วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 173

ฉู่เหยียนสังเกตอย่างเห็นได้ชัดว่าสายตาของเย่ฉ่าวเฉินที่มองมายังเธอมีบางอย่างแปลกๆ เธอจึงวางถ้วยโยเกิร์ตลง

แล้วยิ้มให้เขา ก่อนเอ่ยเสียงเล็กว่า "ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ"

ฉู่เหยียนลุกขึ้น นิ้วมือที่เผลอปัดผมยาวนั้น ทำให้ผมเป็นลอนคลื่นเล็กๆ

ภายในห้องน้ำเล็กที่สว่างไสว ฉู่เหยียนเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้า มีความเด็ดเดี่ยวฉายอยู่ในแววตา

เวลามีไม่มาก เธอถอยไม่ได้แล้ว

ถ้าเธอเดาไม่ผิด เย่ฉ่าวเฉินจะอยู่ที่ด้านนอกของประตู

ฉู่เหยียนรองเอาน้ำขึ้นมาบ้วนปาก ดึงกระโปรงลงสักสองสามนิ้ว พิจารณาผู้หญิงที่อยู่ในกระจก แล้วก้าวออกจากห้องน้ำไป

ห้องส่วนตัวอยู่สุดทางเดิน ฉู่เหยียนเพิ่งเดินมาได้ไม่ไกล ถูกดึงแขนเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ไม่มีใครอยู่ในนั้น แล้วถูกคนข้างในจูบเข้า

เดาไม่ผิดเลย คือเขาเอง เย่ฉ่าวเฉิน

ฉู่เหยียนดิ้นไปมาพอเป็นพิธี หลังจากเห็นว่าเป็นเขา จึงแสร้งเบิกตากว้างทำเป็นตกใจ

จูบของเธอที่เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งสัมผัสไป ในหัวของเขาไม่เคยลืม นี่คือรสจูบของมู่เวยเวย

ครั้งนี้ เขาโมโหแทบบ้า

บางทีเขาคงอาจจะคิดถึงเธอมากเกินไป รสจูบในช่วงปลาย ความคิดถึงก็สาดซัดเข้ามาราวกับน้ำทะเล

……

ฉู่เหยียนตกใจกลัวพละกำลังของเขา ลมหายใจที่รินลดมาโดนหน้า อบอวลไปด้วยกลิ่นของไวน์แดงจากชายที่โตเต็มวัย

นานเกินไปแล้ว เขาเริ่ม…

“ประธานเย่ ฉันขอร้องอย่าทำอย่างนี้…” เธอเอ่ยบอกเสียงเบา สุดท้ายเขาก็ปล่อยเธอ

เธอยังพูดไม่ทันจบ แต่พอจะพูดขึ้นอีก เย่ฉ่าวเฉินก็เหมือนจะบ้าขึ้นอีกครั้ง

“ประธานเย่...คุณ....”

“ไม่ต้องพูด” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยเสียงกระซิบ “เวยเวย..ฉันคิดถึงเธอ...เวยเวย…”

ความในใจที่เหมือนกับถูกเปิดออก ฉู่เหยียนได้สติกลับคืน เขากำลังเรียกหา เวยเวย? ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น ?

ฉู่เหยียนไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง รู้เพียงแต่ว่าต้องออกไปจากที่นี้ เธอใช้แรงที่มีผลักเขาออกไป เย่ฉ่าวเฉิ่นถอยออกไปสองสามก้าว

ล้มกระแทกลงบนเก้าอี้ ความเจ็บปวดทำให้เขาสร่างเมาขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองฉุู่เหยียน เธอทั้งอายทั้งโกรธให้ตัวเอง

“ประธานเย่ ฉันไม่ใช่เวยเวย คุณจำผิดคนแล้ว” ฉู่เหยียนแต่งตัวด้วยความอับอาย น้ำตาของความเสียใจที่ไหลออกจากหางตา

เย่ฉ่าวเฉิ่นจ้องมองใบหน้าสวยอย่างมึนงง สติที่เลือนรางและความสับสนค่อยๆกลับคืนมา

เธอไม่ใช่เวยเวย เธอไม่ใช่เวยเวย

เขาทำอะไรลงไป? เขาเพิ่งเจอผู้หญิงคนนี้ได้เพียงแค่สองครั้งเอง ไม่นึกเลยว่าเกือบจะบีบบังคับเธอแล้ว

เย่ฉ่าวเฉิ่นกดเข้าไปที่ขมับพลางถอนหายใจ พูดอย่างละอายว่า “ขอโทษ ฉันดื่มมากไปหน่อย”

ฉู่เหยียนไม่พูดอะไร เพียงแค่ก้มหน้าจัดเสื้อผ้าของตัวเอง เอาแต่คิดอยู่ในใจว่าเธอควรแสดงความรู้สึกโกรธออกมาหรือเฉยๆดี?

“คุณฉู่ ผมขอโทษ” เย่ฉ่าวเฉินพูดอีกครั้ง

ฉู่เหยียนกอดอกและเงยหน้ามองเขา สายตาหญิงสาวมีความสับสนอยู่ในนั้น “คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะถือว่าคุณเมา เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” เย่ฉ่าวเฉิ่นใช้มือยันเก้าอี้ ค่อยๆพยุงร่างกายที่โซเซขึ้นมา

ซิปกระโปรงที่อยู่ด้านหลัง ฉู่เหยียนพยายามรูดหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้สักที

“อยากให้ฉันช่วยไหม?” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยเสียงเรียบ

ฉู่เหยียนหน้าแดง หันหลังให้เขาและเอ่ยเสียงเบา “อืม”

เมื่อได้รับอนุญาต เย่ฉ่าวเฉินถึงก้าวเข้าไป มือนึงจับขอบกระโปรง มือนึงก็ค่อยๆดึงซิปกระโปรงขึ้น

เขาจำได้ว่า เขาเคยพามู่เวยเวยไปร่วมงาน ซิปกระโปรงที่อยู่ด้านหลัง ก็เป็นเขานี่แหละทำขั้นตอนสุดท้ายนั้นให้ ขณะแผ่นหลังของทั้งสองซ้อนทับกันอยู่นั้น คนบางคนที่เพิ่งจะใจเย็นลง ก็แทบจะควบคุมมือตัวเองไว้ไม่อยู่

ทั้งข่มอารมณ์ ทั้งคอยเฝ้าบอกกับตัวเองว่าไม่ได้

เย่ฉ่าวเฉิ่นถูกความทรมาณด้วยความรู้สึกที่อยากจะหยุดแต่ก็หยุดไม่ได้เล่นงานเข้า

ฉู่เหยียนหายใจเข้าลึกๆแล้วหันมาสบตาสีฟ้าของเขา พูดอย่างเย็นชาว่า “ประธานเย่ หวังว่าครั้งหน้า คุณจะไม่จำคนผิดอีก ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับก่อนนะ รบกวนคุณบอกกับโต๊ะนั้นด้วย ลาก่อน”

“ขอโทษด้วยนะ” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสับสน ตั้งแต่มู่เวยเวยตั้งท้องจนกระทั่งหนีหายไป หลายปีมานี้เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนเลย

หรือว่าเขาจะโหยหามากเกินไป ?

กลับไปถึงโรงแรม ฉู่เหยียนนอนอยู่บนเตียงสักพัก ก็รู้สึกเจ็บที่ใบหน้าขึ้นมา เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาแล้ว

เธอเดินไปห้องน้ำใกล้ๆ หยดยาสองสามหยดลงในน้ำ และรีบเอามาล้างหน้า หน้ากากก็ค่อยๆจางและหลุดออกลงบนมือ เผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของมู่เวยเวยอีกครั้ง

หน้ากากนี้เหมาะกับหน้าเธอมาก คอนแทคเลนส์ก็ค่อยข้างที่จะบางเบา แต่กลับเปลี่ยนบุคคลิกภายนอกได้อย่างง่ายดาย เพื่อปรังปรุงหน้ากากนี้และทำให้มันเหมือนจริงมากขึ้นจนถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น พวกเขาไปไกลจนถึงขั้นการดึงกระชับใบหน้ากว่าร้อยจุด ทั้งการเสริมจมูกและผ่าตัดโหนกแก้มออก

เพียงแต่ว่าหน้ากากนี้ยังมีข้อเสียอยู่มาก ก็คือต้องถอดทุกๆสองวันและแช่ไว้ในน้ำหนึ่งวัน ไม่อย่างนั้นใบหน้าของมู่เวยเวยจะทั้งเจ็บทั้งคัน

มู่เวยเวยใช้นิ้วมือสัมผัสผิวหน้าจริงของเธอ เธอรู้สึกทรมาณมากที่สุด

ใบหน้าของคนเปลี่ยนไปได้ แต่น้ำเสียง นิสัย ท่าทางการเดินและอื่นๆ ไม่ทางปลี่ยนไปได้ภายในเวลาอันสั้น วันนี้เข้าเพิ่งได้พบเย่ฉ่าวเฉินเป็นครั้งที่สอง เขาเกือบจะจำเธอได้แล้ว หลังจากนี้ เธอจะทำอย่างไรดี ?

เพียงแค่วันนี้เธอมองเขามากขึ้นกว่าเดิม ก็เกือบจะถูกกินซะแล้ว ถ้าเธอหวั่นไหวต่อเขามากกว่านี้ จะไม่ถูกเขากินจนเหลือแต่กระดูกเลยหรือไง?

เธอเข้าใจถึงอารมณ์ของเขาดี แต่นี้ก็ห่างกันมานานมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาก็ไม่ได้มีผู้หญิงอื่น?

เธอไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเขาจะรักมู่เวยเวยขนาดนี้ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าเขาจะทนอยู่อย่างนี้ได้เช่นกัน

……

คฤหาสน์ตระกูลเย่ ห้องหนังสือ

เย่ฉ่าวเฉิ่นกำลังแปลเอกสารที่จางเฮ่อส่งมาให้ด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง

คุณหนูฉู่เหยียนคือคุณหนูของบริษัทMK บนภาพขณะอ่านหยังสืออยู่ยุโรปนั้นก็เหมือนกับคนที่เพิ่งเห็นวันนี้ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งกลับมาจากฮ่องกง

เขาโยนรูปลงบนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนถูกต้อง เธอคือฉู่เหยียน

แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอน คิดว่าเธอคือมู่เวยเวย ยังเกือบจะ…

มันบ้ามากจริงๆ

วันที่สองของการประชุมอีกวัน เย่ฉ่าวเฉินคิดว่าฉู่เหยียนจะโกรธและหลบหน้า ไม่คิดเลยว่าเธอจะลงมาจากรถอย่างสง่าผ่าเผยทั้งยังจับมือกับเขา

เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน เย่ฉ่าวเฉิ่นจึงเลี่ยงเธอให้ไกลเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและแสดงออกถึงความเฉยเมย ทั้งยังตอนที่เธอมองเขา เขาก็มักจะหลบตาได้อย่างแนบเนียน

มู่เวยเวยแปลกใจ ทำไมเขาต้องคอยหลบเธออย่างนี้?

แต่เธอต้องใกล้ชิดเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้เรื่องอะไร?

เวลาพัก เธอมองเย่ฉ่าวเฉินเดินออกไปและกัดฟันเดินตามเขา

เย่ฉ่าวเฉินยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่ สังเกตเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้จึงหันหน้าไปมอง เป็นเธอเอง

“ประธานเย่ ขอถามหน่อยนะคะว่าฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?”น้ำเสียงของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความโกรธและการกล่าวหา

เย่ฉ่าวเฉิ่นเขี่ยบุหรี่ในมือทิ้ง ขมวดคิ้วและถามว่า“คุณหนูฉู่ทำไมถึงถามแบบนี้ครับ?”

“ประธานเย่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานฉันไม่ได้อยากให้คุณรับผิดชอบ แล้วฉันก็ไม่ได้ต้องการให้คุณรับผิดชอบอะไร คุณเองก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะกวนใจอะไรคุณ นอกจากนี้ ในฐานะที่คุณเป็นท่านประธานของหวงเย่มันเหมาะสมเหรอที่จะทำตัวเย็นชาใส่คู่ค้าของคุณเช่นนี้?”มู่เวยเวยแสยะยิ้ม

เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งเข้าใจ ว่าเธอเข้าใจผิด และเขาก็ยังมีข้อสงสัยในท่าทีของเธอจริงๆ

“คุณหนูฉู่ คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ทั้งหมดนี้มันเป็นปัญหาของผม ขอโทษด้วยนะครับ”

มู่เวยเวยร้องเฮอะและถลึงตาใส่เขาก่อนเดินจากไป

เธอสะใจมาก ไม่เคยพูดจาเย่อหยิ่งต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน ไม่แปลกเลยที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้อำนาจและเหยียบย่ำกดขี่คนที่เกลียดหรือไม่ชอบได้ตลอดเวลา

เย่ฉ่าวเฉิ่นมองตามแผ่นหลังเธอ เขาร้อนใจ ถ้าใกล้เกินไปก็กลัวว่าเธอจะหนีห่าง

หลังถูกตำหนิท่าทีของเย่ฉ่าวเฉิ่นก็ดีขึ้นมาก อย่างน้อยในที่ประชุมเขาก็ทำตัวปกติ

เพื่อประหยัดเวลา จึงเลือกทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท

เย่ฉ่าวเฉิ่นยื่นจานข้าวให้เธอ “ คุณหนูฉู่ชอบทานอะไรก็เลือกเองได้เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะ ประธานเย่ไม่หลบหน้าฉันแล้วหรอ?” มู่เวยเวยถามด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีเจตนาร้ายอะไร “คิดๆแล้วฉันต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าคุณ ทำไมถึงกลับกันอย่างนี้ละ”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ดวงตาคู่นั้นของเธอ ข่มความสั่นไหวของหัวใจแล้วฝืนยิ้มออกมา “คุณหนูฉู่ ให้ผมขอโทษคุณสักครั้งไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลังจากมู่เวยเวยเดินตามเขาไป เธอทั้งคีบอาหารในจานทั้งพูดไปด้วยพร้อมกัน “จริงๆแล้วอาหารก็ไม่เลวนะ ขอโทษด้วยละกัน ตอนนั้นฉันใจร้อนไปหน่อย”

เย่ฉ่าวเฉินไม่นึกเลยว่าเธอจะขอโทษ“ไม่เป็นไร มันเป็นความผืดของฉันเอง”

“ฉันหวังว่ามันจะไม่ส่งผลต่อธุรกิจของเรานะ ไม่อย่างนั้นกลับไปฉันถูกพ่อด่าตายแน่” มู่เวยเวยพูด

เย่ฉ่าวเฉินมองหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ครุ่นคิดอยู่พักนึงจึงเอ่ยถามเสียงเบา “คุณหนูฉู่ เรื่องเมื่อวาน...คุณไม่ถือสาอะไรแล้วจริงๆเหรอ?”

ใบหน้าของมู่เวยเวยพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ต้องพูดอย่างไรดี? เธอรู้สึกแย่จริงๆ แต่ไม่ได้จะว่าอะไร เพราะที่เธอมาก็เพื่อทำให้เขาชอบเธอ

“ประธานเย่ ถ้าฉันว่าอะไรคุณ คุณจะตอบฉันกลับมาว่าอย่างไร? คุณคิดว่าฉันอยากให้ปัญหาเล็กๆนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันไม่โกรธ คุณไม่คิดหรอว่าฉันจะดูเป็นผู้หญิงใจง่าย?”

ประธานเย่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ จริงๆแล้วปัญหานี้เขาไม่ควรพูดขึ้นมา แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่เธอปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ทำเรื่องที่ออกนอกลู่นอกทางไปมาก

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ควรทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น” เขาพูดออกมาอย่างจริงใจ

มู่เวยเวยไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ