วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 181

พอหญิงสาวคนนั้นลองคิดดูมันก็จริงนะ เลยไม่รบกวนเธออีก

มู่เวยเวยสบายใจมากขึ้น เธอเดินขึ้นไปข้างหน้าแล้วหันไปถามเขาว่า " ทำไมคุณถึงไม่อธิบายล่ะ? "

เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องแฟน เขาจึงพูดต่อว่า " ไม่ได้รู้จักพวกเธอสะหน่อย อธิบายแล้วจะมีประโยชน์อะไร? "

เอ๊ะ! ไอ้นี่

ในที่สุดก็ได้เวลาเช็คบิล พนักงานก็คิดเงินของทุกสิ่งทีละอย่างจนสุดแล้วพูดว่า " สวัสดีค่ะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบแปดค่ะ "

มู่เวยเวยกำลังจะหยิบเงินออกมาจ่ายแต่เย่ฉ่าวเฉินยื่นการ์ดแล้วจ่ายเงินไปก่อน

" คุณไม่ต้องจ่าย นี่เป็นของใช้ส่วนตัวของฉัน "

เย่ฉ่าวเฉินปัดมือมู่เวยเวยลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า "ถือว่าเป็นค่าอาหารเย็นของฉันก็ได้ แต่ว่าถ้าเธอจะให้ฉันกินฟรีฉันก็ไม่ขัดนะ "

"ถ้าอย่างนั้นก็......ได้ " มู่เวยเวยเลิกตอบโต้

ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ชั้นสี่ ตอนที่ลงบันไดเลื่อนมาตรงชั้นสาม สายตาของมู่เวยเวยก็มองไปเห็นร้านเสื้อผ้าเด็กร้านหนึ่ง ใบหน้าเด็กน่ารักตัวน้อยๆก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ เธอรู้สึกใจอ่อนแล้วพูดว่า " เราเดินดูของชั้นนี้กันเถอะ "

แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ปฏิเสธ

ฝีเท้าของมู่เวยเวยหยุดลงตรงหน้าร้านเสื้อผ้าเด็กอย่างอัตโนมัติ เสื้อผ้าเด็กนี่ช่างเล็กและประณีตมากๆ มู่เวยเวยหยิบเสื้อฝ้ายแขนสั้นสีฟ้าอ่อนขึ้นมาดู บนเสื้อเป็นรูปวาดสไปเดอร์แมนตัวเล็กๆ

ตั้งแต่ลูกคลอดจนมาถึงตอนนี้ เธอไม่เคยซื้อชุดให้เขาเลยสักตัว ไม่เคยซื้อแม้แต่ขวดนม......

เธอเสียใจมาก มู่เวยเวยที่หันหลังให้เย่ฉ่าวเฉินมือของเธอสั่นเล็กน้อย

เย่ฉ่าวเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ ก็แอบมองดูเธอ ในใจของเขาก็คิดว่าเธอคิดถึงลูกหรอ?

" คุณผู้หญิง คุณต้องการซื้ออะไรดีคะ? " พนักงานขายพูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง

มู่เวยเวยวางเสื้อตัวนั้นลง และทำเป็นพูดนิ่งว่า " อ้อ ฉันแค่ดูๆเฉยๆ "

" ลูกของคุณอายุเท่าไหร่แล้ว? ฉันจะได้แนะนำให้ค่ะ "

" ไม่ต้องการ ฉันยังไม่มีลูก " ตอนที่มู่เวยเวยพูดประโยคนี้หัวใจของปวดร้าวมาก " ก็แค่เห็นว่าเสื้อตัวเล็กๆพวกนี้น่ารักดี เลยเดินเข้ามาดู "

เธออธิบายกับพนักงานขาย และอธิบายให้กับเย่ฉ่าวเฉินด้วย

พนักงานขายอมยิ้มแล้วเดินจากไป มู่เวยเวยก็เดินดูเสื้อผ้าอีกสักพัก แล้วเดินออกจากร้านเสื้อผ้าเด็กไป

เย่ฉ่าวเฉินสังเกตเห็นตาของเธอเริ่มแดง เขาเลยถามขึ้นขณะอยู่ที่กำลังเดินไปที่ลิฟต์ " เธอชอบเด็กมากหรอ? "

" ชอบสิ เด็กน่ารักจะตาย พวกเขาเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดบนโลกใบนี้ เป็นเหมือนนางฟ้าและเทวดาตัวน้อยๆ " มือของมู่เวยเวยประสานกันไว้แน่น

ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ เธอรู้สึกว่าน้ำตาของเธอกำลังจะไหล เลยรีบหันหน้าออกไปมองหน้าต่างร้านเพื่อเขาจะไม่เห็น

เย่ฉ่าวเฉินดูเหมือนว่าไม่อยากปล่อยเธอไป และจงใจพูดขึ้นว่า " ใช่ พวกเขาเป็นเหมือนนางฟ้าเทวดาตัวน้อยๆ ถ้าภรรยาของฉันไม่ได้จากฉันไป ตอนนี้ลูกของเราก็น่าจะคลอดได้สองเดือนกว่าแล้ว "

" จริงหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอต้องสวยมากแน่ๆเลย "มู่เวยเวยตอบกลับเขา ในใจก็รู้สึกหดหู่ เขาคลอดได้ 68 วันแล้ว แจ่ฉันกลับอยู่กับเขาแค่สามวัน

" บางทีฉันก็คิดนะว่าเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนฉันมากกว่าหรือว่าเหมือนแม่ของเขามากกว่า ดวงตาจะเป็นสีฟ้าหรือสีดำ ขี้แงรึเปล่า ซนไหม......" น้ำเสียงของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความคิดถึง ทำให้มู่เวยเวยรู้สึกซึ้งใจ

มู่เวยเวยกัดฟันของตัวเองไว้แน่น เพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

ผู้ชายคนนี้ต้องตั้งใจพูดแบบนี้แน่ๆ เพื่อที่จะให้เธอเผยตัวตนออกมา เธอต้องอดทนไว้ให้ได้

เย่ฉ่าวเฉินยังคงเห็นเพียงแค่ด้านข้างของเธอ มองไม่เห็นแววตาของเธอก็เลยเดาความคิดของเธอไม่ออก

......

ยังคงเป็นคอนโดเดิมเมื่อครั้งที่แล้ว นอกจากนิตยสารแฟชั่นสองสามเล่มที่วางอยู่บนโซฟา ห้องก็ถือว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

" ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมา เลยมีรองเท้าแตะแค่คู่เดียว คุณไม่ต้องถอดรองเท้าก็ได้ "มู่เวยเวยก้มลงใส่รองเท้าแตะของเธอเอง แล้วชี้ไปที่โต๊ะในห้องครัวแล้วพูดว่า " คุณวางของไว้ที่โต๊ะนั้นและก็พักผ่อนตามสบายได้เลย น้ำอยู่ในตู้เย็นคุณไปหยิบเองนะ ข้างนอกอากาศร้อนมาก ฟ้าก็จะมืออยู่แล้ว อุณหภูมิข้างนอกไม่ลดเลย ในบ้านเย็นสบายกว่าเยอะ "

มู่เวยเวยเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วพึมพำไปด้วย เพราะว่ากระจกห้องน้ำมันสามารถมองทะลุผ่านได้ เย่ฉ่าวเฉินเผลอไปแวบหนึ่งเห็นว่าเธอกำลังล้างหน้าอยู่

เย่ฉ่าวเฉินวางของในมือลง แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องรับรอง และหยิบนิตยสารแฟชั่นเล่มหนึ่งขึ้นมา เนื้อหาข้างในล้วนแต่เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า ตอนนี้ในห้องนอนของมู่เวยเวยก็มีนิตยสารแบบนี้วางอยู่เยอะมาก

หลังจากล้างหน้ามู่เวยเวยก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เธอเดินมาที่ห้องครัวแล้วพูดขึ้นว่า " ถ้าคุณเบื่อๆ คุณจะมาช่วยฉันหรือจะดูทีวีก็ได้นะ แต่ว่าเวลานี้ไม่น่าจะมีรายการอะไรที่น่าดูนะ "

แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินต้องเลือกตัวเลือกแรกอยู่แล้ว ทีวีไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย

" จะให้ฉันช่วยอะไร? "

มู่เวยเวยหยิบเห็ดออกมาจากถุงแล้วยื่นให้เขา " ล้างผักเป็นไหม? ล้างอันนี้ให้หน่อย กะละมังอยู่ในตู้ "

เย่ฉ่าวเฉินรับเห็นมาแล้วเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไร อันนี้......ต้องล้างยังไง?

อย่าว่าแต่ล้างผัก ขนาดซื้อผักวันนี้ยังเป็นครั้งแรกของเขาเลย

" ทำไม่เป็น? " มู่เวยวยเงยหน้าขึ้นถามเขา

" คือว่า......ไม่เคยทำ "

มู่เวยเวยหยิบออกจากมือเขาแล้วยื่นมะเขือเทศให้เขาแทน " อันนี้คงล้างเป็นใช่ไหม? "

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ " อันนี้ล้างเป็น "

ค่อยๆล้างไป เย่ฉ่าวเฉินก็เรียนรู้การล้างผักได้ไวมาก

เขาล้างเสร็จหนึ่งอย่าง มู่เวยเวยก็หันเสร็จหนึ่งอย่าง ถือว่าทำงานร่วมกันได้ดี

" ตอนที่เธอไปเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ เธอเช่าบ้านอยู่หรอ? " เย่ฉ่าวเฉินคุยกับเธอในขณะที่กำลังล้างผักกาดอยู่

มู่เวยเวยกำลังหั่นมะเขือเทศอยู่ พอได้ยินเขาถามก็ตอบอย่างนิ่งๆว่า "ใช่ เช่าบ้านอยู่ "

" ที่บ้านไม่ได้จ้างแม่บ้านหรอ? เธอถึงต้องลงมือทำอาหารเอง? "

ในใจของมู่เวยเวยเริ่มกระวนกระวาย และนึกถึงเอกสารของชายลึกลับที่เคยให้เธอไว้ แล้วพูดว่า " มีแม่บ้าน แต่ว่าฉันคิดว่าฉันอยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ อย่างเช่นตอนนี้ ฉันก็สามารถทำอาหารด้วยตัวเองได้ "

" อ้อ แบบนี้นี่เอง " เย่ฉ่าวเฉินเอาผักกาดที่ล้างเสร็จแล้ววางไว้ที่ตะกร้าผัก หันไปมองเธอแล้วถามต่อว่า " ตอนเรียนมหาลัยเคยมีความรักไหม? "

" มีสิ มีแฟนไปสามสี่คน " มู่เวยเวยพยายามนึกถึงข้อมูลในเอกสารนั้น แต่ว่าผู้ชายพวกนั้นชื่ออะไรเธอลืมไปหมดแล้ว

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินมีความสงสัยซ่อนอยู่ ทำไมบางทีถึงได้รู้สึกว่าเหมือนเธอมาก แต่ทำไมบางทีกลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่เธอล่ะ? "

มู่เวยเวยไม่ได้ยินเสียงอะไรถามขึ้นต่อ เลยหันหลังแล้วยิ้ม " คุณทำอะไร? สืบประวัติฉันหรอ? " หรือว่าเขาอาจจะสืบมาก่อนแล้ว เลยเปลี่ยนเรื่องมาถามข้อมูลของเธอ

เย่ฉ่าวเฉินสะบัดมือแล้วยิ้มเบาๆพูดว่า " แค่ถามเฉยๆ "

มู่เวยเวยเห็นว่าผักได้หั่นหมดแล้ว เลนบอกให้เขาออกจากห้องครัวไป " เสร็จแล้ว งานของคุณเสร็จแล้ว ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ฉันเอง คุณออกไปเถอะ "

เย่ฉ่าวเฉินดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็เห็นสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่ใต้โต๊ะชากาแฟ เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือออกไปเอา

เปิดดู ข้างในเป็นรูปเสื้อผ้าที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม ทั้งชุดผู้หญิง ชุดผู้ชาย พอพลิกเปิดไปที่หน้าหลังๆก็มีชุดเด็กด้วย ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงหนึ่งขวบ สองขวบ......

นิ้วของเย่ฉ่าวเฉินสัมผัสไปที่ผลงานการออกแบบเสื้อผ้านั้น หัวใจของเขาก็เต้นเร็วมากๆ

ถ้าไม่ใช่เธอ ทำไมต้องออกแบบเสื้อผ้าเด็ก อีกทั้งทุกชุดล้วนแต่เป็นเสื้อของเด็กผู้ชาย ไม่มีกระโปรงแม้แต่ตัวเดียว รู้ถึงเพศชัดเจนมาก

เวยเวย ลูกเป็นเด็กผู้ชายใช่ไหม?

เธอกำลังปกปิดอะไรไว้กันแน่? ทำไมไม่บอกกับฉันโดยตรง?

เสียงผัดกระทั่งดังมาจากห้องครัว เย่ฉ่าวเฉินควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หยิบสมุดเล่มนั่นแล้วเดินไปที่ห้องครัว ประตูห้องครัวเปิดอยู่ มู่เวยเวยกำลังผัดเมนูมะเขือเทศผัดไข่ เห็นว่าท่าทีของเขาแปลกไป กำลังจะถามเขาว่าเป็นอะไรไป กลับเห็นสมุดเล่มนั่นในมือเขา

หัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมา และเธอก็รีบคิดมาตรการรับมืออย่างเร็ว

" ฉู่เหยียน เสื้อผ้าเด็กพวกนี้ เธอออกแบบให้เด็กบ้านไหนหรอ? " เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่กำลังหันข้างอยู่

มู่เวยเวยหันไปดูแวบหนึ่ง แล้วพูดนิ่งๆว่า " อันนั้นหรอ อันนั้นฉันออกแบบให้ลูกเพื่อนฉัน "

" เด็กอายุเท่าไหร่แล้ว "

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว แล้วหยุดคิดสักพัก " น่าจะสามเดือนกว่าแล้วนะ เป็นเด็กผู้ชาย น่ารักมาก "

" สามเดือน?" ฉันเห็นชุดที่เธอออกแบบมีชุดสำหรับเด็กอายุขวบ สองขวบด้วย เธอคิดไกลขนาดนั้นเลยหรอ? "เย่ฉ่าวเฉินถามโดยไม่มีรอยยิ้ม

พอเย่ฉ่าวเฉินมารบกวน เมนูอาหารของมู่เวยเวยก็เริ่มจะไหม้แล้ว เธอจึงรีบปิดแก๊ส และใช้ทัพพีตักเมนูลงจาน " ถึงยังไงฉันก็ว่างๆเลยวาดไว้ เฮ้ย เป็นเพราะคุณเลยที่มารบกวนฉัน ไข่เลยไหม้ไปหน่อย "

เย่ฉ่าวเฉินกัดฟัน และพยายามทำเป็นยิ้มแล้วพูดว่า " ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกินเอง "

"ดี คุณพูดเองนะ "

เย่ฉ่าวเฉืนตอบเพียงแค่ " อือ " จากนั้นก็เดินกลับไปที่โซฟา มองผลงานการออกแบบพวกนั้นแล้วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

ฉู่เหยียน เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างที่เธอพูดจริงหรอ?

ทุกเขาที่เขาสังเกตเห็นความคล้ายกันระหว่างเธอกับมู่เวยเวยแต่เธอกลับ--- อธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน เหตุผลพวกด้วยมันสมเหตุสมผลมากด้วย เขาคิดมากไปอย่างนั้นหรอ? ที่คิดว่าฉู่เหยียนกับมู่เวยเวยเป็นคนเดียวกัน พอเห็นอะไรที่คล้ายมู่เวยเวยเลยคิดว่าเธอเป็นมู่เวยเวยทุกที

ถ้าหากว่าเธอไม่ใช่ล่ะ? ถ้าเธอเป็นเพียงแค่ฉู่เหยียนจริงๆล่ะ?

ถ้าถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร?

เขาพยายามเข้าใกล้เธอ แล้วจูบเธอโดยที่ห้ามตัวเองไม่ได้ ถึงขั้นมีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นกับเธอ ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าเขาคิดว่าเธอเป็นมู่เวยเวย แต่ว่าถ้าสุดท้ายทุกอย่างยืนยันได้ว่าเธอไม่ใช่มู่เวยเวยล่ะ?

การกระทำของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ ฉู่เหยียนไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ?

หรือว่าเธอจะแกล้วทำเป็นไม่รู้......

ความคิดในสมองเขาวุ่นวายมาก เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าเขาถูกขังอยู่ในห้องลึกลับขนาดใหญ่ ข้างหน้ามีหมอกหนามาก เขากลับมองไม่เห็นคำตอบ

ในขณะนี้เอง มู่เวยเวยก็ตะโกนออกมาจากห้องครัว " เย่ฉ่าวเฉิน ไปตักข้าวมา กินข้าวได้แล้ว "

หมองตรงหน้าสลายหายไปทันที

เย่ฉ่าวเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ช่างเถอะ จะใช่หรือว่าไม่ใช่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ตอนนี้เขาก็เดินไปตามความรู้สึกตัวเองก่อน เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะทะลุผ่านหมอนี้ไปให้ได้

ฝีมือการทำอาหารของมู่เวยเวยพึ่งจะผ่านเกณฑ์ ทำอาหารสามัญประจำบ้านสี่อย่างนี้ออกมาได้ถือว่าเป็นข้อจำกัดของเธอแล้ว

" รสชาติอาหารธรรทดามาก คุณขอมากินเองนะ. ห้ามพูดว่าไม่อร่อยเด็ดขาด " มู่เวยเวยยื่นตะเกียบให้เขา

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เมนู มะเขือเทศผัดไข่ เห็ดผัดผักกาด มันฝรั่งผัดพริก แล้วก็......

" อันนี้คืออะไร? "เย่ฉ่าวเฉินชี้ไปที่จานหนึ่งที่เขามองไม่ออกว่ามันคือเมนูอะไร

มู่เวยเวยยิ้มอย่างเขินๆ " อันนั้นคือ ตอนแรกฉันอยากทำเมนูมะเขือพวง แต่ว่าควบคุมไฟได้ไม่ดี ก็เลยออกมาหน้าตาแบบนี้ คุณอย่างดูแค่ภายนอก รสชาติมันอร่อยมากเลยนะ ไม่เชื่อลองชิมดูสิ "

" เย่ฉ่าวเฉินถือตะเกียบขึ้นมา " เธอแน่ใจนะ? "

" จริงๆ คุณลองชิมก็จะรู้เอง "

เย่ฉ่าวเฉินคีบมะเขือออกมาพวกหนึ่งด้วยความลังเลนิดๆ และไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของมู่เวยเวย

ทันทีที่มะเขือเข้าปาก หน้าของเขาก็แสดงออกว่าไม่อร่อยอย่างชัดเจน เขารีบมองหาถังขยะไปทั่วห้อง

" ฮ่าฮ่าฮ่า - - - " มู่เวยเวยหัวเราะออกมา

เย่ฉ่าวเฉินคายมะเขือในปากลงถังขยะ แล้วใช้น้ำบ้วนปากสักหน่อย เขาขมวดคิ้ว " นี่เธอใส่เกลือลงไปมากแค่ไหน? "

มู่เวยเวยหัวเราะจนน้ำตาไหล " ตอนแรกฉันจะใส่เกลือหนึ่งช้อน และน้ำตาลสองช้อน แต่ว่าฉันเผลอใส่เกลือไปทั้งหมดเลย " ใครให้คุณถามฉันอย่างกับเป็นนักสืบล่ะ เธอเลยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว "

เย่ฉ่าวเฉินดื่มน้ำไปเยอะมากกว่ารสเค็มในปากจะหายไป

กว่ามู่เวยเวยจะหยุดหัวเราะได้มันยากมาก จากนั้นมู่เวยเวยก็เอาเมนูมะเขือจานนั้นทิ้งลงถังขยะ

ตอนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เห็นว่าบางคนไม่กล้าคีบอะไรกินเลย มู่เวยเวยเลยคีบไข่ให้เขา " ฉันรับรองได้ว่ารสชาติอาหารรสชาติปกติจริงๆ "

เย่ฉ่าวเฉินหยุดคิดสักพัก สุดท้ายก็คีบเข้าปากไปคำหนึ่ง โอ้? ใช้ได้

" ฉันไม่ได้โกหกคุณใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยๆฉันก็เคยเรียนรม " มู่เวยเวยพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า " ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่ค่อยสวย แต่รสชาติก็พอใช้ได้ "

ทั้งสองกินข้าวและพูดคุยกันไปด้วย มู่เวยเวยมองเขาแวบหนึ่งแล้วพูดว่า " ในวัยเด็กคุณเคยมีความฝันอะไรไหม? "

เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่นาน ในแววตามีความเศร้าอยู่

" ความฝันในวัยเด็กขอฉันคือ ขอให้พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน "

มู่เวยเวยอึ้งไปสักพัก " ความสัมพันธ์ของพ่อแม่คุณไม่ค่อยดีหรอ? "

" ไม่ดี พวกท่านคุยกันน้อยมาก ตอนอยู่บ้านก็คุยกันแค่ไม่กี่คำ" พอเย่ฉ่าวเฉินพูดถึงประโยคนี้เลยถามถึงกลับว่า " เธอล่ะ? ความฝันในวัยเด็กของเธอคืออะไร? "

" ฉันหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าพูดออกมาคุณต้องขำแน่ๆ "

" ไม่ขำเธอหรอก เธอบอกมาสิ "

มู่เวยเวยวางตะเกียบลง แววตาของเธอเป็นประกาย " ตอนเด็กๆฉันหวังว่าฉันโตมาฉันจะเป็นโจรสลัด จากนั้นก็ไปค้นหาขุมทรัพย์ทั่วโลก ถ้าได้เงินทองของมีค่ามามากมายฉันก็จะซื้อของที่อร่อยได้และซื้อของที่ฉันอยากได้มากมาย พอใช้หมดก็ออกไปหาใหม่ ไม่ต้องทำงานทุกวัน ฉันรู้สึกว่างานของผู้ใหญ่มันน่าเบื่อมาก "

เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม " ความฝันของเธอนี่น่าสนุกจัง แต่ว่าคงทำไม่สำเร็จแล้วแหละ ร่างเล็กๆแบบเธอคงถูกโจรลัดเอาตัวไปสะก่อน ถ้าเป็นโจรสลัดน่าจะไม่มีหวังแล้วล่ะ "

มู่เวยเวยรู้สึกไม่พอใจ " ใครบอก?คุณลองดูหนังฮอลลีวูดเรื่อง Pirates of the Caribbean ดูสิ นางเอกในเรื่องทุกคนทั้งเก่งและสวย และที่สำคัญพวกเขาหาขุมทรัพย์เจอจริงๆ ทุกครั้งที่ฉันดูหนังเรื่องนี้ฉันก็จะคิดถึงความฝันในวัยเด็กของฉันทุกทีเลย "

เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเธอยังมีความคิดเด็กๆอยู่ เลยแกล้งเธอ " ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลาออกจากงานในตอนนี้แล้วไปลองเสี่ยงโชคที่เมืองแคริบเบียนดูสิ ที่นั่นมีโจรสลัดเยอะมาก บางทีพวกเขาอาจจะจับตัวเธอไปก็ได้นะ "

มู่เวยเวยถอนหายใจเบาๆ แล้วกินข้าว "เรื่องที่เป็นโจรสลัดช่างมันเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี แต่ว่า เรื่องหาขุมทรัพย์ฉันอยากลองหาดูนะ ว่าแต่ คุณรู้ไหมว่าจะหาขุมทรัพย์ได้จากที่ไหน? ฉันจะลองไปเสี่ยงดวงดู "

สายตาของมเย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ตะเกียบของบางคน แล้วดึงสติกลับมาเป็นให้อยู่ในโลกความจริง " ในโลกใบนี้จะมีขุมทรัพย์ได้อย่างไร? ถ้ามันมีจริงๆก็คงถูกผู้คนขุดไปแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งซ่อนอยู่ที่ไหนอยู่ที่ไหนคุณรู้ไหม? "

หัวใจของมู่เวยเวยเต้นเร็วมาก ใบหน้าของเธอมีความตกใจอยู่ " อยู่ที่ไหน? "

เย่ฉ่าวเฉินชี้ลงพื้น " ในสุสานของจักรพรรดิในอดีต ถ้าคุณอยากหาจริงๆ ลองไปหาที่สุสานได้ "

มู่เวยเวยผิดหวัง " นั่นมันผิดกฎหมาย ฉันไม่ไปหรอก และฉันก็ไม่ได้มีความกล้าหาญขนาดนั้นด้วย "

" โอ้ รู้ตัวด้วย " เย่ฉ่าวเฉินพูดล้อเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ