เรือยอชต์ถูกคลื่นทะเลซัดไปมาทำให้มู่เวยเวยยืนตรงตัวไม่อยู่จึงต้องเอามือไปจับไว้ที่เบาะนั่งของเย่ฉ่าวเฉิน
ทันทีที่พวกเขาถึงท่าเรือฝนเม็ดใหญ่ก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนในรถด้วยสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ระหว่างที่หลบฝนอยู่ในรถเย่ฉ่าวเฉินได้เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้มู่เวยเวย
" เดียวฉันเช็ดเองค่ะ มีอีกผืนไหมคะ คุณก็เปียกอยู่เหมือนกันเช็ดให้ตัวเองด้วยสิคะ" มู่เวยเวยหยิบเอาผ้าขนหนูในมือของเขามาเช็ดที่ใบหน้าและลำคอ เย่ฉ่าวเฉินเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่อยู่เบาะหลังมาเช็ดให้ตัวเอง
" ตอนนี้ฝนกำลังตกหนักมาก รอสักพักค่อยกลับนะ "
"ฝนมันจะหยุดตกไหม " ฝนที่ตกลงมาอย่างกับฟ้าถล่มทำให้มู่เวยเวยรู้สึกไม่เชื่อว่าฝนจะหยุดตก
เย่ฉ่าวเฉินหันไปพูดกับเธอ " ไม่ต้องกังวล ฝนถดูร้อนตกแป๊บเดียวก็หยุด "
บทสนทนาของทั้งคู่รู้สึกจะน่าเบื่อเกินไปมู่เวยเวยจึงยื่นมือไปกดเปิดวิทยุ ซึ่งกำลังออกอากาศข่าวเรื่องฝนตกหนักในเมือง A ที่ในเวลานี้การจราจรแทบจะเป็นอัมพาตและทั่วทุกที่ถูกน้ำท่วมเป็นทะเลแล้ว
" ดูเหมือนว่าที่พวกเราไม่รีบกลับจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง " มู่เวยเวยยิ้มอ่อน
" ถูกต้อง ถ้ารีบกลับก็คงไปปเจอสภาพน้ำท่วมแบบในข่าว "
โทรศัพท์ของเย่ฉ่าวเฉินดังขึ้น ดูสายเรียกเข้าผู้ที่โทรมาคือเลขาหลิว
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าไม่มีเรื่องธุระสำคัญเลขาหลิวจะไม่ติดต่อเย่ฉ่าวเฉินในเวลาแบบนี้เด็ดขาด
" ฮัลโหลเลขาหลิว มีเรื่องอะไรหรือเปล่า "
เลขาหลิวพูดด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อน " เกิดเรื่องแล้วค่ะประธานเย่ รีบดูข่าวบันเทิงตอนนี้เลยค่ะ พรีเซนเตอร์ของพวกเรากำลังเป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้ค่ะ "
" คุณหมายถึงพรีเซนเตอร์เสื้อผ้าผู้หญิงของบริษัทเราใช่ไหม " เย่ฉ่าวเฉินมึนงง
" ใช่ค่ะ ตอนนี้กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ว่าเธอทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น โดนเมียหลวงจับได้คาเตียงเลยค่ะ "
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแน่น " เดียวผมรีบดูข่าวแล้วจะโทรกลับทีหลังและบอกฝ่ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยอย่าเพิ่งพูดอะไรบนอินเทอร์เน็ตจนกว่าจะจัดการเรื่องเสร็จ "
" รับทราบค่ะประธานเย่ "
หลังจากที่วางสายมู่เวยเวยถามเขาด้วยความงงงัน " เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ "
" มีเรื่องเกิดขึ้นกับบริษัท พรีเซนเตอร์ที่บริษัทจ้างอยู่ถูกจับได้คาเตียงว่าเป็นชู้กับสามีคนอื่น ไม่เข้าใจจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่"เย่ฉ่าวเฉินเสิร์ชหาข่าวไปด้วยพูดไปด้วย
มู่เวยเวยจำพรีเซนเตอร์ที่เขากำลังพูดถึงได้ เธอเป็นดาราหญิงที่เพิ่งโด่งดังเมื่อสองปีมานี้ หน้าตาน่ารักสวยแบบใสๆ
" พรีเซนเตอร์ที่คุณกำลังพูดถึง เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอคะ "มู่เวยเเวยจำข่าวกอสซิปเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาได้
" ถ้าเป็นเรื่องระหว่างเขากับแฟนของเขาจะมีอะไรคุ้มค่าสำหรับนักข่าวสายบันเทิง แต่นี่โดนจับได้เพราะไปเป็นชู้กับสามีคนอื่น "
มู่เวยเวยคิดในใจวงการบันเทิงมันมั่วขนาดนี้เลยเหรอ?
รีบจัดการเรื่องนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะเสียหายไปมากกว่านี้
เย่ฉ่าวเฉินโทรหาเลขาหลิว " รีบประกาศให้สาขาใหญ่ในแต่ละเมืองทั่วประเทศปลดภาพโปสเตอร์ต่างๆที่เกี่ยวกับพรีเซนเตอร์คนนี้ออกให้หมด และแจ้งฝ่ายโฆษณารีบหาพรีเซนเตอร์คนใหม่มาแทนแต่ครั้งนี้ต้องสืบประวัติพฤติกรรมต่างๆอย่างละเอียด สุดท้ายให้ทนายส่งจดหมายบอกกล่าวไปให้ผู้จัดการของเธอ ยกเลิกการว่าจ้างทั้งหมดและเรียกร้องให้เธอมารับผิดชอบต่อความเสียหายนี้"
ตอนที่เซ็นสัญญามีเงื่อนไขข้อหนึ่งก็คือในระหว่างที่เป็นพรีเซนเตอร์อยู่นั้นห้ามมีข่าวฉาว มิเช่นนั้นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายต่างๆทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ใช้กฎข้อนี้
" รับทราบค่ะท่านประธาน ดิฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ "
หลังจากสั่งการทุกอย่างแล้วเย่ฉ่าวเฉินก็เอนหลังพิงเบาะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเกลียดผู้หญิงแบบนี้ที่สุด ผู้หญิงประเภทที่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ถ้าตอนนั้นแม่ของเขา.......วัยเด็กของเขาอาจจะมีความสุขมากกว่านี้
เมื่อเห็นว่าฝนตกปรอยๆแล้ว เขาจึงสตาร์ทรถเดินทางกลับคฤหาสน์
หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แห่งการหมักหมมเรื่องอื้อฉาวของพรีเซนเตอร์สาวก็ร้อนแรงขึ้น จากนักแสดงหญิงที่โด่งดังก็กลายเป็นดับสนิทในชั่วข้ามคืน แม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะจัดการปัญหาได้เร็วที่สุดแต่ผลกระทบก็ยังมีมาก เดิมทีวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการขาย แต่วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ยอดขายเสื้อผ้าสตรีของเย่ฮวางกลับน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายภายในสัปดาห์
การประชุมในเช้าวันจันทร์
เย่ฉ่าวเฉินมองดูพรีเซนเตอร์คนใหม่ที่ฝ่ายโฆษณาจัดหามาให้เลือกบนหน้าจอโปรเจคเตอร์ แต่ละคนดูไม่เลวเลย
"ลองไปติดต่อแต่ละคนและดูว่าพวกเขามีเงื่อนไขอะไรบ้าง"เย่ฉ่าวเฉินโยนเอกสารลงบนโต๊ะ
" ประธานเย่ พรีเซนเตอร์ของเย่ฮวางที่พวกเราไปเลือกหามาล้วนเป็นดาราหญิงแถวหน้าของวงการ เมื่อวานพวกเราได้ลองไปติดต่อพูดคุยไว้แล้ว รอแค่ท่านประธานเลือกมาหนึ่งคน เงื่อนไขต่างๆค่อยข้างพูดคุยง่าย "หัวหน้าฝ่ายโฆษณากล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ฉ่าวเฉินจึงหยิบเอกสารข้อมูลขึ้นมาอ่านอีกครั้งและถามผู้บริหารระดับสูงทุกคนว่า " พวกคุณคิดว่ายังไง "
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ต่างพูดเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมา แต่เป็นความคิดเห็นที่ไม่ค่อยน่าเห็นด้วย อย่างไรก็ตามความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และพรีเซนเตอร์ที่เลือกมาแต่ละคนก็ดูไม่แตกต่างกันมาก
ช่วงเวลาที่ยากจะตัดสินใจ
ทันใดนั้นเย่ฉ่าวเฉินก็นึกถึงมู่เวยเวย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเธอ
ภายในห้องประชุมเงียบสงบลงทันที ช่างอยากรู้จริงๆในเวลาที่สำคัญแบบนี้ประธานเย่เขาโทรหาใคร
มู่เวยเวยที่กำลังยุ่งกับการจัดเตรียมทำธุรกิจเดิม เป็นงานออกแบบเสื้อผ้า เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงหยิบขึ้นมารับสาย
" ฮัลโหล "
" อาเหยียน " เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมาสองคำก็ทำเอาคนภายในห้องชุมต่างอมยิ้มเบาๆและมองหน้ากัน ก้มหน้าแอบฟังอย่างเงียบๆ
" มีเรื่องอะไรหรือเปล่า "
" ผมจะพูดชื่อดาราหญิงแต่ละคนออกมา ถ้าคุณชอบคนไหนให้บอกผมนะ "
" อะไรอ่ะ ฉันชอบดาราผู้ชาย ไม่ค่อยสนใจดาราหญิงเท่าไหร่ " มู่เวยเวยหัวเราะคิกคัก
"ไม่เป็นไร เลือกมาสักคนที่คิดว่าชอบที่สุด" เย่ฉ่าวเฉินเริ่มเปิดเอกสารอ่านชื่อของดาราแต่ละคนออกมาจนครบทุกคน "ที่ผมพูดมาคุณชอบคนไหนมากที่สุด"
มู่เวยเวยวางดินสอในมือคิดพิจารณาสักพัก ก่อนพูดชื่อดาราคนที่ชอบที่สุดออกมา
"โอเค ดีมาก"
"เดียวก่อน คุณจะถามไปทำไม" มู่เวยเวยรู้สึกงงงัน
"ผมกำลังเลือกพรีเซนเตอร์คนใหม่"
มู่เวยเวยตะลึงงันและพูดอย่างรีบร้อน " ฉันพูดมั่วๆอ่ะ อันนี้เรื่องใหญ่คุณต้องพิจารณาให้ดี ไม่ใช่มาสุ่มถามฉันแบบนี้"
"คุณเลือกดีมาก"
มู่เวยเวยพูดไม่ออกปล่อยให้เขาทำอะไรก็ได้ที่เขาชอบ อย่างไรก็ตามบริษัทก็เป็นของเขาเอง
หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินยื่นเอกสารให้หัวหน้าฝ่ายโฆษณา เอาคนนี้แหละ รีบไปจัดการเซ็นสัญญาให้เรียบร้อย
หัวหน้าฝ่ายโฆษณาคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เขาลังเลตั้งนาน จะให้คนในโทรศัพท์ตัดสินใจเลือก แถมไม่ใช่คนภายใในบริษัท
เย่ฉ่าวเฉินกวาดสายตามองทุกคนที่ต่างก็ใช้สายตาแปลกๆ มองมายังเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ใครมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม"
"ไม่มีครับ ไม่มีค่ะ " ทุกคนในห้องประชุมส่ายหัว
"ถ้าไม่มีก็เลิกประชุมได้" เย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็เดินออกจากห้องประชุม
ผู้บริหารระดับสูงต่างมองหน้ากันอย่างดีใจ
"คนที่ชื่ออาเหยียน ใช่คุณฉู่เหยียนที่อยู่บริษัทMKหรือเปล่า"
"ต้องใช่แน่นอน ช่วงนี้ผู้หญิงที่ใกล้ชิดประธานเย่นอกจากเธอก็ไม่มีใครแล้ว"
"โอ้พระเจ้า ประธานเย่ของพวกเราที่มีเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมา ก็มีวันที่เชื่อฟังคำพูดวันผู้หญิงด้วย"
พวกเขาพูดคุยกันไปหัวเราะกันไป แล้วกลับไปนั่งที่ทำงานของตัวเอง
การทำงานในวันจันทร์มักจะงานยุ่งเสมอ แต่ในเวลานี้ยังมีคนมาทำให้มันยุ่งยากเข้าไปอีก
ในช่วงบ่ายเย่ฉ่าวเฉินกำลังดูรายงานปริมาณการขายที่ส่งมา อยู่ๆก็มีเสียงดังวุ่นวายด้านนอกดังเข้ามาถึงในห้องทำงาน หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีประตูก็ถูกผลักออก ทันใดนั้นผู้หญิงที่แต่งตัวห่อหุ้มมิดชิดพร้อมกับสวมแว่นกันแดดสีดำก็เดินเข้ามาในห้อง โดยมีเลขาหลิวเดินตามหลังด้วยสีหน้ากังวล
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชา เลขาหลิวรีบอธิบาย "ประธานเย่คะ คุณจ้าวเธอ ......"
ผู้ที่บุกเข้ามาถอดแว่นออกเผยให้เห็นตาที่บวมแดง พูดไปน้ำตาไหลไป "ประธานเย่คะ เรื่องนี้คุณปล่อยฉันไปได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทของคุณได้จริงๆค่ะ"
พรีเซนเตอร์ที่เพิ่งโดนปลด เธอได้รับจดหมายบอกกล่าวที่ทนายส่งไปให้แล้ว เธอแทบมึนงงสับสน เงินที่เธอหามาได้ใช้เล่นไปจนหมดแล้ว จะเอาเงินก้อนใหญ่ที่ไหนมาชดใช้ให้เย่ฮวาง?ไม่มีทางเลือกไหนแล้ว ทำได้เพียงหลบพวกปาปารัสซี่มาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเย่ฉ่าวเฉิน
" ประธานเย่คะ ฉันขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ "
"เลขาหลิวคุณออกไปก่อน เดียวผมขอคุยกับคุณจ้าวสักนิดหนึ่ง"
เย่ฉ่าวเฉินนั่งกอดอกแล้วใช้สายตาเย็นชามองไปยังบางคนที่กำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย ผ่านไปสักพักเขาเริ่มพูดในเชิงที่เป็นทางการ " คุณจ้าว ตอนที่เซ็นสัญญาผมพูดเงื่อนไขต่างๆชัดเจนแล้วนะ ตอนนี้คุณมีข่าวฉาวออกมาได้สร้างความเสียหายต่อบริษัทผมเป็นอย่างมาก การที่ให้คุณชดใช้ความเสียหายนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้วนี่ครับ "
"ฉันทราบค่ะเรื่องนี้เป็นความผิดของฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน ชดใช้ให้ไม่ไหวค่ะ"
"คุณจ้าว คุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้วดังนั้นคุณควรรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ ถ้าให้พูดอีกคุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะให้ผมไม่เอาเรื่องคุณ ผมไม่สามารถหาเหตุผลใดๆได้"
อดีตพรีเซนเตอร์สาวค่อยๆเดินไปอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมปล่อยโฮออกมา" ประธานเย่คะ ฉันขอล่ะ อย่างเอาเรื่องฉันเลยนะคะ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ "
เย่ฉ่าวเฉินเริ่มรู้สึกขยะแขยงเธอ " คุณจ้าว ผมมองไม่เห็นคุณค่าอะไรในตัวคุณ"
"เอ่อ......คือฉัน" อดีตพรีเซนเตอร์สาวกัดปากตัวเองแน่นพร้อมกับแสดงสีหน้าไร้เดียงสาน่าสงสารมองไปที่เขา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล " ประธานเย่คะ ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็......คุณสามารถเรียกใช้งานฉันได้ตลอดเวลาเลยนะคะ"
เรียกใช้งานได้ตลอดเวลา?
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะ " คุณจ้าว คุณนี่ก็หลงตัวเองเกินไปแล้ว ผู้หญิงที่อยากขึ้นเตียงของผมมีนับไม่ถ้วน คุณคิดว่าผมจะชอบคุณงั้นเหรอ "
อดีตพรีเซนเตอร์รู้สึกอับอายจนหน้าแดง แต่เธอก็ยังพอทนได้อยู่
"ผมพูดทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว เชิญคุณกลับไปเถอะ" เย่ฉ่าวเฉินพูดน้ำเสียงเย็นชา
นึกไม่ถึงว่าเธอจะคุกเข่าลงอ้อนวอนต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉิน "ประธานเย่คะ ฉันพูดในสิ่งที่ผิดและฉันขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันหมดหวังแล้วจริงๆค่าเสียหายที่ต้องชดใช้หลายล้านบาทฉันไม่มีปัญญาหามาชดใช้ให้คุณได้ทันที ให้เวลาฉันอีกสักนิดได้ไหมคะ รอฉันมีงานละครเมื่อไหร่ จะรีบนำมาชดใช้ให้คุณได้ไหมคะ?"
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกไม่แยแส "คุณจ้าว ตามที่ผมได้ยินมาในแต่ละปีคุณรับงานละครและเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ต่างๆมากมาย รายได้ในแต่ละปีอย่างน้อยก็ต้องเจ็ดหลัก เงินจำนวนยี่สิบล้านบาทแน่ใจเหรอว่าคุณจะไม่มี"
"ถึงฉันจะหาเงินมาได้เยอะ แต่ฉันก็ใช้มันไปหมดแล้ว ซื้อพวกเสื้อผ้าแบรนด์เนมและเครื่องเพชรหมดแล้ว"
"งั้นก็เอาเสื้อผ้าแบรนด์เนมและเครื่องเพชรไปขายแล้วมาชดใช้หนี้"
เธอจะทำใจขายของรักของหวงของเธอได้อย่างไร แต่ถึงขายก็ไม่พอใช้หนี้อยู่ดี
กำลังจะพูดต่อตรงหน้าประตูก็มีเสียงดังโวยวายขึ้น พอประตูถูกผลักออกก็ชัดเจนว่าเป็นเสียงของมู่เวยเวย "เขาทำอะไรอยู่ข้างใน ทำไมฉันเข้าไปไม่ได้"
มู่เวยเวยมองไปก็ต้องตกตะลึง มีผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเขาและผู้หญิงคนนั้นคือดาราสาวที่กำลังมีข่าวฉาวอยู่ตอนนี้
ร่างของเธออยู่หลังโต๊ะทำงานและมองไม่ชัดว่าทั้งสองคนกำลังคุยกันหรือกำลังทำอะไรอยู่
"อ๋อ ที่ไม่อยากให้ฉันเข้ามาก็เพราะแบบนี้นี่เอง"มู่เวยเวยยืนอยู่ตรงหน้าประตูมองมายังเย่ฉ่าวเฉิน
เยฉ่าวเฉินรู้สึกไม่สะดวกที่จะพูดต่อจึงเดินไปหาเธอ "คุณมาได้ยังไง"
มู่เวยเวยมองดูเสื้อผ้ากางเกงของเขาก็ดูปกติดี พอรู้ตัวว่าตัวเองคิดมากไปจึงยิ้มแก้มปริกลบเกลื่อน "ฉันมาไม่ได้เหรอ"
"ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ผมยินดีต้อนรับเป็นอย่างมากเวลาคุณมา" เย่ฉ่าวเฉินโอบมู่เวยเวยเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับหันไปบอกเลขาหลิวให้ไปชงกาแฟให้ "ใส่นมใส่น้ำตาล แต่ไม่ต้องหวานเกินไป"
"คุณยังจำรสชาติที่ฉันดื่มได้ด้วยเหรอ?" มู่เวยเวยรู้สึกประหลาดใจ
"จำได้สิ" เย่ฉ่าวเฉินโอบเธอเดินมานั่งที่โต๊ะทำงาน "คุณนั่งก่อน เดี๋ยวผมขอจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อน"
"ตามสบายเลยค่ะ"
อดีตพรีเซนเตอร์สาวหันไปมองมู่เวยเวยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา เพราะเรื่องงานทำให้เธอได้พบเจอกับเยฉ่าวเฉินอยู่บ่อยๆแต่ไม่เคยพูดคุยกันเลยสักคำและเขาไม่เคยเลยที่จะหันมามองเธอ เมื่อก่อนเธอคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินมีอคติกับเธอ ต่อมาก็พบว่าเขาเป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน พอมาวันนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมาโดยตลอดจะผิดเสียแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เย็นชากับทุกคนแบบที่เธอคิด แต่เอาเขาเอาความอ่อนโยนและรอยยิ้มไปให้ผู้หญิงคนนี้หมดแล้วต่างหาก
"คุณจ้าว คุณกลับไปได้แล้ว" เย่ฉ่าวเฉินยืนอยู่ข้างๆมู่เวยเวยมองไปยังเธอที่อยู่ตรงข้าม
" ผมอยากจะบอกสิ่งที่เราเพิ่งคุยกันไปสักครู่นั้น คนทุกคนควรรู้จักรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองกระทำ ผมทำธุรกิจไม่ใช่องค์กรการกุศล คุณจะมีเงินหรือไม่มีผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่ว่ารักษาผลกำไรให้มั่นคงเท่านั้น"
อดีตพรีเซนเตอร์สาวกลัวว่ามู่เวยเวยจะดูถูกเหยียดหยามเธอ จึงลุกขึ้นมาจากพื้น
แล้วหยิบแว่นตากันแดดมาสวมใส่ "ประธานเย่คะ ฉันจะรีบหาเงินมาชดใช้ให้ ฉันไปล่ะ"
เย่ฉ่าวเฉินไม่คาดคิดว่าจู่ๆเธอจะยินยอมรับผิดชอบอยย่างง่ายดาย เธอเดินออกไปจากห้องไม่พูดอะไรต่อ
"เธอมาหาคุณทำไมคะ" มู่เวยเวยถามด้วยความสงสัย
"ข่าวฉาวของเธอทำให้บริษัทสูญเสียรายได้อย่างหนักในชั่วข้ามคืน ยอดขายของเมื่อวานน้อยนิดจนน่าสงสาร แน่นอนว่าผมต้องให้เธอชดใช้ค่าเสียหายนี้ทั้งหมด แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาร้องไห้ต่อหน้าผมเพื่อไม่ให้เอาเรื่องเธอ เรื่องแบบนี้ยังจะมีใครใจดีได้อีกเหรอ"
มู่เวยเวยยิ้มแห้ง "เธอ......เธอดูสวยมากเลยนะ ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้"
"เฮ้อ ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่พูดถึงเธอดีกว่า ว่าแต่คุณเถอะตั้งใจมาหาผมใช่ไหม"
"แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันมาเพื่อสิ่งนี้" มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ออกเปิดเว็บหนึ่งให้เขาดู
"งานแข่งขันอันนี้ฉันอยากไปเข้าร่วม แต่ว่าต้องไปเข้าร่วมในนามบริษัท ฉันเลยอยากขอให้คุณช่วยหน่อยได้ไหมคะ พอดีบริษัทMKไม่มีธุรกิจเสื้อผ้าน่ะค่ะ"
เย่ฉ่าวเฉินอ่านข้อมูลในเว็บอย่างละเอียด เป็นงานแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าระดับประเทศ
"ก็ดีนะ ผมไม่มีปัญหาอะไร ถ้าคุณชนะการแข่งขันขึ้นมาก็เป็นผลดีต่อบริษัทของเรา"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...