เย่ฉ่าวเฉินมองดูใบหน้าซีดขาวของเธอ รู้สึกทนไม่ได้ “ หมอบอกว่าอาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติ ต่อให้เธออาเจียนออกอีกก็ต้องกิน”
มู่เวยเวยสีหน้าไม่ดี “ ฉันไม่อยากกิน กินแล้วก็อาเจียน”
“เวยเวย......”
มู่เวยเวยไม่พอใจและพูดตะโกนใส่เธอ "เย่ฉ่าวเฉิน เธอไม่รำคาญหรอ? ไม่ต้องไปทำงานหรือไง? อย่ามาป้วนเปี้ยนในสายตาฉันได้ไหม?"
ตอนแรกอารมณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเห็นเขายิ่งไม่ดีไปอีก
อารมณ์ที่รุนแรงของเย่ฉ่าวเฉินไม่รู้หายไปไหน เวยเวยทำนิสัยไม่ดีกับเขาแบบนี้ เขาก็ไม่โมโหขึ้นมาแต่กลับรู้สึกว่า เธอทำแบบนี้ก็ยังดีกว่านิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“ ฉันจะเข้าบริษัทสายๆ”
ถ้าเป็นไปได้ เย่ฉ่าวเฉินก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอที่บ้านทุกวันเพื่อไม่ให้มู่เทียนเย่มายุ่งกับเธอได้ แต่งานในบริษัทก็รอต่อไปไม่ได้แล้ว
"เย่ฉ่าวเฉิน คุณกังวลว่าพี่ชายของฉันจะมาอีกใช่ไหม" มู่เวยเวย กล่าวด้วยน้ำเสียงถากถางของเธอ
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและมองเธอและค่อยๆพยุงเธอเดินไปที่โซฟา "ต่อให้มาแล้วยังไง? บ้านเย่ไม่ใช่ใครอยากเข้ามาก็เข้าได้"
มู่เวยเวยหัวเราะและพูดว่า“ ฮ่าๆ เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำจังนะ ครั้งก่อนพี่ชายฉันก็เข้ามาได้ไม่ใช่หรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินใบหน้าหมองลง "มู่เวยเวย ครั้งแรกเป็นความประมาทของฉัน ส่วนเรื่องของครั้งที่สอง เธอแน่ใจหรอว่าอยากพูดถึงมัน?"
"พูดถึงแล้วจะทำไม? เธอจะทำอะไรฉันได้?" ตอนนี้มู่เวยเวยไม่กลัวเขา เพราะยังไงในท้องก็มีลูกของเขา เขาโยนเธอขึ้นเตียงไม่ได้ แตะต้องตัวเธอก็ไม่ได้ ทำได้สุดก็แค่ด่าเธอสองสามคำ แต่มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านเธอแม้แต่น้อย
เย่ฉ่าวเฉิน กัดฟันจ้องมองเธอด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้
“ มู่เวยเวย เธอก็พึ่งแค่ความชอบที่ฉันมีต่อเธอ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงต่ำ
มู่เวยเวยนั่งลงบนโซฟาและพูดดูถูก "เฮ้อ ฉันไม่ได้ขอให้เธอชอบนิ เธอมาชอบเอง"
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าเขาเป็นคนทำร้ายตัวเองล้วนๆ เขารู้ว่าไม่มีทางที่จะได้ยินคำพูดดีๆจากปากเธอ ก็เลยหยิบของกินขึ้นมาและถาม
"ถ้าเธออยากกินอะไรก็บอกฉินหม่า ตอนเที่ยงต่อให้ไม่อยากกินก็ต้องกินสักนิด ถ้าง่วงก็นอน การออกแบบช่วงนี้ก็ยังไม่ต้องไปแตะมัน ทำลายสุขภาพสายตา......”
"รู้แล้ว รู้แล้ว" มู่เวยเวยขัดจังหวะคำพูดเขา ทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงกลายเป็นคนจุ้จี้แบบนี้? เกินไปละนะ
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอและไม่พูดอะไร หันหลังออกไป ก่อนที่จะขึ้นรถก็กล่าวเตือนจางเหอว่า: “ตอนที่ฉันไม่อยู่บ้าน ห้ามปล่อยให้ใครเข้ามาเด็ดขาด ใครก็ตามห้ามเข้า รู้ไหม?”
จางเหอโค้งคำนับ "รับทราบ เจ้านาย"
"ถ้าคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมาให้โทรหาฉันทันที" เย่ฉ่าวเฉินไม่ไว้ใจจึงพูดเตือนอีกครั้ง
"เข้าใจแล้ว" จางเหอตอบ ทันใดนั้นก็นึกถึงบางอย่างจึงถามว่า “คุณชาย ถ้ามู่เทียนเย่จะบุกเข้ามาล่ะ?”
แววตาของเย่ฉ่าวเฉินฉายแสงที่โหดร้ายออกมา“บุกเข้ามา? ถ้างั้นก็อย่าปราณีมัน”
"รับทราบ"
ครั้งนี้ดูแล้ว คุณชายจะเอาใจใส่คุณหนูมาก เขายอมทำทุกวิถิทางเพื่ออยู่กับเธอ แต่ว่าคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เห็นความสำคัญมากนัก
......
ในตอนบ่าย มู่เวยเวยหลับไปสักพัก ตื่นแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเห็นว่าไม่มีคนจึงรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์และโทรหาใครสักคน
ตุ๊ด-ตุ๊ด-ตุ๊ด-
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นถึงครั้งสี่ก็มีคนรับสาย
"ฮัลโหล?" เสียงของมู่เทียนเย่ดังมา
มู่เวยเวยมองไปรอบ ๆ และพูดกระซิบเบาๆ “ พี่ นี่ฉันเอง”
"เวยเวย? เธอเป็นยังไงบ้าง? หลังจากกลับไปแล้วเย่ฉ่าวเฉินทำอะไรเธอหรือเปล่า?"
"เปล่า เขาไม่ได้ทำอะไรฉันเลย " มู่เวยเวยนึกถึงคำที่เย่ฉ่าวเฉินพูดไว้กับจางเหอ จึงรีบบอกว่า “พี่ ช่วงนี้อย่ามาหาฉันที่บ้านนะ เย่ฉ่าวเฉินจะทำทุกวิธีทางเพื่อขัดขวางพี่ ฉันไม่อยากให้พี่ต้องมาบาดเจ็บเพราะฉัน”
หลังจากวันที่แยกจากมู่เทียนเย่ โทรศัพท์ของเธอก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินยืดไป และยังบล็อกข้อความของมู่เทียนเย่อีกด้วย วันนี้เย่ฉ่าวเฉินไปทำงาน เธอจึงมีโอกาสได้โทร
มู่เทียนเย่คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เงียบไปสักพักและพูดว่า "เวยเวย ลูกของเธอ...... "
"พี่ ฉันไม่อยากเก็บเด็กคนนี้ไว้จริงๆ แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถเอามันออกได้ คงทำได้แค่ดูๆไปก่อน"
“ เวยเวย เธออย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ถึงแม้จะคลอดเด็กออกมาแล้ว เธอก็หนีไม่พ้นจากเย่ฉ่าวเฉิน”
พูดจากใจ มู่เทียนเย่ในใจอยากให้เวยเวยเก็บเด็กคนนี้ไว้ เพราะนี่เป็นลูกคนแรกของเธอ ถ้าหากทำแท้ง เขากลัวว่าจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายเธอ
“ว่าแต่ เวยเวย เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลมาหรือยัง?” มู่เทียนเย่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ ฉันไปมาแล้วหมอบอกว่าเป็นโรคโลหิตจาง สัปดาห์หน้าค่อยไปอีกครั้ง บอกว่าจะดูอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์”
มู่เทียนเย่ตื้นตันในใจ โรงพยาบาล? ไม่นานนักก็มีแผนเกิดขึ้นในหัว
“ เวยเวย ก่อนจะไปโรงพยาบาลหนึ่งวันบอกฉันก่อน ฉันจะเตรียมการ”
มู่เวยเวยฉลาดมาก ทันทีก็รู้ว่านี่เป็นแผน ลดเสียงพูดเบาๆว่า "พี่ กำลังหมายถึง...... "
"อืม แค่บอกสถานที่และเวลากับฉัน ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเอง เธอมีอะไรต้องทำที่โรงพยาบาลก็ทำไป อย่าให้เย่ฉ่าวเฉินสงสัย"
มู่เวยเวยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย "อืมๆ ฉันรู้แล้ว"
ในขณะนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาแต่ไกล มู่เวยเวยรีบพูดว่า “พี่ ฉันวางก่อนนะ” จากนั้นก็รีบวางสาย ทันใดนั้น ฉินหม่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับผลไม้ที่ปอกแล้วพร้อมทานในมือ
มู่เวยเวยเสแสร้งทำเป็นอ่านนิตยสารข้างๆ แต่หัวใจของเธอยังคงเต้นรัวๆไม่หยุด
"คุณหนู ตอนบ่ายคุณกินไปนิดเดียว ทานผลไม้ซะหน่อยนะ"
มู่เวยเวยไม่เงยหน้า และพูดกับฉินหม่าว่า "ฉินหม่า วางไว้ตรงนั้นก่อน ถ้าฉันอยากกินเดี๋ยวฉันจะกินเอง เธอไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก"
ฉินหม่าวางผลไม้ไว้ข้างๆ ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและหันกลับมาพูดว่า "คุณหนู ฉันมีเรื่องอยากพูดด้วย"
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตบที่โซฟาเบาๆ เรียกให้เธอนั่งลง "ฉินหม่า เรียกฉันเวยเวยก็พอแล้ว เรียนคุณหนูฉันไม่ชิน ว่าแต่มีอะไรก็พูดเลย"
ฉินหม่านั่งลงอย่างเรียบร้อยและพูดอย่างจริงจังว่า "เวยเวยอย่าคิดว่าฉันเป็นคนจู้จี้เลยนะ ฉันเห็นคุณชายมาตั้งแต่เด็กยันโต แม้ว่าบางครั้งเขาจะนิสัยไม่ดี แต่ตอนนี้เขาก็ดีกับคุณมากจริงๆ ตอนนี้คุณมีลูกแล้ว ผู้หญิงคนเราเมื่อมีลูกแล้วความปรารถนาทั้งหมดในชีวิตนี้จะอยู่ที่ลูกแน่นอนตอนนี้คุณอาจไม่รู้สึกแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกำลังค่อยๆโตในท้องคุณ ความรู้สึกแบบนี้มันจะชัดขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงแบบเราวาดฝันอะไรไว้ล่ะ? ก็คงเป็นภาพครอบครัวที่สุขสันต์ เพราะฉะนั้น......
"ฉินหม่า ฉันเข้าใจความหมายของคุณ ฉันจะคิดอย่างรอบคอบ" มู่เวยเวยพูดไปงั้นๆ เธอไม่อยากทำให้คนแก่เสียความรู้สึก แต่ก็ไม่อยากทำตามในสิ่งที่เธอบอก
ฉินหม่ารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย "คุณจะคิดเรื่องนี้จริงหรือ?"
"อืม ฉันจะคิด"
"ถ้าอย่างงั้นก็ดีเลยๆ ฉันจะไปทำมื้อค่ำ คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่นะ" ฉินหม่าได้ดั่งใจ ตาโตอมยิ้มและเดินจากไป มู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมา
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอาการแพ้ท้องของมู่เวยเวยเป็นหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะเป็นชีวิตประจำวันที่ต้องตื่นขึ้นทุกเช้า ตัวก็ผอมซูบไปหมด
แต่เดิมเธอก็ไม่อ้วนอยู่แล้ว ผอมจนคางแหลมเห็นชัด เย่ฉ่าวเฉินเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจมาก
เช้าวันนั้นเย่ฉ่าวเฉินอยู่กินอาหารเช้ากับเธอ และพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปตรวจครรภ์กับเธอ ถึงตอนนั้นก็จะได้ถามหมอด้วยว่า จะทำยังไงให้กินข้าวได้บ้าง กินนิดๆหน่อยๆก็อาเจียนทุกวัน จะปล่อยไว้แบบนี้ได้ยังไง?”
มู่เวยเวยพูดอย่างเฉยชาว่า "อืม" เกิดความวุ่นวายในใจ ไปตรวจครรภ์พรุ่งนี้? งั้นวันนี้ฉันต้องรีบบอกพี่ ยิ่งเร็วยิ่งดี จะได้ให้พี่เตรียมการได้ทัน
“โรงพยาบาลครั้งก่อนหรอ?” มู่เวยเวยถามอย่างนิ่งๆ
เย่ฉ่าวเฉินสนใจลูกในท้องมากกว่าเรื่องอื่นก็เลยไม่คิดมากและตอบว่า "ใช่แล้ว ก็ต้องเป็นโรงพยาบาลครั้งก่อน ทำไมล่ะ? ไม่ชอบโรงพยาบาลนั้นหรอ?"
“ เปล่า จู่ๆฉันก็จำได้ว่ามีก๋วยเตี๋ยวต้มยำใกล้โรงพยาบาล ฉันอยากไปกินพรุ่งนี้” มู่เวยเวยตอบอย่างสมเหตุเหตุผล แต่ที่ใกล้ๆโรงพยาบาลก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำขายจริง
“ได้สิ พรุ่งนี้ตรวจเสร็จ ฉันจะพาเธอไปกิน” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกดีขึ้นมาก
......
วันรุ่งขึ้น จางเหอขับรถไปส่งเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ
พยายาลมองไปที่รูปบนอัลตร้าซาวด์ แล้วพูดกับมู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินว่า "ดูสิจุดสีดำเล็ก ๆ นี้เป็นหัวใจของเด็ก เขามีพัฒนาการที่ดีและดูเหมือนเด็กน้อยจะแข็งแรง"
มู่เวยเวยหันหน้าไปมองสิ่งเล็กๆบนจอ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที นี่ เป็นลูกของเธอหรอ?
เย่ฉ่าวเฉิน เช็ดของเหลวในท้องของเธอออกอย่างระมัดระวังและเอาเสื้อเธอลง จากนั้นช่วยพยุงตัวเธอขึ้นแล้วก้มลงเพื่อช่วยเธอใส่รองเท้า ทั้งหมดนี้เขาทำเองอย่างชำนาญ ทั้งๆที่เขาเคยทำแค่ครั้งก่อนครั้งเดียว
“ คุณหมอ ภรรยาของฉันช่วงนี้อาเจียนหนักมาก ต้องกินยาอะไรไหม?” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความเป็นห่วง
พยาบาลที่ดูแลพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า“ อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติ หลังจากช่วงเวลานี้คุณจะกินอะไรก็ได้ อย่าไปกินเลยยา ทนเอาหน่อยแม้ว่าอาการแพ้ท้องจะทำให้ทรมาน แต่คุณก็ต้องพยายามกินนะ อะไรที่ชอบก็กินเยอะๆหน่อย"
"โอเค."
เย่ฉ่าวเฉินโอบมู่เวยเวยไว้ขณะที่กำลังรอลิฟท์ ก็มีผู้ช่วยพยาบาลวิ่งมาถาม "พวกคุณสองคนใช่เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยไหม?"
“ ใช่แล้ว มีอะไรหรอ?”
ผู้ช่วยพยาบาลพูดอย่างใจเย็น "ผู้อำนวยการมีเรื่องสำคัญลืมบอก ให้พวกคุณกลับไปที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง"
เย่ฉ่าวเฉินไม่สงสัยเพราะผู้ช่วยพยาบาลคนนี้วิ่งมาจากทิศทางที่พวกเขามา จึงหันไปพูดกับมู่เวยยเวยว่า "ไปกันเถอะ"
มู่เวยเวยเหลือบตามองไปที่พยาบาลและสังเกตเห็นว่าเธอกระพริบตาที่ตัวเอง ใจของมู่เวยเวยเต้นรัวและพูดกับเย่ฉ่าวเฉินอย่างใจเย็นว่า“เธอ ไปเลย ฉันขี้เกียจเดิน จะรอเธออยู่ที่นี่”
เย่ฉ่าวเฉินมองดูผู้คนที่กำลังเดินไปเดินมา รู้สึกไม่ไว้ใจเล็กน้อย
เพื่อปัดความสงสัยของเขา มู่เวยเวยชี้ไปที่ที่นั่งห่างออกไปสองเมตรและพูดว่า "ฉันจะนั่งรอคุณอยู่ตรงนั้น โอเคไหม?"
เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่อยากให้เธอเหนื่อย หันกลับไปพูดกับจางเหอว่า "ดูแลคุณหนูดีๆ ฉันจะรีบกลับมา"
"รับทราบ"
ผู้ช่วยพยาบาลพาเย่ฉ่าวเฉินไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการเปิดประตูเพื่อเชิญเย่ฉ่าวเฉินเข้าไป จากนั้นก็หายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“ คุณหมอ มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
พยาบาลที่รับผิดชอบเงยหน้ามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ คุณ......ไม่มีอะไรนี่คะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...