วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 216

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เสี่ยวซีหร่านโดนเขาตกด้วยคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค แต่เธอไม่อยากรีบตกลงไปในหลุมของเขามากนัก “ยังไม่เท่าไหร่คำพูดหวานก็ออกมาจนล้น ลีลาท่าทางบนเตียงก็ดูคล่องแคล่ว ที่นายบอกไม่มีแฟน บอกตามตรงฉันไม่อยากเชื่อ”

มู่เทียนเย่รีบแก้ตัวว่า “คำพูดหวานๆพวกนี้มันออกมาเองเมื่ออยู่กับคุณ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมเอาแต่ยุ่งกับเรื่องทำธุรกิจของที่บ้าน ไม่ก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องบาดหมางระหว่างเย่ฉ่าวเฉิน ถึงจะมีผู้หญิงเข้ามาบ้างแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ อีกอย่างผมก็โตแล้ว มันก็ต้องมีบ้างคำพูดอะไรแบบนี้ แต่ผมสัญญานะครับ จากนี้ไปจะมีแค่คุณ”

เสี่ยวซีหร่านไม่ใช่คนใจแคบ เพราะแต่ก่อนเธอก็เคยมีแฟนมาบ้างสองสามคน แต่ที่เธอกังวลเกี่ยวกับเขาคือ....

“มู่เทียนเย่ ที่นายสารภาพรักกับฉัน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตอบแทนบุญคุณใช่ไหม?”

มู่เทียนเย่ เอื้อมมือไปหยิกแก้มเธอเล่นเบาๆ จากนั้นตอบว่า “ซีหร่าน คุณคิดว่านี่เป็นละครย้อนยุคหรือ? ถ้าผมอยากจะตอบแทนบุญคุณคุณจริงๆ ผมจะเอาเงินทั้งหมดที่ผมมีให้กับคุณก็ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ขาดแคลนเงินก็ตาม สำหรับผม ความรักมีค่ามากกว่าเงินทอง ดังนั้นผมไม่สามารถเอาสิ่งนี้มาใช้ตอบแทนบุญคุณได้หรอกครับ”

“แต่ว่า ไม่เท่าไหร่ฉันก็ตกลงปลงใจกับนาย ฉันจะเหมือนดูไม่มีค่าไหม?”

มู่เทียนเย่ได้ยินเธอพูดก็ดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมอก “ผมไม่สนใจหรอก อย่างไรซะ ตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงของผม ผมก็เป็นผู้ชายของคุณ พวกเราต้องรับผิดชอบกันและกันครับ”

เสี่ยวซีหร่านมองออกไปทางหน้าต่าง มองเห็นแสงที่เล็ดลอดเข้ามาบริเวณม่าน เธอก็ยิ้มออกมา

ที่คนเคยพูดไว้ว่า ผู้ชายจะทำตัวเหมือนเด็ก เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เขารัก เป็นแบบนี้นี่เอง

..................................

หลังจากนั้นพวกเขาก็แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย มู่เทียนเย่ตั้งใจทำงานและสืบค้นข้อมูลช่วงที่เขาอยู่บ้านเสี่ยวซีหร่าน จนในที่สุดเขาก็ตัดสินจะกลับไปเมืองเอสักครั้ง

“นายจะกลับไปทำอะไร?” เสี่ยวซีหร่านถามเขา

“หาเงินไงครับ ไม่งั้นผมจะเอาอะไรขอคุณแต่งงาน” พูดจบ เขาก็จุ๊บเบาๆที่หัวเธอ

เสี่ยวซีหร่านได้ยินแบบนั้นก็ขำ พูดว่า “ฉันไม่ได้อยากได้เงินของนายซะหน่อย”

“ยัยบ๊อง ผมรู้ว่าคุณมีเงินเยอะกว่าผมมาก แต่เงินคุณก็คือเงินคุณ ถ้าผมมู่เทียนเย่จะแต่งงาน ก็ต้องใช้เงินที่ผมหามาเอง ไม่อย่างนั้นผมจะกล้าสู้หน้าพ่อแม่คุณได้อย่างไร?”

“แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่?” เธอถาม

มู่เทียนเย่แปลกใจเล็กน้อย ถามว่า “คุณไม่ไปกับผมหรือ?”

เสี่ยวซีหร่านถามกลับด้วยความสงสัย “นายจะให้ฉันไปเมืองเอกับนาย?”

“แน่นอนซิครับ พวกเราจะไปที่นั่นด้วยกัน ไม่งั้นผมนอนไม่หลับแน่” มู่เทียนเย่จงใจพูดประโยคหลังด้วยเสียงออดอ้อน

เสี่ยวซีหร่านชกไปที่หน้าอกเขาเบาๆทีหนึ่ง และพูดว่า “นายชอบแกล้งฉัน”

“คุณก็แกล้งผมบ้างซิครับ”

“ไม่เอาหรอก”

ตั้งแต่เธอคบกับมู่เทียนเย่ ความแข็งกระด้างมุทะลุของเธอก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็เปลี่ยนไปมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น หรือนี่จะเป็นเวทมนต์ของความรัก

“จะไปตอนไหน?”

“พรุ่งนี้ครับ”

เสี่ยวซีหร่านดึงแขนเขาและถามว่า “นายจะกลับไปหาเย่ฉ่าวเฉินไหม?”

มู่เทียนเย่ส่ายหัว “ไม่ ผมไม่กลับไปหาเขา”

“ทำไมล่ะ?”

“บางครั้ง คนที่ได้ชื่อว่าหายตัวไปก็น่าจะทำอะไรสะดวกกว่า”

เสี่ยวซีหร่านครุ่นคิดเล็กน้อย พร้อมพูดต่อว่า “งั้นฉันขอไปเที่ยวกับฉู่เหยียนนะ ฉันไม่ได้เจอเธอนานมากแล้ว”

“ที่รัก คุณอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

ทุกๆครั้งที่มู่เทียนเย่พูดคำว่า ที่รัก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตะขอมาเกี่ยวที่หัวใจ เธอรู้ว่าเขาไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งเรื่องนี้มากนัก เพราะงั้นเธอก็จะไม่วุ่นวาย เกรงว่าถ้ายุ่มย่ามมากไปจะทำแผนเขาเสีย

วันต่อมา พวกเขาขับรถมาถึงเมืองเอ

ระหว่างทาง มู่เทียนเย่เห็นป้ายบอกทางไปเมืองเอบนทางด่วน ก็พูดกับตัวเองในใจว่า ฉันกลับมาแล้ว

รถเดินทางมาถึงบ้านพักสองชั้นแห่งหนึ่ง ที่อยู่แถบชานเมือง บริเวณรอบๆดูเงียบสงบ และประตูหน้าบ้านถูกล็อคอยู่ มู่เทียนเย่กดอย่างรหัสอย่างคุ้นเคย “ปี้บๆ” สิ้นเสียง ประตูก็เปิดออก

ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทันสมัยและสะอาดสะอ้าน เพราะก่อนที่เขาจะมา เขาได้ไหว้วานให้ไมเคิลจัดหาแม่บ้านมาทำความสะอาดรอไว้ อีกทั้งยังมีผักสดและเนื้อสัตว์อยู่เต็มตู้เย็น

“ผมพาคุณเดินรอบๆครับ” มู่เทียนเย่จูงมือเธอเดินขึ้นชั้นสองไป จากนั้นก็ดันเปิดประตูห้องหนึ่ง “นี่คือห้องนอน เตียงมีขนาดใหญ่พอสำหรับเรา แสงก็เพียงพอ...... และตรงนี้คือห้องเสื้อผ้า ยังมีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ

เมื่อแนะนำรอบๆบ้านเสร็จ เขาก็พูดกับเธอว่า “คงจะต้องลำบากคุณพักที่นี่ไปก่อน”

“ลำบากที่ไหน ฉันคิดว่ามันก็โอเคนี่” เสี่ยวซีหร่านกล่าวต่อว่า “ในถ้ำ ในป่า ฉันก็เคยนอนมาแล้ว ที่นี่ดีมากๆ”

“ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าคุณก็เลี้ยงง่ายเหมือนกัน” มู่เทียนเย่กล่าวอย่างภูมิใจ

เสี่ยวซีหร่านไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด จึงตอบกลับว่า “นายอย่าเพิ่งด่วนสรุป ถ้าวันไหนฉันเกิดไม่เหมือนเดิมขึ้นมา นายจะทำอย่างไร?”

“ผมไม่กลัวหรอกครับ คุณจะเป็นอย่างไรผมก็ไม่สนครับ ตอนนี้ผมกลัวแค่คุณจะทิ้งผมไปแค่นั้นครับ”

เสี่ยวซีหร่าน ไม่กล้าเชื่อคำที่เขาพูด แต่ท่าทางที่เขาพูดดูจริงจังมาก อีกอย่างเธอเป็นพวกที่รักสนุก สนใจแค่เรื่องสนุกๆและมีความสุขเท่านั้น ตอนนี้เธอรัก เธอก็คลั่งรัก และเมื่อถึงวันไหนที่เธอไม่รักแล้ว เธอก็จะไม่สนใจใยดีเลย

นี่เป็นความเชื่อของเธอ

แต่หันมามองตอนนี้ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขาทำให้เธอรู้สึกอยากจะใช้ชีวิตไปกับเขา

“คิดอะไรอยู่? ทำไมทำหน้าแบบนั้น ตกใจคำพูดพูดผมเมื่อกี้หรือ?” มู่เทียนเย่รีบถาม

“เปล่า แค่คิดว่านายไม่น่าจะใช่คนไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้”

มู่เทียนเย่คลายเธอออกจากอ้อมกอดและพูดว่า “เพราะคุณดีมาก ดีจนผมกลัวว่าทุกคนจ้องจะแย่งคุณไปจากผม”

“ตอนนี้ที่ยังไม่มีนาย คนอื่นก็อยากจะได้ฉันเยอะแยะ แต่ไม่มีใครจะทำสำเร็จสักคน” เสี่ยวซีหร่านกล่าวความจริง

“ก็จริง” มู่เทียนเย่มองมือเธอและพูดว่า “คุณไปพักผ่อนก่อน อีกสักพักผมมีประชุมกับทีมชั้นผู้ใหญ่ของบริษัท ประชุมเสร็จเดี๋ยวผมพาไปกินข้าว”

“โอเค นายไปทำธุระเถอะ”

หลังจากมู่เทียนเย่พูดจบไม่นาน กริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น มองผ่านกล้องก็เห็นว่า คนที่ยืนหน้าประตูคือไมเคิลและทีม มาถึงกันแล้ว

“โอ้ว พระเจ้า มู่ในที่สุดฉันก็ได้เจอนายแล้ว” ไมเคิลพูดจบก็รีบดิ่งเข้ามากอดเขา “ตอนที่พวกเขาบอกกับฉันว่านายตายแล้ว ฉันร้องไห้ไปหลายวันเลย ร้องจนตาบวมไปหมด”

“แต่นายก็ไม่เคยลืมที่จะช่วยฉันหาเงินเลย ขอบใจมากนะ ไมเคิล” มู่เทียนเย่พูดพลางตบหลังเขาเบาๆ

“ฉันเป็นคนรักษาสัญญาอยู่แล้ว”

“มู่ นายกลับมาคนเดียวหรือ? นางฟ้าของนายล่ะ?” ไมเคิลถาม สายตาสอดส่องไปรอบๆ

มู่เทียนเย่รีบดึงแขนเขาพาไปห้องรับแขก และพูดว่า “นางฟ้ากำลังพักผ่อน เดี๋ยวอีกสักพักเธอตื่นก็ได้เจอกันแล้ว”

“จริงหรือ? นายกลับมากับเธอหรือ? อ่า ฉันจะต้องเจอสาวสวยคนนั้นให้ได้” ไมเคิลตาเป็นประกาย

“เอาล่ะๆ เริ่มประชุมเถอะ” มู่เทียนเย่กล่าว “ผมเห็นรายงานการเงินของปีที่ผ่านมาที่คุณไมเคิลส่งให้ผมแล้วนะครับ ผลกำไรเติบโตดีมาก เพราะฉะนั้นผมขอขอบคุณสำหรับความลำบากของทุกคนครับ ต่อไปเราจะมาพูดเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ทีละข้อนะครับ”

..........................

เย่ฮว่างกรุ๊ป

งานประกวดรอบแรกถูกแก้ไขหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็สามารถส่งออกได้ ในการประกวดรอบแรกนั้น กรรมการจะประเมินจากแบบเท่านั้น หลังจากผ่านเข้ารอบแล้ว ต้องสร้างสรรค์ผลงานจริงให้ออกมาตามแบบให้ได้

“เพื่อเป็นการชื่นชมที่คุณผ่านการคัดเลือกรอบแรกได้ เดี๋ยววันนี้ผมพาคุณไปเลี้ยงข้าวนะ” เย่ฉ่าวพูดพร้อมกับเดินโอบไหล่เธอเดินออกไปข้างนอก

มู่เวยเวยตอบกลับว่า “เพิ่งจะ 11 โมงเอง อีกอย่างร้านแถวนี้ก็กินจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้านไหนอร่อยเป็นพิเศษ”

“ได้ยินมาว่าแถบชานเมืองฝั่งตะวันออกมีร้านซาซิมิเปิดใหม่ รสชาติก็ไม่เลวเลย ออกเดินทางตอนนี้คงไปถึงที่นั้นช่วงอาหารกลางวันพอดี” เย่ฉ่าวเฉินกล่าว

“ว้าว มีล็อบสเตอร์ไหม?” มู่เวยเวยกล่าวอย่างสนใจ

เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตูให้เธอ จากนั้นเดินตามเธอออกมาและพูดว่า “ก็เพราะรู้ว่าคุณชอบล็อบสเตอร์ เลยเลือกไปร้านนั้น อีกอย่างรสชาติไม่ได้แรงมาก คุณน่าจะชอบ”

“อา ในที่สุดก็ได้เปลี่ยนรสชาติบ้างแล้ว”

เย่ฉ่าวมองเธอและพูดว่า “คุณพูดเหมือนผมทำให้คุณอดตลอดเลยนะ”

มู่เวยเวยเบ้ปาก และตอบกลับว่า “ไม่ได้อด แต่ก็กินแต่อาหารที่สั่งกับโรงแรม หรือไม่ก็กินแต่กับในโรงอาหารของบริษัท มันก็ต้องมีเลี่ยนกันบ้างหน่า”

ทั้งสองคุยกันจนเดินเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นโทรศัพท์ของมู่เวยเวยก็ดังขึ้น เป็นเสียงข้อความเข้า

เธอก้มหัวดู จากนั้นก็ขำออกมา เย่ฉ่าวเฉินสังเกตเห็นอาการของเธอ ก็ถามว่า “มีอะไรหรือ? ใครส่งมา?”

มู่เวยเวยยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู เนื้อหาในข้อความเขียนว่า : ได้เลขมาหรือยัง?

และคนที่ส่งมาคือฉู่เซวียน สีหน้าของเย่ฉ่าวเปลี่ยนเป็นลึกลับ เขาคิดในใจแผนการเขาได้ผล ฝั่งนั้นตกหลุมพรางแล้ว

“ทำอย่างไรดี?” มู่เวยเวยถาม

เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดเล็กน้อย และตอบว่า “คุณบอกเขาว่าตอนนี้คุณกำลังหาทางอยู่ ช้าที่สุดน่าจะพรุ่งนี้”

“คุณมั่นใจ? ถ้าสมมติเขาเกิดรู้ว่าข้างในไม่มีแผนที่สมบัติล่ะ?”

เย่ฉ่าวเฉินขำเล็กน้อยและตอบว่า “แล้วใครว่าไม่มีล่ะ?”

มู่เวยเวยตกใจที่ได้ยินแบบนั้น พลางคิดในใจว่า จริงซิ เย่ฉ่าวเฉินสามารถทำแผนที่ขึ้นมาใหม่อีกอันก็ได้ อย่างไรซะก็ไม่เคยมีใครเห็นของจริง พวกเขาไม่มีทางรู้

“อีกอย่างคุณคิดว่าห้องที่เก็บสมบัติมันเจาะเข้าไปง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?” มู่เวยเวยยิ้มเยาะสะใจ แผนการของเขาค่อยๆเข้าที่เข้าทางแล้ว

“หมายความว่ายังไง?” มู่เวยเวยฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ

“ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง ตอนนี้รู้เยอะไปก็ไม่สนุกซิ”

มู่เวยเวยจ้องเขาเขม็ง “เกลียดที่สุดเลย เวลาคุณทำตัวลึกลับแบบนี้”

“โอเคๆๆๆ ผมบอกคุณก็ได้” เย่ฉ่าวเฉินก้มตัวลงและกระซิบข้างหูเธอ สีหน้าของมู่เวยเวยตกใจไม่หยุด

หลังจากเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ มู่เวยเวยก็ถามกลับว่า “พวกเขาจะสงสัยไหม?”

“วางใจเถอะ ถึงจะสงสัย พวกเขาก็จะไม่สงสัยถึงคุณ”

แต่มู่เวยเวยก็ยังกังวลอยู่

เย่ฉ่าวเฉินจับแก้มเธอดึงไปมาเบาๆ พร้อมกับปลอบเธอว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง รับรองไม่มีปัญหา คุณรอดูเกมนี้แล้วกัน”

มู่เวยเวยมองหน้าเขาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เอาล่ะ เรื่องมันยังไม่เกิด ก็อย่าเพิ่งคิดอะไรมากแล้วกัน

เธอทำตามแผนของเย่ฉ่าวเฉิน ส่งข้อความตอบกลับไป แค่อึดใจฉู่เซวียนก็ส่งตอบกลับมาว่า : โอเค ผมรอฟังข่าวดีจากคุณ

..............

ที่บ้านของมู่เทียนเย่

ทุกคนประชุมกันจนเกือบจะถึงเวลาพักเที่ยง มู่เทียนเย่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดประชุมและเชิญทุกคนกินข้าว ดังนั้นไมเคิลจึงรีบหาจังหวะพูดขึ้นมาว่า “มู่ เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของนาย วันนี้ฉันขอเลี้ยงเอง รีบเรียกนางฟ้าลงมาซิ”

มู่เทียนเย่ปฏิเสธทันที “เรื่องที่ฉันกลับมา ห้ามใครเอาไปพูดที่ไหน แล้วจะกินไปข้าวข้างนอกหรือ ขอโทษจริงๆวันนี้ฉันต้องกินข้าวกับแฟน คงไปกับพวกนายไม่ได้”

“อ่อ นายจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ไมเคิลเตรียมจะวิ่งเข้าไปกอดมู่เทียนเย่ แต่เขาไวกว่าจึงหลบกอดของไมเคิลได้ ไมเคิลทำท่าเจ็บหัวใจและพูดว่า “มู่ ฉันคิดถึงนายมาก อีกอย่างฉันยังช่วยหาคนมาทำความสะอาดบ้านให้นาย หรือเอาแบบนี้ นายรีบแนะนำแฟนนายให้พวกเรารู้จัก แล้วเดี๋ยวพวกเราจะรีบออกไปเลย”

มู่เทียนเย่เห็นท่าที่เร้าหรือของเขาแล้วหมดคำจะพูด สีหน้าของทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน เขาจึงทำได้แค่เดินไปชั้นสองเพื่อเรียกเสี่ยวซีหร่านลงมา เมื่อเขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นมาก็เห็นเสี่ยวซีหร่านเดินขำเข้ามา

มู่เทียนเย่ไม่ทันพูดอะไร ก้ได้ยินเสียงจากคนข้างหลังว่า “โอ้พระเจ้า เธอนี่นางฟ้าจริงๆด้วย เธอสวยมากเลย”

มู่เทียนเย่ยักไหล่และยิ้มแหยๆ “พวกนี้อยากเจอคุณ”

เสี่ยวซีหร่านเดินเข้าไปใกล้พวกเขาและเอ่ยคำทักทายเป็นภาษาจีนว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเสี่ยวซีหร่าน”

ไมเคิลเตรียมปรี่เข้าไปหวังจะจับมือทักทายเธอ แต่ก็ถูกมู่เที่ยนเย่ขวางเอาไว้ “ไมเคิล อย่ารุกมากเกินไป”

ไมเคิลหัวเราะคิกคัก มองข้ามหัวของมู่เทียนเย่ไปและพูดกับเธอว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อไมเคิลครับ ผมคือคนที่มู่เชิญกลับมาให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ครับ”

“สวัสดีค่ะ” จากนั้นเธอก็หันมองทุกคน “สวัสดีทุกคนนะคะ”

หลังจากที่ทำความรู้จักกันเสร็จเรียบร้อย มู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหร่านก็ส่งพวกเขาทั้งหมดกลับไป “พระเจ้า เจ้าพวกนี้นี่คึกคักจริงๆ คุณหิวไหม? เดี๋ยวผมพาไปกินข้าวครับ”

“ฉันเห็นในตู้เย็นมีผักเยอะแยะไปหมด คุณไม่ทำอะไรหรือ?”

มู่เทียนเย่ตอบเสียงเรียบ “ผมทำไม่เป็น”

“ทำไม่เป็น? ฉันก็นึกว่า.....งั้นซื้อผักพวกนั้นมาทำไม?”

“ไมเคิลเป็นคนซื้อครับ เขาชอบกินพวกหม้อไฟ เพราะงั้นเวลาเห็นผักอะไรก็อยากจะซื้อไปซะหมด” มุ่เทียนเย่ตอบกลับ พลางคิดในใจ หรือเขาจะลองเรียนทำอาหารดู?

หรือให้เสี่ยวซีหร่านทำ? อันนี้ก็น่าจะไม่ได้ อีกอย่างเขาไม่อยากให้เธอลำบาก

คุณหนูผู้ร่ำรวยอยู่บ้านไม่ต้องหยิบจับหรือทำอะไรเอง แต่ทำไมหลังจากอยู่กับเขาต้องกลายมาเป็นแม่ครัวด้วย? เขากำลังคิดอยู่ เสี่ยวซีหร่านก็พูดแททรกขึ้นมาว่า “จริงๆฉันก็พอทำได้นิดหน่อย แต่รสชาติค่อนข้างออกไปทางแย่ ฉันถนัดแต่เรื่องปิ้งย่างน่ะ”

มู่เทียนเย่จับมือเธอจากนั้นก็จุ๊บไปที่มือเธอเบาๆ พร้อมกับพูดว่า “ตอนนี้มือคู่นี้เป็นยังไง หลังจากอยู่กับผมแล้วก็อยากให้เป็นแบบนั้น เรื่องทำอาหารปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมนะครับ”

เสี่ยวซีหร่านได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื้นตัน เธอยืดตัวขึ้นไปจุ๊บมู่เทียนเย่ “ขอร้องอย่าสปอยฉันเยอะ เดี๋ยวฉันจะเป็นโรคเจ้าหญิงนะ”

“ไม่หรอกครับ” มู่เทียนเย่โน้มตัวลงไปพูดกับเธอว่า “ถึงแม้จะเป็นเจ้าหญิง ก็เป็นเจ้าหญิงของผม แต่ตอนนี้ขอเชิญเจ้าหญิงวางมงกุฎ แล้วไปกินข้าวก่อนนะครับ”

“ฉันพร้อมนานแล้ว ไปที่ไหน?”

ทั้งสองเดินจับมือกันออกไปข้างนอก มู่เทียนเย่ตอบว่า “เห็นร้านไหนก็ร้านนั้นเลยครับ”

“ไม่เลือกหน่อยหรือ?” เสี่ยวซีหร่านพูด

“แล้วคุณอยากทานอะไรครับ?”

เสี่ยวซีหร่านโบกมือ “ที่นี่ถิ่นนาย นายตัดสินใจ”

รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้าน เสี่ยวซีหร่านมองออกไปนอกรถ ก็นร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง ดูแล้วไม่เลว จึงรีบบอกกับมู่เทียนเย่ว่า “จอดๆๆๆ ร้านนี้แหละ”

มู่เทียนเย่จึงค่อยๆหยุดรถและจอดข้างทาง จากนั้นหยิบแว่นดำขึ้นมาสวม และลงมาจากรถ

“คุณชอบทานอาหารญี่ปุ่นหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ