรื่องนี้ทำไม?”

“แน่นอนว่าฉันอยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง” มู่เวยเวยตอบอย่างคาดหวัง

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองไปที่ด้านข้างของเธอ และพูดออกมาสองคำ “ซุบซิบ”

มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก “ฉันไม่เชื่อว่าคุณเองก็ไม่อยากรู้อยากเห็น”

เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงจัง “คุณพูดถูก ผมไม่อยากรู้สักนิด ”เมื่อพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็เหมือนจะเห็นใครบางคน จึงพูดกับมู่เวยเวยว่า “ถ้าคุณรู้สึกเบื่อก็ออกไปเดินเล่นพักผ่อน คุณไม่ใช่ตัวเอกไม่มีใครสนใจหรอก แต่อย่าเดินไปไกล”

“รู้แล้วค่ะ”

...........

เมื่อสายลมเย็นๆพัดมา มู่เวยเวยก็ถือกระโปรงแล้วไปนั่งที่เก้าอี้ริมทะเลสาบ ห่างไกลจากเสียงหัวเราะของผู้หญิง ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ไม่มีเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เธอรู้สึกว่าที่นี่เงียบสงบดี

ไม่รู้ว่าผ่านมานานแค่ไหน ข้างหลังเธอก็มีเสียงดังขึ้น “คุณช่างหาสถานที่จริงๆ”

มู่เวยเวยหันกลับมา เย่ฉ่าวเหยียนอยู่ทามกลางแสงจันทร์ และมองเธอด้วยรอยยิ้ม ด้านหลังคฤหาสน์ที่สว่างไสว

“ข้างในน่าเบื่อเกินไป เลยออกมาสูดอากาศหายใจ ทำไมนักแสดงชายคนนี้ถึงออกมาล่ะ ?” มู่เวยเวยแกล้งเขา

เย่ฉ่าวเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ และนั่งลงข้างๆเธอ ผมจะถูกผู้หญิงพวกนั้นเสียงดังใส่จนจะตายแล้ว เลยหนีออกมาซ่อนตัวสักครู่

“เหอะเหอะ ผู้ชายอย่างพวกคุณไม่ใช่ว่าจะชอบบรรยากาศที่มีเสียงผู้หญิงอยู่รอบๆเหรอ ?”

เย่ฉ่าวเหยียนรีบดึงตัวเองออกมา คุณพูดถึงก็คือผู้ชายพวกนั้น อย่าเอาผมไปรวมด้วย

มู่เวยเวยยิ้ม “ใช่ ฉันผิดไปแล้ว คุณเป็นผู้ชายที่มีความหมาย”

เย่ฉ่าวเหยียนหันไปมองใบหน้าที่สดใสของเธอ และพูดสิ่งที่เขาอยากพูดตั้งแต่งานในคืนนี้เริ่ม “คืนนี้คุณสวยมาก”

ใจของมู่เวยเวยเต้นแรง เมื่อตระหนักได้ว่ามีอะไรแปลกๆจากคำพูดเมื่อกี้ จึงรีบพูดอย่างสุภาพว่า “คนต้องอาศัยเสื้อผ้าม้าต้องอาศัยอานม้า เป็นเย่ฉ่าวเฉินที่เลือกเสื้อผ้าได้ดี”

เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มบางๆ และมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า

มู่เวยเวยเห็นเขาไม่พูด ในใจก็คิดสงสัย หรือว่าเธอคิดมากเกินไป ?

“เอ่อ....ผู้หญิงที่คุณชอบว่าชอบครั้งที่แล้ว”วันนี้มาไหม ? มู่เวยเวยไม่มีอะไรจะพูด

“เธอ........ไม่มา ”น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเหยียนดูผิดหวัง

“โอ้ ”มู่เวยเวยกัดริมฝีปาก ทำไมถึงโง่อย่างนี้นะ อะไรไม่พูดดันมาพูดเรื่องนี้ เขาหลบเลี่ยงก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว ยังจะไปถามทำให้เขาเสียใจอีก

“เวยเวย” ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเหยียนก็เรียกเธอ

“มีอะไรเหรอ ?”

“คุณยังอยากหนีจากพี่ชายผมไหม ?” เย่ฉ่าวพูดถึงเรื่องเก่าขึ้นมาอีกครั้ง

มู่เวยเวยตกใจ และยิ้มด้วยความขมขื่น “ฉันเคยใช้ความพยายามอย่างหนักและเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เย่ฉ่าวเฉินไม่เห็นด้วย แม้ว่าฉันจะวิ่งหนีไปจนสุดขอบโลก เขาก็จะจับฉันกลับมา และ.......”

“และอะไร ?”

มู่เวยเวยมองเขาและพูดว่า “และฉันยังต้องรอพี่ชายฉันกลับมา ถ้าหากว่าฉันหนีไป ฉันก็ต้องใช้ชีวิตอย่างไร้ตัวตน ถ้าถึงตอนนี้พี่ชายมาตามหาฉันก็คงจะยาก ตอนนี้ต้องผ่านมันไปก่อน ฉันก็อยากจะไป ในโลกนี้นอกจากเรื่องเป็นตายที่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว อย่างอื่นก็เล็กน้อยไปเลย”

เย่ฉ่าวเหยียนโพล่งออกมา “ถ้าหากว่าผมสามารถพาคุณออกไปได้ล่ะ ?”

“ห๋า ? คุณพาฉันไป ?” มู่เวยเวยเบิกตาโพลง

เย่ฉ่าวเหยียนหายใจเข้าลึกๆและพูดอย่างหนักแน่นว่า “ใช่ ผมพาคุณไป ผมไม่อยากเห็นพี่ชายปฎิบัติแบบนั้นกับคุณ คุณควรจะมีชีวิตที่ดีขึ้น”

ตาของมู่เวยเวยตระตุกขึ้นมา ที่เขาพูดมามันหมายความว่าอะไร ?

หรือว่าเขาชอบฉัน ?

โอ้ย——ไม่มีทาง เธอเป็นพี่สะใภ้ของเขา เขาจะชอบเธอได้อย่างไร ?

เพื่อไม่ให้เขาคิดเรื่องนี้ มู่เวยเวยจริงปฏิเสธเขาไปตรงๆ “ไม่ เย่ฉ่าวเหยียน ฉันไปไม่ได้ ฉันยังต้องรอพี่ชายฉัน”

“เขาไม่มาหาคุณ พวกเราไปหาเขาก็ได้หนิ” แบบนี้ก็ดีต่อทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ ? เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความตื่นเต้น

มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินถอยหลังไป ถึงแม้ว่าเธอจะโง่แต่ก็รู้ว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร

“อะไรดีทั้งสองฝ่าย เย่ฉ่าวเหยียน คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่ ?”

เขาคือเย่ฉ่าวเหยียนนะ เป็นน้องของเย่ฉ่าวเฉิน ทำไมเขา.......

มู่เวยเวยรู้สึกสับสนในหัวของเธอ

เย่ฉ่าวเหยียนลุกขึ้นและเขยิบเข้ามาใกล้เธอ “ผมรู้ว่าผมกำลังพูดอะไรอยู่ เวยเวย ทุกอย่างที่ผมพูดคือความจริง”

“คุณหุบปาก!” มู่เวยเวยขัดจังหวะเขาและพูดอย่างเคร่งครึมว่า “ฉันเป็นพี่สะใภ้ของคุณ คุณก็มีผู้หญิงที่ชอบแล้ว เรื่องในคืนนี้ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินมัน”

“เวยเวย คุณไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงที่ผมชอบชื่ออะไร ? ”เย่ฉ่าวเหยียนจ้องมองไปที่ดวงตาเธอ เขาไม่อยากพลาดรายละเอียดใดๆของเธอ คืนนี้เธอเหมือนกับนางฟ้าของเขา ความหึงหวงในใจเขาเพิ่มขึ้นเหมือนหญ้าที่กำลังโต เขาอยากจะเดินเข้าไปคุยกับเธอ แม้ว่าจะเป้นการพูดคุยแบบสบายๆ แต่ก็มักจะมีหญิงสาวมาขัดจังหวะเขาเสมอ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสนี้ เขาจึงตัดสินใจบอกความในใจทุกอย่างของเขากับเธอ

เขาไม่เชื่อว่ามู่เวยเวยจะไม่ชอบเขา

มู่เวยเวยถือกระโปรงขึ้นเตรียมจะวิ่ง เย่ฉ่าวเหยียนในคืนนี้เธอไม่รู้จัก

“คุณอย่าพูดเลย ฉันไม่อยากฟัง ฉันยังมีธุระไปก่อนนะ” มู่เวยเวยหันกลับไปเดินได้สองก้าวก็ถูกเย่ฉ่าวเหยียนดึงแขนไว้

“เวยเวย คุณฟังที่ผมพูดก่อนได้ไหม ?”

“วันอื่นได้ไหม ? ตอนนี้ฉันไม่อยากฟัง” มู่เวยเวยสะบัดมือเขาออก เดินผ่านเขาและกำลังจะออกไปก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นของเย่ฉ่าวเฉิน

มู่เวยเวยก้าวขาไม่ออก จบแล้ว เขาเข้าใจผิดอีกแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามา และถามด้วยเสียงต่ำเหมือนจะฆ่าคนว่า “พวกคุณทำอะไรกัน ?”

“ข้างในน่าเบื่อ ฉันเลยออกมาสูดอากาศ เลยบังเอิญเจอฉ่าวเหยียน ”มู่เวยเวยอธิบาย เดินทีมันก็เป็นอย่างนั้น เพียงแต่เขาจะเชื่อหรือไม่นั้นก็พูดได้ยากแล้ว

เหมือนมีมีดอยู่ในดวงตาของเย่ฉ่าวเฉิน “ใช่เหรอ ? บังเอิญจัง ?”

“ใช่ บังเอิญแบบนี้แหล่ะ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ถามฉ่าวเฉินดูสิ”

เย่ฉ่าวเหยียนถอนหายใจหนัก และพูดด้วยน้ำเสียงทำไรไม่ถูก “อืม ก็เป็นอย่างที่เวยเวยว่านั่นแหล่ะ”

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองเขา คว้ามือของมู่เวยเวยและพูดว่า “พวกแขกจะกลับแล้ว ไปกันเถอะ”

เขาเดินอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยสวมรองเท้าสนสูง กระโปรงยาว เกือบถูกเข้าทำให้ล้มลง “เย่ฉ่าวเฉิน คุณช้าหน่อย”

ไม่พูดยังดีซะกว่า เมื่อพูด เย่ฉ่าวเฉินก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น มู่เวยเวยไม่ทันระวังเผลอเหยียบกระโปรง จากนั้น “อ้า——”เธอล้มลงพื้นอย่างสวยงาม

มืออีกข้างหนึ่งของเธอยังถูกเขาจับไว้ ดังนั้นเธอจึงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นหิน ท่าทางของเธอทำให้เธอรู้สึกอายมาก และก็เจ็บเข่ามาก

เย่ฉ่าวเฉินก็ยืนอยู่อย่างนั้น ไม่มีความคิดที่จะช่วยเธอเลย มู่เวยเวยก็ไม่รอเขาช่วย ใช้มือข้างเดียวยันตัวเองลุกขึ้นมา

เธอสลัดมืออีกข้าง กัดฟันและเดินไปทางแสงไฟสลัว

เย่ฉ่าวเฉินเห็นท่าทางทีหยิ่งยโสของเธอ ก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก

เมื่อถึงเวลาส่งแขก ทั้งสองคนแทบไม่พูดอะไรกัน มู่เวยเวยใช้ความพยายามในการฝืนยิ้ม ถ้าส่งแขกหมด กล้ามเนื้อบนใบหน้าเธอคงจะเกร็งไปหมด

……

ณ ห้องนอน

มู่เวยเวยถอกกระโปรงยาว และโยนมันไปที่มุมตู้เสื้อผ้า จริงตามที่คาดหัวเข่าเธอหนังถลอกออกไปชิ้นใหญ่ เลือดกลับไม่ไหลมาก แต่มองไปมาก็ดูแย่มาก

เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างเครื่องสำอาง

หลังจากคืนนี้ มู่เวยเวยก็รู้สึกร่างกายเหนื่อยล้า แต่เธอก็รู้ว่าฝันร้ายที่แท้จริงยังไม่มา

ในขณะที่ใช้แอลกอฮอล์ทางการแพทย์ฆ่าเชื้อที่หัวเข่า เสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้ มู่เวยเวยไม่ได้เงยศีรษะขึ้นมา แอลกอฮอล์ซึมเข้าไปในเลือด เธอก็เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา แต่เธอก็อดทนโดยไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา

“บอกมา ที่มู่อี้เหยาพูดในคืนนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ ?” เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงตรงข้ามเตียง

“เป็นความจริงที่ฉันไปหาเขา แต่เรื่องที่เธอพูดก็เป็นเรื่องเท็จ” มู่เวยเวยก้ไม่ได้ตั้งใจจะปิดเขา แต่ถ้าเขายังไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบเอาเองก็รู้แล้ว

เห็นได้ชัดว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่พอใจกับคำตอบนี้ “คุณบอกผมมาให้ชัด สรุปเรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องเท็จ ?”

มู่เวยเวยโยนสำลีที่ใช้แล้วลงบนโต๊ะ เงยศีรษะขึ้นมองแววตาเขาและพูดเบาๆว่า“ ฉันไปหาลู่จื่อหางเพื่อถามอะไรบางอย่าง แต่โดนเขาขังไว้ในห้อง จากนั้นมู่อี้เหยาก็มา ฉันต้องการจะหนีเลยทุบแจกันให้แตกและจ่อไปที่คอของเธอเพื่อขู่ให้พวกเขาปล่อยฉัน เรื่องก็เป็นอย่างนี้”

เย่ฉ่าวเฉินมองเข้าไปในดวงตาเธอ เหมือนจะแยกยะคำพูดของเธอได้

“มู่เวยเวย ขอร้องอย่ามาโกหกต่อหน้าผม”

เธอยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่เชื่องั้นคุณมาถามฉันทำไม ? คุณเก่งกาจขนาดนี้ ไปตรวจสอบดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ