วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 172

"ตอนนี้หรือ? "มู่เวยเวยขมวดคิ้ว

"ใช่ค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ" แอร์โฮสเตสมองมาที่เธอแล้วพูดว่า "หลังจากที่คุณคลอดลูกแล้วหน้าตาคุณก็ดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ "

มู่เวยเวยไม่อยากสนใจคำพูดนั้น ก้มมองลงไปที่หน้าลูกน้อยที่กำลังดูดนมแล้วทำสีหน้าแบบขอร้อง “ ให้เด็กดูดนมให้เสร็จก่อนได้ไหมคะ กลัวเขาจะหิว”

ไม่คิดว่าแอร์โฮสเตสจะพูดง่ายขนาดนี้ นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับนั่งไขว่ห้างแล้วพูดว่า “ ก็ได้ค่ะ จะให้เด็กหิวได้ยังไงละคะ”

พูดถึง หลังกินเสร็จมื้อนี้แล้วคงจะไม่มีมื้อต่อไปอีก

……

แอร์โฮสเตสพามู่เวยเวยมาถึงวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง โดยมีบอดี้การ์ดพกปืนที่คอยเฝ้าอยู่ ที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป

มู่เวยเวยอุ้มทารกน้อยที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขนของเธอไว้แน่น ๆ และเดินเข้าไปในล็อบบี้ “ไปแจ้งเจ้านายหน่อย ว่าคนที่ต้องการพบมาถึงแล้ว” แอร์โฮสเตสกระซิบกับชายที่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าล็อบบี้ของวิลล่า

ชายดังกล่าวหันหลังและเดินไปอย่างรวดเร็ว

วิลล่าแห่งนี้ไม่ได้หรูหราจากภายนอก แต่เป็นภายในต่างหากที่หรูหราเป็นอย่างมากเพราะภายในนั้นตกแต่งอย่างอลังการด้วยเครื่องหยกและเครื่องทองทุกที่โดยเฉพาะพระพุทธรูปในห้องโถงใหญ่นั้น ดูแวบแรกก็รู้เลยว่าทำมาจากทองคำบริสุทธิ์

“สวัสดีค่ะ เจ้านาย”

มู่เวยเวย หันมาอย่างกะทันหัน และมองเห็นชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีเงินซึ่งมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เขามีดวงตาคมที่น่าดึงดูและมีเสน่ห์ หุ่นแบบมาตรฐานนายแบบ สูง 180 กว่า และสวมชุดสูทดำระดับไฮเอนด์แบรนด์ อามานี่ ที่ดูแล้วช่างหรูหราและดูดีเหลือเกิน

ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากๆคนหนึ่งแน่จากรูปร่างและการสวมเสื้อผ้าของเขาทำให้ผู้คนสงสัยและอยากเห็นหน้าตาภายใต้หน้ากากสีเงินนั้น

เขายิ้มอ่อนๆบนมุมปาก เดินตรงเข้ามา น้ำเสียงเขาไพเราะเหมือนเสียงไวโอลินช่างน่าฟังเหลือเกิน

“สวัสดีคุณมู่ ! ในที่สุดเราก็ได้พบกัน ”

มู่เวยเวยถอยหลังไปก้าวหนึ่ง และจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา “ ที่คุณต้องการพบฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"

เจ้านายชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเธอแล้วพูดว่า "อย่าเพิ่งรีบร้อน นั่งลงแล้วค่อยๆคุยกันก่อน”

มู่เวยเวย ยืนนิ่ง

"เด็กคนนี้คือลูกของเย่ฉ่าวเฉินหรือเปล่า" เขาถามอย่างสงสัย "ได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กพิเศษ อุ้มมาให้ดูหน่อยซิ"

มู่เวยเวยกอดเด็กแน่นไว้กับอกทันที เธอหันหลังและเตรียมวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปไม่เกินสองเมตรเธอก็ถูกการ์ดที่ถือปืนขวางไว้

แอร์โฮสเตสเดินเข้ามา และพูดด้วยรอยยิ้ม " มู่เวยเวยไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานคำสั่งของเจ้านายได้ เว้นแต่ว่าคุณต้องการให้เด็กคนนี้ตายตอนนี้"

"อย่าแตะต้องลูกของฉันนะ พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่ " มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

แอร์โฮสเตสขยิบตาให้การ์ดทั้งสอง โดยการ์ด์ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาจับแขนเธอโดยตรง แม้จะมีการต่อสู้ที่สิ้นหวังของมู่เวยเวยก็ตาม แต่เด็กน้อยก็ถูกแอร์โฮสเตสพรากไปอย่างง่ายดายอยู่ดี

ทารกที่มีความผูกพันพิเศษกับแม่ของเขา ทันทีที่ออกจากอ้อมแขนของมู่เวยเวย เด็กน้อยก็ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที หัวใจคนเป็นแม่อย่างมู่เวยเวยก็แทบแตกสลาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กร้องไห้ตั้งแต่เขาเกิด ถ้าเขาหิวเขาแค่เพียงทำตาโตเพื่อมองแม่ของเขาด้วยสายตาที่โหยหา ทันทีที่มู่เวยเวยป้อนนมเขาก็จะยิ้มให้ทันที

" ขอร้องละ ช่วยส่งลูกให้ฉันหน่อยเถอะ เขาอายุแค่สามวันเอง" มู่เวยเวยร้องไห้และตะโกน พยายามที่จะรีบเข้าไปอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยน แต่เธอก็ถูกชายร่างใหญ่ทั้งสองรั้งไว้อย่างช่วยไม่ได้

แอร์โฮสเตสอุ้มเด็กน้อยไปด้านหน้าเจ้านาย เขามองลงมาและอุทานว่า “นี่มันทายาทของเย่ฉ่าวเฉินไม่มีผิด อย่างกะถอดแบบออกมาจากพิมพ์เดียวกันเลย ”เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อย เด็กน้อยค่อยๆสัมผัสนึกว่าแม่จึงค่อยๆหยุดร้องไห้ แต่พอค่อยๆลืมตาดูแล้วไม่ใช่แม่ เด็กน้อยก็ตะโกนร้องไห้อีกครั้ง

“นัยน์ตาสีฟ้าข้างสีม่วงข้างเป็นสีนัยน์ตาที่คาดว่าน่าจะพบได้ยากบนโลกใบนี้” เจ้านายดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและเงยหน้าถามมู่เว่ยเว่ยที่กำลังสะอื้นอยู่นั้น "ฉันจำได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเขามีตาสีฟ้าแล้วลูกของเขาจะมีตาสีม่วงได้อย่างไร"

มู่เวยเวยจะกล้าบอกความจริงกับเขาได้อย่างไร หากบอกไปแล้ว ลูกน้อยของเธออาจเป็นตัวทดลองก็อาจเป็นได้.

“ฉันไม่รู้ ......ช่วยเอาลูกฉันคืนมา ได้โปรดเถอะให้ฉันทำอะไรก็ได้”

เจ้านายพยักหน้าด้วยความพอใจ และกวักมือเรียกหญิงสาวคนหนึ่งตัวไม่ค่อยสูงมาก แต่มีหน้าอกที่อวบอิ่มแล้วให้แอร์โฮสเตสส่งเด็กให้หญิงสาวคนนั้น

“นี่คือพี่เลี้ยงเด็ก เธอจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี ขอแค่คุณช่วยเหลือผมเรื่องหนึ่ง ผมก็จะคืนลูกให้คุณ”

มู่เวยเวยรู้ดีว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึงเธอสงบลงและเช็คน้ำตาออกแล้วถามว่า “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

กลับไปหาเย่ฉ่าวเฉิน ผมต้องการให้คุณช่วยหาของสิงหนึ่งให้ผม

สมองมู่เวยเวยสั่นระริกหลังจากที่เธอหลบหนีด้วยความยากลำบากแต่ตอนนี้เธอกลับต้องกลับไปอีกครั้ง นอกจากการทำเพื่อลูกแล้วนั้น เธอจะทำอะไรได้อีก

มู่เวยเวยถาม “ต้องการให้หาอะไร”

"แผนที่ขุมทรัพย์" ใบหน้าของเจ้านายที่เปลี่ยนไปแบบมืดมนดวงตาที่เจ้าเล่ห์เล็กน้อยของเขาเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีเสน่ห์ “มันคือแผนที่ขุมทรัพย์ที่มีสมบัติมหาศาล หาให้เจอ แล้วนำมาแลกกับตัวเด็ก”

มู่เวยเวยมึนงงไปสักสองวิ ทำไมตระกูลเย่อยู่ดีๆถึงเกิดมีแผนที่ขุมทรัพย์ขึ้นมา เธออยู่ตระกูลเย่ตั้งนานทำไมยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนและพี่ชายก็ไม่เคยพูดถึงด้วย

เจ้านายมองเธอด้วยความตะลึงและพูดต่อว่า “ผู้ถือครองแผนที่ขุนทรัพย์คนสุดท้ายคือพ่อของเย่ฉ่าวเฉินหลังจากที่พ่อเขาเสีย แผนที่ขุมทรัพย์นั้นก็หายไป หากเธอกลับไปครั้งนี้ทำตัวตีสนิทเขาและสอบถามเบาะแสมาและแน่นอนหากเธอสามารถหามันมาได้และนำกลับมาด้วยตนเองจะเป็นการดีที่สุด

เด็กน้อยค่อยๆหยุดร้องไห้จากการปลอบโยนของพี่เลี้ยงเด็ก มู่เวยเวยไม่อาจปฎิเสธคำขอนี้ได้ แต่ “ ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินได้แตกหักกันแล้วและไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ หากไม่มีลูกยิ่งไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ บางทีเขาอาจฆ่าฉันก็ได้แล้วคุณจะให้ฉันเข้าหาเขาได้อย่างได้"

“คุณสบายใจได้ทางเราได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณแล้ว คุณจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร”

แอร์โฮสเตสเดินมาพร้อมกับร่างบางเอวเล็กเของเธอพร้อมกับจับมือของมู่เวยเวย “ไปกันเถอะค่ะ คุณมู่ ”

ชายร่างใหญ่ทั้งสองมาพยุงตัวมู่เวยเวยและพาเดินออกไปด้านนอน มู่เวยเวยมองดูลูกน้อยที่กำลังจะแยกจากเธอและตะโกนขึ้นมาว่า “เดี๋ยวก่อน! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง! ขอฉันมองหน้าลูกอีกครั้ง!”

เจ้านายเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้า พี่เลี้ยงสาวอุ้มลูกน้อยไว้ต่อหน้าเธอ

ดวงตาของเด็กน้อยเปิดกว้างเมื่อมองเห็นเธอสีหน้าเด็กน้อยก็เริ่มเปลี่ยน มู่เวยเวยรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากเละน้ำตาก็ไหลออกมา

ลูกรัก ,แม่ขอโทษนะลูก ลูกอายุแค่ 3 วันเอง แม่ต้องทิ้งลูกไว้ข้างหลัง

“ คุณมู่ ! คุณต้องจำไว้ เวลาของผมมีจำกัด ผมให้เวลาคุณครึ่งปี ภายในครึ่งปีนี้ผมจะคอยดูแลลูกคุณอย่างดี แต่ถ้าหากครึ่งปีนี้คุณยังทำไม่สำเร็จ คุณคงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“ ไม่ ! ฉันทำได้สำเร็จแน่นอน คุณอย่าทำอะไรลูกฉันนะ” มู่เวยเวยตะโกนใส่เขา

พี่เลี้ยงเด็กอุ้มเด็กน้อยถอยหลังออกมา มู่เวยเวยได้แต่มองตามหลังลูก เธออยากที่จะมองให้นานกว่านี้เหลือเกิน

“ เชิญ! คุณมู่ ขอให้ทำงานสำเร็จอย่างราบรื่น”

ไม่นาน มู่เวยเวยก็ถูกแอร์โฮสเตสดึงตัวออกไป

หนึ่งเดือนต่อมา เครื่องบินที่บินจากฮ่องกงก็ถึงจุดหมายปลายทาง เมืองA

........

เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป

ภายในห้องประชุม เย่ฉ่าวเฉินกำลังหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัท MK ที่เดินทางมาจากฮ่องกง

หลังจากที่มู่เวยเวยหายตัวไป เย่ฉ่าวเฉินก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดไปให้กับงาน โดยแผนธุรกิจในครึ่งปีมานี้ทำให้ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป เติบโตขึ้นถึง 30 % และเขายังทำตัวเหมือนนักบวช แค่มีผู้หญิงเดินเข้ามาคุยด้วย เขาก็พูดอย่างเย็นชาจนทำผู้หญิงทั้งหลายรีบเดินถอยกลับ

ในความร่วมมือกับบริษัท MK ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เน้นไปทางด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว บริษัท MK ต้องการสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ในเมือง A โดยให้บริการด้านการวางแผนอุปกรณ์สวนสนุกก่อนการก่อสร้างและการสนับสนุนด้านเทคนิคอื่น ๆ ทั้งหมด ส่วนเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปนั้นถือว่าเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในเมือง A โดยรับผิดชอบประสานงานในส่วนท้องถิ่น ทั้งการจัดซื้อที่ดินและการฝึกอบรมบุคลากร ฯลฯ

“ ท่านประธานเย่ครับ! ทางบริษัท MK ของเราเต็มไปด้วยความคาดหวังในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ขอให้เราประสบความสำเร็จในความร่วมมือครั้งนี้ด้วยนะครับ” ตัวแทนจากบริษัทMK กล่าว

“แน่นอนครับ ! รบกวนถามหน่อยครับ แล้วเมื่อไหร่ผู้รับผิดชอบของบริษัทของคุณจะมาถึงละครับ เพราะมีบางเรื่องที่ทางเราต้องดำเนินการโดยเร็วครับ”

ตัวแทนของบริษัทดันแว่นขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ผู้ที่รับผิดชอบโครงการนี้ ก็คือคุณฉู่เหยียนลูกสาวคนที่สองของท่านประธาน เธอเพิ่งมาถึงเมือง A เมื่อเช้านี้เองครับ”

เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “ ครับ ? แล้วทำไมคุณไม่แจ้งผมก่อน ? ทางเราจะได้เตรียมคนไปรับที่สนามบิน” ในใจก็แอบคิด โปรเจคใหญ่ขนาดนี้กลับส่งลูกสาวมาแทน จะรับไหวหรือ!

“คุณหนูรองของเราคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างไม่คอยให้ความสำคัญในตรงจุดนี้ครับ” ตัวแทนพูดคำดังกล่าว “พรุ่งนี้ คุณเธอจะเข้ามาพบด้วยตัวเธอเองครับ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ มิกล้าครับ ทางเรารอการมาเยือน รบกวนช่วยแจ้งคุณฉู่ด้วยนะครับ ค่ำพรุ่งนี้ทางเราจะจัดงานตอนรับให้”

“ได้ครับ”

ณ โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองA

“คุณหนูรอง พร้อมแล้ว ต้องการออกไปตอนนี้เลยไหม” ผู้ติดตามถาม

หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างหันหน้าไปรอบๆใบหน้าที่สดใสและมีเสน่ห์ในดวงตาสีดำของเธอเหมือนดังทะเลสาปที่ไม่อาจหยั่งรู้ ริมฝีปากสีแดงเปิดขึ้นเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปตอนนี้เลย”

เป็นเวลาเที่ยง รถค่อยๆเคลื่อนตัวบนถนนอย่างช้าๆ คุณหนูรองเอียงศีรษะมองออกไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ ถึงฤดูร้อนอีกครั้งแล้วเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

เมื่อรถกำลังจะกลับรถอยู่นั้น รถก็เบรกอย่างกระทันหัน จนทำให้ฉู่เหยียนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างแรง

“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ? ”

คนขับมองออกไปนอกรถด้วยความไม่แน่ใจ “ ดูเหมือนว่า......เราจะชนโดนคน”

ฉู่เหยียนขมวดคิ้ว รถขับช้าขนาดนี้ยังชนคนได้?

“ลองลงไปดูซิ”

เมื่อคนขับลงจากรถ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยมีรถยนต์ไฟฟ้าคว่ำอยู่ เขามองดูคนขับ และตะโกนว่า "เฮ้ คุณขับรถยังไงของคุณนะไม่มีตาหรือ! รถคุณชนฉันจนขาหักเลยเห็นไหม ”

คนขับสังเกตใบหน้าของเขาและมองไปยังทิศทางที่เขากำลังล้มดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การชน ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า "ฉันขับรถตามเส้นทางกฎจราจรแต่ตรงนี้ไม่ใช่ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้า ช่องเดินรถยนต์ไฟฟ้าควรอยู่อีกด้านหนึ่งของเส้นสีเขียว งั้นคุณทำไมขับ ... "

“ คุณหมายความว่าไง ? หรือคุณหาว่าผมไม่รักชีวิตจงใจวิ่งเข้ามาชนหรือ” ชายคนนั้นพูดแทรกคนขับทันทีอย่างรุนแรง

“ผมกำลังให้เหตุผลคุณอยู่”

“คุณชนคนแล้วยังมีเหตุผลอีกหรือ”

คนขับมองไปที่คนในรถแล้วพูดอย่างหมดหนทาง “แล้วคุณต้องการอะไร !”

ดวงตาของชายคนนั้นสว่างขึ้นมาทันที เขายื่นนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ สองหมื่นหยวน แล้วเราลงมาคุยกันแบบส่วนตัว”

คนขับถึงกับผงะ ฮึฮึ นี่คือ แก๊งตบทรัพย์ในตำนานนั้นเอง

“ นี่ ลูกพี่ กำลังปล้นธนาคารหรือครับ ! ” คนขับอดประชดประชันไม่ได้

ชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่ยอมจ่ายแน่ๆ เขาก็ตะโกนทันที "โอ๊ย... รถชนคนแล้วต้องการหนี ทุกคนช่วยมาดูเร็วๆ ฉันกำลังจะถูกเขาชนตายแล้ว ... "

ทันทีที่ชายคนนั้นตะโกนจบก็มีคนสองสามคนโผล่มาจากไหนไม่รู้ชี้ไปที่คนขับรถแล้วพูดว่า "ทำแบบนั้นได้อย่างไร ชนคนแล้วยังจะหนีอีก"

"คุณชนคนจนขาหัก คุณต้องจ่ายค่าชดเชย"

หลายๆคนที่มุมดูกำลังกระซิกคุยกันเรื่องนี้ คนขับฟังแล้วขมวดคิ้ว ส่วนฉู่เหยียนดูหดหู่อยู่ในรถไม่คาดคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาที่เมืองA

เพื่อแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ฉู่เหยียนออกจากรถและเดินมาที่หน้ารถฉากที่ยังคงมีเสียงดังอยู่ก็เงียบลงและสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ผู้หญิงที่สวยคนนี้

แก๊งตบทรัพย์คนนั้นปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นเจ้าของรถใช่ไหม รถของคุณชนผม คุณจะทำอย่างไร”

ฉู่เหยียนมองเขาอย่างเย็นชาและพูดตรงๆว่า "คุณต้องการเงินเท่าไหร่?"

แต่เดิมชายคนนั้นคิดจะพูดว่า สองหมื่นหยวน แต่ดูสีหน้าเธอแล้ว รีบพูดออกมาว่า “ หนึ่งหมื่นหยวน”

ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเย็นชาแม้ว่ามันจะเป็นการเยาะเย้ย แต่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และคำพูดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจเธอ

“ ห้าร้อย ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาให้คุณ” ฉู่เหยียนพูดอย่างเย็นชา

"อะไรนะห้าร้อย คุณให้ขอทานหรือเปล่า" ชายคนนั้นโกรธมากและเงินจำนวนเล็กน้อยนั้นก็ไม่พอแบ่งคนแถวนี้"หมื่นหยวน ! ถ้าคุณไม่ให้ผมจะอยู่ใต้รถของคุณวันนี้อย่าหวังว่าคุณจะได้ไปไหนได้”

บนเลนหลัง มีรถปอร์เช่สีดำขับมาใกล้ เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหารมองไปที่การจราจรนอกหน้าต่างอย่างเกียจคร้านและเห็นกลุ่มคนที่รวมตัวกันที่ฝั่งตรงข้าม

ทันใดนั้นร่างของคนคนหนึ่งก็ล้มลงในสำนึกของเขา หัวใจของเขาดูเหมือนจะโดนอะไรบางอย่างตีเข้าที่หัวใจของเขา และเขาก็พูดกับจางเห่ออย่างเร่งรีบว่า "หยุดรถ"

จางเห่อไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร เขารีบหันพวงมาลัยและหยุดที่ข้างถนนอย่างรวดเร็ว

“ คุณชาย ! เป็นอะไรรึเปล่า ...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็ได้ยินเสียง "ป๊อป" จากนั้นเขาก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินเดินไปยังเลนตรงข้าม

คุณชายเห็นอะไร? จางเห่อมองไปในทิศทางของเขาและด้านหลังของผู้หญิงที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

จางเห่อหายใจถี่และรีบลงจากรถและวิ่งตามไปฝั่งตรงข้าม

ฉู่เหยียนเห็นว่าชายหนุ่นยังคงพยายามเข้าไปใต้ท้องรถ เธอแทบจะหัวเราะดังๆออกมา ทำทุกอย่างเพื่อเงินได้จริงๆ

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ออกมา” ฉู่เหยียนถามเขา

ชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้นโดยจับหน้าอกของเขาและตะโกนว่า "คุณชนผมและผมขยับตัวไม่ได้ออกไปไม่ได้แล้ว"

ฉู่เหยียน จ้องที่เขาและพูดกับคนขับว่า “เสี่ยวฟัง โทรหาตำรวจ”

“ เฮ่! ถึงคุณจะแจ้งความผมก็ไม่กลัว เพราะผมมีเวลาเหลือเฟือที่จะเล่นกับคุณ…”

ฉู่เหยียนกำลังจะพูดทันใดนั้นไหล่ของเธอก็ถูกคว้าไว้ หลังจากที่ท้องฟ้าหมุนไปนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอและรู้สึกได้ถึงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นอย่างแรง

สีหน้าของ เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปจากความตื่นเต้นแปลกใจไปจนถึงการสูญเสียและในที่สุดก็มีอาการปวดตาเล็กน้อย

ไม่ใช่เธอ ไม่คาดคิดว่าไม่ใช่เธอ

เห็นได้ชัดว่าข้างหลังคือคนที่กำลังฝันแต่ทำไมหน้าแปลกขนาดนี้ ยกเว้นดวงตาสีเข้มคู่นี้ ...

ฉู่เหยียนมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ แสร้งทำเป็นแปลกใจ“ นี่คุณ! คุณกำลังทำอะไรอยู่?”

เย่ฉ่าวเฉินยืนตัวแข็งสักพัก แม้แต่เสียงของเธอก็ยังเหมือน

“นี่คุณ คุณกำลังทำฉันเจ็บ” ฉู่เหยียนมองเขาอย่างไม่พอใจ

“ ขอโทษครับ ! เย่ฉ่าวเฉินจ้องตรงไปที่ดวงตาที่แปลกประหลาดและคุ้นเคยคู่นั้นและปล่อยไหล่ของเธอเบา ๆ เสียงของเขาแห้งและต่ำลึก" ผมขอโทษครับ พอดีผมจำคนผิด "

ฉู่เหยียน ยิ้มอย่างเฉยเมย "ไม่เป็นไร" จากนั้นก็หันกลับไปเจรจากับคนที่อยู่ใต้รถ "อืมได้ ฉันจะเพิ่มให้อีกห้าร้อยนายออกมาได้ ไม่งั้นเราคงทำได้แค่รอตำรวจมาเจรจา "

เย่ฉ่าวเฉิน ยืนอยู่ข้างหลังเธอและมองไปที่ด้านหลังและฟังเสียงของเธอหัวใจของเขาสั่นเล็กน้อยจะมีเรื่องบังเอิญในโลกแบบนี้จริงหรือ? ที่ความสูงเท่ากันเสียงเดียวกัน แต่หน้าตาต่างกันนิดเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ