วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 208

ในตอนนี้มู่เวยเวยถูกขังอยู่ในตู้ล็อคเกอร์ บนพื้นเต็มไปด้วยเศษกระจกและน้ำ และยังมีขวดและกระป๋องต่างๆด้วย

" เวยเวย --"เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมา อยากจะเข้าไปช่วยเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะมีภูเขาและแม่น้ำหลายพันสายกั้นอยู่

เห่อเหมยหลิงพาคนสุดท้ายออกไป เมื่อเธอได้ยินเสียงเย่ฉ่าวเฉินตะโกนเธออึ้งไปสักพัก เวยเวย? มู่เวยเวย? แต่เห็นได้ชัดว่าคนข้างในเป็นฉู่เหยียน ทำไมท่านประธานเย่ถึงเรียกว่ามู่เวยเวย?

เห่อเหมยหลิงรีบวิ่งไปที่ห้องรับรองโดยไม่ลังเล ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายออกแบบ เธอไม่สามารถทิ้งใครคนใดคนหนึ่งได้

เย่ฉ่าวเฉินผลักโต๊ะ เก้าอี้ที่ขวางอยู่ออก แต่สิ่งที่ขยับยากที่สุดคือตู้ล็อคเกอร์

" ประธานเย่ ฉันช่วยค่ะ "

เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเห่อเหมยหลิงที่ผมยุ่งเหยิงมาก ถ้าเป็นวันทั่วไปเขาคงจะบอกให้เธอหนีไปก่อน แต่ว่าตอนนี้ เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

" ขอบใจมาก " เย่ฉ่าวเฉินพูดกับเธออย่างซาบซึ้ง " เธอคอยดึงอย่างระมัดระวังอยู่ด้านนี้นะ เดี๋ยวฉันจะไปผลักด้านนั้น "

" ท่านผลักช้าๆหน่อยค่ะ "

เย่ฉ่าวเฉินเหยียบโดนเศษกระจกที่ตกอยู่บนพื้นเขาก้มลงไปดูตรงด้านข้างของล็อคเกอร์ พื้นที่ข้างในเล็กมากพอแค่เขายืนคนเดียวก็เต็มแล้ว เขาหามุมที่เหมาะสมแล้วลองดู เขาหันไปพูดกับเห่อเหมยหลิงว่า " ฉันนับ หนึ่ง สอง สาม แล้วเราออกแรงพร้อมกัน "

" รับทราบค่ะ " เห่อเหม่ยหลิงจับขอบล็อคเกอร์ไว้แน่น

" หนึ่ง สอง สาม - - "

เย่ฉ่าวเฉินและเห่อเหม่ยหลิงใช้แรงทั้งหมดที่มีแล้ว อีกคนดึงดึงอีกคนผลัก แต่ว่าตู้ล็อคเกอร์นี้มันติดที่มุมกำแพง ถึงแม้ทั้งสองจะพยายามออกแรงมากเท่าไหร่ ก็เพียงแค่ทำให้มันขยับได้นิดเดียวเท่านั้น

" อีกสักรอบ หนึ่ง สอง สาม - - "

ทำแบบนี้ซ้ำอยู่หลายรอบ ทำให้ค่อยๆเผยร่างกายของมู่เวยเวยออกมาให้เห็น

" โอเค ได้แล้ว ขอบคุณเธอมากๆ "เย่ฉ่าวเฉินขอบคุณเห่อเหมยหลิงที่เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวด้วยความจริงใจ " คุณรีบลงจากตึกไปก่อนเถอะ"

เห่อเหม่ยหลิงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก เธอรู้ว่าภารกิจของเธอเสร็จสิ้นแล้ว เธอพูดขึ้นว่า "ประธานเย่ คุณรีบอุ้มคุณฉู่ออกมาเถอะ ฉันออกไปก่อนแล้วนะ "

" ได้ ตอนลงจากตึกเธอก็ระมัดระวังด้วยนะ" พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ ก็ก้มลงไปอยู่ตรงหน้ามู่เวยเวย เธอหลับตาอยู่ หน้าผากเธอบวมและแดงมาก เห็นได้ชัดเจนว่าต้องมีของตกใส่หัวเธอแน่ๆ

เย่ฉ่าวเฉินรีบเรียกชื่อเธออย่างรีบร้อน " เวยเวย ตื่นเถอะ "

ไม่มีการตอบสนองใดๆ เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากจะเสียเวลา ยืนมือไปอุ้มเธอขึ้นมาและรีบพาเธอออกไปด้านนอก

พึ่งจากออกมาจากตู้ล็อคเกอร์ ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกระลอกหนึ่ง "ฟุ่บ" ขาทั้งคู่ของเย่ฉ่าวเฉินคุกเข่าลงกับพื้น แต่กลับกอดคนที่อุ้มอยู่แน่นมากๆ

" ปัง - - " เสียงล็อคเกอร์ที่พยายามผลักออกเมื่อกี้ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรง คราบน้ำและเศษแก้วกระจัดกระจายทั่วพื้น

" ไม่เป็นไรนะ เวยเวยไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้ข้างๆเธอ ไม่ต้องกลัวนะ" เย่ฉ่าวเฉินกอดเธอไว้และพูดออกมาอย่างปากสั่นๆ และใช้ร่างการบังคราบน้ำและเศษแก้วที่กระเด็นมาไว้

นี่เป็นสิ่งที่เขาพูดให้กับมู่เวยเวย และพูดให้ตัวเองด้วย

สถานการณ์กลับมาปกติอีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินพยายามลุกขึ้นและอุ้มเธอให้ออกไปจากที่นี่

ในที่สุดภายใต้ความพยายามอย่างมาก เย่ฉ่าวเฉินก็พามู่เวยเวยออกมาจากห้องรับรองจนได้

" เวยเวย เวยเวย ตื่นเถอะ " น้ำเสียงที่ตื่นตระหนกของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความกังวล

ครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามู่เวยเวยจะได้ยินเสียงเรียกของเขา เธอส่งเสียง " เหอะ " ออกมา แต่เสียงนี้ของเธอทำให้เย่ฉ่าวเฉินดีใจมากๆ เธอยังมีชีวิตอยู่

" ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาเธอออกจากที่นี่เอง ไม่ต้องกลัว "เย่ฉ่าวเฉินหอมตรงหน้าผากเธอ จากนั้นก็เอามือทั้งสองข้างของเธอมาวางพาดบ่าเขา และให้เธอขี่หลังและวิ่งออกไปด้านนอก

แผนกออกแบบอยู่ชั้น 19 ของอาคารเย่ฮวาง เพราะว่าไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้ เย่ฉ่าวเฉินทำได้เพียงเดินลงทางบันได พอลงไปได้แค่ครึ่งทางก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระยะๆ บรรยากาศทั้งตึงเครียดและน่ากลัว แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่เคยคิดว่าจะทิ้งเธอไว้คนเดียว ถ้าต้องตานในภัยพิบัติครั้งนี้เขาก็จะตายไปกับเธอ

ลงไปหนึ่งชั้น และอีกชั้น

แรงของเย่ฉ่าวเฉินค่อยๆหมดลม เย่ฉ่าวเฉินเซไปกระแทกกับกำแพงหลายครั้งและเขาก็ล้มลงกับพื้น แต่เขาก็พยายามปกป้องผู้หญิงของเขาอย่างสุดความสามารถ และมั่นใจว่าเธอจะไม่ได้รับอันตราย

มู่เวยเวยที่ยังไม่ได้สติก็รู้สึกถึงแรงกระแทก เลยค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือหูแดงๆ ผิวสีขาว และเหงื่อบนใบหน้าและลำคอของชายคนหนึ่ง

เธอได้กลิ่นที่คุ้นเคยบนตัวเขา ก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยขึ้นมาทันที มีอะไรบางอย่างบอกกับเธอว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่มีวันทิ้งเธอแน่ๆ

"เย่ฉ่าวเฉิน......"เธอเรียกด้วยเสียงแผ่วบาง

ผู้ชายที่แบกเธออยู่อึ้งและหยุดเดินทันที และวางเธอลงบนขั้นบันได ตาเขาเป็นประกายราวกับดวงดาวบนฟ้า

" เวยเวย เธอตื่นแล้ว " เย่ฉ่าวเฉินโพล่งออกมาด้วยความดีใจ

และมู่เวยเวยก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร อาจจะเป็นเพราะว่ายังได้สติกลับคืนมาไม่หมด เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า " ฉันปวดหัว "

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือลูบตรงบริเวณที่เธอได้รับบาดเจ็บ. และพูดปลอบเธอว่า " ไม่เป็นไรนะ น่าจะโดนอะไรบางกระแทกเข้า "

มู่เวยเวยอยากใช้มือไปจับดูแต่ว่ามือของเธอไม่มีเรี่ยวแรงเลย

ขณะนี้เอง ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินรีบพุ่งตัวไปกอดเธอไว้ มองไปที่พื้นแล้วเอนตัวลง

มู่เวยเวยรู้สึกเศร้าเล็กน้อย พอเขาปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม " เย่ฉ่าวเฉิน เราจะตายไหม? "

" ไม่ ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอตายหรอก เธอต้องอดทนนะ คิดถึงหน้าลูกไว้เขารอพวกเราอยู่ "

มู่เวยเวยเริ่มได้สติกลับมา ได้ยินคำพูดของเขาเธอถึงกับตะลึง เขา......เขารู้ได้อย่างไร......

เย่ฉ่าวเฉินยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเธอแล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่น " ฉันรู้ว่าเป็นเธอ ฉันรู้มาโดยตลอดว่าเป็นเธอ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้ฉันพาเธอออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่แรงกว่านี้อีกรึเปล่า "

พอพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็แบกเธอขึ้นหลังและเดินลงบันไดไป

สมองของมู่เวยเวยว่างเปล่า เธอปิดบังไว้เป็นอย่างดีมาตอลด เธอพลาดตรงไหน?แล้วเขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

เย่ฉ่าวเฉินเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ในที่สุดก็สามารถพามู่เวยเวยออกจากตึกได้

ถนนตกอยู่ในความโกลาหล การจราจรติดขัด ป้ายโฆษณาตกอยู่ทุกที่บนพื้น และยังมีผู้คนและเด็กที่ได้รับบาดเจ็บกำลังร้องไห้อยู่

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสั้นๆ แต่เดิมเมือง A เป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนรกบนดิน

“คุณชาย- -" จางเห่อตะโกนและรีบวิ่งมา ไหล่ของเขาไม่รู้ว่าไปโดนอะไรขีดข่วนมา เลือดของเขาไหลเปื้อนเต็มเสื้อ

“คุณชาย ในที่สุดคุณก็ออกมาสักที ผมกำลังจะเข้าไปตามหาคุณอยู่เลย "จางเห่อพูดด้วยความตื่นตระหนก และเหลือบไปมองมู่เวยเวยที่หมดสติไปอีกครั้ง

" ฉันไม่เป็นไร "

สายตาของจางเห่อมองไปที่ขาของเย่ฉ่าวเฉิน และพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า " คุณชาย เข่าของคุณเป็นอะไร? ทำไมเลือดออก? "

เย่ฉ่าวเฉินก้มลงไปดู กางเกงสีอ่อนของเขาตรงหัวเข่าเปื้อนเลือด น่าจะเป็นเพราะตอนที่ช่วยมู่เวยวย แล้วเขาคุกเข่าลงกับพื้นตอนนั้น ระหว่างทางเขาคิดเพียงแค่ต้องช่วยเธอเลยไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้ว

" น่าจะเป็นเพราะว่าโดนเศษกระจกบาด ไม่เป็นไร " เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยท่าทีที่ปกติว่า " ตอนนี้เอารถออกไม่ได้แล้วใช่ไหม? "

" ออกไปไม่ได้เลย ถนนถูกปิดกั้นไว้ทั้งหมดเลย "

" คนในบริษัทอยู่ไหนกัน ? " เย่ฉ่าวเฉินถาม

จางเห่อชี้ไปที่สนามที่อยู่ไม่ไกล " อยู่ที่นั่นกันหมดเลย "

" ไป เราก็ไปทางนั้น " เย่ฉ่าวเฉินแบกมู่เวยเวยแล้วเดินไปตรงสนาม จางเห่อเห็นว่าเขาอ่อนแรง อยากจะบอกว่าให้เธอช่วยแบกฉู่เหยียนไหม แต่ว่าจากที่เขารู้จักเจ้านายดี เขารู้ว่าเจ้านายต้องไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้แน่ๆ

ในสนามเต็มไปด้วยผู้คน บางคนก็พยายามโทรศัพท์อยู่ บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็กำลังพูดอย่างวิตกกังวล

พนักงานของบริษัทเย่ฮวางพอเห็นว่าเจ้านายเดินมา ก็เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นตระหนก

เย่ฉ่าวเฉินวางมู่เวยเวยลง และโอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนโดยไม่ได้รู้สึกเขินอายใดๆ

“ตอนนี้หัวหน้าแผนกทุกแผนกให้ตรวจเช็คดูพนักงานของแผนกตัวเองว่ามีใครหายไปหรือไม่ " เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่ง

เลาขาหลิวรีบพูดขึ้นว่า " เมื่อสักครู่ที่ท่านยังไม่มา พวกเราช่วยกันเช็คดูแล้ว หายไปสี่คน คุณน้าแผนกโลจิสติกส์หนึ่งคน หญิงสาวแผนกการเงินหนึ่งคน แล้วก็ฝ่ายการตลาดอีกสองคน

" โทรติดรึยัง? " เย่ฉ่าวเฉินถาม

"ไม่ติด ตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์แย่มาก ไม่สามารถโทรออกได้เลย”

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า " แผนกโลจิสติกส์ แผนกการเงินและแผนกการตลาด ผู้จัดการของของทั้งสามแผนกนี้อยู่ไหน?

“อยู่นี่......อยู่นี่....." ผู้ชายทั้งสามคนลุกยืนขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "พนักงานติดอยู่ข้างใน เราจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ พวกคุณเต็มใจที่จะพาตัวพวกเขาออกมาหรือไม่? แน่นอนว่า นี่เป็นความสมัครใจ เพราะว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครสามารถรับรองได้ "

ชายทั้งสามลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า " ฉันเต็มใจไป......ฉันเต็มใจไป "

" ขอบใจมาก " และเย่ฉ่าวเฉินก็ได้หันไปพูดกับหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย " พนักงานในแผนกของพวกคุณผ่านการคัดเลือกมา พวกเขามีสมรรถภาพทางกายที่ดีที่สุด คุณลองไปถามหน่อยว่ามีใครเต็มใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือคน?

" ได้ครับ ท่านประธานเย่ "

แค่ครู่เดียว ก็มีเจ้าหน้าที่ 15 คนที่แข็งแรงมากจากแผนกรักษาความปลอดภัยเดินมาเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าเขาจะมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาทุกคน

" ตอนนี้มีคนติดอยู่ข้างในสี่คน หัวหน้าแผนกโลจิสติกส์และหัวหน้าแผนกการเงิน พวกคุณแบ่งทีมกันโดยนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทีมละสี่คนออกไปตามหาคน ระวังตัวด้วย "

" ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะพาทุกคนออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้ " หัวหน้าทั้งสองแผนกคนนำทีมออกไปตามหาคนอย่างรวดเร็ว

เย่ฉ่าวเฉินส่งผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาให้กับเห่อเหมยหลิง จากนั้นก็พูดหัวหน้าฝ่ายการตลาดว่า " พวกเราสองคนคนพาเจ้าหน้าที่อีกเจ็ดคนที่เหลือออกไปตามหาคนที่หายไปอีกสองคน "

" ประธานเย่ คุณรออยู่ที่นี่เถอะ เข่าของคุณบาดเจ็บอยู่ " ผู้จัดการฝ่ายหารตลาดพูด

“ ไม่เป็นไร แผลแค่นิดเดียว " เย่ฉ่าวเฉินพูดโดยไม่ได้สนใจอะไร " อย่าเสียเวลาเลย รีบไปเถอะ พวกนายตามฉันมา "

" ประธานเย่ ผมก็จะไปด้วย " ผู้จัดการรักษาความปลอดภัยพูดขึ้น

" ไม่ต้อง คุณและรองผู้จัดการอยู่รักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานที่นี่ " เย่ฉ่าวเฉินแตะไปที่ไหล่เขา และหันไปพูดกับจางเห่อที่กำลังจะตามเขาไป " นานก็รออยู่ที่นี่ด้วย "

" ไม่ คุณชาย ผมจะตามไปดูแลคุณ " จางเห่อปฏิเสธ ดวงตาของเขาแดง

เย้ฉ่าวเฉินก้มมองมู่เวยเวยที่นอนไม่ได้สติ และพูดกับจางเห่อเบาๆว่า " เธอคือเวยเวย นายต้องอยู่ดูแลเธอที่นี่ "

จางเห่อตกใจและเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อกูตัวเอง เธอ......เธอคือคุณผู้หญิง?

ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะไปเขามองมู่เวยเวยอย่างลึกซึ้ง และหันหลังเดินเข้าไปที่ตรงที่ไม่สามารถคาดเด่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ราวกับว่าเวลาจะหยุดนิ่ง เมื่อพนักงานของบริษัทเย่ฮวางเห็นผู้บริหารเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา ทำงานกับเจ้านายแบบนี้ ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะไม่สูงแล้วยังไง? แต่พวกเขาเต็มใจและอุ่นใจ

จางเห่อเฝ้าอยู่ข้างกายมู่เวยเวยเงียบๆ เขามองไปที่มู่เวยเวยอย่างไม่ละสายตา ในสมองเขาตอนนี้วนเวียนอยู่กับคำที่เย่ฉ่าวเฉินพูดก่อนจะออกไปตามหาคน เธอคือเวยเวย

แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าใบหน้านี้ไม่ใช่คุณผู้หญิง เธอจะเป็นมู่เวยเวยได้อย่างไร?

ทันใดนั้น จางเห่อก็จำบางสิ่งบางอย่างวันนั้นได้ วันนั้นเย่ฉ่าวเฉินบอกให้เขาไม่ต้องไปตามสืบประวัติของฉู่เหยียน และยังบอกให้พ่อบ้านหวังดูแลเธอให้ดีอีก ที่แท้ก็เป็นเพราะคุณชายรู้ว่าฉู่เหยียนก็คือมู่เวยเวยหรอ?

ดังนั้น เขาเลยเข้าไปช่วยฉู่เหยียนโดยไม่คำนึกถึงชีวิตตัวเอง เขาถึงได้ดูแลฉู่เหยียนเป็นอย่างดี

ที่แท้ ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้หรอ?

เยี่ยมมากเลย ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่เขากับพ่อบ้านหวังกังวลก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น คุณชายก็ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

เขาที่กำลังดีใจ จางเห่อก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ แล้วลูกล่ะ?

เขายังไม่ทันได้คิด มู่เวยเวยที่อยู่ตรงหน้าสีหน้าของเธอเหมือนเจ็บปวดเธอพึมพำออกมา และค่อยๆลืมตาขึ้น

" คุณ......คุณฉู่ คุณตื่นแล้วหรอ? " เย่เห่อเกือบจะเรียกผิด

มู่เวยเวยมองไปรอบๆ เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยของบริษัท แต่ไม่เห็นเย่ฉ่าวเฉิน หัวใจของเธอเต้นรัวและรีบถามจางเห่อว่า " เย่ฉ่าวเฉินล่ะ? เขาอยู่ที่ไหน? "

" มีคนติดอยู่ในตึก คุณชายเลยพาคนเข้าไปช่วยเหลือคนข้างใน "

มู่เวยเวยค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เธอไอออกมาสองที เธอรู้สึกว่าเธอพอมีเรี่ยวแรงบ้างแล้วเลยพูดกับเห่อเหมยหลิงว่า " ขอบคุณมากผู้จัดการเห่อ คุณพยุงฉันขึ้นเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว "

เห่อเหมยหลิงเรียกเสี่ยวหลี่มา ช่วยพยุงตัวมู่เวยเวยคนละด้าน

" คุณเป็นยังไงบ้าง? " เห่อเหม่ยหลิงเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยถามเธอด้วยความเป็นห่วง

มู่เวยเวยสะบัดหัวไปมา และพูดขึ้นว่า " ไม่เป็นไร ก็แค่ปวดหัวนิดหน่อย " เธอเงยหน้ามองรอบๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ากลัวและวิตกกังวล

คนที่ได้รับบาดเจ็บร้องไห้กันอยู่ กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้ามาช่วยเหลือเลย แผ่นดินไหวมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทุกคนต่างก็ตะลึง การช่วยเหลือเลยยังไม่เป็นผล

ทันใดนั้น ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งครั้งนี้ยังรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา เสียงกรีดร้องของผู้คนดั่งก้องไปทั่วฟ้า จางเห่อรีบจับไหล่มู่เวยเวยไว้ เธอถึงยื่นได้อย่างมั่นคงโดยไม่ได้ล้มลง

ราวกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง ทุกคนต่างก็กัดฟันสู้เพื่อเอาชนะความกลัว

“พระเจ้าโปรดช่วยคุ้มครองเย่ฉ่าวเฉินและคนข้างในให้ออกมาอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ”

ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครพูดอยู่ข้างๆ สายตาของพนักงานบริษัทเย่ฮวางมองไปที่ตึกนั้น ใจของมู่เวยเวยก็กังวลไปด้วยเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ