อันที่จริง เฉียวซินโยวไม่ได้เปลี่ยนไป แต่วันนั้นตอนเย็นเฉียวซินโยวกลับไปไข้ก็ขึ้นสูง พักฟื้นที่โรงพยาบาลสองวันถึงกลับมาดีขึ้น ตอนที่เธอไข้สะลึมสะลือโทรหาเย่ฉ่าวเฉิน แต่ทว่าถูกเขาตัดสายทันที ในตอนนั้น เฉียวซินโยวก็ใจแข็งมากขึ้นกว่าเดิม
เธอทำลายเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ ก็ทำลายความรู้สึกของเขา ให้เขาอยู่คนเดียวในชาตินี้
มู่เวยเวยแปลกใจว่าทำไมเฉียวซินโยวไม่มาหาเธอ วันนั้นตอนบ่าย เธอบังเอิญเจอเฉียวซินโยว
เพียงแค่เธอดูซีดเซียวกว่าสองวันก่อนที่เจอมาก หน้าซีดขาว
"คุณฉู่ ฉันอยากจะเจรจากับคุณค่ะ"เฉียวซินโยวพูดด้วยเสียงแหบแห้ง
มู่เวยเวยกำลังกลับจากเดินเล่น เช็ดเหงื่อที่หน้าผากพูดว่า "คุณกับฉันมีอะไรต้องคุยกันอีก?"
"ระหว่างเราแน่นอนไม่มีอะไรที่ต้องคุย ถ้าหากเกี่ยวกับเย่ฉ่าวเฉิน?"
มู่เวยเวยในใจคิดว่าในที่สุดก็มาแล้ว แต่ทว่าสีหน้าผ่อนคลาย ยักไหล่พูดว่า "ได้ อย่างไรฉันก็ว่างอยู่ ตรงหน้ามุมมีร้านน้ำชา พวกเราไปที่นั่นกัน"
ทั้งสองคนเดินออกจากบริเวณนั้น ด้านหลังมีผู้ชายสองคนตามพวกเธอไป
ร้านน้ำชาสงบมาก พนักงงานต้อนรับพาทั้งสองไปที่ห้องส่วนตัวที่สงบเงียบ
"ทั้งสองท่านต้องการดื่มชาอะไร?"
"เอาชาเขียวหลงจิ่งหนึ่งกา "มู่เวยเวยพูด
"โอเค จะมาโดยทันที ทั้งสองท่านรอสักครู่"
พนักงานออกไปได้ไม่นาน ผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดกี่เพ้ายกน้ำชาเข้ามา ก้มศีรษะให้ทั้งสองคน หลังจากนั้นก็คุกเข่าทั้งสองข้าง เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำร้อนราดลงไปในกาน้ำชา ใส่ใบชาลง แช่ไว้ พอถึงแก้วที่สองใช้สองมือยกน้ำชาขึ้น
มู่เวยเวยชอบอยู่เงียบๆมองดูสาวงามทำการแสดงอย่างนี้ คล้ายกับว่ากำลังชื่นชมงานศิลปะอยู่
แต่เฉียวซินโยวไม่ได้มีอารมณ์อย่างนั้น ในใจเธอคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้หญิงเก่งเฉลียวฉลาดคนนี้ไปจากเย่ฉ่าวเฉิน
น้ำชาอยู่ในมือหนึ่งแก้ว มู่เวยเวยถามอย่างเกรงใจพนักงานที่กำลังก้มทำการแสดง ถามอย่างละเอียดถึงคุณสมบัติชา
"คุณฉู่ ฉันอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว" เฉียวซินโยวพูดกับเธออย่างระงับอดทนไว้ไม่ไหวแล้ว
มู่เวยเวยยิ้มร้ายในใจ หลังจากดื่มชาหอมๆแล้วพูดกับพนักงานว่า " เดี๋ยวพวกเราจัดการเองค่ะ "
"ได้ค่ะ เชิญชมอย่างพิถีพิถันนะคะ "
ต้นไผ่สีเขียวด้านนอกหน้าต่างถูกลมพัดเสียงดังเหมือนเหยียบพื้นทราย มู่เวยเวยนิ่งเฉยรอเธอเอ่ยปากพูด
"คุณฉู่ ฉันคิดว่าคุณคงรู้แล้วว่าฉันจะมาคุยกับคุณเรื่องอะไร" เฉียวซินโยวพูดอย่างไม่เขินอายออกมา
มู่เวยเวยยิ้มเย็นชามองเธอ"คุณไม่พูดฉันจะรู้ได้อย่างไร?"
เฉียวซินโยวสะอึกกับคำพูดเธออยู่สักพักหนึ่ง แต่ก็นับว่ายังมีความเด็ดเดี่ยว "อย่างนั้นฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมนะ วันนี้ที่ฉันมาหาคุณเพื่อจะบอกว่า คุณกับเย่ฉ่าวเฉินไม่มีอนาคตร่วมกันแล้ว"
มู่เวยเวยไม่ได้มีความประหลาดใจอะไร เพียงแค่แตะชาที่อยู่ในแก้วเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า"คุณเฉียว ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้น่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณนะ"
เฉียวซินโยวยิ้มเยือกเย็น "คุณฉู่ ฉันยังจำได้ว่าครั้งก่อนคุณพูดที่ห้องอาหารว่า คุณอยากเข้าไปเป็นมือที่สามในการแต่งงานของคนอื่น แล้วตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่? คุณไม่ใช่ว่ากำลังทำลายครอบครัวคนอื่นเหรอ?"
"เฉียวซินโยวฝีปากกล้าจริงๆ แต่ทำให้คุณผิดหวังแล้ว ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินเป็นแค่เพื่อนร่วมทำธุรกิจกัน อาจจะความสัมพันธ์เป็นการเฉพาะตัวดีนิดหนึ่งแค่นั้นเอง"
เฉียวซินโยวไม่เชื่อคำพูดของเธอ พูดมาหนึ่งชุดเหมือนว่าคุณไม่ต้องมาโกหกอย่างนั้นว่า" ใช่หรือไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อนทั่วไป ฉันตาเดียวก็มองรู้แล้ว อีกทั้งสายตาที่เย่ฉ่าวเฉินมองคุณไม่ใช่สายตาที่เพื่อนทั่วไปมองกัน คุณฉู่ คุณไม่ต้องมาโกหกคนอื่นแล้ว"
มู่เวยเวยวางแก้วชาที่อยู่ในมือลง มู่เวยเวยเทชาลงที่แก้วของตัวเองอย่างช้าๆไม่สะทกสะท้านว่า "เขาจะมองฉันอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ฉันไม่มีสิทธิห้าม"
เฉียวซินโยวมองมู่เวยเวยที่ดื้อรั้น ในใจกระวนกระวานพูดว่า"คุณรู้ไหมว่าทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงชอบคุณ?"
มู่เวยเวยประหลาดใจ "เขาชอบฉัน? ฮ่าๆๆๆ คุณเฉียว คุณอย่าพูดอะไรไปเรื่อยสิ เย่ฉ่าวเฉินเขาเป็นคนมีภรรยาแล้ว"
"แต่ว่าภรรยาของเขาหายตัวไป เรื่องนี้คุณก็น่าจะรู้ เป็นเพราะภรรยาของเขาหายไป เพราะฉะนั้นสายตาของเขาถึงหยุดมองอยู่ที่คุณ หรือว่าคุณไม่เคยคิด เขาเป็นผู้ชายที่เก่งทำไมถึงมาชอบคุณ?" เฉียวซินโยวพูดคำเหล่านี้อย่างรีบร้อน ลืมว่าฉู่เหยียนคือใคร
มู่เวยเวยสีหน้าเย็นชา สายตามองที่เธอนิ่ง "คุณเฉียว ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากเย่ฉ่าวเฉินถึงตรงไหน ตรงกันข้าม ฉันรู้สึกว่าฉันมีอะไรที่ดีกว่าเขานะคะ"
เฉียวซินโยวรีบขอโทษทันที"ขอโทษค่ะ ฉันพูดผิดไปแล้ว คุณฉู่พูดถูก คุณสวยขนาดนี้ อีกทั้งยังฉลาด วงศ์ตระกูลก็ดี เพราะฉะนั้นยิ่งไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว ใช่ไหมคะ?"
มู่เวยเวยอยากพูดว่า คุณพูดถูก ฉันไม่อยากเสียเวลากับเขาเลยสักนิดหนึ่ง แต่ตอนนี้สถานการณ์บังคับ
เฉียวซินโยวมองเธอขมวดคิ้วไม่พูดอะไร และพูดอย่างต่อเนื่องว่า "อันที่จริง เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกดีกับคุณ เพราะว่าคุณคล้ายกับภรรยาของเขามาก เขาเพียงแค่อยากจะฝากความหวังไว้ที่คุณเท่านั้นเอง ไม่ได้ชอบคุณจริงๆ"
มู่เวยเวยทำสีหน้าแปลกใจไปตามเธอ"ฉันคล้ายภรรยาของเย่ฉ่าวเฉินมากเลยเหรอ?"
"คล้ายมาก ไม่ใช่แค่ว่าหน้าตาคล้ายกัน แต่นิสัยเฉพาะตัวของคุณก็คือคล้ายมาก ขนาดเสียงยังเหมือนกันเลยค่ะ" เฉียวซินโยวพูดอย่างตื่นเต้น
มู่เวยเวยเงียบไปสักพัก เปลี่ยนไปคุยอีกเรื่อง"คุณเฉียวเข้าใจเย่ฉ่าวเฉินขนาดนั้น?"
เฉียวซินโยวทำเพื่อจะให้เธอเชื่อใจ ถอนหายใจออกมา " แน่นอนว่าฉันเข้าใจเขา เพราะว่าฉันเคยรักเขามากๆ แม้กระทั่งตายแทนเขาได้ ถ้าเกิดไม่ใช่ว่ามู่เวยเวยปรากฏตัวออกมา คนที่แต่งงานกับเขาก็ควรเป็นฉัน "
ฟังเธอพูดคำนี้ ในใจของมู่เวยเวยเกิดรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง เธอยกชาแก้วที่สองขึ้นพูดอย่างไม่สนใจว่า "คุณแต่งงานกับเขา? นี่หมายความว่าอย่างไร?"
เฉียวซินโยวลังเลใจสักพัก เพื่อที่จะให้จุดมุ่งหมายหลุดออกไป เธอก็เริ่มจัดแจงพูดเรื่องในอดีตว่า "ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินเจอกันที่โรงแรม วันนั้นเขาดื่มหนัก พวกเราก็มีความสัมพันธ์กัน ตอนนั้นฉันก็กลัวเขาหนีความรับผิดชอบ ภรรยาของเขาชื่อมู่เวยเวยเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน เธอบอกว่าเธอจะแต่งงานแล้ว เชิญฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว ถึงวันแต่งงานวันนั้นฉันก็เพิ่งจะรู้ เย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับที่อยู่โรงแรม เขาตามหาฉันมาตลอด แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว เขากับมู่เวยเวยเป็นสามีภรรยากันแค่ในนาม แต่งงานเกี่ยวกับธุรกิจ ตอนเริ่มต้นเขารักฉัน แต่ค่อยๆผ่านไป เขาก็ห่างไกลจากฉันไป"
"ทำไม?"
เฉียวซินโยวหน้าเคร่งขรึมขึ้น สายตาแสดงออกถึงความเกลียดชัง "ถ้าไม่ใช่ว่ามู่เวยเวยเข้ามาแทรกกลาง? เธอพูดเรื่องไม่ดีของฉันต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉินมากมาย ทั้งยังใส่ร้ายฉัน เพราะฉะนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็หมดความเชื่อใจฉัน"
มู่เวยเวยเงียบสนิท ผู้หญิงคนนี้ ก็เอาความชั่วความดีพูดกลับมา เธอไม่รู้สึกว่าคนที่เธอพูดออกมาเป็นตัวเธอเองเหรอ?
เฉียวซินโยวมองหน้าเธอที่มีความแปลกประหลาดใจ คิดว่าเธอเชื่อคำพูดของตัวเองแล้ว ภายในใจมีความสุข"คุณฉู่ วันนี้ฉันไม่ได้มีความคิดเสียมารยาทกับคุณ เพียงแค่อยากให้คุณเข้าใจความจริง อย่าถูกเย่ฉ่าวเฉินทำให้สับสน ถ้าหากว่ามีวันหนึ่งมู่เวยเวยกลับมา เขาสามารถที่จะไม่ลังเลถีบคุณไปอีกฝั่งหนึ่ง"
มู่เวยเวยมองเธอนิ่ง "คุณเฉียว ตอนนี้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบบริษัทMKในเมืองA และเย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้บริหารของบริษัทเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป พวกเราพบเจอกันก็บ่อย ถ้าหากคุณเฉียวไม่อยากให้เราเจอกัน คาดว่าจะไม่ได้นะคะ"
แน่นอนว่าเฉียวซินโยวเข้าใจความจริงเรื่องนี้ แต่ว่าถ้าคุณฉู่เชื่อในคำพูดของเธอ ก็เท่ากับว่าเธอสำเร็จไปแล้วหนึ่งก้าว
"ฉันไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คุณฉู่กับเย่ฉ่าวเฉินเจอกัน ฉันแค่อยากจะเตือนคุณเท่านั้น ไม่ต้องชอบผู้ชายที่อันตรายคนนั้น ฉันเป็นคนที่ถูกความรักทำร้ายมา ใบหน้าของเขานั้นมีผลกระทบต่อผู้หญิง ไม่ใช่เหรอ?"
ภายในใจของมู่เวยเวยสงสัยมาก เฉียวซินโยวไม่ใช่ว่าภาวนาจะได้แต่งงานกับเขา?
ทำไมตอนนี้มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปกับเขา ยังพูดถ่อมตน?
"คุณเฉียว ฉันไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ ที่รับประทานอาหารที่ห้องอาหารในวันนั้น ปฏิกิริยาคุณคล้ายกับ......."
เฉียวซินโยวถอนหายใจออกมาเงียบๆ "ต้องโทษฉันที่ตอนนั้นไร้เดียงสาเกินไป ฉันเคยคิดว่าตัวเองตายแล้วครั้งหนึ่ง เขายังทุกข์ทรมานใจละอายใจกับฉัน คิดถึงฉัน หลังจากวันนั้นฉันเพิ่งจะเข้าใจ เขาเปลี่ยนจุดมุ่งหมายแล้ว ตอนนี้คุณเป็นเหยื่อใหม่ของเขา ถึงแม้ในใจเขาจะไม่มีฉันแล้ว ทำไมฉันจะต้องลำบากมารบกวน?"
มู่เวยเวยแปลกใจมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าเฉียวซินโยวจะมีคำพูดสำนึกตัวอย่างนี้?
เธอแสยะปาก พูดง่ายๆว่า"ขอบคุณมากที่คุณเตือนฉัน ฉันรู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว"
เฉียวซินโยวหลบตาลงยิ้มอย่างดีใจมีชัยชนะ "คุณฉู่ ฉันพูดจบแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
มู่เวยเวยผงกศีรษะ
มู่เวยเวยเดินเบาๆออกไปทางด้านนอก กำลังเปิดประตู ก็ได้ยินเธออยู่ด้านหลังพูดว่า "คุณเฉียว ฉันยังมีเรื่องอยากจะถามอีกหนึ่งเรื่อง"
เฉียวซินโยวหมุนตัวกลับมา "ถามว่าอะไรคะ"
มู่เวยเวยเงยศีรษะขึ้น ยิ้มเล็กน้อย "วันนี้ที่คุณบอกเรื่องเหล่านี้กับฉัน จุดมุ่งหมายจริงๆแล้วคือจะเอาฉันที่เป็นอุปสรรคถีบออกไป เพื่อที่จะปูทางให้ตัวเองไหม"
เฉียวซินโยวชะงักงัน ครั้งแรกที่เธอได้ลิ้มรสชาติของความหวังดีที่ได้รับผลกลับมาที่ไม่ดี กักเก็บอารมณ์โกรธ พูดอย่างเย็นชาว่า "คุณฉู่ ฉันตั้งใจมาบอกพูดแนะนำด้วยความจริงใจ ถ้าหากคุณไม่เชื่อ อย่างนั้นก็รอให้ผู้ชายเลวคนนั้นมาหลอกเถอะ กำลังดีฉันจะได้มองดูเกมส์"
"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว กลับดีๆนะคะไม่ส่ง"
เฉียวซินโยวไม่อยากพูดอะไรอีก แต่ทว่าเธอมองอากาศดีสบายอกสบายใจ กัดฟันเดินจากไป
มู่เวยเวยนั่งคุกเข่าอยู่เพียงลำพังหัวเราะออกมาทันที ยิ่งหัวเราะเสียงยิ่งดังขึ้น เธอมีความรู้สึกโกรธอยู่นิดหนึ่ง แต่ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งตลก คาดไม่ถึงว่าเฉียวซินโยวจะใช้คำพูดอย่างนี้มาบอกผู้หญิงอีกคน เย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้ชายเลว
เขาอยู่ในใจของเธอไม่ใช่ดำรงอยู่แบบทั่วไปเหรอ?
ดูเหมือนว่าครั้งแรกที่เธอเคยเจอเย่ฉ่าวเฉินหลังจากนั้นก็กลับไปเจอเขา และครั้งนี้ เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ไว้หน้าเธอ จนกระทั่งในใจเธอได้พบการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่
วันนี้เฉียวซินโยวพูดกับเธอตั้งมากมาย เธอเห็นด้วยถูกใจกับคำพูดสุดท้ายของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินเป็นผู้ชายเลว
ที่แท้ คนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง เข้าใจลึกซึ้งมาก
แต่ตอนนี้ในใจเธอก็เข้าใจชัดแล้วหนึ่งเรื่อง ผู้ชายคนนั้นที่อยู่โรงแรมเป็นเย่ฉ่าวเฉินอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
ถ้าตามคำพูดของเฉียวซินโยว ในเวลานั้นเย่ฉ่าวเฉินกำลังตามหาเธอ อย่างนั้นต้องถือภาพออกแบบของเธอที่ทำหายแผ่นนั้นแน่นอน เธอนึกถึงการแข่งขันผลงานด้านศิลปะในครั้งนั้น เฉียวซินโยวไม่ได้เตรียมตัว ผลงานศิลปะที่ส่งก็คืออันใหม่ที่เธอทำหายนั่นเองและตอนนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็เป็นกรรมการ......เพราะฉะนั้น ตอนที่เฉียวซินโยวพูดมาว่าอยากเข้ามาอาศัยที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่าเขาดูภาพศิลปะนั้นไว้แล้ว.......
หลังจากนั้นเธอก็ไปหาลู่จื่อหาง ลู่จื่อหางบอกว่าขายเธอให้กับหนานกงเฮ่า เขาน่าจะไม่ได้พูดโกหก ที่ใหญ่ไปกว่านั้นคือหนานกงเฮ่าไปที่โรงแรมไม่ทันเวลา ถูกเย่ฉ่าวเฉินแย่งไปก่อน เมื่อเธอถามหนานกงเฮ่า เขายอมรับว่าเป็นตัวเอง เพื่อที่จะโกหกเธอ
ถึงตอนนี้ เอาเรื่องทั้งหมดมารวมกันแล้ว
มู่เวยเวยนั่งเงียบๆอยู่ในห้องส่วนตัว ลมพัดผ่านม่านไม้ไผ่เข้ามา แต่ทว่าไม่สามารถพัดขจัดความเกลียดในใจเธอ
เพราะว่าเฉียวซินโยวกับหนานกงเฮ่า เธอได้รับการปฎิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมเท่าไหร่?
และเย่ฉ่าวเฉิน ถ้าหากว่ามีวันหนึ่งที่คุณรู้ว่าคนที่อยู่โรงแรมวันนั้นเป็นฉัน คุณจะมีความรู้สึกอย่างไร? ประหลาดใจ? โกรธ? หรือเสียใจภายหลังแต่ก็ไม่ทันแล้ว?
แต่สิ่งเหล่านี้ทำอะไรได้?
ทั้งหมดนี้คือย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
แต่ว่า ด้วยสัญชาตญาณของคน มู่เวยเวยก็อยากจะเห็นวันนั้น มองเห็นเขาเสียใจภายหลังอย่างนั้น ถึงเวลานั้น อารมณ์น่าจะรู้สึกผ่อนคลาย
...........
เย่ฉ่าวเฉินเพิ่งออกจากห้องประชุมมา ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากลูกน้อง แจ้งให้ทราบว่าเฉียวซินโยวไปพบฉู่เหยียน พูดคุยกันอยู่นาน หลังจากนั้นฉู่เหยียนอยู่ในแผงลอยชาคนเดียวเป็นเวลานานถึงจะออกมา คนไม่ได้รับบาดเจ็บ
ได้ยินข่าวนี้ เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้แปลกใจ จากที่เขารู้จักเฉียวซินโยว เธอไม่ไปพบฉู่เหยียนถึงจะแปลก
แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลคือเฉียวซินโยวพูดอะไรกับฉู่เหยียน
เดินอยู่ในห้องทำงานวนอยู่หลายรอบ เย่ฉ่าวเฉินอยากโทรหาฉู่เหยียนเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ แต่ทว่ากลัวเธอรู้สึกว่าเขาส่งคนติดตามไป หาข้ออ้างอะไรดีนะ?
"ตุ๊งๆๆ——" เสียงเคาะประตูดังขึ้น เย่ฉ่าวเฉินหยุดเดิน "เข้ามา"
รองประธานบริษัทคนหนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าทุกข์ระทม "ประธานเย่ เกิดเรื่องแล้ว"
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว "เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"สองวันก่อนหน้านี้มีพายุเข้า? น้ำฝนที่อยู่ในสถานที่สถานที่ก่อสร้างระบายเข้าบ่อเก็บน้ำทั้งหมด ตอนบ่ายก็ระดับน้ำเกินเตือนให้ระวัง เมื่อกี้มีคนงานผ่านจากด้านข้าง ถนนลื่นตกลงไป....."
เย่ฉ่าวเฉินใจกระตุกวูบ "จมน้ำแล้ว?"
รองประธานรีบพูดทันทีว่า"ไม่ครับๆ ถูกคนงานจำนวนหนึ่งช่วยขึ้นมาได้ ตอนนี้ส่งที่โรงพยาบาลแล้ว"
เย่ฉ่าวเฉินโล่งอก โครงการกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างก็จะมีคนได้รับอุบัติเหตุแล้ว ไม่เป็นสิริมงคลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมก็ไม่ดี
"คุณเป็นตัวแทนบริษัทไปเยี่ยมเขาหน่อยนะ ค่ารักษาพยาบาลบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด " เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่ง แต่ทว่ารองประธานยังคงขมวดคิ้ว เย่ฉ่าวเฉินถามเขา " ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?"
รองประธานก้มหน้าต่ำลงพูดว่า "ค่ารักษาพยาบาลเป็นเรื่องเล็ก ที่สำคัญคือคนงานคนนั้น ร่างกายเขามีบางอย่างที่พิเศษ"
"พิเศษ?" เย่ฉ่าวเฉินสงสัย พูดตำหนิว่า"พูดอะไรคลุมเครืออย่างนั้น มีเรื่องอะไรพูดให้ชัดเจน"
รองประธานมองเขา"เขามีลูกพี่ลูกน้องสองคนที่มีปัญหาอยู่ในสังคม เหมือนกับว่าหน่าเกรงขาม ตอนนี้กำลังนำคนมาก่อความวุ่นวานที่สถานที่ก่อสร้าง"
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ให้ค่า "ปัญหาในสังคม? หรือว่าพวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่ก่อสร้างนี้เป็นของฉัน"
รองประธานยิ้มเหยเกไม่กล้าพูดออกมา เขารู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินเบื้องหลังมีด้านมืด แต่ไหนแต่ไรก็ไม่กล้าถามเยอะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะก้าวก่ายเกินขอบเขต
"ตอนนี้ใครอยู่ที่สถานที่ก่อสร้าง?"
"เป็นเฉินข่าย" รองประธานรีบพูดทันที เฉินข่ายอยู่ผู้จัดการแผนกวิศวกรรมของบริษัท เขาเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโครงการนี้
เย่ฉ่าวเฉินมองนาฬิกาที่ข้อมือ "คุณไปเตรียมรถ ผมจะไปที่สถานที่ก่อสร้าง"
"ได้ครับๆ" รองประธานมองเย่ฉ่าวเฉินที่จะลงมือเอง เท้าก็เหมือนมีลม รีบวิ่งอย่างรวดเร็วออกไปเตรียมรถ
เย่ฉ่าวเฉินกำลังเดินเตร่อยู่ในห้องทำงานได้สองก้าว กัดที่ริมฝีปาก ต่อสายสายหมายเลขนั้นออกไป
โทรศัพท์ดังอยู่สองครั้งก็ต่อสายได้ เสียงที่ดังกลับมาความรู้สึกเหมือนถูกก่อกวน"เย่ฉ่าวเฉิน มีธุระอะไร?"
คิ้วของเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ขมวดรู้สึกสบายขึ้น เธอยังเรียกเขาว่าเย่ฉ่าวเฉิน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเฉียวซินโยวเท่าไหร่
"คืออย่างนี้นะ สถานที่ก่อสร้างเกิดเหตุขึ้นนิดหนึ่ง ตอนนี้ฉันต้องไปดูทางด้านนั้น คุณเป็นตัวแทนของบริษัทฮ่องกง ต้องการจะไป?"
"ได้สิ คุณมารับฉัน ฉันอยู่บริเวณปากซอยรอคุณ" มู่เวยเวยไม่ได้ลังเล เวลาเธอมีไม่มาก ต้องรีบเอาชนะใจให้เขาเชื่อใจเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...