วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 189

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ฉ่าวเฉินก็เอื้อมมือไปโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยน "ผมผิดเอง ที่ไม่สามารถเอาปีศาจร้ายออกจากใจได้"

มู่เวยเวยรู้ว่าปีศาจร้ายที่เขาพูดถึงหมายถึงอะไร ในฐานะที่เธออยู่ในบทบาทของฉู่เหยียน จึงรีบพูดขึ้นว่า "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้ ถ้าวันหนึ่งภรรยาของคุณกลับมา ฉันจะจากไปทันที แต่วันนี้ที่เธอไม่อยู่ ฉันอยากจะอยู่เคียงข้างคุณ"

"ขอบคุณครับ ฉู่เหยียน" เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ความปรารถนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลงเหลืออยู่ในดวงตาของเขาจางหายไป

ทั้งสองกลับไปที่ห้องอาหาร ฉู่เซวียนสังเกตเห็นริมฝีปากของมู่เวยเวยแดงผิดปกติทั้งยังบวมเล็กน้อย เขาเข้าใจทันทีว่าทั้งสองคนออกไปทําอะไรกัน

คิดไม่ถึงว่ามู่เวยเวยที่ดูใสซื่อไร้เดียงสาจะร้อนแรงได้ถึงเพียงนี้ ไม่กลัวความจริงจะถูกเปิดเผยออกมาหรือยังไง

มู่เวยเวยรู้สึกได้ถึงสายตาล้อเลียนของฉู่เซวียน ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้น จึงแสร้งทําเป็นก้มหน้าลงดื่มน้ำเพื่อหลบสายตาของเขา

ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างเพลิดเพลินพอใจ และในที่สุดงานเลี้ยงต้อนรับก็สิ้นสุดลง

ตอนจากกัน เย่ฉ่าวเฉินแอบบีบมือมู่เวยเวย ก่อนจะปล่อยให้เธอขึ้นรถไป

"ดูไม่อยากพรากจากกันขนาดนี้ ให้ผมหาข้ออ้างส่งคุณกลับไปที่บ้านตระกูลเย่ดีไหม?" หลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนตัว ฉู่เซวียนจึงได้หยอกล้อเธออย่างเย็นชา

มู่เวยเวยอยากจะบอกเขาว่า เรื่องของฉันคุณไม่ต้องยุ่ง แต่เมื่อเธอเห็นคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า ก็อดกลั้นคําพูดนี้ไว้แล้วดัดเสียงพูดว่า "มีพี่ชายที่พูดแบบนั้นกับน้องสาวด้วยเหรอคะ"

ฉู่เซวียนดื่มมากไปหน่อย ตอนนี้สมองของเขายุ่งเหยิงไปหมดและไม่อยากเถียงกับเธอ เขาพักผ่อนเอนหลังพิงกับพนักอย่างเกียจคร้าน ท้องของเขาเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า "ช่วยดูให้หน่อยว่าแถวนี้มีของกินอะไรไหม ตอนที่ผ่านช่วยแวะซื้อให้ผมหน่อย"

"คืนนี้คุณเอาแต่ดื่มเหล้าเหรอ?" มู่เวยเวยประหลาดใจ

ฉู่เซวียนชําเลืองมองเธอ "ก็ไม่ใช่เพราะคุณพูดอะไรผิดไปหรือไง ผมเกลียดอาหารหวานเลี่ยนแบบนี้ที่สุด"

มู่เวยเวยหัวเราะ "ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี อีกอย่างบอกว่าคุณทานได้ทุกอย่างก็ดูจะปลอดภัยที่สุด" ”

"ผมเป็นถึงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉู่ จะให้กินไม่เลือกเลยหรือไง?"

มู่เวยเวยรู้ว่ามันเป็นความผิดของเธอ จึงรีบขอโทษ "ได้ ๆ ๆ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ฉันจําได้ว่ามีร้านข้าวต้มอยู่ใกล้โรงแรม รสชาติไม่เลว เดี๋ยวฉันไปซื้อให้คุณนะ คุณชอบทานโจ๊กอะไร?"

เมื่อเทียบกับโจ๊กแล้ว ฉู่เซวียนอยากจะกินหม้อไฟมากกว่า แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ท้องของเขาคงรับไม่ไหว จึงได้แต่จำยอม "อะไรก็ได้ที่ไม่หวาน ตอนนี้ผมยังรู้สึกถึงความหวานเลี่ยนอยู่เต็มท้อง"

"เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ซื้อของหวานแน่นอน" มู่เวยเวยสัญญา

ตามที่คาดไว้ ระหว่างทางกลับโรงแรม มู่เวยเวยเห็นร้านข้าวต้มที่เธอเคยมาทาน แม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้ว แต่ไฟในร้านยังสว่างอยู่ และข้างในก็มีลูกค้านั่งอยู่ไม่น้อย

มู่เวยเวยลงจากรถเพื่อไปซื้อโจ๊ก กลัวว่าโจ๊กที่เธอสั่งจะไม่ถูกปากฉู่เซวียน เธอจึงซื้อมาสามแบบ โจ๊กกุ้งสด โจ๊กไก่กับผัก และโจ๊กหมูสับไข่เยี่ยวม้า ใส่ในกล่องเก็บความร้อนพิเศษและนํามันกลับไปที่รถ

เมื่อมาถึงหน้าโรงแรม คนขับรถต้องเอารถไปจอด ฉู่เซวียนจึงตกอยู่ในมือของมู่เวยเวย ตอนนี้ก็แอลกอฮอล์เริ่มทำงานแล้ว ฉู่เซวียนไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง มู่เวยเวยจึงต้องถือถุงโจ๊กไว้ในมือหนึ่งและอีกมือหนึ่งก็ประคองเขาเข้าไปยังโรงแรม

"คุณก็ดูไม่อ้วน แต่ทำไมถึงหนักจัง?" มู่เวยเวยพึมพำพลางพยุงเขาเดินโซซัดโซเซเข้าไป เมื่อฉู่เซวียนได้ยินคําพูดของเธอ เขาก็จงใจกดแรงลงบนบ่าของเธออีก

ในที่สุดเธอก็พาฉู่เซวียนมาถึงหน้าห้องจนได้ มู่เวยเวยหายใจหอบ "คีย์การ์ดของคุณล่ะคะ?"

สมองของฉู่เซวียนยังมีสติอยู่ แต่แอลกอฮอล์ที่กำลังวิ่งพล่านทำให้เขาอยากจะแกล้งเธอ "อยู่ในกระเป๋ากางเกง"

มู่เวยเวยไม่ได้คิดเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง ดังนั้น เธอจึงยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าที่อยู่ใกล้มือที่สุด มันก็ว่างเปล่า

เสื้อผ้าในฤดูร้อนนั้นบางมาก มีเพียงผ้าบาง ๆ ที่กั้นอยู่ ขาของฉู่เซวียนรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากนิ้วมือของหญิงสาว เขาก็รู้สึกชาขึ้นมา แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของมู่เวยเวยแล้ว เขาก็ได้แต่หลับตาลง

ให้ตายเถอะ ต่อหน้าใบหน้านี้เขาไม่กล้าคิดอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกเหมือนเป็นการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้น มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบคีย์การ์ดออกมา แล้วแสกนบัตรเข้าประตู

มู่เวยเวยช่วยพยุงเขาเข้าไปในห้อง วางถุงโจ๊กลง แล้วเดินไปที่ตู้กดน้ำ และกดน้ำอุ่นใส่แก้วกระดาษ

"คุณไม่สบายท้อง จิบน้ำร้อนก่อนเถอะ"

ฉู่เซวียนที่กำลังคอแห้งพอดี เขาเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำจนหมดพรวดเดียว

"ฉันซื้อโจ๊กมาสามแบบ ไม่รู้ว่าคุณชอบทานแบบไหน ถ้ายังรู้สึกไม่สบายท้อง ก็ทานโจ๊กก่อนแล้วค่อยนอนนะคะ" มู่เวยเวยพูดพลางหยิบโจ๊กออกจากถุง แล้วจัดเรียงไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา

"เข้าใจแล้ว คุณรีบไปเถอะ" เมื่อฉู่เซวียนเห็นหน้าของเธอก็รู้สึกอารมณ์เสียอย่างบอกไม่ถูก น้องสาวของเขาจะไม่สุภาพกับเขาแบบนี้ เขารู้สึกอึดอัดใจมาก

มู่เวยเวยอยากจะออกไปเต็มที เมื่อเห็นเขาพูดแบบนี้ก็จึงรีบเดินไปที่ประตู ขณะที่ประตูเปิดออก ฉู่เซวียนก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงเรียกเธอให้หยุดไว้ก่อน "คุณเดาไม่ผิดเลย บ่ายวันนี้เย่ฉ่าวเฉินถามผมว่าคุณชอบทานอะไร ผมว่าเขาอาจจะยังสงสัยในตัวคุณอยู่ ระวังตัวด้วย อย่าเผลอเผยความจริงซะล่ะ"

หัวใจของมู่เวยเวยก็กระตุกขึ้นมา เธอพูดว่า "เข้าใจแล้วค่ะ" จากนั้นก็เปิดประตูออกไป

ตอนนั้นเธอเพียงแค่พูดแบบนั้นออกไป แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นประโยชน์ เพียงแต่ความสงสัยของเย่ฉ่าวเฉินนั้นช่างหนักแน่นเสียจริง ทั้งที่พี่ชายแท้ ๆ ของฉู่เหยียนก็ออกมายืนยันแล้ว เขาก็ยังจะสงสัยอีก เขาช่างมั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเองเหลือเกิน

หากเขาต้องการที่จะสงสัยก็เชิญสงสัยต่อไปเถอะ อย่างไรซะเขาก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดในมือ ตราบใดที่เธอไม่ยอมรับซะอย่าง เขาจะทำอะไรได้

ทางด้านนี้ ทันทีที่เย่ฉ่าวเฉินกลับมาถึงบ้าน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจางเฮ่อ

"คุณชายครับ คุณฉู่และประธานฉู่กลับถึงโรงแรมแล้ว ระหว่างทาง คุณฉู่แวะเข้าไปในร้านข้าวต้มและซื้อโจ๊กมาสามชุด ส่วนอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ"

เย่ฉ่าวเฉินนึกถึงเรื่องที่ฉู่เซวียนแทบไม่ได้กินอะไรเลยในคืนนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ ฉู่เหยียนบอกว่าเขากินได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ? อีกทั้งอาหารร้านนั้นรสชาติก็ไม่เลว แต่เขากลับกินแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง?

"จางเฮ่อ ไปตรวจสอบดูว่าฉู่เซวียนชอบอาหารประเภทไหน อย่าลืมว่าต้องเป็นความลับ อย่าให้คนอื่นจับได้"

"ครับคุณชาย"

เย่ฉ่าวเฉินโยนโทรศัพท์ลงและเข้าไปในห้องอาบน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาแล้ว เขาก็นอนลงบนเตียงและหลับไป

เขาเองก็ดื่มมากเช่นกัน แต่ยังมีสติชัดเจนอยู่

ฉู่เหยียนเป็นถึงคุณหนูรองแห่งตระกูลฉู่ มีสถานะสูงส่ง เคยพบเจอผู้ชายมาแล้วทุกประเภท ทั้งยังเคยมีแฟนมาแล้วหลายคนในต่างประเทศ แต่ละคนล้วนเป็นคนโดดเด่น ทําไมเธอถึงยอมมารักเขาได้? แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินก็มั่นใจในรูปลักษณ์และชาติตระกูลของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่เพียงเท่านี้ ไม่น่าจะพอที่จะทําให้ฉู่เหยียนมาหลงใหลในตัวเขา แล้วยังจะยอมมาเป็นรองอีก?

นี่มันไร้สาระสิ้นดี

เขาครุ่นคิดถึงฉู่เหยียน จากนั้นก็คิดถึงมู่เวยเวย แล้วก็คิดถึงลูกของตัวเองขึ้นมา จากนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็ผลอยหลับไปอย่างอ่อนแรง

วันต่อมา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาด้วยอาการเวียนศีรษะ ก็เห็นข้อความที่จางเฮ่อส่งมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาเปิดมันขึ้นมาอ่าน ข้อความเขียนไว้ว่า คุณชาย ผมสอบถามหลายคนในฮ่องกงแล้วพบว่าฉู่เซวียนชอบอาหารรสเผ็ด ทุกครั้งที่ออกไปกินหม้อไฟเขาจะต้องสั่งที่เผ็ดที่สุด

หลังจากอ่านข้อความนี้อย่างน้อยสามครั้ง เย่ฉ่าวเฉินก็ล้มลงบนที่นอนและยิ้มออกมา

ฉู่เซวียนชอบอาหารรสเผ็ด นี่เป็นสิ่งที่เพื่อน ๆ ต่างรู้กันดี แต่ฉู่เหยียนในฐานะน้องสาวแท้ ๆ กลับไม่รู้ มันแปลกมาก

เมื่อยิ้มไปสักพัก สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็เคร่งขรึมลง ถ้าฉู่เหยียนคนนี้ไม่ใช่ฉู่เหยียนตัวจริง แล้วจุดประสงค์ที่เธอมาอยู่ข้างกายเขาคืออะไร? ตระกูลฉู่พยายามปกปิดเรื่องนี้ ทั้งยังส่งฉู่เซวียนมายืนยันตัวตนของเธออีก พวกเขาต้องการอะไรกันแน่?

ตระกูลเย่มีสิ่งใดที่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้งั้นเหรอ?

คิดไปคิดมา เย่ฉ่าวเฉินก็นึกถึงเพียงแผนที่สมบัติที่เสียหายแผ่นนั้น

ความจริงแล้ว ถ้ามีใครต้องการใช้มู่เวยเวยมาแลกกับแผนที่สมบัติ เขายอมแลกโดยไม่ต้องลังเลเลย เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจหรือรู้สึกดีกับแผนที่สมบัตินั่นเท่าไหร่อยู่แล้ว

......

ณ โรงแรม เมื่อมู่เวยเวยทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เผอิญพบกับกลุ่มคนที่ฉู่เซวียนพามาด้วย เธอพยักหน้าทักทาย และรู้สึกสงสัยในใจ ป่านนี้แล้วฉู่เซวียนยังไม่ตื่นอีกเหรอ?

ดูจากการทำงานอย่างจริงจังของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนว่าจะเป็นคนขี้เซาได้ หรือเป็นเพราะเมื่อคืนเขาดื่มมากเกินไป เช้านี้จึงตื่นไม่ไหว?

ด้วยความสงสัย มู่เวยเวยจึงมาที่ห้องของเขาและเคาะประตู แต่ไม่มีใครตอบ

ยังไม่ตื่นจริง ๆ เหรอ?

ช่างเถอะ มู่เวยเวยกลับมาที่ห้อง นั่งเลื่อนดูโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นถังซื่อเซวียนก็โทรเข้ามา มู่เวยเวยก็รับโทรศัพท์

"คุณฉู่ คุณเห็นประธานฉู่บ้างไหมครับ?" ถังซื่อเซวียนถามอย่างไม่แน่ใจ

"ไม่ค่ะ เมื่อคืนเขาดื่มมากไปหน่อย เขาอาจจะยังหลับอยู่" มู่เวยเวยคาดเดา

ถังซื่อเซวียนดูท่าทางเป็นกังวลมาก "คือแบบนี้ครับ เมื่อวานตอนประชุมมีประเด็นสําคัญบางอย่างที่ยังไม่ได้ข้อสรุป วันนี้จึงนัดซัพพลายเออร์มาเจรจากันโดยเฉพาะ เวลานัดหมายคือสิบโมงเช้า ตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว ประธานฉู่ก็ยังไม่มา ผมเพิ่งโทรหาเขา แต่ขึ้นสถานะว่าปิดเครื่อง คุณฉู่ครับ คุณช่วยไปดูที่ห้องของประธานฉู่ได้ไหมครับ? ปกติต่อให้เขาดื่มมากแค่ไหน วันต่อมาก็กลับมาเป็นปกติได้......"

ถังซื่อเซวียนพูดจาเยิ่นเย้อยืดยาว เมื่อมู่เวยเวยจับประเด็นได้จึงรีบขัดจังหวะเขา "คุณถังคะ พวกคุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันจะลองไปดู แล้วจะโทรหาคุณนะคะ"

"ได้ครับ ขอบคุณครับคุณฉู่"

มู่เวยเวยเดินมาที่ห้องข้าง ๆ อีกครั้ง กลัวว่าเขาจะหลับไปจริง ๆ และไม่ได้ยิน เธอทุบประตูเสียงดัง แต่ข้างในก็ยังเงียบไม่มีเสียง

คราวนี้มู่เวยเวยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบไปหาผู้จัดการห้องพัก เมื่อระบุตัวตนแล้ว ก็ขอให้เขาเปิดประตูห้องของฉู่เซวียน

"พี่คะ——" มู่เวยเวยยังไม่ได้เข้าไป แต่ยืนตะโกนอยู่หน้าประตู หากว่าเขาเปลือยอยู่ล่ะ?

ไม่มีเสียงตอบรับและไม่มีใครอยู่ในห้องน้ํา

"พี่ชาย——" เสียงของมู่เวยเวยขยายดังขึ้นเล็กน้อย เธอค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างช้า ๆ ผู้จัดการห้องพักเดินตามหลังเธอ

สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือกล่องโจ๊กที่เปิดอยู่บนโต๊ะ แต่ยังไม่ได้ถูกกิน เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ก็พบชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างกายท่อนล่างอยู่ใต้ผ้าห่ม

มู่เวยเวยรีบหันกลับมาและพูดกับผู้จัดการห้องว่า "รบกวนคุณช่วยปลุกเขาหน่อยค่ะ"

จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงอุทานจากผู้จัดการห้องพัก "คุณฉู่ครับ พี่ชายของคุณดูเหมือนจะไม่สบาย ตัวเขาร้อนมาก"

มู่เวยเวยตกใจและไม่เขินอายอีกต่อไป เธอรีบวิ่งเข้าไปดู ฉู่เซวียนตัวร้อนมากจริง ๆ ผิวของเขาแดงผิดปกติ และมีผื่นแดงจำนวนไม่น้อยอยู่รอบคอ มันดูน่ากลัวมาก

นี่...... เกิดอะไรขึ้น?

ผู้จัดการห้องพักที่เคยเห็นอาการเช่นนี้มาไม่น้อย เมื่อดูอาการของเขาแล้วก็กล่าวว่า "ดูเหมือนจะเป็นภูมิแพ้ คุณฉู่ คุณรีบโทร 120 เถอะ อย่ารอช้า อาการภูมิแพ้ร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้"

มู่เวยเวยไม่กล้าล่าช้า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทร 120

ระหว่างที่รอรถพยาบาลมา ผู้จัดการห้องพักก็เรียกพนักงานชายคนหนึ่งมาช่วยแต่งตัวให้ฉู่เซวียน

เมื่อมู่เวยเวยเห็นฉู่เซวียนหายใจอย่างโรยริน เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกและภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉู่เซวียน

รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว ฉู่เซวียนถูกหามลงบนเปล

"ใครคือญาติผู้ป่วย" คุณหมอคนหนึ่งถามขึ้น

มู่เวยเวยรีบพูดขึ้นว่า "ฉันเป็นน้องสาวของเขาค่ะ"

"คุณขึ้นรถไปโรงพยาบาลกับเรา" เมื่อคุณหมอพูดจบก็ก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป มู่เวยเวยก็เดินตามไป

เมื่อขึ้นรถพยาบาล มู่เวยเวยก็มองไปที่ฉู่เซวียนด้วยความเป็นห่วง เธอถามหมอว่า "พี่ชายฉันเป็นอะไรไปคะ?"

"ดูเหมือนว่าจะแพ้" คุณหมอสังเกตอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า "เขาแพ้อาหารอะไรบ้าง?"

มู่เวยเวยตกตะลึง เธอจะไปรู้ได้อย่างไร

เมื่อคุณหมอเห็นเธอใจลอยอยู่ก็จึงไม่ถามต่อ

ในตอนนั้นเองที่สายจากถังซื่อเซวียนได้โทรเข้ามาอีกครั้ง พอมู่เวยเวยกดรับสายก็ได้ยินเขาถาม "คุณฉู่ครับ ประธานฉู่ตื่นหรือยังครับ? ซัพพลายเออร์มาถึงบริษัทกันแล้ว"

"คุณถัง พี่ชายฉันหมดสติไป ตอนนี้ฉันกำลังจะพาเขาไปโรงพยาบาล ส่วนทางบริษัทคุณรับมือไปก่อนนะ"

เมื่อถังซื่อเซวียนได้ยินว่าฉู่เซวียนหมดสติไป เขาก็รีบพูดขึ้นว่า "ทางนี้ผมสามารถเลื่อนงานออกไปได้ครับ ไม่ทราบว่าประธานฉู่ถูกส่งไปโรงพยาบาลไหน? ผมจะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้"

พูดเป็นเล่น ผู้นําตระกูลฉู่ในอนาคตหมดสติไปแล้ว งานยังจะมีความหมายอะไร

มู่เวยเวยพูดชื่อโรงพยาบาลไป ถังซื่อเซวียนตอบกลับว่า "ทราบแล้วครับ" แล้วก็วางสายไป

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ฉู่เซวียนก็ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันที มู่เวยเวยเดินไปมาอยู่ด้านนอกอย่างเป็นกังวล เธอไม่ได้มีความรู้สึกแย่อะไรกับฉู่เซวียน และเธอก็อยู่กับเขาได้อย่างสบายใจ เธอไม่ต้องการให้เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นกับเขา โดยเฉพาะในช่วงเวลาสําคัญเช่นนี้

"คุณฉู่" ถังซื่อเซวียนเห็นเธอก็วิ่งเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า "ท่านประธานฉู่ล่ะครับ? เขาเป็นยังไงบ้าง?"

มู่เวยเวยชี้ไปที่ห้องฉุกเฉินและพูดด้วยความกังวลว่า "ยังไม่ออกมาค่ะ"

"เกิดอะไรขึ้นกับประธานฉู่ครับ? เมื่อคืนตอนดื่มก็ยังสบายดี" ใบหน้าของถังซื่อเซวียนเต็มไปด้วยความกังวล

เขาติดตามฉู่เซวียนมานานหลายปีแล้ว เขาชื่นชมฉู่เซวียนมาก นับถือเขาทั้งในฐานะเจ้านายและในฐานะเพื่อน ดังนั้นฉู่เซวียนจึงไว้ใจให้เขามาดูแลโครงการที่ใหญ่ขนาดนี้ที่เมือง A

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เมื่อวานตอนกลับโรงแรม เขาบอกว่าดื่มมากเกินไปรู้สึกไม่สบายท้อง ฉันเลยซื้อโจ๊กแถวโรงแรมให้เขา พอกลับมาถึงโรงแรม ฉันเห็นว่าแอลกอฮอล์ในตัวเขาลดลงไปมาก......"

เมื่อถังซื่อเซวียนได้ยินว่าซื้อโจ๊กจึงรีบถามขึ้นว่า "คุณซื้อโจ๊กอะไรมา?"

มู่เวยเวยนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "โจ๊กไก่กับผักชุดหนึ่ง โจ๊กหมูสับไข่เยี่ยวม้าชุดหนึ่ง และอีกชุดหนึ่งรู้สึกว่าจะเป็นโจ๊กกุ้งสด"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ