วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 177

"หนานกงเฮ่า นายแน่ใจนะว่าจะมาคุยกับฉันเรื่องใครผิดใครถูก?" ขณะที่พูดไปบรรยากาศรอบตัวเย่ฉ่าวเฉินก็ดูมีพลังหนักแน่นขึ้นมาก

หนานกงเฮ่ารู้สึกกลัวพลังลึกลับของอีกฝ่าย ไม่กล้าอยู่ต่อหน้าเขานานนัก จึงหันไปพูดกับมู่เวยเวยที่ยืนดูอยู่ว่า "คนสวย เย่เฉ่าเฉินมีภรรยาอยู่แล้ว อย่าถูกเจ้าหมอนี่หลอกซะล่ะ" เมื่อพูดจบ หนานกงเฮ่าก็พาสาวสวยของเขาเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้มู่เวยเวยได้เข้าใจชัดเจนแล้วว่า คนที่แสร้งทําตัวว่าเป็นพี่ชายมาที่วิลล่าเพื่อพาตัวเธอไปในครั้งแรกนั่นก็คือหนานกงเฮ่านั่นเอง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนที่สวมหน้ากากสีเงินชิงตัดหน้าเสียก่อน เธอจึงถูกพาตัวไปที่เกาะ

ดังนั้นการที่เย่ฉ่าวเฉินเกลียดเขานั้นก็ย่อมมีเหตุผล เธอจําได้ว่าคืนนั้นเย่ฉ่าวเฉินไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านตระกูลหนานกง เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถกลับมาหยุดเธอได้ทัน มันจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างนั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถของเย่ฉ่าวเฉิน เขาสามารถมาอยู่ข้างกายเธอได้ในทันที

น่าเสียดาย สิ่งที่หนานกงเฮ่าตรากตรำมากลับกลายเป็นประโยชน์ให้คนอื่น ชายหน้ากากเงินได้เก็บเกี่ยวปลาที่คนอื่นจับได้ และเธอก็คือปลาใหญ่ตัวนั้นที่หลายคนต่อสู้แย่งชิงกัน

"คุณฉู่ครับ ถ้าในอนาคตชายคนนี้มาหาคุณ ถ้าไม่ไปพบกับเขาได้ก็จะดีกว่า" เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างจริงจัง

มู่เวยเวยคิดในใจว่า ฉันก็ไม่อยากเจอหมอนี่เหมือนกัน เธอจึงรีบพยักหน้า "อ้อ โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"

"แล้วพบกันใหม่ครับ" เย่ฉ่าวเฉินอารมณ์ไม่ดี หลังจากกล่าวลามู่เวยเวยแล้ว เขาก็หันหลังกลับและขึ้นรถไปโดยไม่รอให้เธอได้ตอบอะไร

......

ในวันพิธีตัดริบบิ้นเปิดงาน อากาศค่อนข้างร้อนผิดปกติ

มู่เวยเวยสวมชุดเดรสสีขาว รองเท้าส้นสูงสีเงิน ผมยาวสลวยถูกรวบไว้หลังศีรษะ ความสดชื่นแจ่มใสนั้นดึงดูดความสนใจของผู้ชายในงานได้ไม่น้อย

มู่เวยเวยเป็นผู้หญิงประเภทเรียบร้อยน่ารัก แม้ว่าจะมีคนเหลียวหลังกลับมามองบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับมากมายขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะฉู่เหยียนคนนี้หน้าตาสวยเกินไป และมีแรงดึงดูดความสนใจเพศตรงข้ามอย่างมาก

เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่หลังไมโครโฟน กล่าวถึงอนาคตอันยิ่งใหญ่ของโครงการนี้ และผลประโยชน์ด้านความบันเทิงและเศรษฐกิจที่จะนำมาสู่เมือง A

เมื่อเสียงประทัดดังขึ้น โครงการสวนสนุกจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยก็สำรวจสถานที่ก่อสร้างด้วยกัน เย่ฉ่าวเฉินมาฐานะประธานใหญ่จากเย่หวงก็ได้แนะนําสิ่งต่าง ๆ ให้เธอด้วยตัวเอง ว่าที่ตรงนี้จะสร้างอะไร ที่ตรงนั้นจะสร้างอะไร ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความร่วมมือกัน

หลังจากเดินไปได้สักพัก มู่เวยเวยก็รู้สึกปวดเท้า รู้อย่างนี้แต่แรกเธอน่าจะสวมรองเท้าส้นแบนมา การสวมรองเท้าส้นสูงนั้นเท่ากับเป็นการทรมานตัวเองเสียจริง

"ตรงนี้จะสร้างเป็นรถไฟเหาะ เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะกลายเป็นรถไฟเหาะที่ใหญ่ที่สุดในเมือง A ส่วนด้านนั้นเป็นเวทีเทพนิยายต่าง ๆ จะมีเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ เจ้าหญิงออโรร่า เป็นต้น เทพนิยายต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคยกันดีจะมาขึ้นแสดงอยู่บนเวทีนี้" เย่ฉ่าวเฉินเดินช้า ๆ พลางอธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียด แม้ว่าตอนนี้ที่ตรงนี้จะยังเป็นเพียงที่ว่างเปล่าก็ตาม

มู่เวยเวยตั้งใจฟังอย่างมาก และโดยไม่ทันระวัง เท้าของเธอก็เหยียบลงไปในหลุมดินเล็ก ๆ

"โอ้ย——"

เย่ฉ่าวเฉินโอบเอวเธอไว้อย่างรวดเร็ว

อุณหภูมิในฤดูร้อนที่สูงอยู่แล้ว ประกอบกับทั้งสองที่เดินมานานกว่าสิบนาที อุณหภูมิของร่างกายก็สูงจนน่าตกใจ

มือของเย่ฉ่าวเฉินรั้งเอวบางของเธอไว้ ความร้อนแผ่ซ่านกระจายอย่างต่อเนื่อง ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกว่าผิวหนังบริเวณที่เขาสัมผัสนั้นใกล้จะไหม้แล้ว

"ระวังหน่อยครับ" เย่ฉ่าวเฉินกล่าวขึ้นเหนือศีรษะของเธอ

มู่เวยเวยใช้ความแข็งแรงของเขาดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ "ขอบคุณค่ะ"

"ไม่ต้องเกรงใจครับ ไซต์งานก่อสร้างก็จะเดินไม่ค่อยสะดวกนัก วันนี้คุณน่าจะสวมรองเท้าส้นแบนมา" เย่ฉ่าวเฉินกล่าวอย่างใจเย็น แต่หัวใจเขากลับเต้นแรงไม่ปกติ

ลูกน้องที่เดินตามหลังมาก็สบตากันอย่างพร้อมเพรียง ราวกับต้องการสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้พวกเขา จึงพากันเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า

มู่เวยเวยยิ้มเจื่อน "ฉันไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น ถ้ามาครั้งหน้า ฉันจะเชื่อฟังตามข้อเสนอของคุณ"

"ถ้างั้นยังจะดูต่อไหม?" เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองสถานที่ก่อสร้างที่ว่างเปล่า "จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าดู ถ้าคุณสนใจก็กลับไปดูแบบจากภาพได้ แถมอากาศก็ร้อนเกินไป และที่นี่ก็ไม่เหมาะสําหรับผู้หญิง"

มู่เวยเวยนั้นถูกแดดเผาจนแทบทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ แต่หากเธอกลับไปคนเดียว มันก็จะดูไม่เป็นมืออาชีพเกินไปหรือเปล่า?

"ทุกคนก็อยู่ที่นี่ ฉันกลับไปคนเดียวคงจะดูไม่ดี"

เย่ฉ่าวเฉินหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า "คุณรอผมสักครู่ ผมจะไปทักทายพวกเขาหน่อย แล้วจะกลับไปพร้อมกับคุณ"

"อา? นี่มัน......"

"ไม่มีปัญหาครับ ผมรู้ทุกอย่างที่นี่ดีอยู่แล้ว จุดประสงค์หลักของวันนี้คือการแนะนำให้คุณ ถ้าคุณไม่ไปต่อ ผมก็ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว คุณรอผมที่นี่สักครู่นะครับ"

พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็เดินไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่เห็นพวกเขามองมาที่มู่เวยเวย จากนั้นก็พากันพยักหน้า ไม่นานเขาก็เดินกลับมาแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ ที่นี่มีประธานจางอยู่"

มู่เวยเวยถามขึ้นอย่างสงสัย "คุณไปพูดยังไงกับพวกเขา?"

"ผมบอกว่าเท้าคุณเจ็บ และต้องการพักผ่อน" เย่ฉ่าวเฉินประคองเอวเธอไว้ ทั้งสองเดินออกจากไซต์งานก่อสร้าง โดยไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างสอดรู้สอดเห็นของคนข้างหลัง

เมื่อกลับเข้ามาในรถ พอเปิดเครื่องปรับอากาศ ลมเย็น ๆ ก็พัดโชยมา มู่เวยเวยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

เย่เฉาเฉินหยิบน้ำสองขวดจากท้ายรถ ส่งให้เธอขวดหนึ่ง บิดฝาแล้วดื่มเองไปอึกใหญ่ แล้วถามขึ้นลอย ๆ ว่า "โครงการนี้อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ในระหว่างนี้คุณไม่สามารถกลับฮ่องกงได้เลยงั้นเหรอ?"

สีหน้าของมู่เวยเวยสงบนิ่ง "ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ถ้าโครงการนี้ไปได้ดี ฉันก็สามารถกลับไปฮ่องกงสักสองสามวันได้”

"แล้วท่านประธานฉู่ล่ะ? ท่านจะไม่มาดูงานสักหน่อยเหรอ?"

"คุณพ่อยุ่งมากค่ะ" มู่เวยเวยหันไปมองเขา ในใจรู้ดีว่าเขากําลังทดสอบเธอ จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า "ทำไมคะ ท่านประธานเย่ไม่ไว้ใจฉันขนาดนี้เลยเหรอ?"

เย่ฉ่าวเฉินยกมุมปากขึ้นยิ้มบาง ๆ แล้วหันไปสบตาเธอ "เปล่าครับ เพียงแต่ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่เคยพบประธานฉู่เลยสักครั้ง ก็แค่รู้สึกสงสัยเท่านั้นเอง"

"โอ้ อย่างนี้นี่เอง" มู่เวยเวยพยักหน้าแล้วเบนสายตาออกไป มองต้นไม้ต้นเล็กที่ถูกแดดเผาจนใกล้ตายตรงหน้าแล้วพูดว่า "ฉันนึกว่าคุณรังเกียจที่ฉันอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย"

เย่ฉ่าวเฉินก็ละสายตาออกไป ดวงตาสีฟ้าของเขาดูราวกับเป็นส่วนลึกของทะเล "ไม่เลย ตรงกันข้าม คุณเป็นหุ้นส่วนที่ดีมาก คุณไม่เคยเรียกร้องอะไรมากเกินไป และรักษาความไว้วางใจสูงสุดกับบริษัทของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก"

มู่เวยเวยหัวเราะคิกคัก "เย่ฉ่าวเฉิน นี่คุณกำลังชมฉันหรือทําร้ายฉันกัน?"

"แน่นอนว่าชมคุณสิ" เย่ฉ่าวเฉินสตาร์ทรถ "ไปกันเถอะ คุณจะกลับโรงแรมหรือว่า......"

"งั้นรบกวนคุณพาฉันไปดูอพาร์ตเม้นต์ใหม่หน่อยค่ะ เมื่อวานพวกเขาให้กุญแจฉันมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะย้ายเข้าอยู่ได้แล้ว"

"โอ้? ขอแสดงความยินดีด้วย ในที่สุดก็มีที่อยู่แล้ว"

รถออกจากสถานที่ก่อสร้างและมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

มู่เวยเวยนึกถึงภารกิจที่ชายสวมหน้ากากมอบหมายไว้ เธอคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า "จริงสิ คราวที่แล้วที่คุณบอกว่าคุณปู่ของคุณรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ คือประเทศไหนคะ ดีหรือเปล่า?"

เย่เฉ่าเฉินอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเธอและถามว่า "คุณถามถึงเรื่องนี้ทำไม?"

"ก็เพื่อนที่มาเมือง A เมื่อครั้งก่อนน่ะค่ะ อาการป่วยของเพื่อนเธอค่อนข้างพิเศษ แล้วสภาพแวดล้อมในประเทศเราก็แย่เกินไป โดยเฉพาะในฤดูหนาว หมอกควันรุนแรงเกินไป ดังนั้นเธอจึงอยากหาโรงพยาบาลที่ดีกว่าในต่างประเทศ หรือประเภทศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ" มู่เวยเวยพยายามทําให้เสียงของเธอฟังดูปกติ แม้ว่าเธอจะอยู่ในอาการประหม่ามากก็ตาม

เย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอย่างชัดเจน "ปู่ของผมอยู่ที่ออสเตรเลีย ประชากรที่นั่นน้อยและอากาศก็ดี มีสถาบันทางการแพทย์ที่ดีอยู่ไม่น้อย เพื่อนของคุณสามารถไปลองดูได้"

ตอนนี้เขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฉู่เหยียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ที่อยู่ของปู่ไปอย่างชัดเจน มันอันตรายเกินไป

มู่เวยเวยรับรู้ได้ถึงความระวังในคําพูดของเขา จึงไม่กล้าถามอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า "ได้ค่ะ ไว้ฉันจะบอกกับเพื่อน"

คนสองคนที่ต่างมีเรื่องในใจ ทำให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายและน่ารื่นรมย์กลายเป็นอึมครึมไปเล็กน้อย

......

อพาร์ทเมนต์ใหม่ของมู่เวยเวยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ดีที่สุดใจกลางเมือง ห่างจากเย่หวงกรุ๊ปโดยใช้เวลาเดินเพียงสิบนาทีเท่านั้น และเพื่อให้ใกล้นี่เอง เย่ฉ่าวเฉินจึงตั้งใจหาเป็นพิเศษ

เปิดประตูแล้วเข้าไป

นี่คืออพาร์ทเมนต์เดี่ยวที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ผังห้องแบบเปิดโล่ง การตกแต่งก็สมกับฐานะคุณหนูรองแห่งตระกูลฉู่ โซฟาสีเบจ ห้องครัวที่สวยงามประณีตและเรียบง่าย และห้องน้ำโปร่งใสทั้งหมด แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ทรงกลมที่ล้อมรอบด้วยผ้าม่านสีม่วง เพียงแค่มองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความโรแมนติก

"ว้าว การตกแต่งถือว่าไม่เลวเลย พื้นที่ก็ค่อนข้างใหญ่" มู่เวยเวยดูจะพอใจพอสมควร

เย่ฉ่าวเฉินกวาดสายตาสำรวจอย่างรวดเร็วและไม่เห็นด้วยกับมุมมองของเธอ "คุณฉู่ พื้นที่แคบๆ แบบนนี้ คุณถือว่าใหญ่?"

มู่เวยเวยกลอกตาใส่เขา "คุณเย่ คุณไม่รู้เหรอว่าที่ฮ่องกงพื้นที่เพียงตารางนิ้วแพงยิ่งกว่าทองคำ โปรดอย่าได้เชื่อในข่าวที่บอกว่าคฤหาสน์ของคนรวยในฮ่องกงเป็นอย่างไร บางทีอาจจะกว้างแค่ร้อยสองร้อยตารางเมตร ไม่สามารถมาเทียบกับคฤหาสน์บ้านคุณได้เลย อีกอย่าง ฉันก็อยู่ที่นี่แค่ปีครึ่ง สภาพนี้ฉันก็พอใจมากแล้วค่ะ"

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยินคําพูดของเธอก็พูดอะไรไม่ออก

มู่เวยเวยเดินเข้าไปในครัวและเปิดดูตู้ครัวต่าง ๆ หม้อและกระทะอุปกรณ์ครบครัน ฮึ คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะคิดได้รอบคอบมาก

เธอลองบิดสวิตช์ของเตาแก๊ส "ชี่" เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้น

"ในที่สุดก็ทำอาหารกินเองได้แล้ว ฉันเกือบเลี่ยนตายกับการทานข้าวข้างนอกแล้ว" ความปีติของมู่เวยเวยในครั้งนี้ไม่ใช่การเสแสร้ง เธอเบื่อที่จะทานอาหารนอกบ้านจริง ๆ

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "คุณทําอาหารเป็นด้วยเหรอ?"

มู่เวยเวยตอบกลับเขาว่า "เป็นสิคะ คุณเย่ ไม่ใช่ลูกคุณหนูทุกคนจะไม่เคยแตะต้องงานบ้าน สมัยที่ฉันไปเรียนที่ยุโรป ตอนที่เพิ่งไปถึงแรก ๆ ฉันไม่คุ้นเคยกับอาหารตะวันตก ก็เลยทำอาหารทานเอง อาจจะเป็นที่นั่นที่ฝึกฝนฉันมาก็ได้"

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินจับจ้องไปที่นิ้วของเธอ คิดไม่ถึงว่ามือขาวราวกับหยกคู่นี้จะทําอาหารได้

"เอ๋? ไม่มีเขียงกับมีดทำครัวเหรอเนี่ย?" มู่เวยเวยเขย่งปลายเท้าไปเปิดตู้ครัวด้านบนสุด พยายามดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น แต่ตัวเธอไม่สูงพอ เปิดอยู่หลายครั้งก็ยังเปิดไม่ได้

ในบ้านไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศและมันก็อบอ้าวมาก มู่เวยเวยขยับตัวไม่กี่ทีเหงื่อจากหน้าผากก็ไหลลงมาตามแก้ม และไหลลงไปที่คอยาวของเธอ......

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินเห็นภาพนี้เข้า ลูกกระเดือกในลําคอของเขาก็ขยับขึ้นลง

"ขอผมดูหน่อย" เขาหันเหความสนใจของตัวเอง และเดินไปช่วยเธอเปิด แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่ข้างใน ลองเปิดอีกตู้ก็ว่างเปล่าเช่นกัน

"ไม่มีนะ......" เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าลง ขณะที่มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับเข้ากับริมฝีปากของเธออย่างจัง

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง

เย่ฉ่าวเฉินบอกกับตัวเองในใจว่าต้องรีบออกไปโดยเร็วที่สุด แต่เขาก็ทำใจไม่ได้

มู่เวยเวยก็ตกตะลึง เธอไม่ได้คิดว่าตอนนี้ทําอะไรอยู่......

ริมฝีปากของเธอแห้งเล็กน้อย เธอจึงแลบลิ้นออกมาเลียปากเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว แต่กลับสัมผัสเข้ากับริมฝีปากของเขา เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเสียงในหัวใจของเขาขาดผึงอย่างชัดเจน

สำนึกหายไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น......มือทั้งสองข้างของเย่ฉ่าวเฉิน.......

หญิงสาวตกใจกับการกระทำของเขา......

"เย่ฉ่าวเฉิน......อย่าทำแบบนี้......" มู่เวยเวยพูดเสียงเบา

แต่เย่ฉ่าวเฉินในตอนนี้จะหยุดได้อย่างไร เขาแทบรอไม่ไหวที่จะทำให้ทั้งตัวเธอ......

สติของมู่เวยเวยก็ค่อย ๆ จางหายไป......

เธอผลักศีรษะของเย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ตรงหน้าและพูดว่า "เย่ฉ่าวเฉิน หยุด หยุดนะ"

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกสับสนกับลมหายใจของเธอ นี่คือกลิ่นของภรรยาชัด ๆ เขากลัวว่าจะไม่ได้รับมากกว่านี้ เขาจะหยุดได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ