วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 174

"โอเคค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ" มู่เวยเวยแอบยิ้มในใจ เธอเกิดและโตที่นี่ทำให้เธอรู้ดีว่าอาหารที่ไหนอร่อย วิวที่ไหนสวย แต่เพราะว่าเธออยากจะตีสนิทกับเย่ฉ่าวเฉิน เธอจึงต้องแกล้งพูดไปว่า "ประธานเย่คะ ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นีสักเท่าไหร่ อีกสองวันก็เป็นวันหยุดแล้ว ถ้าเกิดว่าคุณมีเวลาว่าง อยากจะรบกวนคุณมาเป็นไกด์ให้จะได้มั้ย?" สายตาเธอเหลือบไปเห็นเขาคิ้วขมวด จึงรีบพูดเสริมว่า "ถ้าคุณยุ่งก็ไม่เป็นไรนะคะ ลืมที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ก็ได้ค่ะ"

"รับแขกไม่รอบคอบ ไม่ได้สานสัมพันธไมตรี" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างสุภาพ "อาทิตย์นี้ฉันจะไปเที่ยวที่ตลาดเอกับคุณฉู่ ฉันยังไม่เคยไปที่นั่นพอดี"

มู่เวยเวยดีใจกับตัวเอง หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาพร้อมพูดว่า "ถ้าแบบนั้นก็ขอบคุณมากค่ะ"

"ไม่เป็นไร" ประธานเย่กล่าว

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ถังฉือซวนก็เดินเข้ามา

พอมาถึงก็เดินมานั่งข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน จงใจเบียดให้เขาเข้าใกล้กับมู่เวยเวย พร้อมกับพูดหยอกล้อว่า "เจ้านายทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบอะไร ขอฉันฟังบ้าง?

โซฟาเดิมที่ก็มีที่ว่างไม่เยอะ ยิ่งโดนถังฉือซวนเบียดเข้ามาก็ทำให้ขาของเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยเบียดชิดกัน มือต้องวางไว้ข้างหลัง ทำแบบนี้ดูเหมือนกับมู่เวยเวยตกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา

มู่เวยเวยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังเบียดกลับไปทางถังฉือซวน พร้อมกับพูดว่า "ประธานถังคะ ในเมื่อพวกเราแอบกระซิบกัน แล้วจะบอกให้คุณฟังได้ยังไงกัน?"

"อ๋อ นั่นซินะ ฮ่าๆๆๆๆ พวกเธอคุยกันต่อเถอะ ฉันไปร้องเพลงดีกว่า" ถังฉือซวนหัวเราะคิกคักแล้วเดินจากไป

มู่เวยเวยหันหลับมาเห็นเย่ฉ่าวเฉินยิ้มอ่อน เขาพูดกับเธอว่า "อย่าไปใส่ใจนะ พวกเขาอยู่ที่ฮ่องกงก็เที่ยวก่อกวนไปทั่วแบบนี้แหละ"

เธอตอบกลับว่า "ไม่เป็นไรค่ะ"

พอพูดจบ ทั้งคู่ก็กลับไปสู่ความเงียบ แต่เย่ฉ่าวเฉินเหมือนจะลืมดึงมือกลับมา ยังคงวางใกล้ๆไหล่ของเธอ เพียงแค่ขยับนิดหน่อยก็สามารถดึงเธอเข้า้มาในอ้อมกอดได้

มู่เวยเวยดื่มเหล้าไปด้วย พร้อมกับมองทุกคนที่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน พร้อมยังช่วยปรบมือส่งเสียงเชียร์ เหมือนกับเป็นวัยรุ่น

เย่ฉ่าวเฉินที่นั่งข้างๆก็เมาเสียงและแสงสี มองดูท่าทางและผิวพรรณของเธอ พร้อมกับคิดว่าถึงแม้จะผิดแต่เขาไม่ยอมให้เธอหลลุดมือไปแน่นอน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุครึกครื้น มู่เวยเวยมีเริ่มเมา เธอเริ่มทรงตัวไม่อยู่ เวลาลุกขึ้นแทบจะล้ม ยังดีที่มือของเย่ฉ่าวเฉินไวพอที่จะประคองเธอไว้

"ขอบคุณค่า" หน้าของมู่เวยเวยแดง

"เธอดื่มเบียร์ไปแค่กระป๋องเดียว ก็เมาแล้วหรอ?" เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยถามเพราะไม่เคยเจอคนที่คออ่อนขนาดนี้

มู่เวยเวยสะอึกเล็กน้อย เดินส่ายไปมา พร้อมกับยิ้มและพูดว่า "ก็ใช่ไง เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ข้างนอก ฉันก็จะไม่กินเหล้าเลย ดูครั้งที่แล้วที่ไปกินข้าวด้วยกันสิ ฉันยังดื่มแค่นมเปรี้ยวเลย เพราะฉันกลัวว่าถ้าฉันเมาแล้วจะไปทำอะไรขายหน้าเข้า"

มิน่าล่ะ ครั้งที่แล้วเธอไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ตอนแรกนึกว่าเธอแอ๊บ แต่ที่ไหนได้เธอดื่มไม่ได้จริงๆ

เมื่อทุกคนแยกย้ายกันกลับไม่เห็นแม้แต่เงา บรรกาศคึกคักเมื่อสักครู่ก็หายไป เย่ฉ่าวเฉินประคองเธอมาหน้าร้าน ก็เจอกับถังฉือซวนกับคนของบริษัทเอ็มเค ที่ยังเหลืออยู่

ถังฉือซวนเมามาก คนที่เขาพิงอยู่พูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า "ประธานเย่ รบกวนคุณพาประธานฉู่ของพวกเราไปส่งบ้านได้ไหมครับ ผมคงต้อง....?"พร้อมกับมองไปที่ถังฉือซวน

มู่เวยเวยรีบโบกมือและพูดว่า "ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้"

เย่ฉ่าวเฉินมองตาของเธอพร่าเบลอ และพูดกับถุงฉือซวนว่า "คุณวางใจเถอะ ผมจะพาคุณฉู่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย"

"ขอบคุณมากครับ งั้นผมขอตัวพาประธานถังกลับก่อน"

มู่เวยเวยมองหน้ามองหลัง สะบัดหัวไปมาเพื่อตั้งสติก็เห็นว่าเหลือแค่เขากับเธอสองคน พร้อมกับพูดว่า "เหลือแค่ฉัยกับคุณหรอเนี้ย คนอื่นไม่สนใจใยดีฉันเลยหรอ?"

"ไปกันเถอะครับคุณฉู่ คุณพักที่โรงแรมอะไร ผมจะพาคุณไปส่ง" เย่ฉ่าวเฉินถามพร้อมกับประคองเอวเธอ

มู่เวยเวยบอกชื่อที่พักกับเขา เย่ฉ่าวเฉินใก้คนขับรถมารับและประคองเธอขึ้นรถ

พอขึ้นมาบนรถ มู่เวยเวยเอาหัวพิงไปทางหน้าต่างพร้อมกับร้องเพลงเพี้ยนๆออกมา

เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเธอ และหันกลับไปมองไฟข้างทาง เขาเคยเห็นช่วงเวลาเปิ่นๆของเธอแล้ว นั่นก็คือเวลาที่เธอเมาแล้วร้องเพลงอยู่หลังรถ ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเพลงที่แย่มากๆ ไม่มีความไพเราะเอาสะเลย แต่ตอนนี้ถึงแม้เขาจะอยากได้ยินมันอีก ก็ไม่มีโอกาสแล้ว

ทั้งสองคิดในใจ ไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆออกมา บรรยากาศช่างเงียบสงัด

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็ถึงหน้าโรงแรมหรูหราที่หนึ่ง

เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะหันไปปลุกเธอ ก็พบว่าเธอพิงหน้าต่างและหลับไป

"คุณฉู่ครับ คุณฉู่" เย่ฉ่าวเฉินเรียกเธอหลายครั้ง แต่มู่เวยเวยก็ไม่ลืมตา อีกทั้งยังตอบกลับว่า "อย่ามากวนฉัน ฉันจะนอน"

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เกือบจะใจอ่อนให้เธอนอนแบบนี้ต่อไป แต่ก็ทำไม่ได้

"คุณฉู่ครับ ถึงแล้วครับ" เขาโอบไหล่ของเธอขึ้น

มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาขึ้นมา สายตาเบลอๆพร้อมพูดว่า "ถึงแล้วหรอ....อ่อถึงแล้ว ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง...ฉันขอตัวก่อนนะคะ"

มู่เวยเวยลงจากรถ เดินเซซ้ายเซขวา เหมือนจะเดินไปชนกำแพงซะให้ได้

เย่ฉ่าวเฉินมองเธอ รีบปลดเข็มขัดและลงจากรถ

เขาบอกตัวเองแค่ว่า เธอคือพาร์ทเนอร์ เพราะฉะนั้นแล้วต้องพาเธอกลับถึงหน้าห้องอย่างปลอดภัย

มู่เวยเวยเดินส่ายไปส่ายมา ได้ยินเสียงเดินตามมาข้างหลังก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ อีกแค่สามก้าวก็จะเดินถึงประตูกระจก แต่เธอกลับเดินต่อไปเหมือนไม่เห็นอะไร

ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง กำลังจะเดินก้าาวที่สาม เย่ฉ่าวเฉินก็รีบดึงแขนของเธอไว้มืออีกข้างก็รีบดันเปิดประตู เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มกับเธอว่า "คุณเมาแล้วมองไม่ชัด ไม่เห็นหรอว่าตรงนี้มีประตูอยู่?"

"หะ นี่คุณยังไม่กลับอีกหรอ" มู่เวยเวยถามด้วยความประหลาดใจ

"ผมส่งคุณถึงห้องก็จะกลับแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินประคองแขนเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ "คุณพักชั้นที่เท่าไหร่?"

อยู่ชั้นดาดฟ้า คุณไม่ต้องส่งฉันหรอกค่ะ ฉันขึ้นไปเอง ฉันไม่ได้เมาค่ะ" มู่เวยเวยดันมือเขาออก

เย่ฉ่าวเฉินไม่ปล่อยมือจากเธอและพูดว่า "ใช่คุณไม่ได้เมา ก็แค่เมื่อกี้เกือบจะเดินชนประตูเอง"

พอเดินเข้าไปในลิฟต์ เย่ฉ่าวเฉินก็กดไปชั้นที่ชั้นดาดฟ้า รองเท้าส้นสูงของมู่เวยเวยเอนนิดหน่อยก็ทำให้เธอจะล้ม เย่ฉ่าวเฉินรีบดึงเธอขึ้นมาและพูดว่า "ระวังหน่อยครับ"

เป็นไปตามคาด ผู้หญิงเมื่อได้ตกอยู่ในอ้อมกอดเขาก็ทำให้ใจอ่อนระทวย

หัวใจของเย่ฉ่าวเฉินเต้นแรงมาก แต่เขาก็พยายามกดมันไว้

เขาไม่สามารถทำอะไรกับผู้หญิงอื่นได้อีก และเขาก็ไม่สามารถทำไม่ดีกับเวยเวย

มู่เวยเวยซบเข้าไปตรงหน้าอกของเขา กล้ามเนื้อแน่นที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ต ภายใต้ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ เธอหายใจรดหน้าอกเขา และพบว่าร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ

มู่เวยเวยยิ้มอ่อน ที่แท้ผู้ชายพอได้เจอกับผู้หญิงสวยๆ ก็ไม่สามารถต้านทานอะไรได้ ถึงแม้จะแต่งงานแล้วก็ตาม

"คุณฉู่ครับ" เสียงเขาแผ่วเบาลงมาก มือทั้งสองข้างค่อยๆประคองเธอขึ้น ก้มมองเธอและถามว่า "คุณโอเคไหม"

มู่เวยเวยลูบหน้าผากของเธอพร้อมกับบ่นว่า "คุณแข็งมาก แข็งจนทำฉันปวดหัวเลย"

เย่ฉ่าวเฉินหายใจเข้าใจลึกๆ และรู้ว่าเธอหมายถึงอกของเขา แต่ก็อดคิดเยอะไม่ได้ รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างในร่างกายร้อนขึ้นมา

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขากลัวว่าตัวเองจะพลาดทำอะไรที่เสียใจภายหลัง ก็ประจวบกับลิฟต์ถึงชั้นดาดฟ้าพอดี

"อยู่ห้องที่เท่าไหร่ครับ" เย่ฉ่าวเฉินกล่าวถามพร้อมกับรักษาระยะห่างกับเธอ

"อืมม....น่าจะเป็นห้อง 1808 นะ อ่าๆๆใช่ห้อง 1808"

เย่ฉ่าวเฉินพาเธอเดินหาห้อง 1808 และถามว่า "กุญแจห้องล่ะครับ"

มู่เวยเวยได้ยินดังนั้น ก็ก้มหาในกระเป๋าตัวเอง "กุญแจ กุญแจ....อ่าเจอแล้ว!" เธอร้องด้วยความดีใจพร้อมโบกกุญแจไปมา "นี่ไง กุญแจ"

เย่ฉ่าวเฉินเอากุญแจมาเปิดห้องให้เธอ เขารีบเข้าไปประคองเธอที่กำลังจะล้มและเดินเข้าห้องไป

ภายในห้องตกแต่งอย่างสวยหรู ห้องนอนมีขนาดใหญ่ เย่ฉ่าวเฉินวางเธอลงบนเตียง เตรียมจะออกจากห้อง มือก็เผลอไปโดนหน้าอกของเธอ

เขาตัวแข็งทื่อ

"ร้อนจังเลย" มู่เวยเวยเริ่มปลดกระดุมออก วันนี้เธอสวมแค่เสื้อเชิ้ต เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ทันออกไปเธอก็ปลดกระดุมออกหมดแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอ ไม่กี่วินาที เขาก็รีบดึงสติตัวเองกลับมา และเตรียมจะออกไป แต่ก็ได้ยินเสียงเธอพึมพัมว่า "คอแห้งมาก อยากกินน้ำจัง"

เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ที่เดิมพยายามหายใจเข้าออกและตั้งสติ จากนั้นเดินไปห้องรับแขกเพื่อหยิบน้ำให้เธอ เมื่อถึงเตียงก็ประคองเธอขึ้นมาดื่มน้ำ "คุณฉู่ครับ น้ำได้แล้วครับ"

มู่เวยเวยดื่มน้ำอย่างกระหาย

เย่ฉ่าวเฉินถามต่อว่า "พอมั้ยครับ" เขามองไปที่ปากของเธอ

มู่เวยเวยแลบลิ้นและเลียริมฝีปากช้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นไปซึ่งพอดีโดนหน้าเขา

เย่ฉ่าวเฉินตัวแข็งทื่ออีกรอบ ได้ยินเสียงมู่เวยเวยกระซิบข้างหูว่า "ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้ว"

แทบจะทนไม่ไหวแล้ว!

เลือดของเย่ฉ่าวเฉินสูบฉีดอย่างแรงไปทั่ว ใจคิดอยากจะรีบถอดเสื้อผ้าเธอออกแล้วรีบขย้ำเธอซะ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะว่าเธอคือฉู่เหยียน เขาจะทำแบบนั้นกับเธอไม่ได้

เขาใช้ความเพียรพยายามทั้งหมดทั้งมวลที่เขามีดับไฟร้อนในใจเขาให้มอดไป เขาดันเธอลงบนเตียง และรีบเดินออกจากห้องไป

"ปั้ง!" เสียงปิดประตูดังสนั่น มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภายในใจรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ? ผู้หญิงสวยๆอยู่ตรงหน้าอีกทั้งยังเปิดเผยขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมเขายังทนได้?

นี่ยังใช่เย่ฉ่าวเฉินผู้ดุร้ายคนเดิมมั้ย?

มู่เวยเวยเอนกายนอนลงบนเตียง สายตาเหม่อลอยมองไปที่เพดาน ภายในใจคิดว่า การกลับมาครั้งนี้ ทำไมรู้สึกเหมือนกับเย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่คนเดิม

เธอควรจะดีใจหรือเสียใจดี

แท้จริงแล้วเธอไม่ได้คิดอยากจะมีอะไรเกินเลยกับเขา เมื่อถึงเวลาเธอจะบอกให้เขาหยุด แต่นี่ยังไม่ทันเริ่ม เขาก็ไปซะแล้ว เท่ากับว่าการแสดงของเธอวันนี้นั้นเสียเปล่า

................................

หลังจากนั้นสองวัน ช่วงเวลาว่างเขามักจะคิดถึงฉู่เหยียน และพาแต่จะให้นึกถึงเรื่องคืนวันนั้น

"ประธานเย่คะ นี่คือลิสรายการอาหารอร่อยที่แนะนำและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองเอค่ะ" เลขาหลิวเสนอรายงาน รายละเอียดเส้นทาง, แหล่งท่องเที่ยวและร้านอาหารแนะนำกับเขา

แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าไม่ควรใกล้ชิดสนิทสนมกับฉู่เหยียนมากเกินไป จึงพูดกับเลขาหลิวว่า "เสาร์อาทิตย์นี้คุณว่างมั้ยครับ?"

"ว่างค่ะ" เลขาหลิวตอบ

"คุณช่วยพาคุณฉู่ไปเที่ยวหน่อยนะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนำมาเบิกกับบริษัท" เย่ฉ่าวเฉินยื่นลิสคืนให้เธอ

"ประธานเย่ คุณจะไม่ไปหรอคะ?" เลขาหลิวถามด้วยความประหลาดใจ เรื่องพาคุณฉู่ไปเที่ยว น่าจะเป็นเจ้านายออกโรงเองมากกว่าไหม?

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พอดีพรุ่งนี้มะรืนนี้ผมมีเรื่องส่วนตัวให้สะสางนิดหน่อย คุณไปแทนผมแล้วกันนะ"

"โอเคค่ะ รับทราบค่ะ" เลขาหลิวตอบตกลง

หลังจากเลขาหลิวออกไปแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท เขาจึงต้องโทรไปอธิบายกับฉู่เหยียนด้วยตัวเอง

เขากดเลื่อนโทรศัพท์หาชื่อเธอแล้วกดโทรออก

รอสายอยู่สักพักใหญ่ถึงจะมีคนรับ "ฮัลโหล นั่นใครคะ?"

เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย ทำไมเสียงของเธอถึงฟังดูแหบพร่า

“คุณฉู่ครับ ผมเย่ฉ่าวเฉินครับ”

“อ่อค่ะประธานเย่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ? แคกๆๆๆ”

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามกลับว่า “คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ”

“เป็นไข้ตัวร้อนนิดหน่อยค่ะ น่าจะเป็นเพราะสองคืนก่อนไม่ได้นอนห่มผ้า แคกๆๆๆ ว่าแต่ประธานเย่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย สองวันก่อน?ก็น่าจะเป็นคืนที่เธอเมาคืนนั้นซินะ เป็นเพราะว่าเขารีบเดินออกไปเลยทำให้ลืมห่มผ้าให้เธอ

“พอดีผมจะอยากจะบอกว่า แพลนเที่ยวของพรุ่งนี้.....” เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ทันพูดจบ มู่เวยเวยก็รีบแทรกขึ้นมาว่า

“ขอโทษจริงๆค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันอาจจะไปด้วยไม่ได้แล้ว เพราะรู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ คุณโอเคมั้ยครับ ต้องการให้ผมพาไปหาหมอไหมครับ?” เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยความเป็นห่วง

“แคกๆๆๆ” เธอไอเล็กน้อยและตอบกลับว่า “ฉันไม่อยากไปหาหมอค่ะ อดทนอีกสักวันสองวันก็น่าจะหายดี”

“แล้วประธานถังล่ะครับ? มีคนคอยดูแลคุณไหมครับ?”

มู่เวยเวยถอนหายใจเบาๆและตอบว่า “พวกเขากลับไปเสนองานกับหัวหน้าที่ฮ่องกงแล้วค่ะ ช่วงนี้คงจะมีแค่ฉันที่อยู่ที่นี่ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะประธานเย่ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรับมือไหว”

“อ่อครับ งั้นดูแลตัวเองดีๆนะครับ”

“โอเคค่ะ ไว้พบกันค่ะ แคกๆๆๆ”

มู่เวยเวยไอส่งท้ายและกดวางสายไป เย่ฉ่าวเฉินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหยุดคิดชั่วครู่และหันกลับไปทำงานต่อ

เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้ว่าเวลาไหนควรไปหาหมอ เขาก็แค่ผู้ร่วมการค้าทางธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องเธอขนาดนั้น

หลังเลิกงาน เย่ฉ่าวเฉินนั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทางผ่านโรงพยาบาลก็นึกถึงอาการป่วยของฉู่เหยียนขึ้น ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเธอเป็นอย่างไรบ้าง

จะไปเยี่ยมเธอดีมั้ยนะ? หรือเธอก็น่าจะกินยาหายดีแล้ว

เฮ้อ ช่างเถอะ โทรไปถามอาการหน่อยก็ได้

ภายในโรงแรม

มู่เวยเวยมองดูโทรศัพท์ที่กำลังร้องดังอยู่ แต่ก็จงใจไม่ได้รับสาย เธอรอจนโทรศัพท์เงียบไปและรีบกดปิดเครื่อง

โอเค ตอนนี้ก็ทำเป็นไม่มีแรงรอเขาขึ้นมาแล้วกัน

เธอไม่สบายจริงๆ ตอนแรกคิดว่าตอนบ่ายก็จะไปหาหมอเพราะอาการเริ่มหนักขึ้น แต่เพราะเขาโทรมาก็เลยทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เธอได้เข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเย่

เป็นไปตามคาด รอไม่ถึง20นาที ก็มีเสียงเคาะประตู แต่มู่เวยเวยนั่งอยู่นิ่งไม่ไปเปิดประตู

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ มู่เวยเวยค่อยๆเดินๆไปเปิดประตู และพบว่าคนตรงหน้าประตูก็คือเย่ฉ่าวเฉิน

“เอ๋ ประธานเย่ คุณมาได้ไงคะ” มู่เวยเวยแสร้งถามด้วยความประหลาดใจ

เย่ฉ่าวเฉินมองหน้าที่แดงก่ำและปากซีดเซียวของเธอ

“อาการหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ไปหาหมอครับ?”

มู่เวยเวยเดินเข้าห้อง พร้อมกับไอแคกๆตอบกลับว่า “ฉันกินยาไปแล้วเมื่อตอนบ่าย น่าจะอีกสักพักคงดีขึ้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ