มู่เวยเวยพยักหน้า "อืม เธอพูดถูก"
เสี่ยวซีหร่านหันมามองแววตาเปล่งประกายของเธอ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะ "ไปกันเถอะ พวกเราไม่ต้องมองเขาแล้วล่ะ ฉันพาเธอไปดูของสะสมที่ฉันรักดีกว่า"
แต่ก่อนที่มู่เวยเวยจะออกจากห้องพักผู้ป่วยไป ก็ไม่วายหันมามองเขาอีกครั้ง
บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา พี่น้องที่แยกกันไปก็เลยไม่สามารถกลับมาเจอกันได้
เสี่ยวซีหร่านพาเธอมาอีกห้องหนึ่ง มู่เวยเวยถึงกับอ้าปากค้าง คุณพระ ที่นี่มันงานนิทรรศการบวกกับสวนสัตว์หรือเปล่าเนี่ย
ที่ผนังเต็มไปด้วยขนนกและสัตว์ต่างๆ และยังมีผีเสื้ออีกเต็มไปหมด
ที่กลางห้องมีตู้ปลาขนาดใหญ่ ด้านในเต็มไปด้วยปลาชนิดต่างที่มู่เวยเวยไม่เคยเห็น สีสันสวยงาม
"ซีหร่าน นี่คือปลาอะไร เปล่งประกายเหมือนทองคำเคลื่อนที่เลย" มู่เวยเวยชี้ไปที่ปลาตัวสีเหลืองทองอย่างสงสัย
เสี่ยวซีหร่านระบายยิ้มแล้วแนะนำว่า "เธอพูดถูกแล้ว มันเรียกว่าปลาทอง24K ราคาสูงกว่าทองจริงซะอีก ฉันได้มาตอนที่ไปสำรวจป่าอะเมซอน รู้สึกว่าสวยมากๆเลยเอากลับมาด้วย"
"คุณเคยไปอะเมซอนด้วยหรอ " มู่เวยเวยเบิกตากว้าง "งั้นเคยเห็นชนเผ่าดั้งเดิมหรือเปล่า ก่อนหน้านี้เคยออกข่าว ว่าที่แม่น้ำอะเมซอนมีชนเผ่านี้อยู่"
เสี่ยวซีหร่านหัวเราะลั่น "ชนเผ่าดั้งเดิมแท้ๆน่ะ ไม่เคยเห็นหรอก แต่เคยไปที่ตั้งของชนเผ่า จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดหรอกนะ พวกเขาเป็นกันเองมาก "
สีหน้ามู่เวยเวยหม่นลงเล็กน้อย "คุณเก่งจังเลย"
"ก็ปกตินะ เธอมาดูตรงนี้สิ" เสี่ยวซีหร่านพาเดินมาที่ด้านหน้าตู้เย็นโปร่งใส "เธอดูสิว่านี่คืออะไร"
มู่เวยเวยตั้งใจมอง "ก็เป็นก้อนน้ำแข็งไงคะ"
"เธอดูดีๆอีกทีสิ"
มู่เวยเวยหันกลับไปพิจารณาอีกครั้ง จึงเห็นว่าเป็นปลาสีใสที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เพราะว่ามันโปร่งใสมากๆ เมื่อครู่เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็น
"นี่........." มู่เวยเวยตกใจจนพูดไม่ออก
"เห็นแล้วใช่ไหม " เสี่ยงซีหร่านหลุบตามองที่ตู้เย็นนั้น "นี่คือตอนที่ฉันไปแอนตาร์กติกาปีนั้น บังเอิญเจอในธารน้ำแข็ง แล้วก็ใช้มีดงัดออกมา ฉันคิดว่า นกเพนกวินเอากลับมาไม่ได้ งั้นก็เลยเอาก้อนน้ำแข็งที่มีปลานี้กลับมาด้วย"
"คุณไปคนเดียวหรอ"
"แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญไปด้วย ไปที่แบบนั้น ไปคนเดียวมันอันตราย"
ต่อมาเสี่ยวซีหร่านก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับของต่างๆให้เธอฟัง ของทุกชิ้นล้วนมีเรื่องราวที่มาที่ไป ครอบคลุมเกือบทั่วทุกมุมโลกจากเหนือจรดใต้ มู่เวยเวยฟังไปก็ตื่นตาตื่นใจ
"ซีหร่าน ชีวิตคุณสุดยอดมาก เทียบกับคุณแล้ว ชีวิตช่วงไม่กี่สิบปีนี้ของฉันเหมือนน้ำซุปใสๆเลย ช่างจืดชืดเหลือเกิน" มู่เวยเวยบ่นอย่างหดหู่ใจ
"ฉันมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว อยู่ไม่ติดบ้าน พอเห็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่แอฟริกาในทีวี ฉันก็จองตั๋วเครื่องบิน บินไปดูด้วยตาตัวเองทันทีเลย" เสี่ยวซีหร่านเอื้อมมือไปข้างหน้า เพื่อปลอบใจเธอ "แต่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับวิถีชีวิตแบบนี้หรอกนะ ทุกคนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ใครบอกว่าชีวิตฉันสุดยอดมาก แล้วชีวิตเธอน่าเบื่อล่ะ"
"ฉันอยากเป็นแบบคุณบ้าง แต่ว่าที่บ้านคงไม่เห็นด้วย " มู่เวยเวยหน้ามุ่ย
"เอางี้ไหม ฉันออกจากบ้านคราวหน้าฉันจะชวนเธอไปด้วย เป็นไง"
"คราวหน้าเมื่อไหร่หรอ ไปไหนล่ะ " มู่เวยเวยถามอย่างตื่นเต้น แม้รู้ว่าเธออาจจะไปไม่ได้
เสี่ยวซีหร่านส่ายหน้า "ฉันยังไม่มีแพลนเลย ฉันรอให้เพื่อนฉันฟื้น ให้อาการโอเคก่อน แล้วค่อยคิดดูอีกที"
มู่เวยเวยพยักหน้า บางทีถึงตอนนั้นเธออาจช่วยลูกออกมาได้แล้ว "โอเค ถึงเวลานั้นคุณอย่าลืมชวนฉันนะคะ"
"วางใจได้ ไม่ลืมแน่นอน แต่กลัวว่าระหว่างทางเธอจะถอดใจซะก่อนน่ะสิ"
"ฉันถึกทนมากนะคะ"
ช่วงบ่าย เสี่ยวซีหร่านลงครัวทำอาหารให้มู่เวยเวยด้วยตัวเอง รสชาติอร่อยมากๆ จนมู่เวยเวยเขินเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นถึงคุณหนูแห่งบ้านตระกูลมู่ ทำไมถึงทำได้แค่เรียนหนังสือ ทักษะในการใช้ชีวิตอื่นๆไม่ได้เรื่องเลย แม้แต่การทำอาหารก็มาเริ่มทำได้หลังจากที่เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่แล้ว ยิ่งมองตระกูลเสี่ยว ที่ร่ำรวยกว่าตระกูลมู่ตั้งหลายเท่า เห็นเสี่ยวซีหร่านที่ไม่ได้มีความอ่อนช้อยแบบผู้หญิงเท่าไหร่ แถมยังเก่งศิลปะการต่อสู้สิบแปดแขนงอีก น่านับถือจริงๆ
"ซีหร่าน คุณอยู่บ้านหลังใหญ่แบบนี้คนเดียว ตอนกลางคืนไม่กลัวหรอคะ"
"กลัวอะไรหรอ บ้านฉันมีบอดี้การ์ดตั้งเยอะแยะ ไม่ยอมให้เลี้ยงเสียข้าวสุกหรอกนะ จะพูดอีกอย่างก็ ใครจะกล้าทำอะไรฉัน คงต้องดูว่ามีฝีมือมากแค่ไหน" เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างหน้าตาเฉย แต่เมื่อมู่เวยเวยได้ฟังกลับรู้สึกเหมือนโดนขู่
"เอ่อใช่ เธอมาเมืองSทำอะไรหรอ"
มู่เวยเวยทานข้าวไปด้วยพูดไปด้วย "เราร่วมมือกับเย่ฮวางสร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เมืองA แต่ซัพพลายเออร์ที่ตกลงกันปรับราคาขึ้น และได้ยินมาว่ามีบริษัทที่เมือง S จึงมาดูสักหน่อย"
"งั้นเธอไม่ไปประชุมหรอ " เสี่ยวซีหร่านถามด้วยความแปลกใจ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่มีใครไปติดต่อเป็นพิเศษ ส่วนฉันเอง ก็แสร้งมาที่นี่ไปงั้นเองค่ะ เพราะยังไงฉันก็ไม่ค่อยชอบเรื่องธุรกิจเท่าไหร่ " มู่เวยเวยไม่กล้าพูดความจริง ว่าจริงๆแล้วเธอไม่มีอำนาจในการตัดสิน แล้วถ้าให้เธอตัดสินใจเองคงไม่ดีแน่
เสี่ยวซีหร่านเห็นว่าเธอไม่ได้ตอบอะไร แววตาของผู้หญิงคนนี่ช่างตื้นเขิน แต่ก็ดี อ่านง่าย
"บริษัทไหนล่ะ บางทีฉันอาจจะรู้จัก"
มู่เวยเวยเอาชื่อบริษัทให้ดู เสี่ยวซีหร่านก็ขมวดคิ้วทันที "อ๋อ ฉันรู้จักบริษัทนี้ ชื่อเสียงในเมืองSดีทีเดียว ดูน่าเชื่อถือ"
"งั้นฉันก็สบายใจค่ะ"
หลังทานอาหารเสร็จ ทั้งคู่ก็ไปนั่งคุยกันที่โซฟา มู่เวยเวยที่จู่ๆก็นึกบางอย่างออก จึงพูดขึ้นมา "ซีหร่าน คุณเกลียดคนแบบไหนที่สุด"
"เกลียดที่สุดหรอ " เสี่ยวซีหร่านยกมือขึ้นมาเท้าคาง "เอิ่ม...........เหมือนฉันจะไม่มีที่เกลียดที่สุดนะ แต่ไม่ชอบคนที่ไม่รักษาคำพูด เช่น ทีมพวกเรานัดกันออกเดินทาง นัดเวลากันชัดเจนแล้ว แต่ยื้อเวลาอยู่นั่นแหละ แล้วสุดท้ายมาบอกว่าไม่ไปแล้ว เจอคนแบบนี้นะ ฉันอยากเอามีดไปชำแหละเป็นชิ้นๆเลย "
"ฮ่าๆๆ ..... ฉันเคยเจอแบบนี้"
"เคยเจอหลายครั้ง ฉันโมโหตลอดเลย ไปไม่ได้ทำไมไม่รีบบอก เสียเวลาคนอื่นเขา" เสี่ยวซีหร่านนึกถึงเหตุกาณ์ทำนองนี้ แล้วหงุดหงิดขึ้นมาทันที
"งั้นถ้ามีคนโกหกคุณ คุณจะเกลียดเขาไหมคะ" มู่เวยเวยค่อยๆตะล่อมถาม
เสี่ยวซีหร่านกระพริบตาสวยอยู่หลายครั้งอย่างใช้ความคิด "ต้องดูว่าโกหกฉันเรื่องอะไร ถ้าโกหกเรื่องเงิน แล้วเอาของฉันก็ช่างมัน แต่ฉันก็ต้องดูอีกที ว่ามีเรื่องอื่นอีกไหม"
"ยกอย่างเช่น คุณรู้จักคนนึง ให้เขาเป็นเพื่อน แต่วันหนึ่ง ตัวตนของเขาไม่ใช่อย่างที่คิด คุณจะเกลียดเขาไหมคะ"
เสี่ยวซีหร่านที่แสนเฉลียวฉลาด แค่ฟังแค่นี้ และเห็นสีหน้าไม่สบายใจของใครบางคน ก็รู้ได้แล้วว่าใครคนนั้นที่เธอพูดถึงคือใคร
เธอปิดบังตัวตนที่แท้จริงงั้นหรอ แล้วเกี่ยวข้องกันยังไง เธอมองฉู่เหยียนคนนี้แล้ว ไม่น่าจะใช่ตัวตนที่แท้จริงที่ปิดบังอยู่ ทุกคนล้วนมีความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ก็น่าสงสัยอยู่ดี
"จริงๆแล้ว บ่อยครั้งที่จะมีเพื่อนใหม่ ก็แค่ดูว่านิสัยเข้ากันได้ไหม จิตใจดีหรือเปล่า มีพื้นฐานครอบครัวยังไงไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เพราะงั้น ถ้าเธอเป็นเพื่อนฉันจริงๆ จะมีความลับปิดบังบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก"
มู่เวยเวยแววตาเป็นประกายขึ้นมา "จริงหรอ คุณคิดแบบนั้นจริงๆหรอ"
เสี่ยวซีหร่านพยักหน้า
มู่เวยเวยทนไมไหวพุ่งเข้าไปกอดแล้วจุ๊บๆเธอ "ซีหร่าน คุณช่างแสนดีจริงๆเลย ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันต้องรักคุณแน่ๆ"
"อย่าเชียวนะ ฉันคงไม่ชอบผู้ชายเรียบร้อยแบบเธอ ฉันชอบคนใจกล้า มีออร่า มองแล้วรู้สึกถึงความแมน แบบเธอไม่ผ่านหรอกนะ"
เมื่อฟังที่เสี่ยวซีหร่านพูดทำให้มู่เวยเวยนึกถึงพี่ชายของตัวเอง เขาก็เป็นคนลุยๆ แต่น่าเสียดาย......
"เธอเป็นไรหรือเปล่า" เสี่ยวซีหร่านดู่ท่าทางที่หม่นลงของเธอ จึงถามขึ้นมา
"ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงคนที่รู้จักคนนึงน่ะ ถ้าหากเขายังอยู่ คิดว่าคุณอาจจะชอบ"
หลังจากพูดจบ ก็มีพยาบาลวิ่งเข้ามา ด้วยท่าทางตึงเครียด "การหายใจของคนไข้ไม่ค่อยแน่นอนเลยค่ะ"
เสี่ยวซีหร่านลุกพรวดจากเก้าอี้ โดยไม่หันไปพูดพร่ำกับมู่เวยเวย แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องพักผู้ป่วย "โทรหาคุณหมอหรือยัง"
"โทรแล้วค่ะ เขาบอกว่าจะรีบมา"
มู่เวยเวยก็รีบลุกตามมา พอมาถึงหน้าประตูโทรศัพท์ของเธอก็ดังพอดี เห็นว่าเป็น เย่ฉ่าวเฉิน
"อืม มีธุระอะไรคะ"
เย่ฉ่าวเฉินฟังน้ำเสียงเธอดูรีบร้อน จึงถามว่า "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่ทางซีหร่านทางนี้มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ" มู่เวยเวยพูดไปพลางรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องพักผู้ป่วย แล้วถามเขาว่า "มีธุระอะไรคะ"
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไป "ทางด้านท่านประธานถังทำการเจรจาเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายพวกเราก็กลับเมืองAได้ เธอกับจางเห่อกลับมาเถอะ พวกเราจะรออยู่ที่โรงแรม"
"เร็วจังเลย" มู่เวยเวยชะงักหยุดนิ่งไป สายตามองไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่มีคนห้อมล้อมอยู่ รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
"ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันในการร่วมลงมือกันในครั้งนี้ ราคาที่ประธานจ้าวเสนอมาก็เหมาะสมดี จึงตกลงกันง่าย " เย่ฉ่าวเฉินอธิบายอย่างง่ายๆ
"จำเป็นต้องกลับไปตอนนี้เลยหรอคะ"
"รีบมาเถอะ ทางด้านเมืองAมีธุระต้องจัดการหลายเรื่อง"
"ทราบแล้วค่ะ งั้นฉันจะรีบกลับนะคะ" มู่เวยเวยวางโทรศัพท์ไป แล้วยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง แล้วหันหลังกลับ มุ่งไปหาจางเห่อ
คุณหมอมาถึงอย่างรวดเร็ว มู่เวยเวยมองเสี่ยวซีหร่านอย่างกังวลใจ และไม่อยากเข้าไปรบกวนเธอ ก้าวขึ้นรถไปแล้วส่งข้อความไปหาเธอแทน ที่รัก ฉันกลับก่อนนะ เย็นนี้มีธุระต้องรีบไปจัดการที่เมืองA ถ้าฉันมีเวลาว่างจะมาหาใหม่นะ
ผ่านไปสิบนาที คุณหมอควบคุมการหายใจของมู่เทียนเย่ให้คงที่ได้ แต่เขามีอีกอาการแสดงขึ้นมา
"คุณหนูเสี่ยวครับ คนไข้ดูเหมือนคลื่นสมองผิดปกติครับ"
เสี่ยวซีหร่านไม่เข้าใจที่เขาพูด "มีอะไรผิดปกติหรอคะ"
"ผมแนะนำให้พาคนไข้ไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลดีกว่าครับ เขาเหมือนมีการตอบสนองแล้วนะครับ"
เสี่ยวซีหร่านรีบเข้าไปคว้าแขนคุณหมอ "คุณหมอว่าอะไรนะคะ พูดอีกทีได้ไหมคะ"
คุณหมอรีบตอบกลับไปอย่างจริงจัง "เป็นเพียงความรู้สึกของผมครับ ควรให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญตรวจอย่างละเอียดอีกที เพราะงั้น......"
"ฉันจะรีบพาเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้เลยค่ะ" เสี่ยวซีหร่านพูดอย่างตื่นเต้น พูดจบก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเรียกให้เอารถออก ขณะนั้นเองเธอจึงได้เห็นข้อความของฉู่เหยียน เมื่ออ่านดูก็รับรู้ว่าเธอกลับไปก่อนแล้ว
หลังจากที่ตรวจอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ออกมาแจ้งว่า "ผลการทำ CT ที่สมองของคนไข้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สมองของเขาเริ่มมีการตอบสนองแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีนะครับ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...