สองพี่น้องเพิ่งจะเข้ามาสถานที่จัดงาน ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของพวกเขาแล้ว ยังป็นเพราะว่าสำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองAเหล่านี้แล้ว พวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ดูลึกลับ
เย่เฉ่าเฉินกำลังคุยอยู่กับนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่ง เห็นพวกเขาเข้ามา จึงพูดว่า"เชิญตามสบายนะ" แล้วก็เดินก้าวยาวๆ เข้ามา ยื่นมือออกไปเพื่อจับมือฉู่เซวียน เอ่ยว่า "เป็นยังไง พึงพอใจไหม? "
"พอใจมาก ขอบคุณประธานเย่ที่ช่วย" ฉู่เซวียนขอบคุณอย่างจริงใจ
เย่เฉ่าเฉินมองมู่เวยเวยด้วยสายตาแพรวพราว ยิ้มพูดว่า "ไม่เป็นไร มันเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน"
ฉู่เซวียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเย่เฉ่าเฉินกับมู่เวยเวยทำข้อตกลงอะไรกัน เพียงแต่นั่นเป็นเรื่องของสามีภรรยา ทั้งสามคนก็ถือได้ว่าได้รับสิ่งที่ต้องการ
เพราะว่าเป็นฤดูร้อน ถึงแม้ภายในห้องจะมีเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่แต่คนเยอะๆ ก็ร้อนมาก เช่นนี้ เย่เฉ่าเฉินจึงจัดงานเลี้ยงให้เป็นสนามหญ้าลานกว้างสีเขียว บุฟเฟ่ต์ ไวน์แดง เสียงเปียโนไพเราะรื่นหู ด้านข้างเป็นสวนดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ไม่ไกลยังมองเห็นทะเลสาบเทียมที่ใสสะอาด……
"คุณมองฉันทำไมบ่อยๆ? " มู่เวยเวยกับเย่เฉ่าเฉินและฉู่เซวียนมาที่กลางลาน สังเกตเห็นสายตาของเขาที่มองมาไม่เลิก เลยถามไปเบาๆ
"ไม่มีอะไร วันนี้คุณสวยมาก" เย่เฉ่าเฉินยิ้มแล้วพูด เธอเป็นจุดสนใจในฝูงชนมาโดยตลอด แม้ว่าวันนี้จะแต่งหน้าเบาๆ แต่ความมีเสน่ห์บนเรือนร่างไม่สามารถระงับไว้ได้
มู่เวยเวยเลิกคิ้ว "ฉันคิดว่าคุณจะพูดเหมือนกับพี่ชายฉัน"
"หื๊ม? เขาพูดว่าอะไร? "
"เขาบอกว่าฉันแต่งตัวเหมือนแม่ชี เรียบร้อยเกินไป"
เย่เฉ่าเฉินยิ้ม ไม่พูดอะไร
เหมือนแม่ชีซะที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเป็นกวางน้อยมีเสน่ห์ใสซื่อบริสุทธิ์ที่อยู่เข้าไปในป่า
ลึก
เสียงเพลงเปียโนที่ไพเราะจบลง เย่เฉ่าเฉินขึ้นบนเวทีแล้วหยิบไมโครโฟน บุคลิกที่โดดเด่น สายตาหญิงสาวจำนวนไม่น้อยในลานจับจ้องอยู่ที่ตัวของเขา
"ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาก็ไม่ได้มีอะไร ทุกคนทำงานร่วมกันในเมืองAเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ มีทั้งความร่วมมือทั้งความขัดแย้ง แต่หวังว่าคืนวันนี้ ทุกคนจะทิ้งความขัดแย้งเหล่านั้น ขอให้ใช้เวลาอย่างมีความสุขในยามราตรีนี้ ขอบคุณทุกท่าน
สิ้นสุดเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดี เย่เฉ่าเฉินก็เริ่มงานในคืนนี้ พาฉู่เซวียนไปสังสรรค์ทุกที่
"คุณอาหลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลย ฉันยังคิดว่าคุณจะไม่สามารถมาได้แล้ว" เย่เฉ่าเฉินจับมือกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
"ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับคำเชิญจากคุณชายเย่ เป็นเกียรติเช่นนี้ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ? " ชายคนนั้นจับมือเขาด้วยไมตรีจิต
เย่เฉ่าเฉินยิ้มอย่างสุภาพ เริ่มแนะนำตัวแทนคนทั้งสอง "ฉู่เซวียน นี่คือประธานหลี่จากบริษัทฮวาไท่ เชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ ยังดูแลอสังหาริมทรัพย์ด้วย ไม่เพียงแต่ผูกขาดตลาดฮาร์ดแวร์ทั้งหมดในเมืองA ยังรวมถึงทั้งประเทศด้วย คุณลุงหลี่ ฉู่เซวียนเป็นเจ้าของบริษัทฮ่องกงMK ตอนนี้เรากำลังทำโครงการสวนสนุกร่วกันอยู่"
ฉู่เซวียนยื่นมือออกไป "สวัสดีครับประธานหลี่ ในอนาคตพวกเราMKมายังเมืองAยังหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน"
ประธานหลี่ยิ้มจับมือเขา "ได้ยินชื่อเสียงของบริษัทMKมานาน คิดไม่ถึงว่าเจ้าของจะอายุน้อยขนาดนี้ มีอนาคต ทุกคนได้กำไรแล้ว"
มู่เวยเวยเห็นทั้งสองคุยกันและเฮฮาอยู่ในงานเลี้ยง จึงหาสถานที่ตากอากาศที่มีคนน้อยๆ แต่สถานที่แห่งนี้ หาความเงียบสงบได้ที่ไหนกัน ไม่นานชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมาพร้อมไวน์แดง
"คนสวยทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ? "
มู่เวยเวยหันไปมองเขา ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตา น่าจะเคยเจอกันมาก่อน
"ฉันไม่ชอบที่ที่มันคึกคัก"
"พอดีเลย ฉันก็ไม่ชอบที่ที่คึกคักเหมือนกัน" ชายหนุ่มมองใบหน้าที่สะสวยของเธอ "ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกคนสวยว่าอย่างไร? "
"ฉันแซ่ฉู่"
ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย "ฉันเพิ่งได้ยินว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ประธานเย่ก็แซ่ฉู่เช่นกัน ทั้งสองท่านเป็น? "
"เขาเป็นพี่ชายฉัน" มู่เวยเวยพูดด้วยใบหน้ายิ้มนิดๆ
"อ๋อ เดิมทีก็คือคุณฉู่ ฉันแซ่โจว นี่คือนามบัตรของฉัน" ชายหนุ่มยื่นนามบัตรด้วยมือทั้งสองข้าง มู่เวยเวยไม่อยากจะรับ แต่ตอนนี้เธอเป็นฉู่เหยียน เพียงแค่รับมาดูๆ เหมือนเป็นกรรมการบริษัทอะไรสักแห่งหนึ่ง
น่าจะเป็นทายาทเศรษฐี
ขอโทษด้วย ฉันไม่มีนามบัตร" มู่เวยเวยแสร้งทำเป็นยิ้มขอโทษ อันที่จริงเธอไม่อยากให้เบอร์เขา
ชายหนุ่มก็มีท่าทีที่สง่างาม ไม่ได้กังวลใจ "คุณฉู่มาเมืองAจนคุ้นชินแล้วใช่ไหม? "
"ฉันปรับตัวได้ดีมาก ไม่มีอะไรที่รู้สึกไม่สบาย" มู่เวยเวยพูดอยู่ แต่ทว่าสายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เฉ่าเฉินกับฉู่เซวียน เวลานี้ พวกเขาเป็นดาวที่สว่างที่สุดในใจกลางไปแล้ว ต้องบอกว่า ทักษะการสื่อสารของฉู่เซวียนนั้นยอดเยี่ยม ใช้เวลาแค่สิบนาที ก็มีคนมากมายอยู่รอบตัวเขา บ้างก็พูดจาฉะฉานมีหลักมีฐาน บ้างก็ก้มศีรษะเพื่อฟัง ควบคู่ไปกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ยืนอยู่ด้วยกันกับเย่เฉ่าเฉิน ไม่ได้เป็นรองเขาเลยแม้แต่นิด
ชายหนุ่มมองตามสายตาของเธอไป ก็เห็นฉากนี้ จึงพูดเล่นว่า "พี่ชายคุณไม่รู้ว่าต้องกลายเป็นชายในฝันของผู้หญิงไปเท่าไหร่แล้ว"
มู่เวยเวยแปลกใจเล็กน้อย
"คุณดูสิ" ผู้ชายคนนั้นชี้ไปที่มุมนั้นที่มีผู้หญิงมากมาย เป็นไปตามนั้น พวกเธอทั้งหมดมองไปทางฉู่เซวียนกับเย่เฉ่าเฉินด้วยสายตาเป็นประกาย
มู่เวยเวยหัวเราะคิกคัก พูดหยอกล้อว่า "คุณรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้มองไปที่เย่เฉ่าเฉินแต่เป็นพี่ชายของฉัน? "
ชายคนนั้นประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอเรียกชื่อเย่เฉ่าเฉิน จึงพูดเล่นสำนวนว่า "คุณฉู่เพิ่งมาเมืองAยังไม่รู้ ประธานเย่มีชื่อเสียงเรื่องรักภรรยา ถึงแม้ว่าภรรยาของเขาจะไปเรียนต่างประเทศไม่ได้อยู่กับเขา แต่ประธานเย่ก็ไม่มีข่าวเสียหายสักนิด ถอยห่างจากผู้หญิงที่ต้องการเข้าหาอย่างจริงจัง นี่เป็นสิ่งที่รู้กันดีในกลุ่มคนชั้นสูงของเมืองA ดังนั้น ที่ฉันบอกว่าพวกเธอมองพี่ชายของคุณ เพียงแต่ถึงแม้ว่าจะมองประธานเย่ ก็ทำได้แค่มองเท่านั้น"
มู่เวยเวยตกตะลึง เธอไม่ได้ยินคำพูดที่ชายคนนั้นเก็บซ่อนไว้ ทว่าในสมองคิดอยู่ว่า เดิมที เย่เฉ่าเฉินภาพลักษณ์เช่นนี้ต่อภายนอก ที่แท้ ทุกคนคิดว่าฉันไปเรียน
คำพูดโกหกโง่ๆ เช่นนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเชื่อด้วยเหรอ?
เย่เฉ่าเฉินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เห็นฉู่เซวียนท่าทางพึงพอใจ ก็เข้าใจได้ว่าเขาไม่ปรารถนาที่นี่แล้ว ด้วยเหตุนี้สำเร็จแล้วจึงถอยออกมา กวาดสายตาไปรอบๆ ไม่นานก็หาฉู่เหยียนเจอ แน่นอนว่าเห็นผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอ
มองแวบหนึ่ง เย่เฉ่าเฉินก็เดินออกมาจากในกลุ่มฝูงชน มาพร้อมกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว
ชายหนุ่มเห็นว่าเย่เฉ่าเฉินมา จึงตะโกนเรียก"ประธานเย่"ทันที
"พวกคุณพูดคุยอะไรกันเหรอ ดูมีความสุขขนาดนี้? " เย่เฉ่าเฉินนำน้ำผลไม้ในมือมาให้เธอ
มู่เวยเวยยิ้มแล้วกล่าวว่า "ไม่มีอะไร คุยเรื่อยเปื่อย ทำไมคุณถึงมาล่ะ? "
กลัวว่าคุณจะไม่มีคนคุยด้วย เลยมาอยู่เป็นเพื่อน"
"หวังดีขนาดนี้เลยเหรอ? " มู่เวยเวยมีรอยยิ้มในดวงตาที่สดใส
เย่เฉ่าเฉินมองไปที่ดวงตาคู่นี้ด้วยความงุนงง เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ในดวงตาคู่นี้ ในความซนพามาด้วยความดีใจ
"คุณเป็นอะไร ติ๊งต๊อง" มู่เวยเวยถูกเขาจ้องมองจนจิตใจหวั่นไหว ไม่รู้ว่าหมอนี่คิดอะไรอยู่
เย่เฉ่าเฉินไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจถึงได้เจ็บนิดๆ เขาอยากเห็นดวงตาคู่นี้ยิ้มแบบนี้ตลอดไป แต่ไม่ได้ช่วยอะไร ความสิ้นหวังรวมทั้งความเกลียดชัง
"ไม่มีอะไร คุณอยากกินอะไร? ฉันจะไปเอามาให้คุณ" เย่เฉ่าเฉินพูดด้วยน้ำเศร้าๆ
"ไม่ต้อง ฉันอยากกินก็ไปหยิบเอง คุณไม่จำเป็นต้องทำให้คุณชายเย่เอาของมาให้ฉัน คืนนี้ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้อยู่สงบๆ แน่นอนว่าเดินไปไหนก็มีแต่คนจ้องมอง" ที่มู่เวยเวยพูดเป็นความจริง ก็ตอนนี้ มีทั้งหญิงชายจำนวนไม่น้อยมองเข้ามา คาดว่าตอนนี้พวกเขามีเรื่องราวมากมายอยู่ในหัว
ในสายตาของทุกคนเย่เฉ่าเฉินเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชา ไม่ใกล้ชิดผู้หญิง ทว่าคืนนี้พาฉู่เหยียนมา ตอนนี้ก็ยืนพูดคุยหยอกล้ออยู่กับฉู่เหยียน คนอื่นไม่คิดมากก็แปลกแล้ว
เพียงแต่ว่า แววตาเหล่านี้สำหรับเย่เฉ่าเฉินแล้ว ไม่ได้มีอยู่ เขาแค่สนใจเรื่องที่สนใจกับคนเท่านั้น
"เอาเถอะ จริงๆ ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่สนุก ก็ไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ได้ ถึงอย่างไรคุณก็คุ้นเคยกับที่นี่"
"ฉันรู้แล้ว คุณไปทักทายแขกเถอะ คืนนี้คุณเป็นเจ้าภาพนะ"
เย่เฉ่าเฉินมองเธออย่างเคร่งขรึม ริมฝีปากสีชมพูของเธอเปล่งประกายอย่างมีเสน่ห์ภายใต้แสงไฟอ่อนๆ ตอนนี้อยากจะกัดสักทีหนึ่ง
"มีอะไรก็โทรหาฉันนะ"
"รู้แล้ว ไปเถอะไปเถอะ ยังไม่ไปอีก ฉันต้องถูกสายตาของทุกคนมองจนทะลุแน่" มู่เวยเวยเร่งเร้าให้เขาไป
เย่เฉ่าเฉินยิ้มอย่างเสียดาย หันกลับเข้าฝูงชนไป
มู่เวยเวยไม่มีความประสงค์จะชวนคนเหล่านี้คุย เดินออกไปข้างทะเลสาบคนเดียว
จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ เคยมีคืนที่ครึกครื้นเช่นนี้ มีชายหนุ่มหน้าใสพูดคุยกับเธอข้างทะเลสาบ ว่าชอบเธอ ต้องการจะพาเธอไป
ตอนนี้คิดๆ ดู สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ ก็ไม่รู้ว่าที่เขาทำดีหรือไม่ เจอคนที่ชอบเขาแล้วหรือเปล่า แล้วเขาก็ชอบผู้หญิงคนนั้นด้วย
เขาที่มีหัวใจบริสุทธิ์และอบอุ่นเช่นนั้น จึงสมควรได้รับความรักที่ดีกว่า
สายลมกำลังเต้นระบำในยามค่ำคืน เสียงดนตรีลอยตามลมมาไม่ขาดสาย มู่เวยเวยดูโทรศัพท์ตลอด งานเลี้ยงดำเนินไปเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว ถ้ายังไม่ลงมืออีก อีกสักพักต้องเลิกงานแน่ๆ
ดูเวลาที่โทรศัพท์อีกครั้ง ในที่สุดก็ได้รับข้อความจากฉู่เซวียน บนหน้าจอมีแค่สองคำ คือลงมือ
มู่เวยเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ ดื่มน้ำผลไม้ทั้งหมดในแก้ว แล้วเริ่มโทรหาเย่เฉ่าเฉิน
โทรศัพท์ดังขึ้นสามครั้ง เสียงของเขาก็ทอดออกมา "ฮัลโหล? "
"ฉันปวดท้อง อยู่ข้างทะเลสาบ" มู่เวยเวยขมวดคิ้วพูด
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เฉ่าเฉินไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทว่าทำน้ำเสียงตึงเครียด "ฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
หลังจากหนึ่งถึงสองนาที มู่เวยเวยก็เห็นเงาคนวิ่งเข้ามา เป็นเย่เฉ่าเฉิน เธอรีบกุมท้อง นอนฟุบที่เก้าอี้
"เป็นอะไรไป? " เย่เฉ่าเฉินพยุงเธอขึ้นมา เห็นใบหน้าที่ทรมาน แล้วยังน้ำตาคลอเบ้า
"ฉันปวดท้อง" เธอพูดอย่างยากลำบาก
เย่เฉ่าเฉินไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ "ฉันจะอุ้มคุณขึ้นไป แล้วจะเรียกหมอหานมา"
"ไม่ต้อง" มู่เวยเวยรีบกดมือเขาไว้ "โรคประจำตัว เดี๋ยวก็หาย"
ไม่แน่ตอนนี้ฉู่เซวียนอาจจะเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว หากว่าเขาอุ้มฉันขึ้นไป ถ้าเจอกันจะทำอย่างไร?
"ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ? " เย่เฉ่าเฉินยังมีสีหน้าเป็นกังวล
มู่เวยเวยจับมือเขาไว้ที่หน้าท้องแบนราบของเธอ "อย่างนี้ก็ดี อาจเป็นเพราะเมื่อกี้ฉันดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ เข้าไป คุณช่วยทำให้ท้องฉันอุ่นหน่อย"
เย่เฉ่าเฉินนั่งลงข้างๆ เธอ "ดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ ไม่ได้เหรอ? แล้วเมื่อกี้ทำไมไม่บอก? "
"โรคประจำตัวนี้ไม่ได้กำเริบนานแล้ว อีกทั้งฉันก็ตะกละ อยากดื่มสักหน่อย" มู่เวยเวยวางศีรษะไว้บนไหล่ของเขา ความร้อนจากมือของชายหนุ่มถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง มู่เวยเวยรู้สึก ร้อนเล็กน้อย
"ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ดื่มไม่ได้ก็อย่าดื่ม"
"อืม รู้แล้ว ฉันเรียกคุณออกมาอย่างนี้ ไม่เสียมารยาทมากเหรอ? " มู่เวยเวยถามอย่างระมัดระวัง
เย่เฉ่าเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ไม่เป็นไร ฉันก็รู้สึกเบื่อนิดหน่อย ถือโอกาสอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่สักพัก คุณไม่ต้องเรียกหมอหานมาแล้วจริงๆ นะ? "
มู่เวยเวยส่ายหัว "ไม่ต้องแล้วจริงๆ ร่างกายฉัน ฉันรู้"
เย่เฉ่าเฉินเห็นว่าเธอยืนยันแบบนี้ ก็ปิดปากอย่างจนปัญญา อยู่ตากอากาศด้วยกันกับเธอ เทียบกับเสียงอึกทึกจากไกลๆ เขาเต็มใจที่จะนั่งสงบๆ อยู่ที่นี่มากกว่า
ทางด้านนี้ เย่เฉ่าเฉินเพิ่งจะออกไป ฉู่เซวียนก็เข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ทันที อาศัยการกระทำที่ว่องไวเฉียบแหลมและคุ้นเคยกับห้อง สิบกว่าวินาทีก็ค้นหาห้องหนังสือชั้นสามเจอ
บิดประตู เป็นไปอย่างที่คิดประตูล็อก ฉู่เซวียนหยิบลวดเส้นเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เสียบเข้าด้านในแล้วขยับๆ อย่างเบาๆ ได้ยินเสียงดังแกรก ประตูเปิดออก
ฉู่เซวียนเข้าไปห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตู
ห้องหนังสือของเย่เฉ่าเฉินไม่ใหญ่ ไม่ได้เปิดไฟ มืดมากๆ ฉู่เซวียนปรับตัวอยู่ชั่วขณะ จึงพอมองออกว่าชั้นหนังสืออยู่ที่ไหน โต๊ะหนังสืออยู่ที่ไหน
ไม่ได้ เช่นนี้จะมองสิ่งของไม่เห็น ถึงแม้ว่าจะมีแผนการ เขาก็หาไม่เจอ อีกทั้งยังเปิดไฟไม่ได้อีก ฉู่เซวียนได้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาส่องไฟ
มู่เว่ยเว่ยค้นดูชั้นวางและลิ้นชักแล้ว ด้วยเหตุนี้ ฉู่เซวียนจดจ่ออยู่กับการค้นหาประตูลับบนผนังเท่านั้น คลำไปเคาะไป ในที่สุดหลังภาพวาดประเทศจีนผืนหนึ่ง ฉู่เซวียนก็ได้ยินเสียงที่แตกต่าง
ดีใจ ลองเคาะๆ อีกที ไม่ผิด ด้านในนี้ไม่ใช่ผนังทึบแต่เป็นผนังกลวง แต่ว่าแผนการอยู่ที่ไหนล่ะ?
สัญชาตญาณของฉู่เซวียนบอกเขาว่า แผนการอยู่ด้านบนชั้นวางหนังสือ แต่อยู่ในแถวไหนนะ?
ตรงกลางหาง่ายเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ตรงกลาง สามารถอยู่ในจุดที่ไม่เด่นไปด้านบนหรือด้านล่างเท่านั้น ฉู่เซวียนพลางคิดพลางลงมือ ก่อนอื่นหยิบหนังสือชั้นล่างสุดทั้งหมดขึ้นมาอ่าน ก็ไม่มี
จึงเริ่มที่ชั้นบนสุดอีกครั้ง เวลานี้ มีเสียงฝีเท้าด้านนอกทอดออกมา
พ่อบ้านหวังตรวจตราคฤหาสน์ทั้งหมด รู้สึกว่าในห้องหนังสือมีแสงรำไร ก็ตกใจ หยิบกุญแจมาเปิดประตู แต่พบว่าประตูเปิดอยู่ เขาผลักประตูเปิดทันที ไม่มีคน ไฟก็ไม่ได้เปิด
แต่ว่า เขาจำได้ว่าตนเองล็อกประตูห้องหนังสือแล้ว หรือคุณชายเข้ามาในภายหลัง?
พ่อบ้านหวังมองไปรอบๆ ห้องหนังสือ พบว่าไม่มีใคร ไม่รู้ว่าหน้าต่างเปิดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินไปดูด้านนอกอย่างระมัดระวัง มีเพียงงานเลี้ยงที่เปิดไฟสว่างไสวอยู่ไม่ไกล
"ทำไมหน้าต่างจึงเปิด? " พ่อบ้านหวังสงสัยว่ามีคนแอบเข้ามาในห้องหนังสือ จึงปิดหน้าต่างและประตูห้องหนังสือทันที จากนั้นก็แจ้งจางเฮ่อให้ทราบ "ฉันสงสัยว่ามีคนร้ายเข้ามา คุณจับตาดูทางนั้นหน่อย อย่าทำให้แขกตกใจ"
"รับทราบ"
พ่อบ้านหวังยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ คิดอย่างจริงจังอีกครั้ง เมื่อตอนเย็นเขาปิดหน้าต่างและประตูห้องหนังสือแล้ว ตอนนี้เปิดอยู่ ถ้าไม่ใช่คุณชาย แน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามา
มีคนคิดจะหาอะไรในห้องหนังสือนะ?
เกาะอยู่บนหน้าต่างแน่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก กระโดดสองสามที ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...