“ผม… ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมกับเธอไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เย่ฉ่าวเฉินลนลานอธิบาย
มู่เวยเวยมองไปยังหญิงสาวร่างบางที่อยู่ไม่ไกล แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านประธานเย่ เรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน”
เย่ฉ่าวเฉินขวางทางเธอไว้ สองมองจับไปที่ไหล่ แววตาเต็มไปด้วยความร้อนรน “จริงๆ ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
“คุณเย่ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้” มู่เวยเวยมองเห็นใบหน้าตัวเองในดวงตาสีฟ้าของเขา ทันใดนั้นก็คิดถึงสถานะของตัวเองขึ้นมาได้ “และอีกอย่าง คุณจะมาอธิบายกับฉันทำไม? คุณควรไปอธิบายกับคนที่เป็นภรรยาของคุณ”
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป ความเจ็บปวดเกิดขึ้นภายในใจ
ใช่ คนที่เขาควรอธิบายด้วยคือเวยเวย แล้วฉู่เหยียนเกี่ยวอะไรด้วย? เธอเหมือนกับเวยเวยมาก แต่ทำไมเวลาที่เห็นเธอโกรธตัวเขาเองถึงรู้สึกไม่สบายใจ?
“ฉู่เหยียนแม้คุณไม่เชื่อ ผมก็อยากให้คุณรู้ไว้ ผมไม่ได้ทำอะไรเธอ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมคงไม่ยืนอยู่ที่นี่” เย่ฉ่าวเฉินสงบสติอารมณ์แล้วอธิบายกับเธอ
มู่เวยเวยเอามือเขาออกจากหัวไหล่ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณเย่ ฉันบอกว่าไม่ต้องมาอธิบายกับฉัน ฉันกับคุณเราเป็นแค่เพื่อนกัน คุณไม่ต้องรับผิดชอบด้วยกันบอกเรื่องนี้กับฉัน ฉันมีธุระ ขอตัวก่อน”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องรั้งเธอไว้ จึงได้แต่มองเธอเดินจากไปทีละนิด ห่างออกไปจากสายตาตัวเอง
แต่นี่ก็ยืนยันเรื่องหนึ่งได้ เขาไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากเวยเวย
เมื่อขึ้นไปบนรถ ประตูรถก็ถูกปิดลงอย่างแรง
จางเห่อมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังด้วยความกังวลใจ แล้วจึงเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
“ที่ฉันสั่งให้นายตรวจสอบเรื่องฉู่เหยียนเมื่อครั้งที่แล้ว เป็นยังไงบ้าง? ต้องใช้เวลาอีกกี่วัน?” เย่ฉ่าวเฉินที่อัดอั้นความโกรธเอาไว้ ปล่อยคำถามใส่หน้าจางเห่อโครมๆ
จางเห่อผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วัน จะพูดอีกย่างฉู่เหยียนก็ไม่ใช่คนธรรมดา ให้ตรวจสอบละเอียดขนาดนั้นได้ที่ไหนล่ะ
“คุณชายเย่ ทางยุโรปยังไม่ได้ความว่ายังไง ผมจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดครับ”
เย่ฉ่าวเฉินสบถ “ไม่มีประโยชน์” แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง กลับมานึกถึงสีหน้าและท่าทีของฉู่เหยียน
ตามปฎิกิริยาของคนปกติ เธอแสดงอาการมากเกินไป แม้ว่าการกระทำของเขาจะดูไม่เหมาะสมอยู่สองสามครั้ง แต่เธอก็ไม่ควรอารมณ์รุนแรงขนาดนั้น และยังพูดถึงเวยเวยอีก?
มันผิดปกติเกินไป
เขาหวังในใจว่าขอให้ฉู่เหยียนคือเวยเวย แบบนี้อย่างน้อยก็แสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
ไม่ว่าเธอจะโกรธเขา เกลียดเขา ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เขาก็พอใจแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอใช้ความตายเพื่อต้องการหนีจากเขา เพราะเขาไม่ยอมปล่อยเธอไป ตอนนี้เธอจะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ เขากลับเป็นคนที่ต้องเสียใจ หากรู้เร็วกว่านี้ เขาจะปล่อยเธอไป อย่างน้อยเธอก็อยู่ในสายตาเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้
เขาทำลายตนเองจริงๆ
เมื่อกลับถึงคอนโด มู่เวยเวยนั่งไม่สบอารมณ์อยู่บนโซฟา เธอคว้าหมอนมาแล้วทำร้ายมันอย่างรุนแรง ปากก็พึมพำด่าเขาไม่หยุด “เย่ฉ่าวเฉิน คนสารเลว ที่บอกว่ารักฉันมากทุกอย่างคือเรื่องโกหกทั้งเพ ฉันเกือบโง่เชื่อคนพูดของนาย ไอ้คนกะล่อน ไอ้คนสารเลว…”
หลังจากได้ระบายออกมา มู่เวยเวยก็คว่ำหน้าลง ความโกรธของเธอบรรเทาลงไปมาก เห็นได้ชัดเจนว่าเย่ฉ่าวเฉินและผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรกัน เพราะเย่ฉ่าวเฉินคงไม่ลดตัวพูดโกหกแบบนี้ แต่ภายในใจเธอก็ยังหวาดกลัว
ในตอนนี้มู่เวยเวยยังไม่รู้ตัว ว่าเธอเกลียดเย่ฉ่าวเฉินไม่ลง
……
ณ สนามบินเมือง A
เที่ยวบินจากกรุงโซลประเทศเกาหลีลงจอดที่สนามบินเมืองA ไม่กี่นาทีต่อมา หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีอ่อนเดินออกมาจากประตูทางออก ใบหน้างดงาม แต่ที่ระหว่างคิ้วกลับมีร่องรอยของความทุกข์ปรากฏอยู่
คนขับรถรีบเข้าไปรับกระเป๋าจากเธอ กล่าวด้วยความเคารพ “คุณเฉียว คุณหนานกงเฮ่ารออยู่ครับ”
เฉียวซินโยวมองไปที่ท้องฟ้าสีคราม แล้วพูดเบาๆ “เมืองA ฉันกลับมาแล้ว”
วันนั้น หลังจากที่เธอตกลงมาจากหน้าผา ตัวเธอก็ไปเกี่ยวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ต่อมาหนานกงเฮ่าได้ส่งคนมาช่วยชีวิตเธอไว้ หลังจากรักษาอยู่เป็นเวลานาน อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเธอก็หายดี เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของเย่ฉ่าวเฉิน หนานกงเฮ่าจึงส่งเธอไปอยู่ประเทศเกาหลี จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอได้รับโทรศัพท์ให้กลับมาที่นี่
ทุกอย่างในเมืองA ยังคงคุ้นเคย เมื่อรถขับผ่านเย่ฮวางกรุ๊ป เฉียวซินโยวมองไปยังอาคารสูงตระหง่านผ่านหน้าต่างรถ เย่ฉ่าวเฉิน ฉันกลับมาแล้ว เมื่อคุณเห็นฉันกลับมาจากความตาย คุณจะแปลกใจบ้างไหมนะ?
ณ คฤหาสน์ของหนานกงเฮ่า
เขายืนอยู่ที่ประตูมองดูเฉียวซินโยวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้น “ไม่เจอกันนาน เฉียวซินโยวคุณสวยขึ้นนะ”
เฉียวซินโยวตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เราสองคนไม่ต้องสุภาพต่อกันขนาดนี้ก็ได้ บอกมาเถอะ เรียกฉันกลับมาตอนนี้ทำไม?”
หนานกงเฮ่าพาเธอเดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย “มู่เวยเวยหายตัวไป คุณรู้ไหม?”
“รู้ แล้วแบบนี้ไม่ดีเหรอ?”
หนานกงเฮ่านั่งลงบนโซฟา พลางถอนหายใจ “ทุ่มแรงกายแรงใจทำเพื่อคนอื่น แต่ฉันกลับไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ทั้งยังถูกห้ามไม่ให้ออกไปไหนอีกตั้งนาน”
เฉียวซินโยวนั่งอยู่ไม่ไกล แววตาฉายความภูมิใจขึ้นมาให้เห็น “เย่ฉ่าวเฉินยังหาเธออยู่ใช่ไหม?”
“ยังหาอยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้” หนานกงเฮ่ามองไปที่เธอ เอ่ยขึ้นช้าๆ “ดังนั้น ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดของคุณแล้ว”
“คุณคิดว่า… หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา เย่ฉ่าวเฉินยังจะมองฉันต่างจากเดิมงั้นเหรอ?” เฉียวซินโยวไม่แน่ใจ เอ่ยถามขึ้นด้วยความสับสน
หนานกงเฮ่ายิ้มอย่างน่ากลัว “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง? เฉียวซินโยวคุณได้เปรียบผู้หญิงคนอื่นๆ ข้อดีก็มีมากมาย คุณไม่อยากกลับไปอยู่เคียงข้างเย่ฉ่าวเฉินเหรอ?”
เฉียวซินนิ่งเงียบ แน่นอนว่าเธอต้องการกลับไปอยู่ข้างๆ เขา ตลอดมาเธอไม่เคยตัดใจได้เลย แต่ปัญหาสำคัญก็คือ เย่ฉ่าวเฉินจะยังเชื่อใจเธออยู่ไหม?
“เฉียวซินโยวพระเจ้าปล่อยให้คุณมีชีวิตรอดมาได้ บางทีอาจเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของคุณ หากเสียโอกาสนี้ไป คุณจะไม่มีเย่ฉ่าวเฉินอยู่ในชีวิตนี้อีกเลย” หนานกงเฮ่าพูดเกินความจริง “ความรู้สึกผิดของผู้ชายคนหนึ่งโน้มน้าวให้เขาทำอะไรหลายๆ อย่างได้ เฉียวซินโยวคนเป็นคนฉลาด ผมคิดว่าคุณคงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ แล้วผมก็ได้ยินมาว่า หลังจากที่คุณตกหน้าผา เย่ฉ่าวเฉินก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน คงเจ็บปวดใจจริงๆ”
“คุณพูดจริงเหรอ?” ไฟแห่งความหวังจุดประกายขึ้นในแววตาของเฉียวซินโยว
“ผมจำเป็นต้องโกหกคุณงั้นเหรอ? คุณลองคิดดู คุณคือรักแรกพบของเย่ฉ่าวเฉิน จะมีผู้ชายคนไหนยอมทิ้งรักแรกของตัวเองได้ง่ายๆ?”
เฉียวซินโยวหายใจเข้าลึกๆ ทำใจให้สงบลง แต่เธอยังมีข้อสงสัยอยู่ในใจ “หนานกงเฮ่า ในเมื่อมู่เวยเวยหายตัวไปแล้ว ทำไมเป้าหมายของคุณยังเป็นเย่ฉ่าวเฉินอยู่ล่ะ?”
หนานกงเฮ่าแบมือออก “เฉียวซินโยวคุณแค่ต้องได้รับในสิ่งที่คุณต้องการ ส่วนผมจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง คุณไม่จำเป็นต้องกังวล”
เฉียวซินโยวจ้องมองเขาสักพัก เธอไม่ได้โต้แย้งใดๆ ในตอนนี้และหลังจากนี้ เพราะเมื่อก่อนพวกเขาคือหุ้นส่วนกัน เธอถามได้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ตอนนี้ เขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอ เธอไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง
“ดูเอกสารพวกนี้ นี่คือคุณหนูของบริษัทMK จากฮ่องกง ชื่อฉู่เหยียน ตอนนี้เธอกับเย่ฉ่าวเฉินใกล้ชิดกันมาก” หนานกงเฮ่าโยนซองเอกสารให้เธอ “ความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ชัดเจน โอกาสชนะของคุณมีมากกว่า”
หนานกงเฮ่ากำชับเรื่องนี้เสร็จ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูก็หันกลับมาพูดอีกว่า “ตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อน แน่นอนว่าหากคุณเก่งพอที่จะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมา”
“ฉันก็รอคอยวันนั้นเหมือนกัน” สายตาของเฉียวซินโยวมองกลับไปยังภาพถ่าย คนนี้ชื่อฉู่เหยียนเหรอ ราวกับกระต่ายน้อย จะจัดการง่ายไหมนะ?
แต่เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน จะทำอย่างไรเมื่อปรากฏตัวต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉินแล้วเขาประหลาดใจ
ชีวิตหลังจากนี้เต็มไปด้วยความน่าสนใจขึ้นมาทันที
……
ตั้งแต่เจอกันที่โรงแรมในคืนนั้น ความสัมพันธ์ของมู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินก็เย็นชาลง หลายวันมานี้ไม่มีการติดต่อซึ่งกันและกัน เรื่องงานทั้งหมดถูกส่งผ่านถังซื่อเซวียน
มู่เวยเวยรู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่เป็นผลดีสำหรับเธอ แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ให้เธอถอยกลับไป เรื่องวันนั้นไม่ใช่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจะให้ยอมเสียศักดิ์ศรีแบกหน้าไปหาเขางั้นเหรอ
วันนี้บริษัทMKและเย่ฮวางกรุ๊ปมีประชุมร่วมกัน
เพราะอยู่ใกล้ๆ กับเย่ฮวาง มู่เวยเวยปฏิเสธไม่ให้ถังซื่อเซวียนมารับ และเดินไปที่บริษัทด้วยรองเท้าส้นสูง ทันทีที่ถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินก็จอดรถตรงหน้าเธอพอดี
ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มและกางเกงขายาวสีดำ เขาลงมาจากรถ แล้วหรี่ตามองเธอ เดินขึ้นมาทักทายด้วยน้ำเสียงห่างเหิน “คุณฉู่มาคนเดียวเหรอครับ?”
ใบหน้าของมู่เวยเวยเรียบเฉย “ฉันอยู่แถวนี้ ประธานถังและคนอื่นๆ คงอยู่ระหว่างทาง”
เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตู แล้วกล่าวอย่างสุภาพ “คุณฉู่เชิญครับ”
ทั้งสองเดินไปยังลิฟต์ คนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าอีกคนเดินตามหลัง เย่ฉ่าวเฉินมองดูแผ่นหลังของเธอ จู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้น “คุณทานอาหารเช้าหรือยัง?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ฉันทานแล้ว” มู่เวยเวยกดปุ่มลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออก เธอเดินเข้าไป และเย่ฉ่าวเฉินก็ตามเข้าไป
นี่เป็นลิฟต์สำหรับท่านประธาน ดังนั้นจึงมีเพียงพวกเขาสองคน เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงข้อมูลที่จางเห่อให้มาเมื่อคืน สายตามองไปยังหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ
ฉู่เหยียน คุณคือฉู่เหยียนจริงเหรอ?
ทำไมข้อมูลที่ส่งกลับมาจากยุโรป บอกว่าฉู่เหยียนตอนที่เรียนอยู่เป็นคนเปิดเผย กล้าได้กล้าเสีย มีแฟนมาแล้วหลายคน บุคลิกร่าเริงสนุกสนาน แต่ฉู่เหยียนที่อยู่ตรงหน้าเขา ภายนอกก็ดูเหมือนผู้หญิงเรียบร้อยคนหนึ่ง สำหรับผู้ชายก็ต้องมีศิโรราบกันบ้าง
นอกจากนี้ ตอนที่ฉู่เหยียนอยู่โรงเรียน เธออาศัยอยู่คอนโดข้างนอก มีพี่เลี้ยงคอยดูแลโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารด้วยตัวเอง และครั้งสุดท้ายเธอบอกว่าทำอาหารอยู่ที่คอนโด เป็นเรื่องจริงเหรือเปล่า?
ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินมั่นใจได้ว่า ฉู่เหยียนคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรให้เธอเผยพิรุธออกมามากกว่านี้?
มู่เวยเวยรับรู้ได้ถึงการจับจ้องของเขา จึงหันไปมอง แล้วถามออกไปตรงๆ “คุณมองฉันทำไม?”
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม “คุณยังไม่หายโกรธเหรอ?”
มู่เวยเวยกระตุกยิ้ม แล้วหันไปพูดว่า “คุณคิดยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมฉันต้องโกรธ?”
“ผมหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคอนโดคืนนั้น” เย่ฉ่าวเฉินตั้งใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
มู่เวยเวยชะงักไปชั่วครู่ พูดขึ้นความด้วยโมโห “ใช่ ฉันยังโกรธ คุณเย่หลังจากนี้คุณคงควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ใช่ไหม? คุณเป็นแบบนี้ฉันต้องคอยเดือดร้อนไปด้วย”
เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วรับปากเธอ “โอเค ผมเข้าใจแล้ว” แต่จะทำได้ไหม เขาไม่กล้ารับประกัน ใครใช่ให้เธอซ่อนความลับไว้มากมายขนาดนี้?
ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นไปช้าๆ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
“คุณฉู่ ยังมีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากชี้แจงให้ชัดเจน คืนนั้นที่อยู่โรงแรม ผมคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ค้นพบว่า ผมไม่มีแรงพิศวาสต่อผู้หญิงคนนั้นเลย ดังนั้นที่จะบอกคือ เรื่องก็เป็นแบบนี้” เย่ฉ่าวเฉินบอกความจริงออกไป
“คุณก็เปลี่ยนผู้หญิงคนอื่นได้หนิ บางทีอาจจะพิศวาสก็ได้” มู่เวยเวยแนะนำ
เย่ฉ่าวเฉินมองไปยังชั้นลิฟต์ที่ไม่เลื่อนไปเรื่อยๆ พูดขึ้นอย่างคลุมเครือ “ไม่มีประโยชน์ นอกจากคนคนเดียว”
มู่เวยเวยหัวใจเต้นแรงขึ้นมา เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แล้วเดินออกจากลิฟต์ไป จากนั้นก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
คนสารเลว เขาชอบฉู่เหยียนจริงๆ สินะ? นี่ก็เป็นจุดประสงค์ของเธอหนิ แล้วทำไมมู่เวยเวยถึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ? และแค่ยกโทษเขาแบบนี้ มันไม่ดูเหมือนง่ายเกินไปเหรอ
“คนที่ประชุมยังมาไม่ถึง เชิญคุณฉู่ไปนั่งรอที่ห้องทำงานผมก่อน”
“ได้ ขอบคุณค่ะ” มู่เวยเวยไม่มีเหตุลที่จะปฏิเสธ
ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉินยังเหมือนเดิม เช่นเดียวกับความรู้สึกที่เขามอบให้คนอื่น เย็นชา และไม่แยแส
“เชิญนั่งตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ”
มู่เวยเวยเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเขา ทันใดนั้นก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วพูดกับเย่ฉ่าวเฉินอย่างใจเย็น “ฉันอยากดื่มกาแฟ”
เย่ฉ่าวเฉินกำลังเปิดคอมพิวเตอร์ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอก็หยุดการกระทำลง “ผมจะให้เลขาเอาเข้ามาให้คุณ”
“รบกวนท่านประธานเย่ไปชงให้ฉันได้ไหมคะ?” ความซุกซนฉายอยู่ในแววตาของมู่เวยเวย
เย่ฉ่าวเฉินยืนตัวตรงแล้วมองเธอ “ต้องการให้ผมไปชงเอง?”
“ใช่ค่ะ แต่ถ้าคุณไม่เต็มใจ ก็ช่างมันเถอะ” มู่เวยเวยพูด
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงาน ไม่มองหน้าเขา แต่กลับคิดคำนวนไว้แล้วว่าเขาต้องทำแน่ๆ
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้รีบร้อน เขาหมุนเก้าอี้ออกมาข้างๆ โต๊ะทำงาน หันมาเผชิญหน้ากับเธอ “ถ้าผมไปชงแล้ว คุณฉู่จะยกโทษเรื่องที่ผมละลาบละล้วงในวันนั้นได้หรือเปล่า?”
มู่เวยเวยจ้องมองมาที่เขา ริมฝีปากสีชมพูเอ่ยขึ้น “ก็พอพิจารณาได้”
“ข้อตกลงยุติธรรมกันทั้งสองฝ่าย แล้วคุณอยากดื่มรสอะไร?”
“ลาเต้ เพิ่มนมเพิ่มน้ำตาล แต่ไม่หวานเกินไป รสชาติที่คุณน่าจะเข้าใจได้” มู่เวยเวยบอกลวกๆ
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ดวงตาของเธอแล้วยิ้มเบาๆ “ความต้องการของคุณฉู่เยอะขนาดนี้ เกรงว่าต้องใช้เวลาสักครู่”
มู่เวยเวยยักไหล่ “ตอนนี้ฉันว่างพอดี” ก็เพื่อถ่วงเวลา
“ได้ ผมจะไปชงให้เอง” เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วเดินไปที่ประตู จากรายละเอียดเอกสารที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ เขามองลึกลงไปในแววตาของฉู่เหยียนหลายต่อหลายครั้ง
ทันทีที่เย่ฉ่าวเฉินออกไปจากห้อง มู่เวยเวยก็รีบลุกออกจากเก้าอี้ วิ่งมายังโต๊ะข้างๆ เปิดลิ้นชักแล้วค้นหาบางอย่างอย่างรวดเร็ว
อยู่ที่ไหนนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...