หลังจากร้องไห้นานอยู่หลายนาที ความกลัวทั้งหมดในใจของมู่เวยเวยก็ได้ถูกระบายออกมา เสียงเธอเบาลง และผละออกจากอ้อมแขนของเย่ฉ่าวเฉิน เช็ดน้ำตาและหยุดเสียงสะอื้น
เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้นดึงกระดาษออกมาสองสามแผ่นจากบนโต๊ะแล้วเดินไปยื่นให้เธอ "โอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ลุกขึ้นเองได้ไหม?"
มู่เวยเวยเหยียดมือของเธอยันที่พื้นลองยืนดู แต่ขาของเธอก็ชาและอ่อนแรง เธอนั่งลงกับพื้นอีกครั้ง ขณะที่กําลังจะพูดว่าลุกไม่ขึ้นนั้น จู่ ๆ เอวบางก็ถูกโอบและตัวเธอก็ถูกอุ้มขึ้นมา
ตัวเธอนั้นเบามากราวกับขนนก
นี่เป็นความประทับใจแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของเย่ฉ่าวเฉิน ความรู้สึกที่สองที่ตามมาก็คือ กลิ่นกายของเธอ มันช่างคุ้นเคยนัก
มู่เวยเวยถูกวางลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล และเมื่อเธอเห็นดวงตาสีม่วงของเย่ฉ่าวเฉิน เธอก็รู้สึกว่าจำเป็นเธอจะต้องสงสัย
"เย่ฉ่าวเฉิน...... ตาของคุณ...... อีกอย่าง คุณเข้ามาได้ยังไง?"
เย่ฉ่าวเฉินมองลึกลงไปที่ตาของเธอและพูดเบา ๆ ว่า "เรื่องนี้ผมจะอธิบายให้คุณฟังในภายหลัง ตอนนี้เรามาจัดการเรื่องตรงหน้ากันเสียก่อนเถอะ"
เย่ฉ่าวเฉินรินน้ำอุ่นให้เธอแก้วหนึ่ง คนร้ายสองคนนั้นยังไม่ฟื้น
"เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?"
มู่เวยเวยจิบน้ำ รู้สึกว่าจิตใจของเธอค่อย ๆ สงบลง จึงได้เล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินยิ่งมืดมนมากขึ้นเมื่อเขาได้ฟัง ยังดีที่เขาออกมาจากห้องน้ำในเวลานั้น ถ้าเขายังอาบน้ำอยู่ก็คงจะไม่ได้รับสาย และฉู่เหยียนอาจจะถูกเจ้าเดรัจฉานสองตัวนี้ย่ำยี
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาจางเฮ่อด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "บอดี้การ์ดสองคนที่นายส่งมาปกป้องฉู่เหยียนหายหัวไปไหน? พวกเขาตายแล้วหรือไง? รีบไสหัวมาพบฉันที่อพาร์ตเมนต์ของฉู่เหยียนเดี๋ยวนี้"
เมื่อมู่เวยเวยได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ "นี่คุณส่งคนมาตามดูฉัน?"
เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้ามองเธอและยอมรับว่า "ใช่ ครั้งก่อนคุณบอกว่าไม่ต้องการ แต่ที่นี่เป็นถิ่นของผม มีคนดูแลเพิ่มความปลอดภัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังจะเกิดขึ้นได้"
มู่เวยเวยมองไปที่เขา บอกไม่ถูกว่าเขากำลังปกป้องเธอหรือจับตาดูเธอกันแน่
เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นความสงสัยในแววตาของเธอ และพูดตรงไปตรงมาว่า "คุณไม่ต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่จําเป็นต้องจับตาดูคุณ พวกเราเป็นหุ้นส่วนกันไม่ใช่คู่แข่งกัน"
"อืม ฉันเชื่อคุณ" มู่เวยเวยพูด
"แล้วบอดี้การ์ดที่พ่อคุณส่งมาล่ะ?"
มู่เวยเวยอยากจะร้องไห้ออกมาอีก "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
"เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว เป้าหมายหลักของพวกมันน่าจะเป็นเรื่องเงิน ไม่ต้องกังวลนะ" เย่ฉ่าวเฉินปลอบใจอย่างอ่อนโยน
แต่มู่เวยเวยกลับส่ายหัวและพูดว่า "ไม่ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาเพียงแค่ต้องการเงิน หรือแค่อยากทำอนาจาร แต่พวกเขามีจุดประสงค์ที่ลึกกว่านั้น"
เย่ฉ่าวเฉินตกใจ "ทําไมถึงพูดเช่นนี้ล่ะ?"
มู่เวยเวยนึกถึงบทสนทนาของสองคนนั้น แล้ววิเคราะห์ว่า "ความจริงฉันพูดจนคนที่เฝ้าฉันอยู่ใจอ่อนลงได้แล้ว ฉันจะปล่อยให้พวกเขาไปพร้อมกับเงินและจะไม่แจ้งตํารวจ และดูเหมือนเขาก็จะตัดสินใจแบบนี้ แต่พอคนที่เพิ่งไปถอนเงินคนนั้นกลับมา เขาก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจนี้ ทั้งยังพูดว่าอีกอย่าง......อีกอย่างอะไร? พวกเขาไม่ได้พูด แต่ฉันคิดว่า อีกอย่างที่ว่านี้ เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่พวกเขาเลือกที่จะอยู่ต่อ"
"คุณหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกเขามีการวางแผนมานานแล้ว?"
"ใช่ สัญชาตญาณของฉันว่าอย่างนั้น" มู่เวยเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นเอง ก็มีสายจากจางเฮ่อโทรเข้ามา
"คุณชายครับ คนของเราถูกตีจนสลบไป"
"ฉันเข้าใจแล้ว นายรีบมาที่นี่เถอะ" เย่ฉ่าวเฉินวางสายแล้วพูดกับมู่เวยเวยว่า "สัญชาตญาณของคุณแม่นยำมาก มีคนวางแผนไว้แล้วจริง ๆ บอดี้การ์ดที่ผมส่งมาปกป้องคุณถูกทำร้ายจนสลบไป"
ในใจของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากสั่นเทิ้มขึ้นเบา ๆ "ฉันไม่รู้จักใครในเมือง A ศัตรูก็ยิ่งไม่มี ใครกันที่ช่างใจร้ายขนาดนี้ อยากให้ฉันถูกทําร้ายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้?"
มือของเย่ฉ่าวเฉินวางคลุมอยู่บนนิ้วของเธอ ดวงตาสีม่วงแน่วแน่ของเขาฉายแววเหี้ยมโหด "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมจะให้มันได้รับผลกรรม"
ฉู่เหยียนอยู่ในสถานะพิเศษสําหรับเย่ฉ่าวเฉิน มีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจจะเป็นเวยเวย ถ้ามีคนคิดจะทําร้ายเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็ไม่อาจจะทนได้ หรือต่อให้ฉู่เหยียนจะไม่ใช่เวยเวย เธอก็ยังเป็นเพื่อนของเขา เป็นหุ้นส่วนของเขา เขาไม่ยอมให้ใครก็ตามรอบตัวเขาได้รับอันตราย
อุณหภูมิในมือค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาทีละน้อย ความกลัวของมู่เวยเวยก็หายไปมากอย่างอธิบายไม่ถูก
"คุณอยู่ตรงนี้นะ" เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้า เขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหนึ่งในพวกอันธพาล จับคอเสื้อของเขาขึ้นมาและลากเขาไปในห้องน้ำ
"ซ่า——" น้ำเย็นถังใหญ่ถูกราดลงบนหัว จากนั้นมู่เวยเวยก็ได้ยินเสียงไอสำลักน้ำ เจ้านักเลงฟื้นแล้ว
จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ลากเขาออกมาอีกครั้ง และโยนไปอยู่ข้าง ๆ อีกคนหนึ่ง คนนั้นก็จําเย่ฉ่าวเฉินได้ เขาก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเย่ฉ่าวเฉิน
"พูด ทำไมต้องจับตัวเธอ?" เย่ฉ่าวเฉินวางตัวสูงส่งและถามเขาอย่างเย็นชา
คนนั้นก็ตอบเสียงเบาว่า "เห็นเธอตัวคนเดียวและดูรวยมาก"
เย่ฉ่าวเฉินยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง ชายคนนั้นก็สำลัก
"พูดดัง ๆ หน่อย"
ชายคนนั้นกอดท้องไว้และหลบไปด้านข้าง เสียงของเขาขยายดังขึ้นมาก "เราเฝ้าดูเธอมาหลายวันแล้ว เห็นเธอมักเข้าออกคนเดียว ทั้งชุดที่สวม กระเป๋าที่สะพายล้วนเป็นแบรนด์ดัง เธอต้องเป็นคนรวยแน่ ๆ จึงคิดอยากจะปล้นชิงทรัพย์"
"ทํายังไง?"
"พวกเรา......" ชายคนนั้นกลืนน้ำลายลงคอและพูดด้วยอารมณ์ตึงเครียดว่า "หลังจากที่เธอกลับเข้ามาในลิฟต์ครั้งแรก พวกเราก็ได้เข้ามาแล้ว ก็เห็นเธอหยุดอยู่ที่ชั้นนี้ รอจนเมื่อเธอจากไปแล้ว พวกเราก็ตรงมาที่ชั้นนี้และรอให้เธอกลับมา"
มู่เวยเวยเข้าใจในทันที ถึงว่าตอนแรกเธอรู้สึกว่ามีคนคอยสะกดรอยตามเธอ แต่นึกว่าตัวเองคิดไปเอง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะตามมาจริง ๆ
"ตอนหลังเธอขอให้พวกแกออกไปพร้อมเงิน แล้วทําไมถึงอยู่ต่อ?" เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันและถาม หมัดที่กำไว้แน่นดูเหมือนจะสามารถยกขึ้นได้ทุกเมื่อ
ชายคนนั้นเหลือบมองไปที่คู่หูที่นอนอยู่บนพื้น แล้วพูดตะกุกตะกักว่า "เขาเป็นคนหื่นกามมาก เห็นผู้หญิงสวยก็จะทนไม่ได้......อ้า——"
เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น เมื่อเย่ฉ่าวเฉินถีบไปที่กลางอกของเขา แล้วก้มลงจ้องเขม็งไปที่เขาอย่างเย็นชา และค่อย ๆ พูดขึ้นว่า "ฉันต้องการฟังความจริง"
"ผม......สิ่งที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง...... จริง ๆ นะ...... อ่า——"
เย่ฉ่าวเฉินเกือบใช้กำลังทั้งหมดในการเตะแต่ละครั้ง หลังจากเตะอย่างหนักหน่วงอยู่หลายครั้ง คนนั้นก็ทรุดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมปริปาก "คุณชายเย่ สิ่งที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง มันคือความจริง"
ในตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น จางเฮ่อน่าจะมาถึงแล้ว
มู่เวยเวยกําลังจะลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่เห็นเย่ฉ่าวเฉินกดฝ่ามือลงส่งสัญญาณให้เธอนั่งลง เขาจะไปเปิดประตูเอง
เย่ฉ่าวเฉินหันหลังเดินไปที่ประตู เมื่อชายที่เพิ่งล้มลงบนพื้นเห็นว่าโอกาสมาถึงแล้ว เขาก็ดึงมีดสั้นที่ใช้ขู่มู่เวยเวยออกมาจากด้านหลังแล้วพุ่งตัวเข้าหาเย่ฉ่าวเฉิน
"เย่ฉ่าวเฉิน ระวัง" มู่เวยเวยกรีดร้อง
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้หันมา แต่เตะกลับหลังเข้ากลางยอดอกของชายคนนั้นและชายคนนั้นก็ล้มพับลงกับพื้นทันที
"หึ ความสามารถแค่นี้ยังคิดจะโจมตี?" เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะใส่เขา แล้วเดินไปเปิดประตูต่อ
จางเฮ่ออยู่ข้างนอกจริง ๆ
จางเฮ่อรู้ว่าเขาทำพลาดจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้านาย เขาเดินเข้าไปและเห็นข้าวของที่กระจัดกระจาย และยังมีชายสองคนนอนกองอยู่บนพื้น เขาก็รู้สึกแย่
"คุณชายครับ" เขาเรียกขึ้นอย่างขี้ขลาด
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ คนร้ายที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงในการต่อสู้แล้ว จากนั้นก็ดึงมีดสั้นในมือของเขามาอย่างแรง
"ที่จริงฉันสามารถฆ่าแกได้ด้วยมีดเล่มนี้ แต่แกรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ใช้มัน?"
จิตสังหารของเย่ฉ่าวเฉินนั้นรุนแรงมาก ทำให้ชายคนนั้นตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับตัว
เย่ฉ่าวเฉินใช้ใบมีดตบเข้าที่หน้าเขาและพูดถากถางว่า "เพราะฉันไม่อยากให้เลือดของพวกแกมาแปดเปื้อนที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเย่ฉ่าวเฉินคนนี้จะฆ่าคนไม่เป็น"
"คุณชายเย่ ผมไม่ได้โกหกจริง ๆ พวกเราแค่เห็นว่าเธอท่าทางดูมีเงิน จึงแค่อยากจะมาปล้นเงินเท่านั้น"
เย่ฉ่าวเฉินเห็นว่าเขายังปากแข็ง จึงแสยะยิ้มพูดกับจางเฮ่อว่า "ลากมันออกไป สับให้ละเอียดแล้วโยนลงทะเลให้ปลากิน คนอย่างเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น ก็ดี ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู คู่หูของแกคนนี้คงจะรู้ว่าคนฉลาดนั้นต้องทำอย่างไร จางเฮ่อ ยังยืนนิ่งอยู่ทําไม?"
จางเฮ่อรีบตอบสนองทันใด เขารีบคว้าแขนของชายคนนั้นแล้วลากออกไป
ชายหนุ่มเคยได้ยินถึงความเหี้ยมโหดของเย่ฉ่าวเฉิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้ เมื่อคิดว่าเขาอาจจะกลายเป็นเศษเนื้อชุ่มเลือด เขาก็ตัวสั่นและเสียงก็เปลี่ยนไป "เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ผมพูด ผมจะพูดทั้งหมด"
จางเฮ่อหยุดและมองไปทางสายตาของเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็ผลักเขาลงกับพื้นอีกครั้ง
"ยอมพูดอย่างนี้แต่แรกก็จบแล้ว ไม่ต้องมาทนทรมานตั้งมากมาย ไหนพูดสิ" เย่ฉ่าวเฉินยืนหลบอยู่ด้านข้าง เขากวัดแกว่งมีดสั้นในมือไปมาราวกับมันสามารถบินออกไปได้ในพริบตา
ชายคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้น สูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เราสองคนพี่น้องแพ้พนันในบ่อนสูญเสียเงินจํานวนมาก และเป็นหนี้จํานวนมาก พวกเราถูกตามล่าจนต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทุกวัน ในเวลานี้เอง มีคนมาหาเราและบอกว่าสามารถช่วยเราจ่ายหนี้พนันได้ แต่เราต้องทำสิ่งหนึ่งให้ก่อน......"
"พูดต่อไป"
"เขาบอกว่า ในย่านนี้มีหญิงสาวโสดอาศัยอยู่คนเดียว เธอร่ำรวยมาก ให้เรามาข่มขืนเธอ และถ่ายรูปส่งให้เขา......"
เย่ฉ่าวเฉินเคืองแค้นอย่างมาก เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายที่นอนหมดสติอยู่ ราวกับกําลังคิดว่าจะจัดการเขาอย่างไรดี
"พูดต่อไป" จางเฮ่อคำราม ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเย่ฉ่าวเฉินเขาก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะร้ายแรงถึงเพียงนี้
"เราเฝ้าสังเกตที่นี่อยู่หลายวัน พบว่ามีคนคอยปกป้องเธออยู่รอบ ๆ ไม่น้อย ไม่มีโอกาสที่จะลงมือได้เลย หลังจากที่เราแจ้งเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายทราบ เขาบอกพวกเราว่าไม่ต้องกังวล เขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ส่วนเขาจัดการยังไงนั้น พวกเราไม่รู้"
"อืม ในเมื่อภารกิจที่เขามอบหมายให้พวกแกทำคือหยามเกียรติเธอ แล้วทําไมพวกแกยังต้องปล้นเงินไปอีก?" เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างเย็นชา
ชายคนนั้นปาดเหงื่อเย็น ๆ ออกจากหน้าผาก "พวกเราแค่คิดว่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็หาเงินเพิ่มอีกสักหน่อย หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น เราจะออกจากเมือง A ไปพร้อมกับเงิน"
"เหอะ พวกแกคำนวณได้ไม่เลวเลยนี่" เย่ฉ่าวเฉิน เดินมาตรงหน้าเขา ใช้มีดสั้นเชิดคางของเขาขึ้นเพื่อจะได้มองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา และถามต่อว่า "มันเป็นใคร?"
ชายคนนั้นมองไปที่ดวงตาที่เย็นยะเยือก ในใจเขาก็รู้สึกหวาดกลัว "ผมไม่รู้จัก"
"แล้วแกจะติดต่อเขายังไงหลังจากภารกิจเสร็จสิ้น?"
"ใช้โทรศัทพ์ ยื่นหมูยื่นแมว จ่ายเงินมา ให้รูปถ่ายไป" ชายคนนั้นตอบตามความเป็นจริง ความกล้าหาญของเขาถูกทําลายไปจนหมดสิ้น
"โทรตอนนี้เลย" เย่ฉ่าวเฉินโยนมีดสั้นให้จางเฮ่อ แล้วเดินไปยกเก้าอี้จากในครัวมานั่งตรงข้ามชายคนนั้น
จางเฮ่อรับมีดสั้นมาและกดเข้าที่หัวใจของเขา หากขยับเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถไปพบยมบาลได้เลย
ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง และค้นหาหมายเลขด้วยมือที่สั่นเทา ขณะที่กําลังจะกดโทรออก เย่ฉ่าวเฉินก็พูดขึ้นว่า "เปิดแฮนด์ฟรี"
เขากดปุ่มแฮนด์ฟรีตามคําสั่ง โทรศัพท์ดังอยู่สามครั้ง จากนั้นปลายสายก็ได้เชื่อมต่อ
"ฮัลโหล?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น "นั่นใคร?"
ชายคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า "ฉันเอง เราทำงานเสร็จงานแล้ว จะให้ไปเจอที่ไหน?"
"โอ้ ทําไมนานจัง?" น้ำเสียงที่ปลายสายแฝงไว้ด้วยความหยอกล้อ
ชายหนุ่มเงยหน้ามองเย่ฉ่าวเฉิน แล้วแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา "ก็ เพื่อนฉันมันชอบเล่นมากกว่า......"
"ฮิฮิ......" ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ "ก็ผู้ชายอ่ะนะ ฉันเข้าใจดี ไม่เคยเห็นสาวสวยขนาดนั้นมาก่อนล่ะสิ เลยทนไม่ไหว"
เหงื่อเย็นบนศีรษะของชายคนนั้นกลิ้งลงมาเป็นหยด ๆ เขาไม่กล้าที่จะยุ่งเกี่ยวกับหัวข้อนี้ เพราะเขารู้สึกว่ามีดที่อยู่ตรงขั้วหัวใจนั้นเริ่มแทงทะลุผิวหนังแล้ว "เราจะพบกันที่ไหนดี?"
"บาร์ที่เจอกันคราวก่อน ตอนนี้หนึ่งทุ่มสี่สิบ อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะรอพวกนายอยู่ที่เก่า"
"ได้ เข้าใจแล้ว"
หลังจากวางสายแล้ว ชายคนนั้นก็อธิบายอย่างสั่น ๆ ว่า "มันเป็นร้านเหล้าแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมืองที่ชื่อเย่เซ่อ ”
"แล้วที่เก่าล่ะ?"
"ห้องส่วนตัว 106"
"หน้าตาเป็นยังไง?"
ชายคนนั้นนึกอยู่เล็กน้อย "ไม่สูง อายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างผอม สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรได้ ตาเล็ก ๆ"
เย่ฉ่าวเฉินพูดกับจางเฮ่อว่า "โทรหาเย่ยิง ให้เขาพาคนไปที่นั่นล่วงหน้าก่อน ได้ตัวแล้วให้พาเขาไปที่วิลล่า"
"ครับคุณชาย"
จางเฮ่อเดินออกไปโทรศัพท์ที่อีกด้าน เย่ฉ่าวเฉินนั่งไขว่ห้างจ้องไปที่ชายตรงหน้า มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "ส่วนแก คิดว่าฉันควรทําอะไรกับแกดี?"
"คุณชายเย่ คุณชายเย่ครับ" ชายคนนั้นคลานเข่าไปข้างหน้าและอ้อนวอน "ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ขอร้องล่ะ ผมไม่กล้าอีกแล้ว"
เย่ฉ่าวเฉินแค่นเสียงเย็นชาออกมาและตะคอกว่า "ตอนนี้มาขอร้องฉัน แล้วตอนที่เธอขอร้องพวกแก พวกแกพูดว่ายังไง?"
"คุณชายเย่ ผมรู้ว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว" จู่ ๆ ชายคนนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาชี้ไปที่คู่หูที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า "เป็นเขา เขาอยากจะแตะต้องคุณผู้หญิงคนนี้ ตอนนั้นผมยังห้ามเขาว่าไม่ได้ ผมไม่ได้แตะต้องเธอ จริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้แตะต้องเธอจริง ๆ"
"ไม่ได้แตะต้องเธอ? แกไม่ใช่เหรอที่จับกดขาเธอไว้?" เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงภาพแรกที่เขาเห็น เลือดของเขาก็เดือดพล่านทั่วร่าง แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ใช่เรื่องโกหก "ได้ ฉันจะไว้ชีวิตแก แกชื่ออะไร?"
ชายคนนั้นตอบว่า "โจวย่าหมิง"
"เขียนยังไง?"
ชายคนนั้นไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทําอะไรจึงตอบไปอย่างเชื่อฟังว่า "โจวจากโจวหยู ย่าจากย่าจวิน และหมิงจากหมิงเทียน"
เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เมื่อมั่นใจว่าเขาไม่ได้โกหก จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออก "สารวัตรจ้าว ผมเอง......คุณลองเช็คออนไลน์ดูว่ามีอาชญากรที่ชื่อโจวย่าหมิงไหม? โจวจากโจวหยู ย่าจากย่าจวิน และหมิงจากหมิงเทียน...... ไม่ต้องหาแล้ว มันอยู่กับผม มาพาคนไปได้เลย ผมจะส่งที่อยู่ให้"
เมื่อโจวย่าหมิงได้ยินแล้วก็ทรุดตัวลงกับพื้นใบหน้าซีดเผือก ก่อนหน้านี้เขาเคยทําเรื่องลักปล้นมาไม่น้อย และถูกตํารวจขึ้นบัญชีดําไว้
หลังจากที่เย่ฉ่าวเฉินส่งข้อความเสร็จ ก็มองไปที่เขาเล็กน้อย "ฉันไม่ฆ่าแก แต่ที่ที่ฉันจะส่งแกไปอยู่เป็นที่ที่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อย แน่นอนว่ายังมีคู่หูของแกอีก มันก็คงทำเรื่องเลวมาไม่น้อยเหมือนกันใช่ไหม?"
ในเวลานี้โจวย่าหมิงไม่มีแรงที่จะตอบ
มู่เวยเวยเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกที่มีต่อเย่ฉ่าวเฉินดีขึ้นเล็กน้อย เธอคิดว่าเขาจะใช้วิธีที่รุนแรงกว่านี้ในการจัดการกับสองคนนี้ซะอีก ตั้งแต่ที่เธอมีลูก เธอก็ไม่อยากเห็นเขาทําเรื่องนองเลือดพวกนี้อีก เธอกลัวว่าผลกรรมจะตกอยู่ที่ลูก
ตอนนี้เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...