น้องสะใภ้ป่วยจริงๆ
รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรแจ้งเย่ฉ่าวเฉิน
" ฉ่าวเฉิน นายรีบตรงมาที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนในเมือง C เลย น้องสะใภ้เหมือนจะเป็นลม มู่เทียนเย่พาเธอมาโรงพยาบาล "
" โอเค ผมรู้แล้ว " เย่ฉ่าวเฉินวางสาย เหงื่อออกเต็มฝ่ามือไปหมด " จางเห่อ ไปโรงพยาบาลเพื่อนประชาชนในเมือง C "
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ? ทำไมเธอถึงเป็นลมไปได้?
ในโรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทำการตรวจร่างกายของมู่เวยเวยอย่างละเอียดแล้ว คุณหมอก็ได้แจ้งเรื่องที่น่าตกใจมากกับมู่เทียนเย่ " อ้อ เธอกำลังตั้งครรภ์ "
" คุณพูดว่าอะไรนะ? " มู่เทียนเย่เบิกตากว้างและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งหูที่ตัวเองได้ยิน
คุณหมอได้พูดประโยคนั้นซ้ำอีกรอบ แต่ว่าท่าทีคุณหมอดูดีใจมาก " เธอตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว คุณคือ......"
" ฉันเป็นพี่ชายของเธอ " มู่เทียนเย่รีบอธิบายถึงสถานะของเขา
คุณหมอมองเขาด้วยสายตาที่เป็นอ่อนโยนมากกว่าเดิม " น้องสาวคุณมีสภาวะโลหิตจางที่ค่อนข้างรุนแรง อาจจะเป็นเพราะว่านั่งยองๆมากไป พอลุกขึ้นกะทันหันเลยทำให้เป็นลม สำหรับคนท้องต้องให้ความสำคัญกับโลหิตด้วยนะคะ ถ้าไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาหลายอย่างตามมา และหลังจากเด็กคลอดแล้วเด็กก็จะสุขภาพอ่อนแอและป่วยง่าย......"
คุณหมอยังคงพูดอธิบายต่างๆนาๆ แต่ว่าประโยคหลังพวกนั้นมู่เทียนเย่ไม่ได้ฟังเลย ในสมองเขายังวนเวียนกับแค่คำว่า เธอตั้งครรภ์
มองดูมู่เวยเวยที่นอนไม่ได้สติบนเตียงผู้ป่วย ในใจของมู่เทียนเย่ทั้งโกรธและเจ็บใจ เรื่องที่เขาโกรธก็คือน้องสาวเธออยู่บ้านตระกูลเย่มานานขนาดนี้ แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับดูแลเธอไม่ดีปล่อยให้เธอโรคโลหิตจาง แต่ที่เจ็บใจคือ กว่าจะหนีออกจากหลุมนรกตระกูลเย่นั่นได้มันไม่ง่ายเลย แต่กลับมาตั้งท้องลูกของไอ้เวรนั้นอีก
แน่นอนว่าถ้ามีลูกขึ้นมา ความสัมพันธ์ของตระกูเย่และตระกูลมู่ก็จะตัดขาดกันไม่ได้ และมู่เวยเวยก็ไม่มีวันที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับเย่ฉ่าวเฉินได้
โอ้พระเจ้า เด็กคนนี้ทำไมต้องมาในเวลาที่ไม่เหมาะสมแบบนี้?
หลังจากคิดเรื่องเครียดๆนานกว่าสิบนาที มู่เวยเวยก็ฟื้นขึ้นมา
แต่ในตอนนี้ รถของเย่ฉ่าวเฉินก็มาถึงโรพยาบาลแล้วเช่นกัน จางเห่อยังจอดรถไม่ทันจะสนิท เย่ฉ่าวเฉินก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งไปหาพี่ชายสามที่กำลังดูดบุหรี่อยู่
" พี่สาม พวกเขาอยู่ไหน? " เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างกระวนกระวาย
พี่ชายสามชี้ไปที่แผนกฉุกเฉิน และเหลือบมองหนวดเคราของเย่ฉ่าวเฉิน " ยังไม่ออกมา แต่ว่า ทำไมนายถึงทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้ได้
เย่ฉ่าวเฉินตบไหล่พี่ชายสามแล้วพูดว่า " ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่มากๆ เรื่องนี้ไว้ว่างๆแล้วผมจะเล่าให้ฟัง ผมขอเข้าไปหาพวกเขาก่อน "
" นายไปเถอะ ฉันขอดูดบุหรี่ให้เสร็จก่อน "
เย่ฉ่าวเฉินไม่มีเวลาชักช้า เขารีบก้าวขาออกไป
" คุณผู้หญิงที่เป็นลมเมื่อกี้อยู่ไหน? " เย่ฉ่าวเฉินถามพยาบาล
พยาบาลสาวกำลังจัดแจงยาอยู่ที่ตู้ยาเลยไม่ได้สนใจเขา พูดโดยที่ยังหันหลังให้เขาว่า " ตอนนี้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินชั่วคราว เชิญคุณไปหาเธอที่นั่น "
เขาเดินผ่านห้องผู้ป่วยทีละห้อง จนกระทั่งห้องผู้ป่วยที่สี่ เขาหยุดเดินและมองเห็นมู่เทียนเย่ผ่านกระจกประตู มู่เวยเวยนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย มองไม่เห็นหน้าของเธอ มองเห็นเพียงขาคู่นั้นของเธอ
ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือควรโกรธดี เย่ฉ่าวเฉินพยายามจัดการอารมณ์ตัวเอง และในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตูเข้ามา คำพูดของพวกเขาทั้งสองก็ทำให้เย่ฉ่าวเฉินตะลึง
มู่เวยเวยพูดด้วยความตกใจ " พี่ชาย พี่ไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม? ฉันท้องจริงๆหรอ? "
มู่เทียนเย่ถอนหายใจ " เรื่องแบบนี้ฉันจะโกหกได้ยังไง คุณหมอเป็นคนพูดเอง เธอท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว "
มู่เวยเวยอึ้งไปนานมาก ในสมองว่างเปล่าและไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้ก็เหมือนฟ้าผ่าเข้ากลางอกที่ไม่แตกต่างไปจากครั้งที่แล้วเลย
เธอเกลียดเย่ฉ่าวเฉิน เธอไม่ต้องการให้กำเนิดลูกของเขาเลย
มู่เทียนเย่มองน้องสาวที่กำลังอึ้งอยู่แล้วพูดปลอบโยนเธอ " คุณหมอบอกว่าที่เธอเป็นลมไปก็เพราะว่าเธอมีภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรง แต่ว่าเธอไม่ต้องกังวลนะกินอาหารที่บำรุงเลือดให้มากๆมันก็จะดีขึ้น......"
มู่เวยเวยไม่ได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูดเลย เธอหลุดเข้าไปอยู่ในโลกความคิดของตัวเอง และเธอก็พึมพำออกมา " ไม่น่าล่ะ ฉันมักจะฝันว่างูเล็กมารัดขาฉันอยู่บ่อยๆ รสชาติอาหารของตัวเองยังเปลี่ยนไปอย่างน่าแปลกใจอีก อยากกินของเผ็ดของเปรี้ยวตลอดเวลา ที่แท้ก็เพราะ......
แต่ว่าตอนนี้......
เย็นนี้เธอก็จะไปประเทศฝรั่งเศสแล้ว แต่กลับมาบอกว่าเธอท้องตอนนี้ นี่ฟ้ากำลังล้อเธอเล่นใช่ไหม?
มู่เทียนเย่ไม่ได้รบกวนเธอ ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองไปสักพัก จากนั้นค่อยพูดขึ้นว่า " เวยเวย ถึงแม้ว่าพี่กับเย่ฉ่าวเฉินจะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกคนแรกของเธอ ในตัวเขาก็มีเลือดตระกูลมู่ไหลอยู่ ถ้าเธออยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ พี่ก็จะมองเขาเป็นคนของตระกูลมู่ แล้วเลี้ยงเขาให้เติบโตมาอย่างดี......"
มู่เทียนเย่พูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่มู่เวยเวยเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ถ้าเธอไม่อยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ ก็ไปกำจัดออก
" เวยเวย พี่เคารพในการตัดสินใจของเธอ ไม่ว่าเธอจะเลือกยังไง พี่จะสนับสนุนเธอเสมอ อย่ารู้สึกกดดันล่ะ "
อากาศหยุดนิ่ง
เย่ฉ่าวเฉินที่ยืนฟังอยู่หน้าประตูจากที่ตกใจก็เปลี่ยนเป็นดีใจ เขาจะมีลูกแล้ว เขากำลังจะเป็นพ่อคน!
แต่ว่าพึ่งจะดีใจได้ไม่นาน ก็โดนคำพูดของมู่เวยเวยมาทำลายความรู้สึกนี้ไป
" พี่ชาย ฉันไม่ต้องการเด็กคนนี้ " มู่เวยเวยพูดนิ่งๆ
มู่เทียนเย่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจหรือว่ารู้สึกโชคดี ถามเธอว่า " ทำไมถึงไม่ต้องการ? "
มู่เวยเวยลูบท้องแล้วพูดเบาๆว่า " เด็กควรจะเกิดจากความรัก แต่ว่า ฉันไม่ได้รักเย่ฉ่าวเฉิน และไม่มีวันรัก ถ้าเกิดว่าเด็กคลอดออกมาแล้ว เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในความเกลียดชังกันของพ่อแม่หรอ? ในเมื่อฉันไม่สามารถให้ความรักและครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเขาได้ แล้วทำไมต้องพาเขามายังโลกนี้ด้วยล่ะ?อีกทั้ง......อีกทั้งฉันไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเย่ฉ่าวเฉินเพราะการมาของเด็กคนนี้ ฉันเหนื่อยมากแล้วจริงๆ......"
มู่เทียนเย่รู้สึกโล่งใจ " เธอตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม? "
" อือ ตัดสินใจดีแล้ว "
มู่เวยเวยพึ่งจะพูดจบ ประตูก็ถูกเปิดออก จนประตูกระแทกกับกำแพงอย่างแรง
มู่เทียนเย่รีบลุกไปบังตัวมู่เวยเวยไว้ตามสัญชาตญาณ
" ลูกของเย่ฉ่าวเฉิน เธอบอกว่าไม่ต้องการก็ไม่ต้องการงั้นหรอ? " เย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก และมองสองพี่นั่นด้วยสายตาที่โกรธ
มู่เทียนเย่ไม่ได้ตกใจมากนัก ตั้งแต่เขารู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตามเขา เขาก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้
" เย่ฉ่าวเฉิน เคลื่อนไวเร็วดีนี่ " มู่เทียนเย่มองหน้าเขาและแสยะยิ้ม
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วเลี่ยงสายตามามองมู่เวยเวยที่สีหน้าซีดเซียว พูดอย่างกัดฟัน " เด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลเย่ เธอจำเป็นต้องคลอดเขาออกมา "
มู่เวยเวยแสยะยิ้มแล้วมองหน้าเขา " เด็กคนนี้ก็เป็นของฉันเหมือนกัน ฉันมีสิทธิ์ว่าจะให้เขาอยู่หรือไป "
" ไม่มีลายเซ็นรับรองของฉัน ฉันก็จะรอดูว่าจะมีหมอคนไหนกล้าทำแท้งให้เธอ " เย่ฉ่าวเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาสีฟ้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงก่ำซึ่งดูน่ากลัวมาก
" บางทีฉันอาจจะกลิ้งตกบันไดเหมือนเฉียวซินโยวในครั้งนั้นก็ได้......"
" มู่เวยเวย เธอห้ามพูดแบบนี้ และห้ามทำเรื่องแบบนั้นด้วย! " เย่ฉ่าวเฉินต่อยลงบนเตียงผู้ป่วยด้วยความหงุดหงิด เขารู้ว่าเธอเป็นคนเด็ดเดี่ยว เธอกล้าพูดก็กล้าทำ
ตาของมู่เทียนเย่หรี่ลงเล็กน้อย เด็กคนนี้ เธอต้องห้ามทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาดนะ
ทั้งสามคนตกอยู่ในความเงียบ เย่ฉ่าวเฉินพยายามข่มอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ มองตามู่เวยเวยแลพูดว่า " กลับไปกับฉัน เรื่องที่ผ่านมาฉันจะไม่เอาเรื่อง "
มู่เวยเวยหันหน้าหนี เธอไม่อยากกลับไปสถานที่ที่เลวร้ายแบบนั้น
มู่เทียนเย่ยืนกอดอก ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า " เย่ฉ่าวเฉิน มีฉันอยู่ตรงนี้นายอย่าได้คิดจะเอาตัวน้องสาวฉันไปได้ "
" เธอเป็นภรรยาของฉัน " เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงแข็ง
ถ้าเย่ฉ่าวเฉินไม่พูดคำนี้มันจะดีมาก พอเขาพูดความโกรธของมู่เทียนเย่ก็ถูกจุดประกายขึ้นมา " ภรรยา? เย่ฉ่าวเฉินนายคิดไปเองหรือเปล่าว่าเป็นสามีของน้องสาวฉัน? ตั้งแต่ที่นายแต่งงานกับเธอวันแรกมีวันไหนบ้างที่นายเห็นเธอเป็นภรรยา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอดวงแข็ง ฉันยังจะเจอหน้าเธออยู่ไหม? ตอนนี้มีหน้ามาพูดคำนี้ต่อหน้าฉันหรอ? นายมีค่าพอหรอ? "
เย่ฉ่าวเฉินโดนมู่เทียนเย่ด่าจนไม่มีอะไรจะพูด
" ใช่ นายกับฉันเรามีเรื่องบาดหมางกัน นายอยากจะฆ่าฉันเพื่อแก้แค้นให้มู่ฉ่าวเหยียน นี่เป็นเรื่องที่ฉันเข้าใจได้เพราะมันเป็นเรื่องของลูกผู้ชาย แต่นานกลับดึงเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเรียนหนังสืออยู่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพื่ออะไร? นายแต่งงานกับเธอ นายจะทำให้เธอมามลทินฉันไม่ว่า นายละเลยเธอได้ ใช้เธอเป็นเหยื่อล่อก็ได้ แต่ทำไมนายต้องทำร้ายเธอด้วย? ตอนที่นายทำร้ายเธอ นายเคยคิดบ้างไหม ว่านายเป็นผู้ชาย แต่เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้ทางสู้ตัวคนเดียวเท่านั้น? เธอก็เคยเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ฉัน แล้วทำไมเธอต้องโดนนายทำร้ายเพราะเรื่องระหว่างเราสองคนด้วย? เย่ฉ่าวเฉิน นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?
มู่เวยเวยฟังทุกคำพูดของพี่ชายเธอ เธอก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆนานาที่เกิดขึ้น น้ำตาของเธอก็ไหล
เธอคิดว่าเธอแข็งแกร่งมาก เธอสามารถทำเป็นเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นได้ แต่การปรากฏตัวของมู่เทียนเย่ทำลายความหลอกตัวเองของเธอ จริงๆแล้วเธอไม่ได้แข็งแกร่งเลย เธอเพียงแค่สร้างเกราะกำบังมาเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้โดนทำร้าย
ตังแต่ก้าวขาเข้าตระกูลเย่ เธอก็ไม่เหลือที่พึ่งใดๆ เธอค่อยๆเรียนรู้ที่จะเอาเรื่องที่โดนทำร้ายเก็บซ่อนไว้ในใจ เพราะว่าเธอกลัวว่าพูดออกมาแล้ว ก็ไม่มีใครจริงใจกับเธอ
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มู่เทียนเย่เป็นครอบครัวของเธอ เป็นที่พักผิงของเธอ เป็นคนที่บังแดดบังฝนมาให้เธอตั้งแต่เล็กจนโต แค่อยู่ใต้ร่มเงาของเขาเท่านั้น เธอถึงจะกลับไปเป็นเด็กสาวคนเดิมได้ เธอถึงจะปล่อยวางเรื่องที่ผ่านมาได้
เย่ฉ่าวเฉินที่โกรธมากจนอยากจะฆ่าคนเมื่อกี้ ตอนนี้กับนิ่งเงียบ เพราะว่าสิ่งที่มู่เทียนเย่พูดมันเป็นความจริงที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ว่าที่ทำให้เขาเสียใจมากก็คือน้ำตาของมู่เวยเวย น้ำตาทุกหยดของเธอทำให้ใจของเขาเจ็บปวดมาก
เขาอยากจะเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยตัวเอง แต่ว่าแค่ขยับตัวเขายังไม่กล้า
มู่เทียนเย่ดึงตัวเธอมากอดในอ้อมแขนของเขา ลูบหลังเธอ แล้วพูดปลอบเธอว่า " ไม่เป็นไรแล้ว เป็นความผิดของพี่เอง ที่ทิ้งให้เธออยู่เมือง A คนเดียว ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่......"
เสียงร้องไห้ของมู่เวยเวยยิ่งอยู่ยิ่งดัง ราวกับว่าจะร้องไห้ออกมากับสิ่งที่เธอทุกข์ทรมานมาตลอดทั้งปี
เย่ฉ่าวเฉินฟังเสียงร้องไห้ของเธอแล้ว ในใจของเขาเจ็บมาก เขาไม่เคยเห็นมู่เวยเวยร้องไห้แบบนี้มาก่อน ความเจ็บปวดและความหดหู่ซ่อนอยู่ในหัวใจเขา
หลังจากร้องไห้ไปนาน มู่เวยเวยก็ค่อยๆหยุดร้องไห้ เธอเอาตัวออกจากอ้อมกอดของมู่เทียนเย่ ตาของเธอแดงมาก
" เย่ฉ่าวเฉิน......คุณ......คุณไปเถอะ.....ฉันไม่มีวันกลับไปกับคุณหรอก " มู่เวยเวยพูดแบบสะอึกสะอื้น
เย่ฉ่าวเฉินเจ็บใจก็เจ็บใจ แต่เรื่องนี้เขาจะไม่ยอมถอย
" เวยเวย ฉันไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอก โดยเฉพาะตอนนี้ เธอท้องลูกของฉันอยู่ ฉันยิ่งปล่อยเธอไปไม่ได้ " เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดสักพัก แล้วมองหน้ามู่เทียนเย่พูดว่า " เรื่องที่ผ่านมาเป็นความผิดของฉัน ต่อจากนี้ฉันจะดูแลเธอให้ดี "
มู่เทียนเย่อึ่้ง ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยปากขอโทษ
แต่ว่าขอโทษแล้วยังไง? มันไม่สามารถชดเชยกันได้ ที่สำคัญก็ต้องอยู่ที่มู่เวยเวย
" พี่ชาย พี่พาฉันไปจากที่นี่เถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา "
พอพูดจบ มู่เวยเวยก็ลงจากเตียงและก้มใส่รองเท้า เย่ฉ่าวเฉินรีบเดินไปขวางประตูไว้ " มีฉันอยู่นี่ทั้งคน เธอคิดว่ามู่เทียนเย่จะพาเธอไปได้หรอ? "
มู่เทียนเย่ค่อยๆพับแขนเสื้อขึ้น " เย่ฉ่าวเฉิร แค่นายคนเดียวคิดว่าจะขวางฉันได้หรอ? "
" ก็ลองดู "
หมัดที่ดุเดือดของทั้งคู่ต่อยไปที่หน้าของฝ่ายตรงข้าม เย่ฉ่าวเฉินหลบได้ในชั่วพริบตา ทั้งสองต่อยกันอย่างดุเดือน มู่เทียนเย่อยากจะแก้แค้นให้น้องสาว จึงต่อยเข้าไปที่หน้าของเย่ฉ่าวเฉินอย่างหนัก
เย่ฉ่าวเฉินเองก็ไม่อ่อนข้อ คิดถึงเรื่องที่น้องชายเขาต้องลำบากเพราะเขา ก็ออกหมัดไม่ยั้ง
มู่เวยเวยที่ก้มลงใส่รองเท้าอยู่ พอเงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนก็เปิดศึกกันแล้ว เธอตะลึงไปเลย ทำไมถึงได้ต่อยกันจริงจังขนาดนี้? "
ทั้งเย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่ต่างก็เป็นคนที่ชำนาญในเรื่องการต่อสู้ และรู้จุดอ่อนของกันและกันเป็นอย่างดี เพียงเวลาสั้นๆ เนื้อตัวของทั้งสองก็เต็มไปด้วยเลือด
" หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ " มู่เวยเวยกลัวว่าพี่ชายจะบาดเจ็บ เลยตะโกนออกมา
แต่ว่าทั้งสองต่างเป็นคนที่โหดเหี้ยม และในใจก็โกรธแค้นกันอยู่แล้ว จะยอมหยุดเพราะคำพูดไม่กี่คำของเธอได้ยังไงกันล่ะ?
ทั้งเย่ฉ่าวเฉินและมู่เทียนเย่ต่างก็เป็นคนที่ชำนาญในเรื่องการต่อสู้ และรู้จุดอ่อนของกันและกันเป็นอย่างดี เพียงเวลาสั้นๆ เนื้อตัวของทั้งสองก็เต็มไปด้วยเลือด
เสียงดังเอะอะโวยวาย ทั้งหมอและพยาบาลต่างก็ได้ยินแต่กลับไม่มีคนวิ่งมาดู จนกระทั่งพี่ชายสามกับจางเห่อวิ่งมา
" โอ้ ต่อยกันดุเดือดขนาดนี้เลย? " พี่ชายสามยืนดูอยู่ตรงหน้าประตู จางเห่อกังวลมาก แต่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาต่อหน้าเขา " ท่านช่วยห้ามหน่อยได้ไหม เผื่อว่าคุณชายจะได้รับบาดเจ็บ......"
พี่ชายสามพูดอย่างสบายๆว่า " อยากมากก็แค่แขนขาหัก รักษาที่บ้านไม่กี่วันก็หายดีแล้ว จะกลัวอะไร "
จางเห่อพอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ยิ่งกังวล
การต่อสู้ครั้งนี้จบลงที่เท้าของมู่เทียนเย่เหยียบตรงหน้าอกของเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวัน จะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับมู่เทียนเย่ได้
" วันนี้แค่สั่งสอนนายนะ เรื่องอื่นฉันจะกลับมาคิดบัญชีนายทีหลัง " มู่เทียนเยาเช็ดเลือดที่มุมปาก และปล่อยเย่ฉ่าวเฉิน
มู่เวยเวยเห็นว่าทั้งสองคนหยุดต่อยกันแล้ว จึงวิ่งเข้าไปหาพี่ชาย " พี่ แขนของพี่......"
มู่เทียนเย่ก้มชำเลืองดูบาดแผลที่โดนเย่ฉ่าวเฉินฝากไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้และมีเลือดไหลออกมา
" ไม่เป็นไหร่ แผลแค่นี้ทายาก็หายแล้ว " มู่เทียนเยาจับมือมู่เวยเวย " เราไปกันเถอะ "
หน้าประตู พี่ชายสามไม่มีทีท่าจะเปิดทางให้
แน่นอนว่ามู่เทียนเย่ต้องรู้จักคนตรงหน้า แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเย่ฉ่าวเฉินจะเป็นมิตรกับเขา ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกเขาคงไม่มาอยู่ในจังหวัด S หรอก
" อยากไป? ต้องถามฉันก่อนว่าฉันอนุญาตไหม? " พี่ชายสามยืนกอดอก แล้วมองหน้าเขา
" คุณชายสาม นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว หวังว่าท่านจะไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง " ถือว่ามู่เทียนเย่พูดด้วยความเกรงใจแล้ว
พี่ชายสามมองหน้าเย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า " เขาเป็นน้องชายฉัน เรื่องของเขาก็เหมือนเรื่องของฉัน นายคิดว่าฉันควรจะยุ่งไหม? "
มู่เทียนเย่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า "คุณชายสาม เราสองคนก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเกลียดกัน ทำไมต้องกดดันฉันมากขนาดนี้ด้วย? "
พี่ชายสามชูมือขึ้น " ฉันก็ไม่อยากหรอก เอาแบบนี้ไหม ในเมื่ออยู่ในที่ที่ของฉัน นายลองฟังดูว่าความเห็นของฉันดีไหม? "
" เชิญพูด "
" ให้เย่ฉ่าวเฉินพาน้องสะใภ้กลับไป ฉันก็จะปล่อยนายกลับเมือง A "
มู่เทียนเย่โกรธ มันต่างที่เย่ฉ่าวเฉินพูดตรงไหน?
" ถ้าไม่เห็นด้วยล่ะ? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...