เย่ฉ่าวเฉินทำได้เหลือบตามอง จริงๆแล้วเขาไม่อยากกลับ แต่เหมือนไม่มีทางเลยที่ฉู่เซวียนถึงจะยอมให้เขาอยู่ต่อ?
"กลับเถอะครับ ประธานเย่" ฉู่เซวียนกล่าว
เย่ฉ่าวเฉินทำได้แค่ทำตามที่เขาพูด หันไปกล่าวกับมู่เวยเวยว่า "คุณพักผ่อนเยอะๆนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมโทรหา"
"อ่อโอเคค่ะ" มู่เวยเวยยิ้มตอบ
เธอรอให้ชายทั้งสองออกจากห้องไป แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ ดูที่บริเวณกรามล่างของเธอมีรอยย่นขึ้น เธอลองดึงดูแล้วรู้สึกเจ็บไม่น้อบ
ยังดีนะที่ฉู่เซวียนเตือนเธอไว้ ไม่งั้นพรุ่งนี้เธอคงออกไปเจอใครไม่ได้แน่เลย
เธอค่อยๆล้างเครื่องสำอาง ค่อยๆดึงหน้ากากออก จากนั้นก็ล้มตัวลงบนเตียง เธอต้องใช้ชีวิตกับหน้ากากนี่ทุกวัน รู้สึกเหนื่อยมาก ในโลกนี้มีใครต้องใส่หน้ากากแบบนี้ไหมนะ?"
.................................................
วันที่สองตอนที่เจอกับฉู่เซวียน เขามองมาที่เธอและหัวเราะแปลกๆ
"คุณหัวเราะอะไรหรือคะ?" มู่เวยเวยวางตะเกียบและเอ่ยถามอย่างสงสัย
ฉู่เซวียนหัวเราะดังกว่าเดิมและตอบกลับว่า "คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะร้องเพลงได้แย่ขนาดนี้"
มู่เวยเวยได้ยินแบบนั้นก็ตาโตหน้าแดง "เอ่อ ก็คนเรามันไม่ได้เพอร์เฟ็คไปหมดทุกอย่างนี่คะ ฉันหน้าตาดีอย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้อยากจะไปเป็นนักร้องซะหน่อยเพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องร้องเพราะก็ได้ค่ะ"
ฉู่เซวียนก้มหัวหัวเราะคิกคัก เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนชมตัวเองขนาดนี้
"เมื่อวานกินหม้อไฟเพลินไปหน่อย ลืมถามคุณไปเรื่องหนึ่งเลย" มู่เวยเวยมองซ้ายมองขวาเห็นว่าในร้านไม่มีค่อยมีคนจึงพูดต่อว่า "ตอนบ่าย ตอนที่ฉันไปบ้านประธานเย่ ฉันควรต้องไปเริ่มหาจากส่วนไหนของห้องหนังสือก่อนหรือ? ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย"
ฉู่เซวียนหยุดขำทันทีและตอบกลับเธออย่างจริงจังว่า "ชั้นหนังสือ หนังสือทุกๆ เล่มมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นประตู"
"แต่ฉันเคยเปิดดูทุกเล่มแล้ว ไม่เห็นว่ามันจะมีประตูเปิดปิดตรงไหนเลย"
"ถ้าแบบนั้นอาจจะไม่ใช่หนังสือ บางทีอาจจะอยู่ข้างบนหนังสือหรือข้างล่างหนังสือก็ได้ผมก็ไม่มั่นใจ คุณต้องลองตั้งใจสังเกตดีๆ ดูให้ทั่วว่าบนชั้นหนังสือมีตรงไหนนูนออกมาบ้างหรือมีตรงไหนบุบเข้าไปบ้าง" ฉู่เซวียนพูดต่อว่า "อีกอย่างนอกจากชั้นหนังสือแล้วก็ยังมีพวกอุปกรณ์ต่างๆที่วางอยู่ในห้องของเขา อะไรที่มันหมุนได้ขยับได้คุณก็ลองขยับมันให้หมดนั่นแหละ"
มู่เวยเวยครุ่นคิดเล็กน้อย และถามกลับว่า "งั้นเอาแบบนี้ดีไหม ถ้าฉันลองหาทุกที่แล้วยังไม่เจอ ฉันจะโทรหาคุณ แล้วคุณค่อยบอกฉันอีกทีหนึ่งว่าจะเอาอย่างไงต่อ?"
"ว้าว อยู่ๆก็ฉลาดขึ้นมาซะงั้น" ฉู่เซวียนตาเป็นประกาย เขาคิดไม่ถึงว่ามีวิธีนี้อยู่
มู่เวยเวยยิ้มแหยๆ ตอบกลับ เธอยังนึกถึงครั้งงก่อนที่มีชายใส่หน้ากากสีเงินโทรหาเธอ
.........
ณ เย่ฮวางกรุ๊ป
เย่ฉ่าวเฉินกำลังกำลังตรวจดูเอกสารเกี่ยวกับความคืบหน้าของโปรเจคสวนสนุกนี้ พบว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคิดว่าจะโทรถามมู่เวยเวย แต่ยังไม่ทันกดโทร เขาก็กดวาง
เย่ฉ่าวเฉินฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตั้งแต่มู่เวยเวยมาที่เมืองเอ ในทุกๆ ครั้งที่มีประชุม เธอมักจะบอกให้ถังฉือซวนตัดสินใจแทนเธอ เธอบอกแต่เพียงว่าเธอแค่มาดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น หรือแท้จริงแล้วเธอคือฉู่เหยียนตัวปลอม เลยไม่มีอำนาจตัดสินใจ ตอนนี้เขาโง่ที่จะเชื่อข้ออ้างของเธอ?
อีกอย่าง ทำธุรกิจใหญ่แบบนี้ และถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันแต่จะมีใครที่ไม่นึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองบ้าง ตั้งแต่ฉู่เซวียนยื่นมือเข้ามาช่วยงานเธอที่เมืองเอ เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่กลับดีอกดีใจ เขาก็ยังเชื่อหรือ?
มองจากภายนอก เรื่องนี้ก็ดูมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ และเขาก็ปล่อยให้เรื่องนี้เลยเถิดมาเกือบสามเดือนแล้ว
ตอนนี้เขาจะโง่อีกไม่ได้แล้ว
เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจเบาๆ จากนั้นกดโทรหาฉู่เซวียน
"สวัสดีครับประธานฉู่ เมื่อสักครู่ผมลองตรวจสอบข้อมูลของโปรเจ็คดูเหมือนมีอะไรแปลกๆนิดหน่อยครับ คุณสะดวกคุยกันต่อหน้าหรือคุยทางเน็ตครับ?"
ฉู่เซวียนได้ยินดังนั้น ถามกลับด้วยความฉงน "มีปัญหาอีกแล้วหรือครับ? ตรงไหนครับ? ผมกำลังดูเอกสารอยู่"
"บริเวณฐานของรถไฟเหาะครับ ขนาดของที่อยู่ในแบบกับขนาดที่สร้างจริงไม่เท่ากันครับ"
"ขอผมเช็คสักครู่ครับ " ฉู่เซวียนรีบเลื่อนเมาส์หาจุดที่เย่ฉ่าวเฉินบอก และพบว่ามันมีปัญหาจริงๆ งานจริงสร้างกว้างกว่าแบบ 0.2 เมตร
"อ่า ดูเหมือนจะใช่ครับ ความยาวก็เหมือนจะมากกว่าแบบครับ"
"พวกนี้ทำงานไม่ละเอียดเลย" ฉู่เซวียนบ่น
พอดีกับมู่เวยเวย เดินเข้ามา เธอยืนเกาะประตูและเรียกเขาด้วยเสียงสดใสว่า "พี่คะตอนเที่ยงนี้พี่อยากกินอะไรคะ?"
"แล้วแต่เลย" ฉู่เซวียนตั้งหน้าตั้งตามองคอม ไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าว
"โอเคค่า งั้นวันนี้ฉันเป็นคนตัดสินใจนะ พี่ตั้งใจทำงานนะคะ" มู่เวยเวยพูดเสร็จก็หมุนตัวเดินจากไป
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา รู้สึกไม่ชอบใจมาก พลางคิดในใจภรรยาของเขาเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายคนอื่นขนาดนี้เลยหรอ?
เขาคุยเรื่องงานต่อกับฉู่เซวียนเสร็จ ก็รีบโทรหาเธอ
"คุณอยู่ที่ไหน?" เขาถาม
"ตอนนี้ได้เวลากินข้าว แล้วฉันกำลังจะไปกินข้าว" มู่เวยเวยตอบกลับอย่างใสซื่อ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่คุยกับฉู่เซวียนเมื่อสักครู่นี้คือเย่ฉ่าวเฉิน
"งั้นคุณมากินข้าวที่บริษัทผมไหม?"
"ไม่เอาหรอกฉันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของพนักบริษัทคุณ"
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจและพยายามหลอกล่อเธอว่า "กลางวันนี้ผมงานยุ่งมาก จะไปกินข้าวเป็นเพื่อนคุณก็ไม่ได้ หรือว่าคุณจะมาหาผมที่นี่ กินข้าวเป็นเพื่อนผม?"
มู่เวยเวยหัวเราะและตอบกลับว่า "เย่ฉ่าวเฉิน เดี๋ยวตอนเย็นเราก็ได้เจอกันแล้ว ตอนเที่ยงฉันคงไม่ไปหาคุณหรอก อีกอย่างฉันต้องซื้อข้าวไปให้พี่ฉู่เซวียน"
"เฮ้อออ" เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ "ดูเหมือนว่าภายในใจคุณตอนนี้จะมีแต่พี่ชายคุณนะ"
"ก็แหงอยู่แล้ว ฉันรู้จักเขามากี่ปี รู้จักคุณมาแค่เท่าไหร่ เอาล่ะๆ ฉันถึงร้านอาหารแล้ว จะวางสายแล้วค่ะ"
"ก็ได้ งั้นผมเลิกงานแล้วจะรีบไปรับคุณกลับบ้าน"
"รู้แล้วหน่า เลิกงานแล้วค่อยโทรหาฉันนะคะ"
หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ พลางคิดไปว่า เขาต้องทำยังไงเธอถึงจะชอบเขานะ?
ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน เย่ฉ่าวเฉินรีบลงจากตึก และกดโทรหาเธอ
"ฮัลโหลตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?" เย่ฉ่าวเฉินถามขณะอยู่ในลิฟต์
"ฉันกำลังเก็บของอยู่ คุณมาได้เลยค่ะ"
"กระเป๋าหนักไหมครับ ถ้าหนักคุณอย่ายกเองนะ เดี๋ยวผมไปช่วย"
"จะมีอะไรหนักกันคะ ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าแค่สองสามชุดเอง" มู่เวยเวยเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่ในกระเป๋า ส่วนของที่เหลือค่อยเก็บย้ายไปคอนโดตอนฉู่เซวียนจะคืนห้อง
แต่เอาเข้าจริง เธอก็ไม่ได้มีของอะไรมากมาย นอกจากเสื้อผ้าแล้ว ก็มีแค่รองเท้าเท่านั้น
ระหว่างทางเย่เฉินนั่งรถผ่านร้านเค้ก เขาเรียกให้คนขับหยุดรถ
เขามองเห็นเค้กมากมายวางอยู่บนชั้นวาง เย่ฉ่าวเฉินรู้แค่ว่าเธอชอบกินเค้ก แต่ไม่รู้ว่าเธอชอบกินรสไหน
"คุณผู้ชายคะ สนใจสั่งรสไหนคะ?"
เย่ฉ่าวเฉินตัดสินใจไม่ถูก กลัวว่าเลือกไปแล้วเธอจะไม่ชอบ สุดท้ายเขาก็เลือกไป5รส พร้อมบอกกับพนักร้านว่า"ช่วยห่อทั้งหมดด้วยครับ"
"โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ" พนักงานตกใจที่เห็นเขาซื้อเค้กเยอะขนาดนี้ และรีบเข้าไปห่อให้เขา
เมื่อรถขับมาถึงหน้าโรงแรม ก็เห็นมู่เวยเวยยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว ข้างๆเธอมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กวางอยู่
เย่ฉ่าวเฉินลงจากรถและพูดกับเธอว่า "ทำไมถือลงมาเอง ฉันไม่ได้บอกหรือว่าฉันจะขึ้นไปช่วยยก?"
"ข้างในมีแค่เสื้อผ้า ไม่ได้หนักอะไรเลยค่ะ" มู่เวยเวยหัวเราะกับการกระทำของเขา
เย่ฉ่าวเฉินยกกระเป๋าของเธอไปวางที่หลังรถ
จากนั้นมู่เวยเวยก็พูดขึ้นว่า
"ว้าว เค้กพวกนี้คุณซื้อให้ฉันหรือคะ?" มู่เวยเวยถามด้วยความตื่นเต้น
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบกลับว่า "ผมไม่รู้ว่าคุณชอบรสไหน ผมเลยซื้อมาหมดเลย"
มู่เวยเวยค่อยๆเปิดกล่องเค้กออกอย่างดีอกดีใจ เหมือนเด็กที่แย่งขนมได้ "ชอบทั้งหมดเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ" พูดจบเธอก็ชิมเค้กไปคำหนึ่ง ความหอมหวานของเค้กทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
"ถ้าคุณชอบ ผมจะซื้อให้คุณทุกวันเลย"
"ไม่ต้องซื้อทุกวันก็ได้ค่ะ" มู่เวยเวยตอบกลับขณะที่เค้กยังเต็มปาก เธอพูดต่อว่า "ถ้าให้กินทุกวัน ฉันคงอ้วนตายแน่ๆ"
เย่ฉ่าวเฉินยื่นมือไปป้ายครีมที่ติดอยู่ที่ปากของเธอแล้วเอาเข้าปากเขา อื้มอร่อยจริงด้วยแหะ
"ไม่เป็นไรหรอก อ้วนนิดอ้วนหน่อยเวลากอดจะได้สบายๆ"
มู่เวยเวยโดนเขาจู่โจมแบบนั้นก็เขินหน้าแดง พลันตอบกลับว่า "ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ถ้าอ้วนแล้วจะใส่ชุดอะไรก็ไม่สวย อีกอย่างผู้หญิงต้องคอยปรามตัวเองบ้าง ไม่งั้นนะผู้ชายต้องเป็นคนปราม"
"ไปฟังจากที่ไหนมาเนี่ย" เย่ฉ่าวเฉินถามไปหัวเราะไป ในใจอยากจะบอกกับเธอว่า ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เปลี่ยนไปเป็นยังไง เขาก็ยังคงรักเธอ
"ในเน็ตเขาบอกแบบนั้นค่ะ" มู่เวยเวยตอบกลับ พลางตั้งใจกินเค้ก
ณ บ้านตระกูลเย่
พ่อบ้านหวังกับฉินหม่าต่างดีใจกับการกลับมาของฉู่เหยียน พวกเขาสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่า ตั้งแต่มีเธอเข้ามา ประธานเย่ก็เริ่มมีรอยยิ้มบ้าง ไม่เย็นชาเหมือนแต่ก่อน
"คุณฉู่คะ นี่เป็นซุปไก่ที่ฉันตุ๋นเองเลยนะคะ ฉันใส่ยาจีนลงไปตุ๋นด้วย คุณลองชิมดูนะคะ"
ฉินหม่าพูดขณะยกมาเสิร์ฟเธอ
มู่เวยเวยยิ้มให้เธอและรับมา เธอรักเข้าปากคำแรก ก็รับรู้ได้ถึงรสชาติของยาจีน แต่ไม่ขม "อร่อยมากค่ะ ขอบคุณฉินหม่ามากค่ะ"
ไม่ต้องเกรงใจค่ะ" ฉินหม่ายิ้มชอบอกชอบใจเดินกลับห้องครัวไป
มู่เวยเวยกินข้าวต่อแต่ตาก็เหลือบมองไปทางเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็พูดกับเขาว่า "เย่ฉ่าวเฉิน ถึงแม้ฉันจะมาอาศัยบ้านคุณอยู่ แต่ฉันก็อยากให้คุณสัญญากับฉันสักสามข้อ"
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว ถามกลับด้วยความสงสัยว่า "ไหนลองพูดมาซิ"
"คุณจะแค่ฟังฟังอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องรับปากกับฉันด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะกลับ" มู่เวยเวยพูดด้วยท่าทีจริงจัง
"โอเค ผมรับปาก" ขอแค่เธออยู่ต่อ จะให้เขาสัญญาอีกสักสิบข้อห้าข้อเขาก็จะทำ
มู่เวยเวยไม่คิดว่าเค้าจะรับปากเร็วขนาดนี้ เมื่อตั้งสติได้เธอก็เริ่มพูด "ข้อแรก ฉันมาอาศัยอยู่ที่บ้านคุณแค่ระยะสั้นๆเท่านั้น ถ้าวันไหนฉันเบื่อที่นี่แล้ว ฉันอยากจะไป คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน ข้อสอง เรื่องที่ฉันพักอยู่ที่นี่ คุณห้ามเอาไปบอกใคร เพราะฉันไม่อยากวุ่นวาย ข้อสี่ เอ่อ...ฉันขอไม่นอนห้องเดียวกับคุณ คุณต้องนอนห้องของคุณ ส่วนฉันก็จะนอนห้องของฉัน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...