เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นท่าทางดีใจของเธอ เขาก็มีความสุข "อีกสองวันก็วันหยุดแล้ว พวกเราไปเที่ยวทะเลตกปลากันไหม"
"ตกปลา?"
"ใช่ ปีก่อนผมซื้อพวกอุปกรณ์พวกนี้มา วางไว้ที่ท่าเรือนานแล้วยังไม่เคยได้ใช้เลย ถ้าอาทิตย์นี้อากาศดี พวกเราไปเที่ยวกัน"
"โอเคได้ค่ะ" มู่เวยเวยรับปาก เพราะตอนนี้เธอแค่ต้องทำให้เขาตายใจ ทำให้เขาหลงรักเธอหัวปักหัวปำ จากนั้นค่อยขโมยแผนที่หนีไป
หลังจากเย่ฉ่าวเฉินออกไปทำงาน มู่เวยเวยมองซ้ายมองขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครสนใจเธอเธอก็รีบเดินขึ้นไปชั้น 3
เมื่อถึงหน้าห้องเธอถึงได้รู้ว่าห้องถูกล็อค
มู่เวยเวยชะงัก นานทีจะมีโอกาสดีๆแบบนี้ แต่ทำไมประตูถึงล็อก
ไม่ได้ๆ เธอจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ไม่ได้
เธอหันหลังเดินลงมาข้างล่าง เห็นพ่อบ้านหวังกำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่ เขากล่าวคำทักทายเธอ " คุณฉู่สวัสดีครับ" จากนั้นเขาก็หันไปทำงานของตัวเองต่อ
ในหัวของพ่อบ้านหวังเฝ้าแต่คิดเรื่องที่เย่ฉ่าวเฉินพูดเมื่อเช้า เขาคิดที่จะปล่อยวางเรื่องมู่เวยเวยกับลูกแล้วจริงๆหรือ? หรือว่าเขาได้ยินข่าวอะไรมากันแน่ หรือว่าคุณหนูจะตายแล้ว?
"คุณอาหวังคะ ทำไมห้องสมุดล็อกหรือคะ?" มู่เวยเวยถามเขา ด้วยความระมัดระวัง "พอดีฉันอยากเข้าไปหาหนังสืออ่านสักหน่อยค่ะ"
พ่อบ้านหวังวางกรรไกรลงและหันมาตอบเธอว่า "อ่อพอดีเมื่อสองวันก่อนมีขโมยเข้าบ้าน ผมเลยล็อกห้องนั้นไว้ คุณฉู่รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเอากุญแจให้"
มู่เวยเวยเดินตามเขาไปอย่างงๆ คิดไม่ถึงว่ามันจะง่ายขนาดนี้
มู่เวยเวยยืนรออยู่หน้าบันไดไม่นาน พ่อบ้านหวังก็หยิบพวงกุญแจมาให้เธอ "นี่ครับคุณปู่กุญแจของห้องหนังสือ คุณใช้เสร็จแล้วค่อยเอามาคืนผมครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณอาหวัง" มู่เวยเวยรับกุญแจมา เตรียมจะเดินขึ้นบรรได แต่เธอก็หันมาถามพ่อบ้านหวังอีกครั้งว่า " คุณอาคะ คุณไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยหรือคะ?"
พ่อบ้านหวังตอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "มีอะไรไม่น่าไว้ใจล่ะครับ คุณชายกำชับกับผมว่า คุณอยากจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ ให้พวกผมเคารพคุณเหมือนที่เคารพคุณชายครับ"
มู่เวยเวยตกใจเล็กน้อย เย่ฉ่าวเฉินดีกับเธอขนาดนี้เลยหรือ?
แต่ช่างเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ ไปทำสิ่งที่ควรทำก่อนดีกว่า
เธอค่อยๆเปิดประตู มู่เวยเวยทำตามที่ฉู่เซวียนบอก เธอค่อยๆ เคาะรูปวาด ลองหยิบลองขยับของทุกๆ อย่าง
บนชั้นมีแจกันโบราณวางอยู่ เธอก็ค่อยยกมันขึ้น เธอลองขยับทุกอย่างแล้วแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ
เธอนึกขึ้นคำพูดที่ฉู่เซวียนบอกกับเธอได้อีกว่า ให้ลองดูบริเวณด้านบนด้วย
เธอปีนเก้าอี้ขึ้นไปดู และลองสัมผัสหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่ เพื่อจะสังเกตว่ามีอะไรไม่ปกติไหม
"《ประวัติศาสตร์โลก》เขาอ่านหนังสืออะไรของเขาเนี่ย" มู่เวยเวยมองดูหนังสือเล่มหนาเล่มที่วางอยู่ และเตรียมจะยื่นมือไปจับ ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เธอเขย่งตัวขึ้นให้สูงกว่เาเดิม และเห็นว่าด้านบนมีลวดลายเล็กๆสลักอยู่ เธอรู้สึกเอะใจ
จึงลองกดเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหลังภาพวาดภูเขา "ครืดๆ.." มู่เวยเวยก้มมองดูก็เห็นว่ามีกล่องไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกดันออกมา
มู่เวยเวยรีบลงจากเก้าอี้ และเข้าไปดูด้วยความตกใจ หรือว่าแผนที่จะอยู่ในนี้?
พระเจ้า ตอนนี้เธอหามันเจอแล้ว
มู่เวยเวยหยิบกล่องไม้นั้นขึ้นมาดู และไม่รู้ว่าจะเปิดมันออกอย่างไร โดยลักณะของกล่องไม้นั้น ไม่ได้ล็อกแต่เหมือนกับมีฝาแม่เหล็กปิดทับอยู่
เธอลองเขย่ามันดู และได้ยินเสียงจากข้างใน เธอมั่นใจว่าต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ
เธอควรอย่างไรต่อ?
มู่เวยเวยคิดสักครู่ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกล่องไม้ไว้ เธอไม่กล้าส่งให้ฉู่เซวียนทันที เพราะกลัวว่าเย่ฉ่าวเฉินจะอยู่ข้างๆ และเห็นเข้า เธอจึงส่งข้อความไปหาเขาก่อนว่า
"สะดวกคุยไหม?"
หลังจากส่งข้อความไป เธอก็เดินไปเดินมาด้วยความร้อนรน ขอแค่มั่นใจว่าข้างในเป็นแผนที่ เธอก็จะได้เจอลูกของเธอแล้ว และเธอก็สามารถไปจากเย่ฉ่าวเฉินได้สักที
สองนาทีผ่านไป ฉู่เซวียนก็ส่งข้อความกลับว่า
สะดวก มีอะไรหรือเปล่า?
มู่เวยเวยรีบกดส่งรูปภาพให้เขาดู พร้อมกับส่งข้อความไปบอกว่า ตอนนี้เธอเจอสวิตซ์เปิดมันแล้ว ข้างในเป็นกล่องแต่ไม่ได้ล็อก
ทางด้านของฉู่เซวียนที่กำลังเดินดูความคืบหน้าของโปรเจ็คกับเย่ฉ่าวเฉินอยู่นั้น เขาอยู่จังใจด้านหลังและทิ้งระยะห่างจากเย่ฉ่าวเฉินนิดหน่อย เพ่งมองดูรูปภาพที่เธอส่งให้อย่างละเอียด จากนั้นส่งข้อความตอบกลับเธอว่า กล่องนี้ต้องใช้ลายนิ้วมือเปิด ถ้าไม่มีลายนิ้วมือก็เปิดไม่ได้
มู่เวยเวยอึ้ง ต้องใช้ลายนิ้วมือ? ก็คงจะเป็นลายนิ้วมือของเย่ฉ่าวเฉินซินะ งานยากเลยทีนี้
มู่เวยเวยมองกล่องนั้น และใช้ความคิดอีกครั้ง จากนั้นส่งข้อความไปถ่ามฉู่เซวียนต่อว่า ใช้เลื่อยเลื่อยมันได้ไหม?
ฉู่เซวียนเห็นข้อความที่เธอส่งมา ก็คิดว่า ผู้หญิงคนนี้ป่าเถื่อนจริงๆ และตอบกลับเธอว่า
ไม่ได้ กล่องพวกนี้ออกแบบมาให้ทนต่อการทำลายจากภายนอก ถ้าสมมติว่าของข้างในมีสารที่เป็นปรอทอยู่ คุณใช้เลื่อยเลื่อยมัน ก็จะยิ่งมีแต่ทำให้ของข้างในพังเร็วขึ้น
มู่เวยเวยนั่งลงบนเก้าอี้อย่างท้อแท้ ใจคิดว่าอยากจะปากล่องลงให้แตกจริงๆ ตอนนี้เหมือนกับว่าโอกาสมันอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เธอคว้ามันมาไม่ได้
เย่ฉ่าวเฉินมองดูหน้าของฉู่เซวียนที่ดูยุ่งเหยิง พร้อมกับคิดว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่อยากให้เขารู้หรือเปล่า
มู่เวยเวยตอบกลับ แล้วจะทำอย่างไร?
คุณอย่าเพิ่งทำอะไร ขอผมไปถามผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ก่อนว่ามีวิธีเปิดกล่องนี่โดยไม่มีลายนิ้วมือไหม
คงทำได้แค่นี้ซินะ
มู่เวยเวยมองกล่องด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เธอลองวางนิ้วมือของเธอลง แต่กล่องก็ไม่ได้เปิดออกแต่อย่างใด
มู่เวยเวยทำได้แค่วางมันกลับไปไว้ที่เดิม จากนั้นค่อยๆเก็บหลักฐาน
ถึงแม้ว่าา
เธอจะผิดหวังเล็กน้อยที่เปิดกล่องไม่สำเร็จ แต่ถ้าคิดในแง่ดี เธอก็หาสวิตซ์เจอแล้ว แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
เมื่อเธอคิดได้ดังนั้น ก็สบายใจขึ้นมา ถ้าสุดท้ายแล้วเธอหาทางเปิดไม่ได้จริงๆ เธอคงจะเอาไปให้ชายหน้ากากเงินและให้เขาเป็นคนเปิดเอง
ที่ไซต์งาน
เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยถามตามมารยาทว่า "ประธานฉู่ มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า? เราจบงานเร็วกว่ากำหนดได้นะครับ"
"อ่อ ไม่มีอะไรครับ แค่เพื่อนผมเขาถามอะไรนิดหน่อย ตอนนี้คุยจบแล้ว" ฉู่เซวียนรีบกลับมาทำหน้าปกติ
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้ารรับทราบ
ในที่สุดวันยุ่งๆของเขาก็จบลง เมื่อเย่ฉ่าวเฉินกลับถึงบ้าน ก็เห็นมู่เวยเวยกำลังออกแบบเสื้อผ้าอยู่ วันนี้เธอคงอารมณณ์ดี
เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้เข้าไปกวนเธอ และเดินไปทางห้องหนังสือ
เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นของในห้องถูกเคลื่อนย้าย จากนั้นก็ยิ้มออกมา พลางคิดในใจว่า มู่เวยเวยไม่ควรไปทำเรื่องผิดกฎหมาย เพราะเธอน่าจะโดนจับเป็นคนแรก
เขาสังเกตเห็นว่า แจกันถูกขยับจากจุดเดิม 3 ซม. แถมข้างบนแจกันมีแต่รอยนิ้วมือของเธอ
และอีกอย่าง เขาชินกับการวางให้ปลายพู่กันหันขึ้นด้านบน แต่มีพู่กันอยู่อันหนึ่งที่วางต่างจากเพื่อน คงจะรีบๆใส่ไปไม่ได้ตั้งใจดูซินะ
อ่าใช่ รูปข้างบนกำแพงก็แขวนเอียงๆ ตอนเธอเดินออกไปไม่ได้สังเกตหรือ?
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหัวกับความเปิ่นของเธอ เขากดเปิดสวิตซ์ดูและพบว่ากล่องไม้ยังอยู่ที่เดิม
จากนั้นเขาก็เปิดคอมพ์ขึ้นมา พร้อมกับดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ในห้อง เห็นช่วงเวลาที่มู่เวยเวยเดินเข้ามาตั้งแต่ต้น
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคิดไว้จะไม่มีผิด ตอนกลางวันที่เห็นฉู่เซวียนตอบกลับข้อความและทำหน้าเคร่งเครียด คงน่าจะกำลังคุยกับมู่เวยเวยเรื่องจะเปิดกล่องนี้อย่างไร
เวยเวย ทำไมคุณไม่มาถามกับฉันเองนะ ขอแค่คุณถาม ผมก็พร้อมจะบอกคุณ ผมจะเป็นคนเปิดมันให้คุณเองอีกด้วย เย่ฉ่าวเฉินคิด
หลังจากชคืนที่ฉู่เซวียนแอบเข้ามาในห้องนี้ วันถัดมาเย่ฉ่าวเฉินก็รีบให้พ่อบ้านหวังติดกล้องวงจรปิด คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ใช้ประโยชน์เร็วขนาดนี้
ขณะกินข้าวเย็น มู่เวยเวยจ้องนิ้วของเย่ฉ่าวเฉิน พลางคิดในใจว่า เขาใช้นิ้วไหนเปิดกันนะ หรือว่าเธอจะหาโอกาสมอมเหล้าเขา จากนั้นก็ลองมันซะทุกนิ้วเลย?
แต่ก็คิดขึ้นได้อีกว่า เเธอคออ่อนขนาดนี้ ก่อนจะมอมเขาเสร็จ เธอคงสลบคาโต๊ะไปแล้ว
"คุณจ้องนิ้วผมทำไมหรือครับ? นิ้วผมสวยหรือ? เย่ฉ่าวเฉินจงใจถาม
มู่เวยเวยหัวเราะกลบเกลื่อน พร้อมกับพูดมั่วๆว่า "วันนี้ฉันดูข่าวบันเทิง แล้วเห็นผู้ชายคนหนึ่ง นิ้วเขาสวยมาก ฉันก็เลยลองสังเกตนิ้วของคุณดู ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ"
"จริงหรือ?" เย่ฉ่าวเฉินยกมือขึ้นมอง "คุณชมผมหรือเนี้ย?"
"แหะๆ" มู่เวยเวยขำแห้งๆ และก้มหน้าพร้อมกับไตร่ตรองต่อว่า จริงๆวิธีการมอมเหล้าเขาก็ไม่ได้แย่ ถึงเธอจะกินเหล้าไม่ชนะเขา แต่เธอวางยาเขาได้นี่นา นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอวางยาเขาซะหน่อย
ใช่ วิธีนี้แหละเวิร์ค คืนนี้เธอจะลองปรึกษากับฉู่เซวียนดู และให้เขาเตรียมยาให้เธอ
เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นตาเธอส่ายไปส่ายมา ก็รู้ว่าเธอกำลังคิดแผนการอะไรอยู่แน่ๆ แต่ว่าเขาก็ทำได้เพียงแสร้งไม่รู้ไม่เห็นและตามน้ำไป
เขาเห็นเธอตั้งใจคิดแผนการ ก็รู้สึกสนใจมาก
โชคดีที่เขารู้ตัวก่อนว่าเธอคือมู่เวยเวย ไม่งั้นเขาคงจะโดนผู้หญิงหลอกอีกแน่ๆ แต่ก่อนเขาโดนเฉียวซินโยหลอกจนเข็ด ตอนนี้เขาจะไม่ยอมโง่อีกแล้ว
"เย่ฉ่าวเฉิน คุณชอบนิ้วไหนมากที่สุดหรือคะ?"
"นิ้วกลาง" เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างเร็ว
"ทำไมหรือคะ"
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มด้วยสายตามีเลศนัยและตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "เพราะนิ้วกลาง ยาวที่สุด"
มู่เวยเวยไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังสื่อ พลางคิดในใจ ว่าแค่เพราะมันยาวที่สุดก็ชอบมันที่สุดหรือ จากนั้นก็หันไปมองหน้าเขา เห็นเขากำลังยิ้มชอบใจบ่งบอกได้ว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องดีอยู่แน่ เธอจึงเข้าใจเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อ คว้าแอปเปิ้ลโยนไปทางเขา "เฮ้ ฉันถามคุณจริงจังนะเนี่ย คุณนี่หมกมุ่นจริงๆ"
เย่ฉ่าวเฉินรับแอปเปิ้ลมา พร้อมกับหัวเราะชอบใจ "หมกมุ่นหรือ เปล่านะครับ ก็คุณไม่ถามให้ชัดเจนเองนี่ครับ ฮ่าๆ"
มู่เวยเวยจ้องเขาตาเขม็ง พร้อมกับพูดว่า "ที่ฉันถาม หมายถึง ถ้าเกิดคุณจะปลดล็อกโทรศัพท์ คุณจะเอานิ้วไหนตั้งรหัส หรือถ้าห้องของคุณใช้ระบบสแกนนิ้วเปิด คุณจะใช้นิ้วไหนเซ็ตรหัส แต่ดูคุณซิ พูดอะไรก็ไม่รู้"
"อ่อๆๆ แบบนี้นี่เอง คุณพูดไม่เคลียร์ผมก็ไม่รู้นี่ครับฮ่าๆ" จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และพูดว่า "นิ้วโป้งครับ โทรศัพท์ผมก็ใช้นิ้วโป้งปลดล็อก"
มู่เวยเวยแอบพอใจกับคำตอบที่ได้รับ และกินข้าวต่อ
"คุณถามทำไมหรือครับ?" เย่ฉ่าวเฉินถาม
"ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ถ้าสมมติว่ามีวันไหนคุณแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น ฉันจะได้รู้ว่าควรจะปลดล็อกโทรศัพท์คุณยังไง"
เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับเธอว่า "วางใจเถอะครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนเลย" ขณะที่เขาพูด ก็ได้เลื่อนโทรศัพท์ไปด้านหน้าเธอ และพูดกับเธอตอบว่า "นอกจากสแกนนิ้วมือแล้ว รหัสโทรศัพท์ของผมก็คือ 0428ครับ"
มู่เวยเวยถามกลับด้วยความสงสัยว่า "ทำไมต้อง 0428คะ"
"เป็นวันครบรอบแต่งงานของพวกเราครับ" เย่ฉ่าวเฉินตอบกลับ สายตาที่มองเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง พลางคิดในใจว่าเธอลืมวันนี้ไปแล้วซินะ
มู่เวยเวยชะงักไปครู่หนึ่ง นิน่าล่ะเลขพวกนี้ถึงฟังดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหน ที่แท้ก็อยู่ในทะเบียนสมรสของเธอ ดูเหมือนเย่ฉ่าวเฉินมักจะชอบหาวิธีตั้งรหัสแบบนี้ ตั้งรหัสยังไม่พอ เขายังใช้วิธีสแกนนิ้วอีก
เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอกำลังเหม่อ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ "เป็นอะไรไปครับ ไม่ดูแล้วหรือ? อันที่จริงผมอยากให้คุณค้นดูโทรศัพท์ผม ค้นดูให้หมดเลยว่าผมคุยกับใครบ้าง"
มู่เวยเวยดันโทรศัพท์คืนให้เขา และพูดต่อว่า "ฉันขี้เกียจจะค้น เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ต้องเชื่อใจกันและกัน สมมุติว่าถ้าวันหนึ่ง คุณชอบผู้หญิงกับคนอื่นขึ้นมาจริงๆ ตอนนั้นฉันคงไม่อยากอะไรกับคุณแล้ว ต่างคนต่างไปดีกว่า"
เยาฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสายตาจริงจัง และพูดว่า "มันจะไม่มีวันนั้นครับ"
มู่เวยเวยพยักไหล่ "หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"
แต่ภายในใจ เธอไม่เชื่อคำพูดเขาเลยสักนิด ตอนแต่งงานก็สมรู้ร่วมคิดกับเฉียวซินโย หลังที่แต่งงานแล้วยังพาฉู่เหยียนเข้าบ้าน เฮอะๆ ถ้าจะให้เชื่อคำพูดเขา ให้เชื่อว่าหมูปีนต้นไม้ได้จะดีซะกว่า อ่าแต่ว่าเขาอาจจะดีกับฉู่เหยียนจริงๆก็ได้เพราะเธอก็หน้าตาสวยใช่ย่อย
เย่ฉ่าวเฉินหมดแรง เหมือนเขาพูดไปก็ไม่ถูกไม่ควร
ในใจคิดอยากจะเปิดหน้ากากของเธอ พร้อมกับพูดออกไปว่า ที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
ตกดึก มู่เวยเวยแอบคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องและถามความคิดเห็นของฉู่เซวียน
ฉู่เซวียนฟังเธอเสนอวิธีที่ดูเหมือนจะโง่แต่ใช้ได้จริงเสร็จ ก็พูดกับเธอว่า "พรุ่งนี้คุณมาที่บริษัทเดี๋ยวผมจะเอายาให้"
"โอเคๆ" มู่เวยเวยตอบกลับ
หลังจากวางสาย มู่เวยเวย ก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง และยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
"ลูกจ๋า รอแม่ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ก็จะได้ไปหาหนูแล้ว"
มู่เวยเวยจุ๊บหน้าจอโทรศัพท์เบาๆ อย่างมีความสุข จากนั้นก็เริ่มคิดแผนการว่าจะเริ่มลงมือตอนไหน
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้น
มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะไปเปิดประตู
เวลานี้จะมีใครมายืนหน้าห้องเธอได้ นอกจาก เย่ฉ่าวเฉิน
"มีอะไรคะคุณชายเย่" มู่เวยเวยถามด้วยท่าทีทะเล้น
"ผมนอนไม่หลับ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?" เย่ฉ่าวเฉินถาม
มู่เวยเวยฟาดเขาไปหนึ่งที และจิ้มลงไปที่ตรงอกเขาพร้อมก้บตอบว่า "ดึกขนาดนี้แล้ว ผู้ชายโสดกับผู้หญิงสวยอยู่ด้วยกันสองต่อสองเพื่อคุยกันเฉยๆ? คุณหลอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ"
เย่ฉ่าวเฉินจับนิ้วของเธอ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มว่า "ถ้าไม่คุยกัน งั้นผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง"
จากนั้นเขาก็ดึงมู่เวยเวยไป "ไปไหนคะเนี้ย" มู่เวยเวยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...