วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 164

เย่ฉ่าวเฉินนั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถ ปรับเปลี่ยนทิศทาง

"เย่ฉ่าวเฉิน คุณหยุดรถให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ! คุณไม่สนใจพี่ชายฉันแล้วเหรอ? เขาสามารถตายได้ คุณจอดรอดให้ฉัน " มู่เวยเวยดึงแขนเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินไม่หยุดการเคลื่อนไหว เพียงแค่โยนโทรศัพท์ของมู่เทียนเย่ที่วางไว้ในรถให้เธอ "ไม่อยากให้เขาตาย โทร120"

ใช่ เขาพูดถูก โทร120

มู่เวยเวยใช้มือที่สั่นเทาของเธอกดที่เบอร์สามตัวนั้น โทรศัพท์สักครู่เดียวก็โทรติดแล้ว

"ฮัลโหล ฮัลโหล? พี่ชายฉันได้รับบาดเจ็บ ค่อนข้างหนักมาก พวกคุณรีบมา ที่เส้นทางไปสนามบิน....."เสียงของมู่เวยเวยมีเสียงร้องไห้ปะปนอยู่ด้วย

"คุณผู้หญิงอย่าเพิ่งตื่นตระหนกครับ รถของพวกเราสักครู่เดี๋ยวก็ถึง ขอถามหน่อยว่าพี่ชายคุณบาดเจ็บจากสาเหตุอะไร?"

"ถูกคนใช้มีดแทง ขอร้องพวกคุณนะคะ รีบมาหน่อย เขาเลือดไหลออกมาเยอะมาก"

"ตกลง พวกเราจะไปให้ถึงทันทีทันใด"

หลังจากวางโทรศัพท์ ร่างกายของมู่เวยเวยยังมีอาการสั่นอยู่ เธอไม่สามารถมองดูพี่ชายของเธอเลือดไหลนองเต็มพื้น แต่ทว่าตเธอนั่งอยู่บนรถยิ่งไกลพี่ชายออกมา"

"เย่ฉ่าวเฉิน หยุดรถ ให้ฉันไปดูเขาได้ไหม?" มู่เวยเวยอ้อนวอนเขา

เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนหน้ามืดตามัว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขารู้เพียงแค่ว่าต้องพาเธอกลับไป

มู่เวยเวยร้องไห้น้ำตานองเหมือนฝนตก "เย่ฉ่าวเฉิน ฉันขอร้อง เขาเป็นพี่ชายของฉัน เป็นญาติคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ คุณก็มีน้องชาย คุณสามารถมองดูเย่ฉ่าวเหยียนตายเหรอ? ฉันขอร้องคุณขับรถวนกลับไปได้ไหม?"

ได้ยินชื่อของเย่ฉ่าวเหยียน เย่ฉ่าวเฉินยิ่งโกรธมากขึ้น "ปีนั้นพี่ชายเธอเป็นคนทำร้ายเย่ฉ่าวเหยียน ทำให้เขาหายตัวไปอยู่หลายปี ลำบากยากเข็ญ วันนี้กรรมก็ตามสนองเขา"

เธอมองร่างของพี่ชายที่กำลังจะหายจากสายตาเธอ มู่เวยเวยยิ่งร้อนใจมากขึ้น "เย่ฉ่าวเฉิน อยู่ถึงแค่ตอนที่รถฉุกเฉินมา ฉันก็จะกลับไปกับคุณ เด็กในท้องฉันจะเก็บไว้ ตกลงไหม?"

เย่ฉ่าวเฉินหนังตากระตุก เหยียบเบรกทันที หันกลับมามองเธอที่น้ำตาคลออยู่ "เธอสาบาน?"

มู่เวยเวยรีบยกนิ้วขึ้น "ในนามของพ่อแม่ฉันสาบานว่า ที่ฉันพูดมาเมื่อกี้คือความจริง"

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอชั่วขณะ ทุบพวกมาลัยรถทันที หมุนรถวนกลับไปทิศทางที่มู่เทียนเย่อยู่

มีดแทงลงลึกมาก มู่เทียนเย่ลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าเอามีดออกมา เขากลัวโดนเส้นเลือดแดงใหญ่ ถึงเวลานั้นจะไม่สามารถห้ามเลือดได้ทัน อย่างนั้นก็แย่แล้ว

บนถนนรถผ่านไปมา แต่ทว่าไม่มีสักคันกล้าจอดช่วยเขา

นั่งพักอยู่ขอบถนนหลายนาที ก็เห็นว่ารถBentleyสีดำของเขาขับวนกลับมา

เด็กโง่คนนี้ ต้องขอร้องเย่ฉ่าวเฉินมาแน่นอน

รถเพิ่งจะจอดสนิท มู่เวยเวยก็วิ่งมาอยู่ข้างกายเขา "พี่ ฉันโทรหา120แล้ว อีกสักพักหมอก็มาแล้ว....."

"ร้องไห้ทำไม?" มู่เทียนเย่ไม่สามารถที่จะมองได้มากที่สุดคือเธอร้องไห้ เธอแค่น้ำตาไหล ใจของเขาก็อ่อนยวบ "วางใจ พี่ชายเธอชีวิตแข็งแกร่ง ไม่มีทางตาย"

"เลือดไหลออกมาเยอะขนาดนี้แล้ว พี่ยังพูดคำที่ไม่เป็นสิริมงคลอีก?" มู่เวยเวยมองเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเขา แค่หายใจก็เจ็บมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ พี่จะได้รับบาดเจ็บอย่างนี้เหรอ?

เย่ฉ่าวเฉินพิงหลังอยู่ที่หน้ารถ มองมู่เทียนเย่เย็นชา ยิ้มเยือกเย็น "มู่เทียนเย่ มีดที่ฉันแทงเมื่อกี้ควรที่จะแทงเข้าหัวใจ ดูว่าชีวิตของนายยังจะแข็งแกร่งอยู่ไหม?"

"ได้สิ นายมาลองดูอีกสิ?" มู่เทียนเย่ไม่มีท่าทางอ่อนแอ มองเห็นดวงตาคู่สีม่วงนั้น พูดกระตุ้นว่า "ถ้าหากว่านายไม่มีความสามารถพิเศษ ครั้งแรกที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลมู่ ฉันก็พาเวยเวยหนีไปแล้ว ทำไมยังจะต้องมาพูดเรื่องไม่มีสาระกับนาย?"

เย่ฉ่าวเฉินถูกทำให้สำลัก เพราะว่าเขารู้ มู่เทียนเย่พูดมาเป็นความจริง

"เย่ฉ่าวเฉิน นายควรที่จะปีติยินดีกับความจิตใจดีของน้องสาวฉันนะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอขอร้องฉัน บุณคุณความแค้นระหว่างนายกับฉัน นายคิดว่าฉันจะปล่อยนายเอาบทความผลงานชิ้นสำคัญนั้นไปดีๆไหม?" มู่เทียนเย่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะอยากให้หลังจากที่มู่เวยเวยถูกพาตัวกลับไป อยากให้เย่ฉ่าวเฉินระลึกถึงเรื่องนี้สักนิดหนึ่ง ทำดีกับน้องสาวเขาสักนิดหนึ่ง

เย่ฉ่าวเฉินมองมาที่มู่เวยเวย ความดื้อรั้นในตัวเขาลดลงไปมาก

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น รถฉุกเฉินก็ได้มาถึง พยาบาลกับหมอจำนวนหนึ่งนำมู่เทียนเย่ขึ้นรถ มู่เวยเวยก็อยากที่จะขึ้นรถไปด้วย แต่ทว่าถูกเย่ฉ่าวเฉินดึงรั้งไว้

"เธอลืมแล้วว่าตัวเองพูดอะไร?"

มู่เวยเวยชะงักฝีเท้า ใช่ เธอเพิ่งจะพูดไป รอรถฉุกเฉินมาถึงก็จะกลับไปกับเขา แต่ว่า....

"อ้าว? พวกคุณไม่ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเขาเหรอ? ถ้าถึงเวลาที่จะต้องเซนชื่อจ่ายเงินใครทำ?" หมอคนหนึ่งถามขึ้นมา

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองมู่เทียนเย่ที่ได้สติอยู่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา " เซนชื่อ ให้เขาเซนเอง เกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายเหรอ " เย่ฉ่าวเฉินหยิบบัตรออกมาหนึ่งใบจากช่องที่มีเงินหนีบอยู่ ยื่นให้หมอ "ในนี้มีห้าหมื่นหยวน พอหรือไม่พอ?"

หมอทำงานมาก็หลายปีแล้ว ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ไม่รู้ว่าควรรับหรือไม่ควรรับบัตรนี้

"ถ้าหากว่าไม่พอ หลังจากนี้จะมีคนไปที่โรงพยาบาลรับผิดชอบเรื่องนี้ " เย่ฉ่าวเฉินเอาบัตรใบนั้นยัดใส่ถุงเสื้อของหมอ ดึงมู่เวยเวยที่ไม่ได้สมัครใจไปขึ้นรถกับเขา

"ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอ้อนวอน มู่เวยเวย ฉันสามารถทำให้มู่เทียนเย่ถึงขนาดนี้แล้วจริงๆมันเกินขอบเขตฉันไปแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินสตาร์ทรถ พูดอย่างเย็นชา

มู่เวยเวยเกาะที่หน้าต่างมองรถฉุกเฉินที่ห่างออกจากทิศทางเดิม น้ำตาที่แห้งแล้วก็ไหลออกมาอีก "เย่ฉ่าวเฉิน ฉันต้องขอบคุณคุณที่มีบุญคุณไม่ฆ่าเขาไหม?"

"ไม่ต้อง ใช้มู่เทียนเย่มาแลกชีวิตลูกฉัน ก็คุ้มค่ามากแล้ว"

มู่เวยเวยไม่มีคำพูดที่จะตอบโต้

หลังจากเรื่องวุ่นวายในช่วงเช้าผ่านไป มู่เวยเวยกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ก็ได้มุ่งตรงไปที่ห้องนอนเลย

ในเวลานั้น เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อกลอนกับเย่ฉ่าวเฉินแล้ว เพียงแค่อยากภาวนาให้พี่ชายผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

เธอไม่กล้าคิดจริงๆว่า ถ้าเกิดว่าพี่ชายเป็นอะไป เธอจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร

ชั้นล่าง เย่ฉ่าวเฉินสั่งให้พ่อบ้านหวางไปที่โรงพยาบาล เขาถึงคฤหาสน์แล้วเพิ่งจะนึกได้ว่าจางเห่อยังหมดสติอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

"ถือโอกาสเอารถคันนี้ไปที่โรงพยาบาลด้วย ไปหาจางเห่อ เขารู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร" พอนับเวลาดูแล้ว ตอนนี้ตระกูลมู่น่าจะถึงโรงพยาบาลแล้ว

"ครับ คุณชาย" พ่อบ้านหวางรู้สึกประหลาดใจ ตอนขับออกไปก็เห็นอยู่ว่าขับปอร์เช่ คาเยนน์ ขากลับขับBentleyกลับมาได้อย่างไร? และอีกอย่างรถคันนี้ไม่ใช่ของคุณชาย ในระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น?

เย่ฉ่าวเฉินสั่งพ่อบ้านหวางเสร็จก็ขึ้นชั้นบน แต่ไม่ใช่ห้องนอนของมู่เวยเวย เขาไปห้องที่เย่ฉ่าวเหยียนเคยพักอยู่

เวลานี้ เขาต้องการที่จะพักผ่อนมากที่สุด สามารถอดทนได้ถึงตอนนี้ จริงๆจะถึงขีดจำกัดแล้ว

เพราะฉะนั้นแค่มองเห็นเตียง เขาก็ล้มตัวลงไปเลย

มู่เทียนเย่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล คงจะไม่มีใครมาก่อความวุ่นวายแล้ว

.................

ภายในโรงพยาบาล

เวลาผ่านไปสามชั่วโมงหลังจากนี้ มู่เทียนเย่ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามีดที่เย่ฉ่าวเฉินแทงลงมาแผลจะลึก แต่ก็ไม่ได้โดนจุดสำคัญ ด้วยเหตุนี้ทำให้การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

หลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ มู่เทียนเย่นอนคิดอยู่บนเตียง

เย่ฉ่าวเฉินกับคนข้างๆมีความแต่งต่างกัน สุดท้ายแล้วเขาต้องทำอย่างไร ถึงจะช่วยน้องสาวออกมาได้?

ถ้าจะดันทุรังทำละ

ไม่ได้ การเคลื่อนไหวแบบนี้ยิ่งใหญ่บุ่มบ่ามเกินไป ไม่แน่อาจจะทำให้ตำรวจตกใจ อย่างนี้ไม่ดีต่อตระกูลมู่

หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว

มีบางครั้งที่มู่เทียนเย่คิด ถ้าเขาไม่ทำคือไม่ทำ ถ้าหากว่าเขาทำจะทำให้ถึงที่สุดเปิดเผยความลับของเย่ฉ่าวเฉิน

ออกมา อย่างนี้เย่ฉ่าวเฉินก็ต้องยุ่งอยู่กับการจัดการเสียงของโลกภายนอก ดังนั้นจึงระวังตัวกับเรื่องมู่เวยเวยน้อยลง ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ลงมือง่ายมากขึ้น

แต่ในเมื่อเขาสัญญากับมู่เวยเวยแล้ว เขาจะมากลับคำได้อย่างไรกัน?

นึกถึงลูกของมู่เวยเวยขึ้นมาทันที ในกรณีที่ลูกได้รับการถ่ายทอดกรรมพันธุ์ที่มีลักษณะพิเศษจากเย่ฉ่าวเฉิน อย่างนั้นต่อไปเขาก็จะเก่งมากขึ้น?

ทำไมพอนึกถึงเรื่องนี้ เขาถึงต้องตื่นเต้นดีใจ?

ช่วงเวลากลางคืน

มู่เวยเวยที่มีเรื่องคิดมากทับถมอยู่ในใจเดินลงมาด้านล่าง มองเห็นเย่ฉ่าวเฉินที่กำลังวางสายโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขก รีบเดินไปถามเขา" เย่ฉ่าวเฉิน การผ่าตัดของพี่ชายฉันเป็นอย่างไรบ้าง?"

เย่ฉ่าวเฉินนวดที่จุดไท่หยาง พูดเสียงเย็นชาว่า"มู่เทียนเย่ไม่ใช่พูดแล้วเหรอ?ชีวิตเขาแข็งแกร่งมีพลัง ไม่ตาย"

"ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า พี่ชายฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว?" มู่เวยเวยถามเขาอย่างโล่งอก ภายในใจภาวนาอยู่เงียบๆ พ่อแม่พวกคุณอยู่บนสวรรค์ต้องปกป้องคุ้มครองพี่ชายด้วยนะ ขอให้แข็งแรงโดยเร็ววัน

เย่ฉ่าวเฉินมีสีหน้าหงุดหงิด

"ตอนนี้เขาฟื้นหรือยัง?ฉันสามารถคุยกับเขาได้ไหม?" มู่เวยเวยถามเขาอย่างตื่นเต้น

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอ ปฏิเสธอย่างเย็นชา "ฟื้นแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องพูดคุย"

"ไม่ มันจำเป็นมากๆ ฉันอยากรู้ว่าเขาสุขภาพแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง อย่างนี้ ฉันถึงจะสบายใจ ฉันอารมณ์ดีสบายใจลูกก็จะแข็งแรง " มู่เวยเวยรู้ว่าตัวเองพูดไม่มีเหตุผลแล้วทำให้มีเหตุผลขึ้นมา แต่ถ้าไม่พูดอย่างนี้ เธอจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร?

เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเธอพูดถึงลูก ในใจรู้สึกเกิดความอบอุ่น จ้องมองเธอชั่วขณะ หยิบโทรศัพท์กดโทรหามู่เทียนเย่แล้วเปิดลำโพง

"ฮัลโหล? พี่ ฉันเองนะเวยเวย พี่เป็นอย่างไรบ้าง?ผ่าตัดผ่านไปได้ดีไหม?ยังเจ็บแผลไหม?" มู่เวยเวยถามเขาอย่างร้อนรน เย่ฉ่าวเฉินที่ฟังอยู่ขมวดคิ้วขึ้น

มู่เทียนเย่รู้ฉับพลันทันที ก็ว่าแล้ว เย่ฉ่าวเฉินจะโทรหาเขาได้อย่างไร?

"เวยเวย ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลไม่กี่คืนก็ดีแล้ว" มู่เทียนเย่พูดด้วยความอ่อนเพลียเหนื่อยล้า

มู่เวยเวยเจ็บปวดหัวใจมาก "ขอโทษนะคะพี่ พี่นอนโรงพยาบาลแต่ทว่าฉันไม่สามารถไปดูแลได้"

"ขอโทษพี่ทำไม? แค่เธอดูแลตัวเองดีๆ พี่ก็จะขอบคุณเธอมาก" มู่เทียนเย่พูดด้วยความรักใคร่เอ็นดู

"อืม พี่ ฉันจะดูแลตัวเองดีๆค่ะ พี่วางใจ"

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินคำนี้ในใจรู้สึกรับไม่ได้ ภรรยาของตัวเองพูดกับผู้ชายคนอื่นอย่างเชื่อฟังบอกอะไรก็ทำตาม แต่ทว่ากับเขาเย็นชาใส่มาตลอด แม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นพี่ชายแท้ของเธอก็ตาม เขาก็ยังยากที่จะรับได้

รีบคว้าโทรศัพท์มากดตัดสาย พูดกับมู่เวยเวยที่สีหน้ายังไม่เข้าใจว่า" โอเค ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว? ไปรับประทานอาหารกันเถอะ"

มู่เวยเวยกำลังรักษาท่าทางทีเพิ่งจะพูดคุยกันสองวินาที ใจคิดว่า เย่ฉ่าวเฉิน นับว่าคุณร้ายมาก

พูดเชอะเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง เดินช้าๆไปที่ห้องอาหาร จมูกได้กลิ่นรสชาติเปรี้ยว

"ฉินหม่า คุณทำอะไรเหรอคะ?" มู่เวยเวยถามเสียงดัง อารมณ์ดีมากขึ้น

ฉินหม่าหันศรีษะกลับมาหัวเราะแล้วหัวเราะอีก พูดว่า"คุณชายบอกว่าคุณอยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ แต่ว่าด้านนอกทำไม่สะอาด คุณชายเลยสั่งให้ฉันทำให้คุณหนึ่งถ้วยแก้ความอยากค่ะ"

"คุณทำก๋วยเตี๋ยวต้มยำเป็นเหรอ?" มู่เวยเวยถามอย่างประหลาดใจ รู้สึกว่าฉินหม่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริงๆ อาหารอะไรขอแค่ให้บอกเธอ ไม่มีที่ทำออกมาไม่ได้

"อันนี้มีอะไรยากคะ?" ฉินหม่าเอาเครื่องปรุงรสสิบกว่าอย่างใส่ลงทัพพีเทลงน้ำซุบไก่ที่ต้มไว้ดีแล้ว หลังจากนั้นก็เอาตะเกียบหนึ่งคู่ยื่นให้เธอ พูดว่า"มา ชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร?"

มู่เวยเวยตักขึ้นมาเป่าแล้วเป่าอีก ยัดเข้าไปในปาก รสชาติทั้งหอมทั้งเผ็ดเต็มปากของเธอ ทำให้เธอเจริญอาหารมากขึ้น อดไม่ได้รับประทานไปอีกหลายคำ แล้วค่อยจะพูดว่า"อร่อย อร่อยกว่าด้านนอกอีก "

"ฮ่าๆ ชอบก็ดีแล้ว ช่วงไม่กี่วันมานี้คุณไม่ค่อยอยากอาหาร ชอบก็รับประทานให้เยอะๆนะคะ "

ในเวลานั้นเย่ฉ่าวเฉินก็เดินผ่านมา "ฉินหม่า ให้ผมหนึ่งถ้วยนะ"

"ไม่ได้ !" มู่เวยเวยพูดอย่างไม่มีเหตุผล "เหล่านี้เป็นของฉัน ไม่มีสำหรับของคุณ"

เย่ฉ่าวเฉินมองคนที่กำลังอารมณ์ขึ้น ชะงักสักพักหนึ่งก็รู้สึกว่าการแสดงออกของเธอน่ารัก พูดอย่างไม่อะไรว่า"โอเคๆๆ ทั้งหมดเป็นของเธอ ฉันไม่แย่ง"

บางทีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดคงจะถูกปากเธอ รับประทานไปหนึ่งถ้วยใหญ่ นึกไม่ถึงว่ามู่เวยเวยไม่อยากจะอาเจียนออกมา จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินได้พูดกับฉินหม่าว่า"ช่วงนี้ทำอาหารออกไปทางรสชาติเปรี้ยวนะ ผมดูแล้วว่าเธอชอบจริงๆ"

ฉินหม่าแอบยิ้มออกมา พูดว่า" รสเปรี้ยวเป็นผู้ชาย ผู้หญิงเป็นรสเผ็ด คุณหนูท้องเกรงว่าจะเป็นคุณชายน้อยนะคะ"

เย่ฉ่าวเฉินย่นหน้าผากขึ้นอย่างฮึกเหิมดีใจ "ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมก็ชอบหมด"

เป็นเด็กผู้ชาย เขาจะให้เรียนขี่ม้าฟันดาบเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด เป็นผู้หญิง ดีที่สุดคือเหมือนมู่เวยเวย เขาจะดูแลให้เป็นเหมือนเจ้าหญิง ให้ความรักความอบอุ่นที่สมบูรณ์จากพ่อ

การใช้ชีวิตกลับมาเป็นปกติ

เย่ฉ่าวเฉินไปทำงานทุกวัน มู่เวยเวยอยู่บ้านดูแลการตั้งครรภ์ ที่จริงเขาอยากพาเธอไปที่บริษัทด้วยมากๆ แต่ด้วยสถานการณ์รถติดยังมีแสงรังสีจากคอมพิวเตอร์อีก เขาก็เลยละทิ้งความตั้งใจนี้

ห้องทำงานของผู้บริหารเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนล

เลขาหลิวถือการ์ดเชิญเข้ามาหนึ่งฉบับ "ประธานเย่ วันมะรืนนี้นิตยสารแฟชั่นจัดงานแฟชั่นประจำปีทำพิธีมอบรางวัล ได้ส่งการ์ดเพื่อเชิญคุณไปร่วมงานครับ"

"นี่เพิ่งจะเดือนสิบ พวกเขาก็เริ่มมอบรางวัลประจำปีแล้ว เร็วมากจริงๆ วางไว้เถอะ ฉันจะดูตารางเวลา"

"ครับ"

กลับถึงคฤหาสน์ มู่เวยเวยนิ่งเฉยอยู่บนโซฟา ได้ยินเสียงฝีเท้า เพียงแค่มองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้ทักทาย

เย่ฉ่าวเฉินถอดชุดสูทออก นั่งลงที่โซฟาอีกมุมข้างๆเธอ พูดว่า"เกิดอะไรขึ้น? ไม่สบายเหรอ?"

"แค่เบื่อ " มู่เวยเวยตอบเสียงราบเรียบ ชะงักงันก่อนพูดขึ้นว่า"เย่ฉ่าวเฉิน พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานนะ อยู่บ้านทุกวันฉันเบื่อจะแย่แล้ว"

ทุกวันรับประทานอาหารเสร็จก็นอน ไม่ก็นั่งอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีคนคุยเป็นเพื่อนเธอ ยังไม่ให้เธอออกไปข้างนอกอีก ชีวิตแบบนี้ใช้แค่หนึ่งวันก็พอได้ แต่นี่ผ่านไปหลายวันแล้ว เธอใกล้จะนับดอกไม้ในสวนครบแล้วว่ามีกี่ดอก

"ตอนนี้ร่างกายของเธอยังไม่เหมาะกับการทำงาน "เย่ฉ่าวเฉินพูดปลอบใจเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ