วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 187

"ฮัลโหล? นี่ฉันเอง เย่ฉ่าวเฉินกำลังจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้ว ทำไงดี"

"คุณมู่ คุณนี่มันโง่จริงๆเลย ผมอุตส่าห์สร้างหน้ากากนี้เพื่อคุณ มาดีขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมยังโดนจับได้อีก"

มู่เวยเวยกัดฟันด้วยความโกรธ คิดในใจนายนั่นแหละโง่ โง่กันทั้งบ้าน

"นี่ไม่เกี่ยวกับหน้ากากที่คุณสร้างขึ้นมาซะหน่อย ตอนนี้เย่ฉ่าวเฉินกำลังสงสัยว่าข้อมูลของฉันเป็นของปลอม”

“นั่นยิ่งเป็นเพราะความโง่ของคุณไง” ชายคนนั้นตอบกลับอย่างไม่สุภาพ

มู่เวยเวยไม่มีอะไรจะพูดต่อ

“เรื่องนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง”

มู่เวยเวยเตรียมจะเอ่ยถามถึงแผนการของเขา แต่อีกฝั่งก็ชิงวายสายไปเสียก่อน

ไอ้บ้าเอ้ย!มู่เวยเวยสบถด่าอย่างหัวเสีย

เธอเดินสงบจิตสงบใจอยู่ข้างนอกห้องสักพัก ก็เดินเข้าห้องไป พลางคิดว่าคืนนี้จะรับมือยังไงกับเย่ฉ่าวเฉิน

เย่ฉ่าวเฉินขึ้นห้องมาเปลี่ยนใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นเสร็จ ก็เดินลงมาข้างล่าง เห็นมู่เวยเวยกำลังนั่งเหม่อลอย เขายิ้มอ่อนแล้วเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับพูดว่า “ยังคิดเรื่องเมื่อกี้อยู่หรือครับ? ผมแค่ล้อเล่นเอง อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”

มู่เวยเวยหันกลับไปตอบเขาด้วยอารมณ์ไม่สนุกด้วยว่า “คุณเย่คะ คุณล้อเล่นแบบนี้ฉันไม่เห็นจะสนุกด้วยเลยค่ะ”

“โอเคๆผมผิดไปแล้วครับ งั้นเดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อนคุณแล้วกันนะครับ”

ดื่มหรอ? มู่เวยเวยคออ่อนมาก อีกอย่างถ้าเมาแล้วเธอต้องเผลอทำอะไรออกไปแน่ๆ ให้เขาสงสัยอีกแน่ ไม่ได้การณ์ละยังเธอก็จะดื่มเหล้าไม่ได้เด็ดขาด

“วันนี้เป็นวันเกิดฉัน น่าจะเป็นฉันมากกว่านะที่เป็นคนตัดสินใจ” มู่เวยเวยเชิดหน้าตอบกลับ

เย่ฉ่าวเฉินกล่าวอย่างไม่มีกังขาอะไร “โอเคๆครับ คุณพูดอะไรก็เอาตามนั้นเลยครับ”

“งั้นก็ตกลงค่ะ คุณพูดแล้วนะ” มู่เวยเวยกล่าวอย่างมีแผนอยู่ในใจ

ขณะเดียวกันมือถือของมู่เวยเวยก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู สังเกตเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกๆ และไม่น่าจะใช่เบอร์ของประเทศจีน เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับสาย “ฮัลโหล? นั่นใครคะ?”

“อาเหยียน สุขสันต์วันเกิดนะ” ปลายสายเป็นผู้ชาย มู่เวยเวตอบกลับปลายสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ในที่สุดคุณก็คิดออกว่านี่วันเกิดฉัน ฉันนึกว่าคุณจะลืมไปแล้วซะอีก”

เย่ฉ่าวเฉินมองดูเธอคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีดีอกดีใจ เขาก็รู้สึกแปลกประหลาดใจ

“วันเกิดเธอทั้งที ฉันจะลืมได้ไงเล่า ฉันเตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้เธอด้วยนะ” ผู้ชายปลายสายกล่าว

“จริงหรอคะ? งั้นคุณรีบส่งพัสดุมาให้ฉันเลย” เธอรีบกลับทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าปลายสายคือใคร

“ไม่ต้องส่งพัสดุหรอก พรุ่งนี้ฉันก็จะไปเมืองเออยู่แล้ว ฉันเอามันให้เธอด้วยมือตัวเองน่าจะดีกว่า”

“ห๊ะ พรุ่งนี้คุณจะมาเมืองเอหรอคะ?” มู่เวยเวยรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับการแสดงนี้

“ทำไมหรือ เธอไม่ต้อนรับฉันหรือ วันสองวันก่อนเธอยังโทรบอกคิดถึงฉันอยู่เลย ทำไมตอนนี้ทำเหมือนไม่อยากเจอฉันอย่างนั้นล่ะ”

มู่เวยเวยภายในใจสับสนไปหมด ได้แต่คิดว่าปลายสายคือใครกันแน่นะ ทำไมฟังดูแล้วคล้ายกับเสียงของแฟนฉู่เหยียนเลยล่ะ เธอกลัวจนไม่กล้าพูดต่อ

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ แค่รู้สึกเซอร์ไพรส์นิดหน่อยค่ะ” มู่เวยเวยแกล้งถามต่อว่า “คุณมาทำธุระอะไรที่เมืองเอหรือคะ อย่าบอกนะว่ามาแค่เพราะจะเอาของขวัญให้ฉัน?”

“คิดมากไปหรือเปล่าครับ คุณพ่อส่งให้ผมไปคอยสอดส่องดูแลคุณ ดูว่าคุณมีงานทำที่เมืองเอหรือเปล่าต่างหากครับ”

พอเธอได้ยินแบบนั้นก็นึกขึ้นมาได้ ว่าฉู่เหยียนมีพี่ชาย 1 คน น้องสาวอีก 1 คน และในเมื่อปลายสายเป็นผู้ชาย เขาก็น่าจะใช่พี่ชายของฉู่เหยียนที่ชื่อว่าฉู่เซวียน

พอเธอรู้ว่าเป็นใคร มู่เวยเวยก็กล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น “พี่ชาย งานเสร็จแล้วหรือคะ ถึงจะมาสอดส่องดูแลฉัน”

เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเธอเรียกปลายสายว่าพี่ชาย ก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจกับสิ่งที่เขาเคยคิดไว้ ฉู่เซวียนลูกชายคนโตของตระกูลฉู่หรอ? ได้ยินชื่อเสียงมาว่าเขาคือหัวหน้าพรรคคนใหม่ในอนาคต

เขาจะมาเมืองเอหรือ?

“ไปแค่เดือนเดียวเอง ไม่ส่งผลกระทบถึงงานฉันหรอกหน่า”

“ถ้างั้นก็ดีค่ะ พรุ่งนี้พี่จะมาถึงตอนไหนคะ? ฉันจะได้ไปรับที่สนามบิน” มู่เวยเวยตอบกลับอย่างดีใจ แต่ในใจกลับคิดว่าเธอจะทำอย่างไรดี เธอไม่เคยแม้แต่จะเจอฉู่เซวียนเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนยังไง อีกอย่างเขามาที่นี่นานขนาดนี้เพราะอะไรกัน เขาต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่ ๆ

“พรุ่งนี้ฉันบินไฟล์ทเช้า น่าจะถึงที่นั่นประมาณสี่โมงเย็น”

“โอเคค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปรับพี่นะคะ”

“อาเหยียนน่ารักที่สุดแล้ว สุขสันต์วันเกิดอีกทีนะ”

“ขอบคุณนะคะพี่ชาย” มู่เวยเวยตอบกลับเขาอย่างจริงใจ นานมากแล้วที่เธอไม่เรียกคนอื่นว่าพี่ชาย

เย่ฉ่าวเฉินสังเกตพฤติกรรมเธออย่างละเอียด พลางตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่เขาจำผิดจริงๆหรือ? เธอไม่ใช่เวยเวยจริงหรือ?

ตระกูลฉู่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำแบบนี้

เย่ฉ่าวเฉินตกอยู่ในความสับสนอีกครั้ง

“พรุ่งนี้พี่ชายของฉันจะมาที่นี่” มู่เวยเวยหันกลับไปถามเย่ฉ่าวเฉินอย่างมีความสุขว่า “คุณยังสงสัยอะไรในตัวฉันอีกไหมคะ?”

“ทำไมยังพูดแบบนี้อยู่อีกล่ะ ผมก็บอกแล้วไงว่าแค่ล้อเล่น คุณน่ะใหญ่ที่สุดแล้วโอเคมั้ย” เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

มู่เวยเวยเชิดหน้าเล้กน้อย และเดินมุ่งหน้าไปทางห้องอาหาร “ ฮึ ฉันขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณแล้ว ฉันจะไปกินข้าว หิวจะตายอยู่แล้ว”

เย่ฉ่าวเฉินมองตามแผ่นหลังของเธอ ภายในใจรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

ฉินหม่าได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉู่เหยียน เธอตั้งใจผัดหมี่ซั่วให้เธอ เมื่อผัดเสร็จฉินหม่าก็ยกไปเสิร์ฟเธอพร้อมกับพูดว่า “ไม่รู้ว่าเวลาพวกคุณฉลองวันเกิดจะกินผัดหมี่แบบนี้ไหม แต่ฉันก็อยากให้คุณลองดูนะคะ ถือว่าได้ลองอะไรใหม่ๆค่ะ”

มู่เวยเวยกล่าวขอบคุณฉินหม่า “ขอบคุณค่ะ” เธอตักเข้าปากไปคำหนึ่งและเอ่ยปากชมว่า “ผัดหมี่อร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะฉินหม่า”

“ไม่เป็นต้องเกรงใจค่ะ เห็นคุณฉู่ชอบฉันก็ดีใจค่ะ” ฉินหม่าตอบกลับอย่างชอบใจและเดินกลับห้องครัวไป

ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมาก ไม่ได้กดดันเท่าตอนอยู่กับเย่ฉ่าวเฉินเมื่อสักครู่นี้แล้ว

มู่เวยเวยแอบมองเขา ไม่กล้าเริ่มเข้าไปก่อกวนหรือยั่วโมโหเขา กลัวเขาจะชวนเธอดื่มเหล้าอีก เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเธอ ถ้าเธอจะปฏิเสธไม่ดื่มก็คงแปลก ๆ

เมื่อกินข้าวเสร็จ เย่ฉ่าวเฉินยกเค้กมาให้เธอ จุดเทียนและยิ้มอย่างอ่อนโยนกับเธอว่า “อธิษฐานซิครับ”

มู่เวยเวยหัวเราะชอบใจ “โตขนาดนี้แล้วยังเล่นแบบนี้อยู่อีกหรือเนี่ย” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดแบบนั้นออกไป แต่เธอก็ยังหลับตาและอธิษฐาน ขอให้ทุกอย่างราบรื่น ขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยเร็ว

เธอลืมตาและเป่าเทียน

“อธิษฐานอะไรหรหือครับ?”

มู่เวยเวยที่กำลังตัดเค้กอยู่ ได้ยินเขาถาม ก็ตอบกลับด้วยท่าทีซุกซนว่า “ไม่บอกหรอกค่ะ ถ้าบอกคุณแล้วเดี๋ยวจะไม่เป็นจริง”

“โอเคๆ งั้นผมขอให้คุณสมหวังกับคำอธิษฐานเร็วๆ แล้วกันครับ” เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับ

มู่เวยเวยยกเค้นก้อนนึงให้เขา และพูดกับเขาอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำอวยพรด้วยนะ”

เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปในตาของเธอ พร้อมกับโน้มตัวไปกัดเค้กบนมือของเธอ ความหวานของเค้กทำให้จิตใจเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก

“อร่อยไหมคะ” มู่เวยเวยถาม

“คุณลองชิมซิครับ”

มู่เวยเวยลองตักชิมเข้าปากและพูดว่า “อืม..อร่อยจัง”

เมื่อมองเห็นสายตาที่สับสนของเขาที่มองมาทางเธอ มู่เวยเวยรีบเบี่ยงควาสนใจเขาและเอาเค้กไปป้ายหน้าเขา จากนั้นก็วิ่งหนี

เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเธอ ก็ตั้งสติได้รีบป้ายครีมใส่มือและวิ่งไล่ตามเธอ

มู่เวยเวยเห็นเขาวิ่งตามมา ก็รีบวิ่งไปออกทางข้างนอกห้อง วิ่งไปพูดไปว่า “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วค่ะ อย่าตามฉันมา...”

แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถหนีเย่ฉ่าวเฉินพ้น แค่ไม่เท่าไหร่ก็โดนเขาตามทัน มือข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอไว้ไม่ให้หนี มืออีกข้างหวังจะป้ายครีมบนหน้าเธอ

มู่เวยเวยหัวเราะเสียงดัง ไม่นานหน้าของมู่เวยเวยก็เต็มไปด้วยครีม เธอพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า “พอแล้วๆเย่ฉ่าวเฉิน อย่าๆๆๆทำฉันเลยฮ่าๆๆๆๆ”

มู่เวยเวยต้องการจะแก้แค้นบ้าง เธอจคงรีบป้ายครีมที่อยู่ในมือของเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็เอาไปป้ายที่หน้าและลำคอของเขา เย่ฉ่าวเฉินหลบไม่ทัน จึงทำให้หน้าและลำคอของเขาเต็มไปด้วยครีม

พวกเขาทั้งสองหัวเราะชอบใจกันเสียงดัง

“ฮ่าๆๆๆๆ พอแล้วๆๆ ไม่เล่นแล้ว” มู่เวยเวยกล่าวหลังจากที่รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ ตอนนี้ทั้งหน้าเธอเต็มไปครีม

ในที่สุดทั้งสองก็หยุดเล่น ทั้งสองเล่นกันจนเหนื่อยหอบ

“คุณทำเกินไปไหมคะ ฉันป้ายคุณนิแค่ดเดียวเอง แต่ดูคุณป้ายฉันซิ ป้ายซะเละเลย” มู่เวยเวยขำไปพูดไป

“แล้วใครให้คุณเริ่มก่อนล่ะครับ” เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับด้วยท่าทางล้อเลียน

“ก็วันนี้วันเกิดของฉัน คุณเป็นคนพูดเองนะว่าฉันจะทำอะไรก็ได้”

“ใช่หรือครับ?”

มู่เวยเวยไม่ทันตั้งตัวก็โดนเขาจูบจู่โจม

มู่เวยเวยหายใจไม่ออกเพราะรอยจูบของเขา เธอคาดการณ์ว่าวันนี้ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ถ้าเขามาจริงๆเธอควรจะปฏิเสธหรือ......?

“ไม่อนุญาตให้คิดมั่วซั่ว” เย่ฉ่าวเฉินมองเธอที่กำลังสับสน และรีบจู่โจมริมฝีปากของเธออย่างร้อนแรง

ในเวลานี้ เขาคือผู้ชายที่ฉู่เหยียนรักใคร่และชื่นชอบ จึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เธอจะปฏิเสธเขา และยิ่งกว่านั้น เธออาจจะไม่เคยใกล้ชิดกับใครเลย

ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม สายตาของเย่ฉ่าวเฉินนั้นแดงก่ำ เขาเลือกที่จะไม่มองหน้าของฉู่เหยียน ในใจเขาคิดแต่เพียงว่าภายใต้ร่างกายนี้คือมู่เวยเวย ภรรยาของเขา

มู่เวยเวยไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขารู้ตัวกับสิ่งที่ทำลงไปไหม หรือแค่อยากจะทดสอบอะไรบางอย่างกันแน่

เพื่อความแน่ใจ เธอจึงสัมผัสหน้าเขา ให้เขาเงยหน้าขึ้นมามองนัยตาเธอ และถามว่า “เย่ฉ่าวเฉิน คุณตอบฉันได้ไหมว่าฉันคือใคร”

นัยตาเย่ฉ่าวเฉินนั้นสับสนมาก เขาหลับตาลงโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเธอว่า “ผมรู้ดีว่าคุณคือใคร แต่ครั้งนี้ช่วยแกล้งทำเหมือนว่าคุณคือเวยเวยได้ไหม ผมไม่กลัวถึงแม้จะเป็นแค่ความฝันก็ตาม”

ภายในใจของมู่เวยเวยเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามา เธอเหม่อไปชั่วขณะ และตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ค่ะ”

มู่เวยเวยรู้สึกเหนื่อยล้า และในที่สุดเธอก็หลับไป

..................................

ดวงอาทิตย์สาดแสงเจิดจ้า

เวลา 9 โมงแล้ว เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยยังไม่ลุกออกจากเตียง พ่อบ้านหวังไม่ได้รีบร้อนจะปลุกพวกเขา เรื่องเมื่อคืนเขาเห็นทุกอย่างหมดแล้ว พลางคิดว่านานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นคุณชายมีความสุขแบบนี้และเมื่อคืนเขาทั้งสองคงจะเหนื่อยล้ามาก เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาจะนอนหลับยันบ่ายก็คงไม่เป็นอะไร

ชั่วโมงถัดมา เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆตื่นลืมตาขึ้นมา เห็นมู่เวยเวยนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดเขา โชคดีที่แอร์ในห้องทำงานดี ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกร้อน

พลางย้อนกลับไปคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีก เขาหันไปทับร่างเธอที่กำลังหลับอยู่

มู่เวยเวยสะดุ้งตื่น พร้อมกับพูดว่า “เย่ฉ่าวเฉิน คุณปล่อยฉันเถอะ ฉันเหนื่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ