เย่เฉ่าเฉินใช้เวลาว่างในตอนกลางวันค้นหาข้อมูลของฉู่เซวียน บนอินเทอร์เน็ตก็คือคนนี้ เขากับฉู่เหยียนเป็นพี่น้องกัน ถ้าฉู่เหยียนมีอะไรแปลกๆ ไป แน่นอนว่าเขาต้องมองออก แต่กลับมาจากสนามบิน การสื่อสารในระหว่างทางนี้ยิ่งเพิ่มการยืนยันมากขึ้น ว่าฉู่เหยียนก็คือน้องสาวของเขา
ฉู่เหยียนปลอมตัวได้ ฉู่เซวียนคนนี้ก็เป็นตัวปลอมเหรอ?
อิทธิพลของตระกูลฉู่ร้ายกาจขนาดนั้น จะยอมให้มีคนแอบอ้างว่าเป็นลูกสาวของตระกูลฉู่ได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เช่นนั้น เป็นการตัดสินใจผิดในระยะยาวของตนเองหรือไม่? บนโลกนี้จะมีคนสองคนที่เหมือนกันเช่นนี้จริงๆ เหรอ? ไม่เคยพบเจอกัน ทว่าเหมือนเงาของกันและกันก็ไม่ปาน
เย่เฉ่าเฉินสูบบุหรี่หนึ่งที จมดิ่งอยู่กับความเงียบและความยุ่งเหยิง
พ่อบ้านหวังช่วยมู่เว่ยเว่ยยกกระเป๋าเดินทางลงมา มีเสื้อผ้าหน้าร้อนสองสามตัวอยู่ข้างใน ไม่หนัก ของสำคัญอื่นๆ มู่เวยเวยแบกไว้เอง
เย่เฉ่าเฉินเห็นเธอออกมา ปล่อยวางความสงสัยในใจไปก่อน เดินอ้อมมาด้านหลังรถ เปิดท้ายรถ จากนั้นก็ยกกระเป๋าเดินทางในมือพ่อบ้านหวังวางเข้าไป
"ประธานเย่ คุณหาคนขับรถส่งเราไปก็ได้ ไม่ต้องรบกวนให้คุณขับเองหรอก" ฉู่เซวียนกล่าวเรียบๆ
เย่เฉ่าเฉินเดินตรงไปที่ที่นั่งคนขับ เปิดประตูแล้วพูดว่า "แต่ว่าประธานฉู่เป็นแขกคนสำคัญที่สุดของเรา แน่นอนว่าฉันต้องมาต้อนรับด้วยตนเอง เชิญทั้งสองท่านขึ้นรถเถอะ" พูดจบเขาก็มองไปที่ฉู่เหยียนที่กำลังมองมาที่เขา ยิ้มให้เธอ แล้วเข้าไปนั่งในรถ
มู่เวยเวยไม่รู้ว่ารอยยิ้มของเขานี้หมายความว่าอะไร ยังไม่ทันได้เข้าใจเจตนาที่แท้จริง ก็ถูกคนข้างๆ สะกิดไหล่เบาๆ "ขึ้นรถเถอะ ทำไมยังลังเลที่จะจากไปเหรอ? "
มู่เวยเวยหันกลับมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขา "ใช่ อาหารบ้านพวกเขาอร่อยมาก ไม่เหมือนที่โรงแรมเลย ทั้งมันและเค็ม"
"ข้อเรียกร้องเยอะจริงๆ ขึ้นรถ" ฉู่เซวียนเร่งให้เธอขึ้นรถแล้ว จึงเดิมอ้อมไปอีกข้างเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
ฉู่แซวียนบอกชื่อโรงแรมที่เขาจะไปกับเย่เฉ่าเฉิน ผู้ช่วยติดตามและพนักงานได้จองห้องพักไว้ล่วงหน้าแล้ว ระหว่างทางทั้งสามคนก็ไม่ได้พูดถึงความในใจของแต่ละคน
มาถึงโรงแรม เย่เฉ่าเฉินถือกระเป๋าเดินทางมาถึงห้องที่จองไว้ของฉู่เหยียนและฉู่เซวียน เพราะว่าเป็นห้องติดกัน ฉู่เซวียนยืนมองอยู่ข้างหลังเธอรอให้เธอเปิดประตู ยิ้มอย่างเงียบๆ แล้วเสียบการ์ดเข้าไป
เย่เฉ่าเฉินจับรอยยิ้มที่มุมปากเข้าได้ ในใจก็จมดิ่งลง ตามฉู่เหยียนเข้าไปในห้อง
"ขอบคุณนะที่ส่งพวกเรากลับมา" มู่เวยเวยเห็นว่าสีหน้าเขาไม่ดีใจ ทว่าไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เลยลองสอบถามดู "ทำไมคุณโกรธเหรอ? "
"ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก" เย่เฉ่าเฉินวางกระเป๋าเดินทาง มองไปรอบๆ ห้องและถามว่า "ความผูกพันของคุณกับพี่ชายของคุณดีมากเลยนะ"
"นั่นมันก็แน่นอน เขาเป็นพี่ชายของฉัน" มู่เวยเวยตอบอย่างระมัดระวัง สายตาเคลื่อนไปมาตามฝีเท้าของเขา
"ฉู่เหยียน" เย่เฉ่าเฉินหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาสีฟ้ามองเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับว่าต้องการจะมองเข้าไปในใจเธอ "ถ้าวันหลังคุณมีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ ไม่ว่าเรื่องอะไร"
มู่เวยเวยถูกเขามองจนว้าวุ่นใจ จึงใช้รอยยิ้มเพื่อปิดบังความตึงเครียด "ฉันมีเรื่องอะไรที่ต้องโทรหาคุณเหรอ? เย่เฉ่าเฉิน คุณคาดหวังอะไรกับฉัน? คุณยังหวังให้ฉันถูกลักพาตัวไปอีกครั้งใช่ไหม? "
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้……”
"ฉันรู้ฉันรู้ ล้อเล่นนะ" มู่เวยเวยตัดบทเขา "ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับบ้านเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ"
มู่เวยเวยพูดจบ ก็หันไปทางประตู ตอนนี้เธอแค่อยากจะให้เขาไป เธอต้องการที่จะถามฉู่เซวียนคนนั้น ท้ายที่สุดแล้วหมายความว่าอะไร
"คุณรีบไล่ฉันขนาดนี้เลยเหรอ? " เย่เฉ่าเฉินกดมือของเธอที่ต้องการจะเปิดประตู ไล่เธอไปชิดกำแพง จ้องตาเธอแล้วพูดว่า "ฉันเป็นธุระให้ขนาดนี้ ไม่คิดจะให้รางวัลฉันหน่อยเหรอ? "
มู่เวยเวยด่าความทะลึ่งของเขาในใจ เหล่มองแล้วพูดว่า"รางวัลที่ฉันให้เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอ? น่าเสียดายตอนนี้เอวฉันยังเจ็บอยู่"
เย่เฉ่าเฉินเชิดคางเธอขึ้น อดไม่ได้ที่อยากจะปิดปากเธอ จูบจนมู่เวยเวยหายใจกระชั้น ใบหน้าแดงก่ำจึงปล่อยเธอ
"ต่อไปถ้าไล่ฉันอีก ฉันก็จะลงโทษคุณอย่างนี้" เย่เฉ่าเฉินพูดกระซิบ
"ได้คืบจะเอาศอก" มู่เวยเวยหัวเราะแล้วด่าไปประโยคหนึ่ง เปิดประตูโรงแรมแล้วผลักเขาออกไป "รีบไปเถอะ เดินทางปลอดภัย"
"ราตรีสวัสดิ์"
เย่เฉ่าเฉินหันกลับเดินตรงไปที่ลิฟต์ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปในทันใด
โผล่ออกไปดูเย่เฉ่าเฉินที่หายไปจากมุมตึก มู่เวยเวยจึงดึงการ์ดห้องออกแล้วปิดประตู เดินไปสองสามก้าวถึงห้องถัดไปแล้วเคาะประตู
รอไม่กี่วินาที ประตูก็เปิด ฉู่เซวียนเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะแบบใช้ครั้งเดียวของโรงแรม ดูเหมือนว่าเพิ่งล้างหน้า จอนผมยังคงเปียกชื้น
เขาเห็นมู่เวยเวยก็ไม่ได้ประหลาดใจ เพียงแค่ขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา "เย่เฉ่าเฉินไปแล้ว คุณก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันเห็นแล้วมันเกะกะตา"
มู่เวยเวยตกตะลึง ก็ถูก เดิมทีเธอก็ไม่ใช่ฉู่เหยียน ทว่ายังใช้หน้าของน้องสาวเขามาพูดคุยกับเขา ในใจเขาต้องไม่สบายใจอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันใส่หน้ากากมาสองวันแล้ว ติดอยู่บนหน้า อึดอัดหน้าอย่างยิ่ง
ได้ฟังเขาพูดแบบนี้ มู่เว่ยเว่ยไม่พูดจากลับไปที่ห้องของตนแล้วถอดหน้ากากออก เปิดเผยตัวตนออกมาแล้วเดินมาที่หน้าประตูของเขา
ฉู่เซวียนเปิดประตู ครั้งเห็นใบหน้าของเธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แล้วจึงให้เธอเข้ามา
"ดูเหมือนว่าคุณก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่นะ" ฉู่เซวียนปิดประตูแล้วเย้าแหย่เธอ
"ขอบคุณ ฉันก็จะคิดว่าคุณชมเชยฉัน" มู่เวยเวยยืนอยู่กลางห้อง จ้องมองชายแปลกหน้าคนนี้อย่างระวังตัว ถามอย่างกำปั้นทุบดินว่า "ท้ายที่สุดคุณมาเมืองAเพื่อทำอะไร? "
ฉู่เซวียนผายมือออก ท่าทีดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มาก "วันเกิดน้องสาวของฉัน ฉันมาส่งของขวัญวันเกิดให้คุณไง"
"ฉู่เซวียน พวกเราก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำไมต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ด้วย" มู่เวยเวยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
"OK ที่จริงมีคนขอให้ฉันมาช่วยเหลือ แกล้งเป็นพี่ชายของคุณ ฉันก็เลยมา"
มู่เวยเวยไม่เชื่อ "มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? "
"งั้นยังมีอะไรอีกล่ะ? หื๊เม อย่างไรก็ตามจะดูแลความคืบหน้าในการทำงานเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีการดูแลโครงการสวนสนุก นี่คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดของตระกูลฉู่ของเราในปีนี้ อย่าทำพลาดเด็ดขาด" ฉู่เซวียนพูดหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ นั่งลงบนโซฟาอย่างเฉื่อยชา
มู่เวยเวยได้ฟัง จึงถามเขาตรงๆ ว่า "คุณกับชายที่สวมหน้ากากเงินนั้นรู้จักกันเหรอ? "
"อะไรคือชายที่สวมหน้ากากเงิน? ฟังไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่" ฉู่เซวียนเปิดทีวี
มู่เวยเวยไปขวางหน้าทีวี "คุณไม่รู้จักเขา? งั้นใครให้คุณมาล่ะ? "
ฉู่เซวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำถามของเธอ ในใจก็โกรธนิดหน่อย มีน้อยคนที่พูดกับเขาแบบนี้ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "นี่ ทำไมคุณถามมากมายขนาดนี้? คุณมั่นใจอะไรว่าฉันจะตอบคำถามเหล่านี้ของคุณ? มีอะไรสงสัยก็ไปถามคนเบื้องบนของคุณ อย่ามารบกวนฉัน"
มู่เวยเวยถูกเขาตะคอก ก็โกรธเล็กน้อย "งั้นเพราะอะไรคุณถึงเรียกฉันออกมาจากตระกูลเย่ล่ะ? คุณรู้ไหมว่าฉันเข้าไปได้ยากมาก นี่คือคุณกำลังทำลายแผนการของฉันนะ"
"คุณผู้หญิง น้ำเข้าสมองคุณเหรอ? " ฉู่เซวียนโจมตีเธออย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย "คุณคิดเอาเอง ฉันมาเมืองA แต่น้องสาวของฉันอาศัยอยู่ในบ้านของชายอื่น นี่มันไม่มีเหตุผลเกินไปเหรอ? หรือจะบอกว่า ตัวคุณผู้หญิงเองเดิมทีก็ชอบอยู่ในบ้านของชายอื่นมาก"
มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "ฉู่เซวียน ฉันว่าสมองคุณน่าจะมีปัญหานะ ไม่ว่ายังไงเย่เฉ่าเฉินก็เป็นสามีของฉัน เขาเป็นชายอื่นเหรอ? "
ฉู่เซวียนได้สติ ตบๆ หน้าผาก "ลืมสิ่งนี้ไปเลย ใช่แล้ว คุณชื่ออะไรนะ? "
มู่เวยเวยจ้องมองเขาโดยไม่พูด
ฉู่เซวียนเห็นว่าเธอไม่ตอบความคิดเห็นของตน เติมคำต่อท้ายเองโดยอัตโนมัติ "อ่อ มู่เวยเวย คุณผู้หญิงมู่เวยเวย ฉันไม่จำเป็นต้องตอบข้อสงสัยของคุณทั้งหมด เชิญคุณไปถามคนที่ควรถามเถอะ ตอนนี้ ฉันต้องการพักผ่อนแล้ว คุณออกไปได้ไหม? "
มู่เวยเวยออกมาจากห้องของฉู่เซวียนด้วยความโกรธ แยกเขี้ยวยิงฟันอยู่หน้าประตูเขา ฉับพลันก็เปิดประตู มู่เวยเวยก็กลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว หยิบคีย์การ์ดออกมาและรูดเปิดห้องของตนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉู่เซวียนชะโงกออกไปมองเธอ พูดเบาๆ ว่า"ประสาท"จากนั้นก็ปิดประตู
มู่เวยเวยหมุนอยู่ในห้องอย่างนั่งไม่ติด เธอมักรู้สึกเสมอว่าจุดประสงค์ของฉู่เซวียนในการมาเมืองAนั้นไม่ง่าย ชัดเจนมาก ชายที่สวมหน้ากากคนนั้นกับฉู่เซวียนมีความสัมพันธ์ที่โยงใยกัน มิเช่นนั้นเธอจะไม่สามารถกลายเป็นฉู่เหยียนได้ และเป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายคนโตของตระกูลฉู่คนนี้จะเต็มใจเป็นพี่ชายจอมปลอมเช่นนี้
หยิบโทรศัพท์ออกมาและครุ่นคิดอยู่นาน มู่เวยเวยกดเบอร์โทรนั้น โทรศัพท์ใช้เวลานานมากในการรับสาย
"ฮัลโหล ฉันคือมู่เวยเวย" มู่เวยเวยรายงานครอบครัวของตน แล้วรีบถามว่า "ลูกของฉันสบายดีไหม? "
เสียงผู้ชายหัวเราะอย่างแปลกประหลาดแล้วพูดว่า "คุณมู่ ฉันเคยบอกแล้ว ภายในครึ่งปี ลูกของคุณจะปลอดภัยและมีสุขภาพดีมาก เป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้วิกฤติการณ์ของคุณได้แก้ไขแล้วใช่ไหม? "
มู่เวยเวยคิดอยู่นาน เดิมทีก็ไม่อยากตอบคำถามของเขา แค่ต้องการเห็นลูกก็เท่านั้น "ทุกๆ ครั้งคุณก็บอกว่าลูกของฉันสุขภาพดีมาก แต่ไม่ให้ฉันเจอลูกเลย ฉันจะเอาอะไรมาเชื่อใจคุณล่ะ? "
"เห๊อะ ขนาดขึ้นแล้วสิ ไม่มีอะไรที่จะให้คุณดูหรอก เปิดวิดีโอคอลสิ"
มู่เวยเวยเพียงแค่ลองดู ไม่คาดคิดว่าคำร้องขอของตนจะถูกยอมรับ เปิดวิดีโอคอลอย่างมือสั่น ตามด้วยกดปุ่มบันทึกวิดีโอ เช่นนี้อย่างน้อยเมื่อคิดถึงลูก เธอก็สามารถกลับมาดูอีกได้
ไม่นานก็ปรากฏภาพบนหน้าจอ เป็นห้องห้องหนึ่ง ภาพกะพริบเล็กน้อย จากนั้นภาพเปลเด็กก็ปรากฏ มู่เวยเวยกุมหัวใจด้วยน้ำตาคลอ ในที่สุดก็ได้เห็นลูกของตนเองแล้ว เขาผิวขาวอ้วนท้วนนอนโบกมืออยู่ด้านใน พูดอ้อแอ้ไม่เป็นภาษา มองแวบหนึ่งดูโตขึ้นมาก
มู่เวยเวยน้ำตาไหล ได้ยินผู้ชายปลายสายนั้นพูดว่า "มา เป่าเป้ยน้อยหัวเราะหน่อย"
ลูกได้ยินคำพูดของเขา ทำตาม"แหะๆๆ"หัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะดังมาทางโทรศัพท์ น้ำตามู่เวยเวยยิ่งไหลมากขึ้น
"เอาล่ะ ตอนนี้เห็นลูกแล้ว ทำงานที่คุณได้รับให้สำเร็จด้วย มิเช่นนั้น เด็กน่ารักขนาดนี้ ฉันลำบากใจที่จะลงมือจริงๆ "
"อย่า อย่าเด็ดขาด" มู่เวยเวยรีบเช็ดน้ำตา กล่าวกับคนด้านในที่มองไม่เห็น "ฉันจะทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด อย่าทำร้ายลูกของฉันนะ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว" ผู้ชายพูดจบ เหมือนว่าเตรียมจะวางสาย มู่เวยเวยจึงรีบพูดว่า "เดี๋ยว ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ"
"เรื่องอะไร? " น้ำเสียงหงุดหงิดของชายคนนั้นทอดออกมา กล้องหันไปทางมุมหนึ่งของบ้าน มู่เวยเวยเดาว่าเขาน่าจะไม่สวมหน้ากาก จึงกลัวว่าตนจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
"ฉู่เซวียนคนนั้น เขามาที่เมืองAนอกจากจะพิสูจน์ตัวตนของฉันแล้ว ยังมีอื่นๆ อีกใช่ไหม? "
"คุณมู่ เขาจะทำอะไร คุณไม่ต้องไปสนใจหรอก แค่ดูแลเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ เขาไม่ขัดขวางคุณ เขาสามารถช่วยคุณได้เมื่อจำเป็น"
มู่เวยเวยได้ฟังคำนี้ก็วางใจ ขอเพียงแต่เขาไม่มาก่อกวนก็พอ
"จะว่าไปคุณไปอยู่ใกล้ชิดเย่เฉ่าเฉินนานขนาดนั้น ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าสักนิดเลย? ครั้งที่แล้วข่าวของผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็ครุมเครือเกินไป อย่างนี้ต่อไป……”
มู่เวยเวยกลัวว่าเขาจะทำอะไรรุนแรงกับลูก พูดอย่างจริงจังทันทีว่า "เวลาที่คุณบอกคือครึ่งปี นี่เพิ่งผ่านไปสองเดือน เวลายังไม่ถึง คุณต้องรักษาสัญญาสิ"
ชายคนนั้นทำเสียงไม่พอใจ แล้วตัดสายไป
มู่เวยเวยล้มลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง เล่นวิดีโอที่เพิ่งบันทึกเมื่อกี้อีกครั้ง ทุกๆ ครั้งที่เห็นลูก น้ตาของเธอก็ไหลไม่หยุด ในที่สุดก็เห็นว่าแบตโทรศัพท์หมดจึงนอนอยู่บนเตียงสักพัก จากนั้นก็พลิกตัวไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำ
……
วันต่อมา แวบแรกที่ฉู่เซวียนเห็นมู่เวยเวย ยังตกตะลึงโดยไม่รู้ตัว แทบจะคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของตนอีกครั้ง เหมือนกันมากจริงๆ ยกเว้นดวงตาคู่นี้
ในแววตาของน้องสาวมีความสดใสลอยอยู่ตลอด แต่ดวงตาคู่นี้สงบนิ่งมาก บางครั้งยังรู้สึกว่ามองไม่ทะลุปรุโปร่ง
"พี่ชาย สวัสดีตอนเช้า" มู่เวยเวยตะโกนด้วยน้ำเสียงกังวาน ฉู่เซวียนซวนที่กำลังทานอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหารของโรงแรมถึงกับขนลุกไปทั้งตัว
เขาเงยหน้ามอง กัดเกี๊ยวทอดหนึ่งคำ รอเธอหยิบอาหารเช้ามานั่งตรงข้ามกับตนเอง จึงพูดเบาๆ ว่า "นี่คุณเล่นละครได้เต็มที่จริงๆ "
มู่เวยเวยรู้ว่าเขาพูดเหน็บแนมตนเอง กินซาลาเปาในจานของตนแล้วพูดว่า "ฉันก็จะทำให้คุณร่วมกับการแสดงด้วย อีกทั้งใครจะรู้ว่าบริเวณนี้มีดวงตาของเย่เฉ่าเฉินอยู่หรือเปล่า"
ฉู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างจริงจัง คิดไม่ถึงว่าเธอค่อนข้างละเอียดรอบคอบ
"น้องสาวที่รักของฉัน กินเสร็จแล้วก็ตามฉันไปที่บริษัทด้วย ฉันต้องการทราบความคืบหน้าของโครงการในตอนนี้"
มู่เวยเวยถูกเขาพูดว่า"ที่รัก"ก็สะอิดสะเอียนเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังคงยิ้มแล้วพูดว่า "ดีเลย พอดีว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณมาแล้วฉันก็น่าจะวางมือไม่ต้องดูแลแล้ว"
ฉู่เหยียนอยากจะพูดว่า ถึงแม้ว่าคุณอยากจะก้าวก่าย จะมีอำนาจไหนล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...