วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 179

มู่เวยเวยไม่ได้หันมองทางไหน “อาหารที่ฉันชอบทานฉันสั่งไปแล้วห้าอย่าง คุณยังต้องการจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม?”

“ไม่ต้อง อาหารที่เธอสั่ง ฉันทานได้”

และมู่เวยเวยก็ถามเฉียวซินโยว“คุณเฉียวล่ะ?มีอะไรที่อยากจะทานไหม?”

“ไม่ต้องหรอก”

มู่เวยเวยพยักหน้าแสดงว่าเป็นอันตกลงและพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า“อาหารห้าอย่างน่าจะพอ”

“ถ้าไม่พอล่ะก็ รอสักพักค่อยสั่งเพิ่ม”เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน

“ได้สิ ไหนไหนก็เป็นเงินของประธานเย่”มู่เวยเวยเปิดฝาขวดนมเปรี้ยวและรินลงแก้วของตัวเอง เธอเหลือบไปมองเฉียวซินโยวพร้อมกับถามขึ้นว่า“คุณเฉียวพึ่งจะกลับมาถึงเมืองAหรอ?”

“ใช่ พึ่งกลับมาถึง”

มู่เวยเวยถามด้วยความห่วงใย“อย่างนั้นคุณพักอยู่ที่ไหน?”

เฉียวซินโยวมองไปทางเย่ฉ่าวเฉิน“พักชั่วคราวที่โรงแรม ฉันยังไม่ได้หาที่พัก”

“ถ้างั้นงานของคุณล่ะ?ทำที่ไหน”มู่เวยเวยมีท่าทางราวกับเด็กน้อยที่มีความสงสัย

“แต่ก่อนฉันทำงานที่บรฺษัทของฉ่าวเฉิน ตอนนี้……”และเฉียวซินโยวก็มองที่เย่ฉ่าวเฉินอีกครี้ง เมื่อเห็นว่าเขายังไม่พูดอะไร เธอเลยพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆว่า“ตอนนี้กำลังเตรียมตัวที่จะหางาน”

“อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง”มู่เวยเวยหันหลับไปมองเย่ฉ่าวเฉิน สายตาปนความเย้าหยอก“ในเมื่อเฉียวซินโยวก็เป็นเพื่อนของคุณ เรื่องหางานในบริษัทเย่ฮวางให้เธอสักตำแหน่งคงไม่อยาก”

แววตาของเฉียวซินโยวเป็นประกายขึ้นด้วยความดีใจ แต่ใครจะรู้ว่าไม่กี่วินาทีจากนั้นจะได้ยินเสียงของเย่ฉ่าวเฉินพูด“ตอนนี้บริษัทของเรายังไม่มีการกำหนดรับพนักงาน ถ้าหากว่าคุณเฉียวต้องการ ฉันรู้จักเจ้าของบริษัทหลายท่าน สามารถแนะนำเธอให้กับพวกเขาได้”

เฉียวซินโยวเกิดความรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เย่ฉ่าวเฉินทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็นคนที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกอย่างนี้

“ฉ่าวเฉิน ฉัน……ฉันชอบเมื่อก่อนตอนที่ยังทำงานในแผนกออกแบบ ฉันอยากกลับไปทำต่อไม่ได้หรอ?”เธอพยายามสู้ต่อ การที่ได้กลับมาที่นี่มันไม่เรื่องง่ายๆเลย หากว่าเธอไม่ได้อยู่ข้างๆกายของเขา อย่างั้นแล้วเธอจะยังเหลือโอกาสอะไร?

บริษัทของเย่ฉ่าวเฉินทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบและไม่มีเรื่องเส้นสาย“ก่อนหน้านี้แผนกออกแบบได้เปิดรับสมัครนักออกแบบไปสองตำแหน่ง ตอนนี้คงจะเต็มแล้ว”เขาไม่คิดที่จะให้เฉียวซินโยวกลับมาในบริษัทแล้ว หากว่ามู่เวยเวยรู้ กลัวว่าจะเกิดการผิดใจกันขึ้นมาอีก

คนที่สึกสบายอกสบายใจที่นั่งอยู่ทางด้านข้าง ยกแก้วขึ้นมาจิบครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ้มจนดวงตากลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

เฉียวซินโยวมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจและพูดอย่างอ่อนโยนว่า“ฉ่าวเฉิน ตอนที่ฉันได้รับบาดเจ็บหนักเกือบจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา ในใจของฉันคิดถึงแต่คุณมันถึงทำให้ฉันผ่านความเจ็บปวดในช่วงนั้นมาได้ คุณคือแรงบรรดาลใจที่ทำให้ฉันมีเรียวแรงลุกขึ้นมา ฉ่าวเฉินฉันรู้ว่าคนที่นายรักคือเวยเวย เธอว่างใจได้ฉันจะไม่รบกวบเรื่องราวในชีวิตของพวกคุณ ฉันต้องการเพียงแค่อยากมองเห็นคุณจากที่ไกลๆแค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว ได้ไหม?”

มู่เวยเวยหมดคำที่จะพูดจริงๆ ในใจรู้สึกนับถือในความหน้าด้านของเฉียวซินโยว เธอเป็นคนนอกยังจะมาเสนอหน้านั่งอยู่ตรงนี้อีก เฉียวซินโยวสารภาพความในใจออกมา เธอคนนี้ร้ายกาจจริงๆ

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเย่ฉ่าวเฉิน“เฉียวซินโยว ฉันกับเวยเวยผ่านเรื่องราวที่ทุกข์ทรมานมามากแล้ว ดังนั้น ฉันไม่ต้องการให้มู่เวยเวยเข้าใจผิดอะไรอีก หากว่าเธอเข้ามาทำงานในเย่ฮวางมู่เวยเวยต้องไม่มีความสุขเป็นแน่”

น้ำตาของเฉียวซินโยวสักพักก็ไหลลงมา พร้อมกับสะอึกสะอื้น“ฉ่าวเฉิน ในใจของเธอมีเพียงแค่เวยเวยอย่างนั้นหรอ?แต่ว่าฉันก็ได้ให้สิ่งที่มีค่าที่สุดของฉันกับคุณนะ”

“แคกๆๆ——”มู่เวยเวยที่กำลังนั่งดูละครฉากนี้เกิดสำลักนมเปรี้ยวและไอแห้งๆอย่างรุนแรงขึ้นมา เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปตบเบาๆที่หลังของเธอโดยอัติโนมัติ“เธอดื่มช้าๆหน่อย ใครจะไปแย่งเธอ”

เมื่ออาการไอของมู่เวยเวยหยุดลง เธอยิ้มและพูดขึ้นว่า“ไม่ใช่ ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมาก เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นผู้หญิงเป็นคนเข้ามาขอเป็นเมียน้อยด้วยตัวเอง มันเป็นความรู้ใหม่จริงๆ”

เฉียวซินโยวหน้าแดงก่ำไปหมดและพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “คุณฉู่ กรุณาเคารพฉันด้วย มีตอนไหนที่ฉันพูดว่าอยากเป็นเมียน้อย?เธอไม่รู้หรอกว่าเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรา?”

มู่เวยเวยหัวเราะด้วยความเย็นชาพร้อมกับมองหน้าของเฉียวซินโยว“ฉันไม่รู้หรอก และก็ไม่ต้องการที่จะรู้ แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันคิดมันไม่น่าจะผิด หรือว่าเมื้อกี้เธอไม่ได้พูดว่าแค่ต้องการมองประธานเย่จากที่ไกลๆอย่างนั้นหรอ?”

เธอหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก และมองไปทางเฉียวซินโยว“เธอแน่ใจว่าต้องการเพียงแค่มองหรอ?ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เธอทำไมไม่ถ่ายเอารูปของประธานเย่ไปซะเลยล่ะ ถ้าวันไหนอยากจะมองเขาก็หยิบเอารูปขึ้นมาดู อย่างนี้แล้วก็จะไม่เป็นการส่งผลกระทบกับความสามัคคีของครอบครัวประธานเย่ และพวกเราก็จะได้เข้าใจถึงความเสียสละของเธอ เธอคิดว่าความคิดของฉันเป็นยังไงบ้าง ?”

“ขอบคุณคุณฉู่สำหรับความเห็น แต่ว่าเรื่องของฉันคงไม่ต้องการขอความเห็นจากคุญหรอก ”เฉียวฉินโยวถูกเธอรู้ทัน ใจในของเธอรู้สึกโมโหมาก ถ้าหากว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอคงจะเข้าไปจัดการฉีกปากที่มันพูดกระแนะกระแหนของมู่เวยเวยเป็นแน่

แต่มู่เวยเวยก็ยิ้มท่าทางราวกับลมดูในฤดูใบไม้ผลิที่พัดเย็นสบาย“อ้อ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันแค่อยากจะเสนอความคิดให้กับคุณก็เท่านั้น ”

เฉียวซินโยวกัดริมฝีปาก น้ำตาของเธอเริ่มไหลพรากๆลงมา เย่ฉ่าวเฉินเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร จึงดึงกระดาษออกมาและส่งให้เธอ “อย่าร้องเลย”

“ฉ่าวเฉิน แต่ก่อนฉันหลงขึ้นเรือผิดลำ และฉันคนนั้นก็ได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง หรือว่าคุณจะโหดเหี้ยมขนาดที่จะทนมองดูฉันตกต่ำได้หรือ?”เฉียวซินโยวทั้งร้องทั้งพูดขึ้นด้วยความสะอึกสะอื้น ฉันเห็นเธอแล้วก็อดสงสารไม่ได้

ฉ่าวเฉินขมวดและไม่พูดไม่จาอะไร มู่เวยเวยก็ไม่สนใจเชิดหน้าขึ้นสูงเล่นโทรศัพท์รออาหารให้ขึ้นโต๊ะ ในเวลานี้ก็เหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นของหญิงคนหนึ่ง

“เธออยากทำงานอะไร?”เสียงร้องของเธอทำให้เย่ฉ่าวเฉินเกิดความลำคาญใจจึงเอ่ยปากถามเธอขึ้น

เฉียวซินโยวมองเห็นโอกาสเล็กๆขึ้นมาทันที สายตาของเธอเป็นประกายขึ้น เดิมทีต้องการจะพูดว่าหากได้อยู่ข้างๆคุณจะให้ฉันทำอะไรก็ยอม แต่ก็กลัวว่าเขาจะรู้สึกลำคาญ จึงพูดไปแบบถ่อมตัวว่า“ฉันเรียนออกแบบเสื้อผ้ามา ทำเป็นแค่งานด้านนี้”

เย่ฉ่าวเฉินพยัก เขาล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาปัดหน้าจอค้นหารายชื่อผู้ติดต่อสักพัก เมื่อหาเจอแล้วก็ทำการโทรออก “ฮาโหล ประธานเฉิน ผมคือเย่ฉ่าวเฉิน……ผมมีเด็กที่พึ่งจะเรียนจบ เธอเรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้า ทางคุณมีงานที่เหมาะสมอยู่ไหม?……ได้ ผมจะให้เธอไปหาคุณในวันพรุ่งนี้……ไม่ ไม่ต้องเห็นแก่หน้าผม ให้ทำตามกฎของบริษัทคุณได้เลย……อืม อืม ได้ มีเวลาว่างพวกเราค่อยเจอกัน แล้วพบกัน”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ สมองเฉียวซินโยวไม่สามารถคิดอะต่อได้แล้ว อีกทั้งมู่เวยเวยที่นั่งอยู่ทางด้านข้างอีกนิดเดียวก็จะเผลอหัวเราะออกมา

เธอยังแอบคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินคงจะใจอ่อนรับเธอเข้าทำงานที่เย่ฮวาง แต่ครั้งนี้เขากลับเป็นคนหางานให้เธอเสร็จเรียบร้อยไปซะอย่างนั้น

“พรุ่งนี้ก็ไปที่บริษัทอีตู้เพื่อรายงานตัวได้เลย บริษัทของพวกเขามีหอพักพร้อมให้กับพนักงาน เธอสามารถทำเรื่องขอได้ อย่างนี้ก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่ของเธอได้แล้ว”เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ ราวกับว่าเฉียวซินโยวเป็นแค่เพื่อนธรรมดาของเขาเท่านั้น

เฉียวซินโยวงงตาค้าง เธอยังสามารถจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

เรื่องนี้ทั้งตัวเธอและหนานกงเฮ่าต่างคิดไม่เหมือนกัน อาหารมื้อนี้มีทั้งคนมีความสุขและคนที่เศร้าใจ

เพราะมู่เวยเวยอารมณ์ดี อาหารก็เป็นอาหารที่เธอชอบ เธอจึงทานข้าวสวยที่มีอยู่ล้นถ้วยจนหมด

เมื่อทานอาหารเสร็จก็เช็กบิล และทั้งสามคนก็เดินออกจากร้านไป

เฉียวซินโยวเดินตามเย่ฉ่าวเฉินมาติดๆ เธอมองมู่เวยเวยและคิดอยากที่จะแยกให้เธอออกไปจึงถามเธอว่า“คุณฉู่ตอนนี้จะไปไหน?”

“กลับบ้าน อาการร้อนๆแบบนี้เหมาะที่จะตากแอร์อยู่ที่บ้าน”

เฉียวซินโยวกำลังจะพูดขึ้นว่าค่อยๆกลับงั้นฉันไม่ส่ง แต่แล้วเย่ฉ่าวเฉินกลับพูดต่อจากเธอขึ้นมาว่า“ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน”

มู่เวยเวยไม่เข้าใจจึงเงยหน้าขึ้นมามองเย่ฉ่าวเฉิน “อยู่แค่ข้างหน้านี่เอง คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอก”

“ฉันรู้ ฉันส่งเธอกลับเสร็จ และจะเอาร่มกลับมาด้วย”เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่ร่มที่ในมือของเธอ

“อ้ออ้อ~ฉันลืมไปเลย อันนี้เป็นร่มของพนักงานสาวต้อนรับ”มู่เวยเวยหันข้างไปมองเฉียวซินโยวที่มีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“คุณเฉียวล่ะ?จะไปที่ไหน?”

“ฉันจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแถวนี้”เธอพูดขึ้นอย่างเมินเฉย

“งั้นไว้พบกันใหม่นะ”มู่เวยเวยโพกมือลาและกางร่มขึ้นพร้อมกับเดินออกไปท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์

“ฉันไปก่อน”เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะหันกลับไปก็ถูกเฉียวซินโยวดึงแขนไว้

“ฉ่าวเฉิน ถ้าหากฉันมีเรื่องลำบาก ฉันจะโทรหาคุณได้ไหม?”เฉียวซินโยวมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการรอคอย

เย่ฉ่าวเฉินแอบถอนหายใจอยู่ข้างใน เขาคิดอยากจะตัดขาดไปเลย แต่นึกเมื่อถึงเรื่องนั้นที่เป็นความทรงจำดีๆหว่างเขากับเธอขึ้นมาได้ เขาจึงพูดออกไปอย่างนิ่มนวลว่า“เฉียวซินโยว ฉันคิดว่าพวกเราอย่าติดต่อกันอีกเลย แต่หากว่าวันไหนที่คุณลำบาก คุณก็สามารถโทรหาผมได้”

เมื่อพูดเสร็จ เขาก็สลัดมือของเธอออกเบาๆ และรีบเดินตามหญิงสาวที่กางร่มไปอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางแสงแดด เย่ฉ่าวเฉินเดินอยู่ทางด้านข้างของเธอ ยิ้มให้กับเธอพร้อมกับพูดอะไรขึ้นมาสักประโยคหนึ่ง หญิงสาวหลบออกไปทางด้านข้างสองสามก้าวและได้ตอบกลับมาชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าโกรธ กลับต้องจำใจเดินท่ามกลางแสงแดดที่มีดวงอาทิตย์อยู่บนศีรษะเพื่อเดินเป็นเพื่อนเธอไปทางด้านหน้า

เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของเฉียวซินโยวเหมือนกับถูกไฟเผา ทำไม?ทำไมเธอผ่านความยากลำบากทุกข์ทรมานมามากมายก็เพื่อต้องการที่จะกลับมาอยู่เคียงข้างเขา แต่สิ่งที่เธอได้ตอบแทนกลับมาคือคำพูดของเขาหนึ่งประโยค“ไม่ต้องติดต่อกันแล้ว”อีกทั้งมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นๆเลยว่าเธอไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ก็สามารถที่จะเอาชนะได้รับความห่วงใยและมีค่าในสายตาของเขา?

นั่นเป็นเพราะว่าฉู่เหยียนมีหน้าตาที่คล้ายกับมู่เวยเวยหรอ?

เฉียวซินโยวหัวเราะอย่างเย็นชา ฉู่เหยียน ก็เพราะเธออยู่เหนือกว่าฉันไง และเธอก็เป็นจุดอ่อนที่สุด ฉันไม่เชื่อหรอกว่า เธอที่เป็นคุณหนูสูงศักดิ์จะยินยอมเป็นตัวแทนของคนอื่นแบบนี้

พวกเรามาลองดูกัน

เมื่อถึงด้านล่างของอาพาร์ทเม้นต์ มู่เวยเวยเอาร่มส่งให้กับเย่ฉ่าวเฉินและเขาถามเธอว่า“คุณไม่แปลกใจหรอว่าฉันกับฉียวซินโยวมี ความสัมพันธ์กันอย่างไร?”

มู่เวยเวยชำเลืองตามองเขา “คุณเย่ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรพวกนั้น แต่ว่าขอโทษที่ฉันต้องพูดตามตรง ผู้หญิงอย่างคุณเฉียวตามถนนมีอยู่เยอะแยะมากมาย คุณทำไมถึงได้ชอบผู้หญิงแบบนั้น?”

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ในใจของมู่เวยเวยคิดสงสัยมาตลอด

“ฉันกับเขาไม่เคยคบกันมาก่อน”เย่ฉ่าวเฉินยอมรับเต็มปาก

“ชิ เมื่อกี้คุณเฉียวพูดออกมาหมดแล้วว่าเธอเอาสิ่งสำคัญที่สุดของผู้หญิงมอบให้กับคุณแล้ว คุณยังจะพูดว่าไม่เคยคบกัน ?เย่ฉ่าวเฉิน เป็นลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับจริงไหม”

เย่ฉ่าวเฉินจำใจ“อันที่จริงแล้วเรื่องนี้……มันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว หากว่าตอนนั้นฉันไม่ไปโรงแรมนั่น ก็คงไม่ต้องถูกใครมาทำร้าย และก็คงจะไม่ต้องเจอกับเฉียวซินโยว……เรื่องนี้มันผิดตั้งแต่ต้นแล้ว ผลท้ายสุดจะให้มันจะออกมาดีได้ยังไง ?”

เมื่อหูของมู่เวยเวยได้ยินคำว่าโรงแรมสองคำ หัวใจตึกตักๆเต้นขึ้นมาและถามเขาต่อว่า“คุณเจอกับคุณเฉียวที่โรงแรมหรอ?”

“ใช่ นั่นเป็นครั้งแรกที่เจอเธอ……”เย่ฉ่าวเฉินพูดถึงตรงนี้พร้อมกับก้มหน้ามองเธอ “เธอไม่ได้บอกว่าไม่คุยเรื่องของคนอื่นหรอ?ทำไมถึงได้สนใจเรื่องเฉียวซินโยวขึ้นมาล่ะ?”

มู่เวยเวยรีบเก็บความรู้สึกสงสัยของเธอไว้ทันที เหอะๆหัวเราะออกมาสองครั้ง และบอกให้เขารู้ล่วงหน้าว่า “อย่าว่าฉันที่พูดว่าเพื่อนของคุณไม่ดี วันนี้เธอมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ไม่แน่ว่าอาจคิดว่าฉันเป็นคู่ต่อสู่ของเธอไปแล้วก็ได้ ฉันอยากบอกกับคุณไว้ล่วงหน้า ถ้าวันหลังเธอบุกมาหาฉัน และฉันลงมือทำเรื่องอะไรไม่ดีกับเธอไป คุณเย่ถึงเวลานั้นคุณอย่าเกิดความสงสารเธอขึ้นมาล่ะ ”

เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงเรื่องแต่ก่อนที่เฉียวซินโยวทำลงไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาขมวดคิ้วและพูดว่า“ไม่อย่างนั้นฉันจะให้บอดี้การ์ดมาคุ้มกันเธอ?”

มู่เวยเวยปฏิเสธขึ้นทันที “ไม่ต้อง คนของพ่อฉันตามดูแลฉันอยู่ ฉันกลัวว่าตัวเองต่างหากที่จะเป็นคนทำร้ายเธอ”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปรอบๆทั้งสีด้าน เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ“ฉันกับซินโยวตอนนี้เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองสิ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจแล้ว”เมื่อมู่เวยเวยถามไม่ได้ความอะไรเพิ่ม เธอจึงโพกมือให้กับเขา“ฉันจะขึ้นไปข้างบนแล้ว”

“ได้ ไว้เจอกัน”

เย่ฉ่าวเฉินใช้สายตามองจนเห็นเธอเข้าลิฟท์ เขารอจนแน่ใจแล้วว่ามองไม่เห็นเธอเขาจึงหันหลับจากไป

“จางเห่อ จัดหาคนสองคนให้มาแอบตามดูฉู่เหยียน”

“คุณชาย แค่จับตามองใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ มาคุ้มครองเธอ”เย่ฉ่าวเฉินนิ่งไปพึกแล้วพูดขึ้นว่า“เฉียวซินโยวยังมีชีวิตอยู่ เธอกลับมาแล้ว”

เสียงของโทรศัพท์ปลายสายเงียบไปสักพัก เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเสียงหายใจเข้าลึกเฮือกของจางเห่อด้วยความประหลาดใจ และเขาก็ถามขึ้นว่า “คุณชาย คุณพูดว่าเฉียวซินโยวหรอ?”

“หูของนายไม่ได้ฟังผิดไปหรอก”

“เธอไม่ใช่ตายไปแล้วหรอ?ทำไมยังมีชีวิตอยู่……”

เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากฟังคำพูดที่ไม่เป็นประโยชน์ที่เกิดจากความประหลาดใจของเขา“เรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ให้รีบไปจัดการ อย่าให้เฉียวซินโยวทำร้ายฉู่เหยี่ยนได้”

“อ้ออ้อ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินจะว่างสายโทรศัพท์ ยังได้ยินเสียงเขาพูดเบาๆที่ปลายสาย“ไม่ใช่ตายไปแล้วหรอ……”

หน้าผาตั้งสูงชัน เฉียวซินโยวก็ยังมีชีวิตกลับมาได้ สวรรค์คุณคิดที่จะทำอะไร?

ขณะนั้น มู่เวยเวยที่อยู่ในอาพาร์ทเม้นต์เธอกำลังคิดเรื่องๆหนึ่งอยู่

โรงแรมนานาชาติCKในคืนนั้น แท้จริงแล้วคือหนานกงเฮ่าหรือว่าเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินเล่าว่าเขาเจอกับเฉียวซินโยวที่โรงแรม ประกอบกับเรื่องที่เฉียวซินโยวเอารูปที่ถูกจัดฉากพวกนั้นออกมา ดังนั้นรื่องก็ประจวบเหมาะกันพอดี แต่วันนั้นเธอถูกผู้ชายเลวๆหลอกไปที่โรงแรม และเฉียวซินโยวก็อยู่ที่มหาลัย ยังมีรูปภาพที่ถูกจัดฉากใบนั้น……

ถ้าอย่างนั้นคำตอบก็ หา มู่เวยเวยเอามือปิดที่ปากของตัวเองไว้ ดั้งนั้นชายคนนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่หนานกงเฮ่า แต่เป็นเย่ฉ่าวเฉิน

หนานกงเฮ่าพูดโกหก?

มู่เวยเวยนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียง ผลที่เธอสันนิษฐานออกมาจากหลักฐานต่างๆทำให้เธอถึงกับตกใจ อย่างนั้นก็แปลว่า คนที่พรากเอาความบริสุทธิ์ของเธอไปครั้งแรกคือเย่ฉ่าวเฉิน

ดังนั้นต่อมาเย่ฉ่าวเฉินจึงได้ทำดีกับเฉียวซินโยว และค่อยๆถูกเธอใช้เป็นเครื่องมือ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคิดว่าผู้หญิงที่อยู่โรงแรมคืนนั้นคือเฉียวซินโยว

เรื่องนี้มันชั่งดูถูกกันจริงๆ!

เย่ฉ่าวเฉินนี่เป็นคนโง่ที่สุดในโลกเลย หากว่าตอนแรกเขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นมู่เวยเวย เธอก็จะไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานมากมายแบนนี้จริงไหม?

เมื่อคิดมาตรงนี้ มู่เวยเวยรู้สึกนับถือจิตใจที่ชั่วร้ายของเฉียวซินโยวจริงๆ สำหรับเธอแล้วเพื่อให้ได้เย่ฉ่าวเฉินไปครองเธอสามารถทำได้ทุกวิถีทาง อีกทั้งรายละเอียดต่างๆ มู่เวยเวยคิดว่า บางครั้งเป็นไปได้เฉียวซินโยวอาจจะเป็นคนมาบอกเรื่องนี้กับเธอด้วยตัวเองก็ได้

จากที่เธอได้รู้จักนิสัยของเฉียวซินโยว มากที่สุดก็สองวัน เฉียวซินโยวต้องมาหาเธอแน่

เมื่อถึงเวลานั้น ถามเธอก็น่าจะรู้แล้ว?

……

คฤหาสน์ตระกูลเย่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ