เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆปล่อยอ้อมแขนออกจากเธอ หลังจากนั้นมู่เวยเวยก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเปิดก๊อกน้ำแล้วครุ่นคิดสักสองนาทีก็เดินกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินดูหายใจติดๆขัดๆ ท่าทางกำลังหลับลึก
มู่เวยเวยเริ่มไม่แน่ใจ ตบหน้าเรียกชื่อเขาสองสามที " เย่ฉ่าวเฉิน เย่ฉ่าวเฉิน "
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
เขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?
ยาออกฤทธิ์เร็วกว่าที่คิด งั้นดีเลย ต้องรีบลงมือแล้ว
เดินขึ้นไปที่ชั้นสาม ประตูห้องสมุดไม่ได้ล็อค
นี่ไงหาส่วนสำคัญเจอแล้ว เธอยื่นมือไปหยิบเอากล่องไม้เล็กๆ บนตึกนี้แทบไม่มีใครสักคนแต่หัวใจของมู่เวยเวยเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมา
เธอกอดกล่องไม้เล็กๆนั้นไว้ที่อ้อมแขนค่อยๆเดินเข้ามาในห้องของเย่ฉ่าวเฉินอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าเขากำลังหลับสนิทอยู่
มู่เวยเวยนั่งลงบนเตียงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับเอามือทาบกลางอกเพื่อระงับอาการตื่นเต้น เธอเอื้อมมือไปจับนิ้วโป้งด้านขวาของเขาสแกนลงบนแผ่นชิป
นิ่งสนิท ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
คนเราไม่ใช่ถนัดใช้มือขวากันหรอกเหรอ? หรือว่าเขาจะถนัดมือซ้าย?
เธอเปลี่ยนไปจับมือซ้ายของเย่ฉ่าวเฉินแทนแล้วจับสแกนลงอย่างระมัดระวัง หากครั้งนี้ไม่ได้ผลล่ะก็ ......
พูดในใจยังไม่ทันจบแผ่นชิปก็สว่างขึ้น พอเห็นอย่างนี้มู่เวยเวยตื่นเต้นจนแทบจะหยุดหายใจ ตาจ้องมองกล่องไม้เล็กๆนั้นอย่างไม่กระพริบ
" ติ๊ด ติ๊ด "
เสียงติ๊ดสองครั้งฝากล่องไม้นั้นก็เปิดออก
หลังจากที่กล่องเปิดออก มู่เวยเวยดีใจจนอยากจะตะโกนดังๆอย่างมีความสุข กลั้นหายใจค่อยๆเปิดกล่อง
ทันใดที่เปิดดูกล่อง มู่เวยเวยจากสีหน้าที่ดีใจกลับกลายเป็นสีหน้าที่สุดอึ้ง
นี่มันอะไรกัน? ไหนล่ะแผนที่ขุมทรัพย์?
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของมู่เวยเวยกลับกลายเป็นไพลินเม็ดใหญ่ที่มีแสงแวววาว
เป็นไพลินได้อย่างไร?
มู่เวยเวยยังไม่ละความพยายามค้นหา เธอเอาไพลินเม็ดใหญ่ออกมาจากกล่อง เคาะกล่องแต่ก็ไม่มีอะไรหลุดออกมา
เธอผิดหวังและเสียใจ เธอนั่งลงข้างเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก แทบจะพูดไม่ออก
ใช่แล้ว เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยบอกว่ามีแผนที่ขุมทรัพย์อยู่ในบ้านของเขา เธอเพียงเดาจากปฏิกิริยาของเขาเท่านั้นและฉู่เซวียนก็บังเอิญค้นพบจุดสำคัญนี้ เธอจึงเชื่ออย่างแน่วแน่ว่ามันมีแผนที่ขุมทรัพย์ในบ้านของเขา เธอช่างเชื่ออะไรโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงเลย
เธอคิดว่าหลังจากวันนี้เธอจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยตลอดไป แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องตลกน่าขำขัน
นั่งงุนงงอยู่สักพักมู่เวยเวยก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วกดโทรออกไปยังหมายเลขของฉู่เซวียน
" ฮัลโหล " เสียงตอบรับอันสดใสของฉู่เซวียน
ลำคอฝืดเคืองเวลานี้มู่เวยเวยไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง
" อาเหยียน? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? "
มู่เวยเวยพยายามเค้นเสียงพูดออกมา " ฉู่เซวียน ฉันเอากล่องไม้นั้นมาเปิดแล้ว "
เมื่อฉู่เซวียนได้ยินน้ำเสียงของเธอก็พอจะเดาออกว่าต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา "ในกล่องไม่ใช่สิ่งที่ต้องการหรือ"
"ใช่ " มู่เวยเวยพูดเบา ๆ พร้อมกกับน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาอาบแก้ม
“ ข้างในคืออะไร” เขาถาม
" ไพลินเม็ดใหญ่ "
ฉู่เซวียนเงียบไปพักหนึ่ง " ถ่ายรูปมาให้ฉันดู "
" โอเค " มู่เวยเวยใช้มือเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
ฉู่เซวียนดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องไห้เงียบๆของเธอจึงพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน " อาเหยียน ไม่เป็นไรนะ พวกเราต้องหามันเจอสิ ช่วยกันหาต่อไปนะ "
" โอเค ฉันวางสายแล้วนะ " เธอรีบวางสาย กลั้นน้ำตาที่เหลืออยู่เก็บไว้ในใจไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้
พอถ่ายรูปส่งไปให้ฉู่เซวียนเสร็จหลังจากนั้นเธอก็เก็บไพลินเข้าไปในกล่อง แล้วหันไปจ้องมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยโกรธเกรี้ยวพร้อมกับกำหมัดทุบลงบนหน้าอกเขาหลายครั้ง
" ไอ้คนเลว ไอ้ระยำ สรุปนายเอาของนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน ที่จริงพรุ่งนี้ฉันก็จะได้ออกไปที่นี่แล้ว เฮงซวย!! "
มู่เวยเวยทั้งด่าไปทุบตีไป จนพอใจก็หันไปหยิบกล่องไม้นั้นแล้วออกจากห้องไป
ได้ยินเสียงปิดประตู "ปั้ง" เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเอามือลูบหน้าอกที่เพิ่งจะโดนทุบไปมะกี้ เธอนี่ก็หมัดหนักไม่เบาเลยนะ เกือบจะตื่นขึ้นมาไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่ฉู่เซวียนแอบเข้าไปในห้องสมุด เย่ฉ่าวเฉินไม่เพียงแต่ให้พ่อบ้านหวังไปหากล้องรูเข็มมาติดตั้ง แต่ยังเก็บเอาแผนที่ขุมทรัพย์ใส่ลงไปในกระเป๋าด้วยแล้วเอาไพลินเม็ดใหญ่ที่หายากมากใส่ลงไปในกล่องแทน ไม่งั้นถ้าวันนี้มู่เวยเวยหาแผนที่ขุมทรัพย์เจอแล้วพรุ่งนี้ก็ถือโอกาสหนีจากที่นี้ เขาจะไปตามหาเธอที่ไหน
แค่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากแล้ว
ขอโทษนะมู่เวยเวย ครั้งนี้ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้จริงๆ
มู่เวยเวยเอากล่องไม้นั้นเก็บกลับไปที่ห้องสมุดแล้วก็เดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง เธอไม่อยากเจอไอ้บ้านั้น กลัวว่าจะโมโหไปมากกว่านี้
มู่เวยเวยนอนลงบนเตียงอย่างอ่อนแรงราวกับว่าเธอเพิ่งกระโดดลงมาจากจุดสูงสุดโดยไม่มีอะไรมารองรับ
บรรยากาศเงียบงันถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์และมีเพียงฉู่เซวียนเท่านั้นที่จะโทรหาเธอในเวลานี้
" มีอะไรเหรอ " มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย
" เธอโอเคใช่ไหม "
" ฉันโอเค พูดมาเลย " มู่เวยเวยมองไปที่เพดานด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์ ความรู้สึก
" ฉันเห็นรูปถ่ายที่เธอเพิ่งส่งมาแล้ว ถ้าฉันจำไม่ผิดไพลินเม็ดนั้นมันมีค่ามาก ครั้งหนึ่งเคยฝังอยู่บนคทาของฟาโรห์แห่งอียิปต์มันถูกเรียกว่าดวงตาของท้องฟ้า และมีมูลค่าหลายสิบล้าน ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เย่ฉ่าวเฉินจะนำมันไปซ่อนไว้ในที่ลับๆ "
" แพงแค่ไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ " มู่เวยเวยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ฉู่เซวียนถึงกับเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อ "อาเหยียน เธอยังมีเวลา อย่าเพิ่งท้อใจไป"
" ฉันไม่ท้อใจอย่างแน่นอน ฉันยังต้องช่วยลูกของฉัน ขอบใจนายนะฉู่เซวียน "
" ไม่เป็นไร เธอรีบนอนเถอะ ฝันดีนะ "
หลังจากที่วางสายไป มู่เวยเวยก็พูดกับตัวเอง มีเวลาแค่ครึ่งปีตอนนี้ผ่านไปแล้วสามเดือนเหลือเวลาอีกสามเดือนเท่านั้น ตอนนี้อะไรก็ยังหาไม่เจอ เธอต้องคิดหาวิธีดีๆแล้ว
ในเวลาตอนเช้ามู่เวยเวยยืดเส้นยืดสายอยู่ด้านนอกบ้าน เย่ฉ่าวเฉินเดินออกมาทักทายเธอ "สวัสดีตอนเช้า"
เธอยิ้มตอบเขาด้วยรอยยิ้มอันสดใส แทบไม่เห็นความมัวหมองจากเรื่องของเมื่อวาน
เย่ฉ่าวเฉินเอามือลูบไปที่หน้าอกของตัวเองแล้วร้อง "โอ้ย" ออกมา
" เมื่อคืนพวกเราไม่ใช่กำลังดื่มเหล้าอยู่เหรอ? แล้วผมก็เมา? เย่ฉ่าวเฉินแสร้งทำเป็นจำอะไรไม่ได้
"ใช่ค่ะ คุณพูดว่าทำงานเหนื่อยเกินไป แถมมีแต่เรื่องปวดหัว กินไปสองแก้วก็เมาแล้วค่ะ" มู่เวยเวยทำเป็นตามน้ำตามเนื้อไปด้วย
" อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ว่าทำไมหน้าอกผมถึงเจ็บขนาดนี้"
" เมื่อคืนฉันพยุงคุณ แต่พยุงไม่ไหวเลยไปชนกับโต๊ะรับแขกค่ะ "
เย่ฉ่าวเฉินพูดไปเอามือลูบหน้าอกไป " ผมว่าล่ะทำไมตื่นขึ้นมาถึงเจ็บหน้าอก นึกว่าเมื่อคืนคุณมาทุบตีผมซะอีก"
" ฉันจะไปทุบตีคุณทำไม " มู่เวยเวยหลีกเลี่ยงที่จะเงยสบตาเขา
" ฮ่าๆ ใช่ไง ผมก็แค่เดาเล่น " เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
มู่เวยเวยไม่อยากสนทนาเรื่องนี้ต่อ จึงเปลี่ยนไปสนทนาเรื่องอื่นแทน " พรุ่งนี้ไปล่องเรือ ต้องให้ฉันเตรียมอะไรไหมคะ"
" สำหรับคุณแค่ทาครีมกันแดดดีๆก็พอ อย่างอื่นไม่มีอะไรต้องกังวล "
" งั้นก็ดีเลยค่ะ " มู่เวยเวยยืดเอวบิดขี้เกียจแล้วหันไปพูดกับเขา " ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ "
เย่ฉ่าวเฉินเดินตามเธอไปที่ห้องอาหาร เมื่อคืนเธอน่าจะโกรธมากทุบตีจนหน้าอกฟกช้ำเป็นจ้ำๆ ผู้หญิงอะไรหมัดหนักชะมัด
เธอก็เชื่อในฤทธิ์ของยานั้นเกินไปโดยไม่กลัวว่าเขาจะรู้สึกตัวขึ้นมา
มู่เวยเวยมาหาฉู่เซวียนที่บริษัท พอเหมาะพอดีที่ฉู่เซวียนงานไม่ยุ่ง
" ฉู่เซวียน ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ "
ฉู่เซวียนเลิกคิ้วถาม " เรื่องอะไรเหรอ พูดมาดิ "
" นายไม่ใช่รู้จักกับชายหน้ากากสีเงินเหรอ ช่วยฉันไปพูดกับเขาหน่อยดิว่าสามารถเอาไพลินสิบล้านเม็ดนั้นของเย่ฉ่าวเฉินไปแลกกับลูกชายของฉันไดไหม "
ฉู่เซวียนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนส่ายหัว " ขอโทษนะเรื่องนี้ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ ฉันสามารถอำนวยความสะดวกให้เธอได้ แต่จะไม่เข้าไปร่วมด้วยเด็ดขาด จริงๆเธอสามารถลองไปคุยกับเขาด้วยตัวเองได้นะ "
มู่เวยเวยถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังลงไปที่พนักพิงเก้าอี้ " ช่างมันเถอะ พูดไปเขาก็ไม่ตอบตกลงอยู่ดี และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาเป็นคนละโมบโลภมาก อยากได้ทั้งไพลินทั้งแผนที่ขุมทรัพย์ ถึงเวลานั้นฉันจะซวยเอา "
ฉู่เซวียนครุ่นคิดตาม จากที่เขารู้จักกับชายคนนั้นเรื่องแบบนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดขึ้นสูงมาก
มู่เวยเวยกลัดกลุ้มใจ มันจะมีวิธีไหนที่สามารถไปเอาแผนที่ขุมทรัพย์มาจากเย่ฉ่าวเฉินได้?
วิธีไหนเหรอ?
มันต้องมีสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...