"หือ?" เสี่ยวซีหร่านลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เอามือวางบนโต๊ะรู้สึกแปลกใจและถามเป็นชุด "ใครลักพาตัวเธอ? ทำไม? อีกฝ่ายต้องการอะไร?"
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหัวและตอบ“ ฉันไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร”
"ไม่รู้?" เสี่ยวซีหร่านรู้สึกโกรธร้อนเป็นไฟ "ลักพาตัวคนไปต้องมีจุดประสงค์สิ อยากได้เงิน? เอาได้เท่าไหร่?"
"ถ้าเอาเงินก็ดีสิ เท่าไหร่ฉันก็จะให้" เย่ฉ่าวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ เรื่องนี้พูดแล้วยาว...... ”
“งั้นเธอก็เล่าย่อมาสั้นๆ” เสี่ยวซีหร่านขัดจังหวะเขา“ถ้าวันนี้ไม่พูดเรื่องนี้ให้เคลียร์ ฉันก็จะไม่ไปไหน”
เย่ฉ่าวเฉินอึ้ง ดูไม่ออกว่าผู้หญิงใจร้อนคนนี้เป็นห่วงเวยเวยมาก แต่เขาจะบอกเธอดีไหมว่าแท้จริงแล้วอาเหยียนก็คือเวยเวย?
ช่างมันเถอะ นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงของพวกเขา รอให้เวยเวยกลับมาสารภาพกับเสี่ยวซีหร่านเองดีกว่า
หยุดพูดไปชั่วขณะ เย่ฉ่าวเฉินพูดต่อว่า“ สิบปีที่ผ่านมา พ่อแม่ของฉันได้แผนที่ขุมสมบัติมา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ข่าวนี้มาจากไหน พวกเขาลักพาตัวอาเหยียนเพื่อให้ฉันแลกตัวกับแผนที่ปรากฏว่า ฉันเอาแผนที่นี้ให้พวกเขา แต่พวกเขาไม่รักษาคำพูดแถมยังพาอาเหยียนหายตัวไป”
"สารเลว!" เสี่ยวซีหร่านคนที่มีการศึกษาเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหออกมา "ทำไมถึงเป็นคนหน้าด้านแบบนี้? อีกอย่าง เย่ฉ่าวเฉินแกก็ซื่อบื่อเกิน เอาแผนที่ให้เขา แต่ไม่ได้พาคนกลับมาด้วย?”
"ฉันจะพากลับมาได้อย่างไง? พวกมันมีปืนเล็งใส่พวกเรา ถ้าฉันกล้าที่จะขยับอาเหยียนและฉันคงไม่มีชีวิตรอดแล้ว ฉันจะช่วยได้ยังไง?" เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมาสุดเสียง ดวงตาแดงก่ำ ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจเขาเจ็บปวดแค่ไหน
เสี่ยวซีหรานตกตะลึง จ้องมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินสองสามวินาที จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้
เธอหุนหันพลันแล่นเกินไป เมื่อเห็นท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินก็รู้ว่าเขาต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ
บรรยากาศหยุดนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาที่ด้านนอกหน้าต่าง ทั้งสองเงียบอยู่นานก่อนที่เสี่ยวซีหร่านจะถามต่อ "คนที่ลักพาตัวรูปร่างลักษณะเป็นยังไง?"
“ สวมหน้ากากเงิน ไม่เห็นใบหน้า” อารมณ์ของเย่ฉ่าวเฉินสงบลง
“ตอนนี้พวกมันน่าจะไปที่ไหน?”
"ภูเขาหมินหนาน บางทีสมบัติอาจถูกฝังอยู่ในถ้ำแห่งนั้น" เย่ฉ่าวเฉินกะว่าจะไม่บอกรายละเอียดกับเธอ เขาและเสี่ยวซีหรานไม่คุ้นเคยกันมากนัก
“เพราะงั้นตอนนี้เธอเลยส่งคนไปหาในถ้ำตลอดหรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินลูบขมับที่ปวดเมื่อยของเขา“ อืม ธุระทางนี้เสร็จหมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปที่นั่น”
เสี่ยวซีหร่านยังคงมีความสงสัยอยู่ในใจ ถามออกไปทั้งหมดว่า "แล้วบริษัท MKล่ะ? ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครมาเลย?"
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอและพูดเบาๆว่า "นี่เป็นความลับทางการค้า ฉันบอกไม่ได้"
เสี่ยวซีหร่านยักไหล่ "โอเค ฉันแค่ถามไปงั้นๆ จริงๆฉันไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ แล้วเรื่องของอาเหยียนฉันช่วยอะไรได้บ้างไหม?"
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างห้วนๆว่า "ไม่เป็นไร ฉันจัดการได้" ให้เธอมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ตัวตนของเวยเวยจะถูกเปิดเผย ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
"แน่ใจหรอ? ภูเขาที่หมินหนานมากมายขนาดนั้น เธอไม่ต้องการกำลังคนช่วยหางั้นหรอ? ฉันมีเพื่อนหลายคนที่ชอบปีนเขา พวกเขาไปช่วยหาน่าจะง่ายกว่าเธอไปนะ”
เย่ฉ่าวเฉินยังคงปฏิเสธ "ตอนนี้ฉันยังจัดการได้ ถ้าฉันหมดหวังแล้วจะขอความช่วยเหลือจากเธอเอง"
เสี่ยวซีหร่านเกลียดท่าทางที่หยิ่งผยองของเขาและความโกรธก็ออกมาอีกครั้ง "เมื่อแกหมดหวัง? เย่ฉ่าวเฉินสมองแกมีน้ำเข้าไปหรอ? ตอนนี้มันควรเป็นเวลาที่เหมาะสมค้นหาอาเหยียน แต่แกกลับจะรอให้หมดหนทาง? ความหยิ่งผยองศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกช่วยวางมันก่อนได้ไหม? "
เย่ฉ่าวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "เสี่ยวซีหร่าน ขอบคุณมากที่เป็นห่วงอาเหยียน แต่ตอนนี้จัดการกับมันได้จริงๆ ถ้าต้องการความช่วยเหลือฉันจะไปหาเธอเอง"
ตอนที่เขาเงียบ เสี่ยวซีหร่านคิดว่าเขาคิดได้แล้ว ไม่คิดว่ายังคงพูดแบบนี้ ลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกครั้งด้วยความโกรธ สีหน้าจริงจัง“ไม่ต้องมาขอบคุณฉัน ฉันแค่เห็นแก่อาเหยียน แต่เย่ฉ่าวเฉิน ถ้ายังชักช้าแบบนี้จะทำให้อาเหยียนตายได้ ฉันไม่อยากคุยกับคนแบบเธอละ ลาก่อน"
เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ลืมเพื่อนที่อยู่ข้างๆเธอ เขาลุกขึ้นมากับเธอและพูดอย่างไร้ยางอายว่า "ใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันขอเลี้ยงข้าวเธอกับเพื่อน "
เสี่ยวซีหรานเหลือบมองและพูดเบาๆว่า "ไม่ต้อง ฉันยังไม่หิว ถ้าหิวฉันจะไปกินกับเพื่อนเอง"
“ถึงฉันจะปฏิเสธความช่วยเหลือของเธอ ก็ไม่เห็นต้องเย็นชาขนาดนี้เลย แค่กินข้าวมื้อเดียวหน่า ฉันอาจจะเปลี่ยนใจนะ”
เสี่ยวซีหร่านหัวเราะและตอบ "เย่ฉ่าวเฉิน ที่ฉันอยากช่วย ก็เพราะเห็นแก่อาเหยียน แต่แกกล้าเอาเรื่องนี้มาขู่เล่นกับฉันหรอ? ฉันเพิ่งเห็นตัวตนของเธอ กินข้าวอะไรก็ไม่จำเป็นหรอกฉันกลัวอาหารไม่ย่อย”
เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเขาพูดผิดในตอนนี้ด้วยความตื่นตระหนกและต้องขอโทษ "ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"
"ถึงจะใช่หรือไม่ใช่ มันก็ไม่ทำให้มุมมองของฉันเปลี่ยนไป ลาก่อน!" เสี่ยวซีหรานพูดทิ้งไว้และเดินออกไป
เย่ฉ่าวเฉินรีบเดินตามไปข้างเธอ "ฉันจะไปส่งเธอ เดี๋ยวอาเหยียนรู้เข้าภายหลังและโทษว่าฉันไม่ดูแลเธอ"
"เหอะ" เสี่ยวซีหร่านทำเสียงออกมาอย่างเย็นชาโดยไม่พูด
เมื่อเขามาถึงชั้นหนึ่ง เสี่ยวซีก็หยุดและหันไปพูดว่า "โอเค ส่งถึงตรงนี้แหละ ชื่อเสียงของเธอดังเกินไป ฉันไม่อยากโดนถ่ายไปลงโซเซียล"
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและหัวเราะ“ คุณหนูเซียวแบบเธอก็ใช่ว่าไม่เคยอยู่ในสังคมนี้ ไม่น่าจะอะไรกับข่าวพวกนี้......”
"NoNoNo เธอเข้าใจผิดละ ฉันไม่ได้กลัวรูปตัวเองไปอยู่บนโซเซียล ฉันแค่ไม่อยากมีรูปคู่อยู่กับเธอ จะทำให้ชื่อเสียงของฉันเสียหาย" เสี่ยวซีหรานพูดจบเขาก็ผลักประตูกระจก ไม่สนว่าเขาจะโกรธหรือไม่โกรธ เดินเข้าไปท่ามกลางผู้คนมากมาย
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองร่างสูงของใครบางคนอย่างเงียบๆหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา "ฮัลโหล จางเหอ มาที่นี่ทันที"
ไม่กี่นาทีต่อมา เสี่ยวซีหร่านกับมู่เทียนเย่พบกันที่ชิงช้า เข้าไปที่ม้านั่งและเสี่ยวซีหร่านก็บอกข่าวนี้กับเขา
“ ฉู่เหยียนถูกลักพาตัวไป?” มู่เทียนเย่ประหลาดใจมากเช่นกัน เขาพยายามเดาคิดยังไงก็คิดไม่ออก
“อืม ดูท่าทางของเย่ฉ่าวเฉิน มันน่าจะเป็นความจริง แต่ไอ่คนสารเลวนั้น ฉันบอกว่าจะช่วย แต่เขาปฏิเสธและบอกว่าจะรอจนกว่าจะไม่มีหนทาง ทำไมถึงมีคนแบบนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องรีบหาอาเหยียนไม่ใช่หรอ? โอย- ให้ตายสิ "เสี่ยวซีหร่านโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะกระทืบเท้าในรถม้า
มู่เทียนเย่จับมือเธอเพื่อปลอบโยน“ เอาล่ะเอาล่ะ อย่าโกรธไปเลย เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด ว่าแต่ฉู่เหยียนถูกลักพาตัวไป แล้วตระกูลฉู่มีใครออกมาช่วยไหม ถ้าทั้งสองตระกูลร่วมมือกัน คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก "
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ อารมณ์ของเสี่ยวซีหร่านก็สงบลงเล็กน้อย ถอนหายใจออกอย่างหนักและพูดว่า "โอเค ฉันหวังว่าอย่างนั้น"
ขณะที่ชิงช้าสวรรค์ขึ้นสู่จุดสูงสุด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง A อารมณ์ของเสี่ยวซีหร่านก็ดีขึ้นมากเช่นกัน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ มู่เทียนเย่จึงชี้ไปที่หน้าต่างและแนะนำเธอไปยังสถานที่ต่างๆในเมือง A เมื่อทั้งสองคนคุยกันและหัวเราะพวกเขาไม่รู้ว่ามีคนมากมายที่อยู่ด้านล่างกำลังมองหาพวกเขาอยู่
ภูเขาลึก
กาวินและทีมของเขาค้นหาอยู่หลายวัน แต่พวกเขาไม่พบอะไรเลย พวกเขาหงุดหงิดอย่างมาก มีเพียงมู่เวยเวยที่ชิวอยู่คนเดียว วันๆก็แค่ดูแลตัวเองกับลูก
"เจ้านาย แผนที่ขุมสมบัตินี้เป็นของจริงหรือเปล่า?" คำถามนี้อยูในใจของจางเหิงมาหลายวันแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็ถามออกมา
กาวินกำลังอ่านเนื้อหาต่างๆและเขาก็เหลือบไปมองเมื่อได้ยินคำพูดที่ว่า "มันเป็นเรื่องจริง แกไม่ได้ยินที่คุณฉ่ายบอกหรอ? ที่นี่เคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมาก่อนแต่มันก็หายไป"
“ แล้วทำไมนานขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงาของสมบัติเลย?”
"ถ้าสมบัติหาง่ายขนาดนั้น ตอนนี้ยังจะตกมาถึงมือเราหรอ? มันคงถูกคนค้นหาไปหมดแล้ว"
จางเหิงนิ่งเงียบ เขารู้สึกแผนที่นี้เย่ฉ่าวเฉินเอามาหลอกกาวิน ถ้าสมบัตินี้มีอยู่จริงผ่านไปหลายปี ทำไมเย่ฉ่าวเฉินไม่ออกตามหามัน?
บนโลกนี้มีไม่กี่คนหรอกที่ทนความโลภต่อขุมสมบัติขนาดนี้ได้
"มู่เวยเวยกำลังทำอะไรอยู่?" กาวินถาม
จางเหิงอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรอยู่? นี่ควรเป็นความรับผิดชอบของอ้ายลี่ซาไม่ใช่หรอ?
กาวินวางข้อมูลในมือลง เหลือบมองจางเหิงลุกขึ้นและเดินไปหามู่เวยเวย
ประมาณเก้าโมง พวกเขาอาศัยอยู่ในโรงแรมที่มีชื่อเสียงบนภูเขา สภาพแวดล้อมเงียบสงบ กาวินมาที่ห้องที่มู่เวยเวยกับอ้ายลี่ซาอยู่ เคาะประตู
ข้างในไม่มีเสียงตอบกลับ
กาวินเกิดความสงสัย เคาะประตูอย่างอดทน แต่ก็ยังไม่มีเสียงใด ๆ
ความสงสัยเพิ่มขึ้น กาวินหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาอ้ายลี่ซา มีเสียงโทรศัพท์ดังมาจากห้อง
"ก๊อกก๊อกก๊อก อ้ายลี่ซา?" กาวินเคาะประตูแรงขึ้น จางเหิงได้ยินก็เดินตามเสียงมา
“ เจ้านาย……”
"เปิดประตูออก!" กาวินพูดอย่างเย็นชา
ระบบความปลอดภัยของโรงแรมบนภูเขาจะดีแค่ไหนกันเชียว? จางเหิงก้าวถอยหลังและเตะประตูอย่างแรง "ปั๊ง" ประตูเปิดออก
กาวินรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เห็นเพียงอ้ายลี่ซานอนอยู่บนเตียง สวมชุดนอนบางๆ ผมของเธอเปียกยังไม่แห้ง แต่ไม่เห็นตัวมู่เวยเวยกับเด็ก
"อ้ายลี่ซา, อ้ายลี่ซา--" กาวินเขย่าตัวของหญิงสาว เห็นแก้วนมบนโต๊ะหยิบขึ้นมาและได้กลิ่น มีกลิ่นยาจางๆอยู่ข้างใน
กาวินรู้สึกโกรธมากและวางผ้าห่มไว้บนโต๊ะ มู่เวยเวย แกกล้าหนีงั้นหรอ?
"จางเหิง พาคนไปหาด่วน! เธออุ้มเด็กไว้คงหนีได้ไม่ไกล"
"ครับ"
โทษตัวเองที่ประมาทเกินไป มู่เวยเวยช่วงนี้ก็อยู่ในความสงบมาก ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอะไรเลย ให้เธอไปเธอก็ไป ให้พักเธอก็พัก ไม่พูดอะไรสักคำ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ยอมรับในชะตากรรมแล้ว
ไม่คาดคิดเธอแอบวางแผนที่จะหลบหนี ไม่รู้ว่าเธอไปแอบเอายานอนหลับมาจากไหน ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำไปจริงๆ
นมในแก้วเย็นสนิท แปลว่าเธอหนีไปได้สักพักแล้ว เป็นฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาชื้นและหนาว ถึงแม้เธอจะเป็นอะไรแต่เธอก็ต้องกังวลลูกของเธอเป็นแน่ ดังนั้นเธอน่าจะไปขอความช่วยเหลือจากคนบนภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง
"จางเหิง ส่งคนไปหาบ้านของคนบนภูเขา" กาวินโทรหาจางเหิง
มู่เวยเวย คิดจะหนีก็หนีให้ไกลหน่อยละกัน ถ้าฉันจับได้ จะจับมาตัดขาให้ไปไหนไม่ได้อีกเลย
กาวินอุ้มอ้ายลี่ซาที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นไปไว้บนเตียง คลุมด้วยผ้าห่ม กลิ่นตัวของเธอยังคงมีกลิ่นสบู่อยู่ เธอน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ในป่าเงียบ มู่เวยเวยอุ้มเด็กวิ่งไปอย่างหมดหวัง นี่เป็นโอกาสเดียวของเธอ ถ้าเธอหนีไม่ได้ในครั้งนี้ เธอไม่รู้ว่ากาวินจะทำอะไรกับเธอ
เด็กถูกมัดอยู่ที่หลังของเธอ ลืมตาดูเธออย่างสะลึมสะลึอ จริงๆเธออยากจะให้ยานอนหลับกับเขา เพื่อไม่ให้ส่งเสียงขณะหลบหนี ช้อนยานอนหลับกำลังจะป้อนเข้าที่ปาก เห็นเด็กยิ้มน่ารักทำให้เธอใจอ่อนทำไม่ลง
นี่คือลูกชายที่เธอให้กำเนิด เธอจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ลงได้ยังไง?
หนทางข้างหน้ามืดมาก มีวัชพืชป่าเถื่อนขึ้นอยู่ทุกที่ มู่เวยเวยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน รู้เพียงว่ายิ่งห่างจากกาวินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เธอควรออกจากเขาก่อน แล้วหาบ้านหลบ จากนั้นค่อยโทรหาเย่ฉ่าวเฉิน
......
เมื่อดวงจันทร์สว่างอยู่บนท้องฟ้าลมยามค่ำคืนในหุบเขาก็โหยหวน มู่เวยเวยยอุ้มเด็กไว้บนหลังและเดินไปข้างหน้าในภูเขา
รถขับผ่านร้านขายยาเมื่อสองวันก่อนจู่ๆเธอก็มีความคิดที่จะวิ่งหนี มันยากที่เธอจะเชื่อว่ากาวินจะปล่อยให้เธอและลูกของเธอกลับไปอย่างปลอดภัย เพราะสมบัติก็ยังหาไม่เจอ กาวินต้องสงสัยในสักวันว่าแผนที่นี้เป็นของจริงหรือเปลอม เมื่อเขาสงสัยเขาจะระบายความโกรธทั้งหมดต่อเธอและลูกของเธอ
ไม่ได้ ฉันจะมานั่งนิ่งๆไม่ได้
คืนนั้น เธอใช้ประโยชน์ตอนที่อ้ายลี่ซากำลังหลับ หยิบเงินหนึ่งร้อยหยวนในกระเป๋าของเธอ มู่เวยเวยไม่กล้าหยิบเยอะเพราะกลัวว่าเธอจะจับได้
ระหว่างที่อยู่ในวันรุ่งขึ้น เธอลงไปชั้นล่างเพื่อขอให้เจ้าของโรงแรมซื้อยานอนหลับให้เธอในขณะที่ทุกคนไม่ได้สนใจ เจ้าของโรงแรมลังเลมาก หลังจากที่มู่เวยเวยอ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังบอกว่าเธอไม่รับเงินทอนคืน เจ้าของจึงแอบไปซื้อยาน้ำหลับที่ร้านขายยาเล็กๆให้กับเธอ
อ้ายลี่ซามีนิสัยชอบดื่มนมร้อนทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน มู่เวยเวยเฝ้าดูเธอวางนมร้อนบนโต๊ะและจงใจพูดว่า "เธอไปอาบน้ำก่อนสิ อาบเสร็จออกมาก็อุ่นๆดื่มได้พอดี ฉันปวดแขนน่าจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะนวดเสร็จ "
บางทีมันอาจจะเป็นความลงตัวของสองสามวันที่ผ่านมาที่ทำให้อ้ายลี่ซาไม่ค่อยระแวงเธอและเข้าห้องน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อได้ยินเสียงของน้ำ มู่เวยเวยก็รีบหยิบยานอนหลับออกก่อนใส่ไปหนึ่งเม็ด แต่เกรงว่าจะไม่พอจึงใส่ไปอีกสามเม็ด
ยานอนหลับสี่เม็ดคงไม่ฆ่าคนหรอก อ้ายลี่ซาไม่ใช่คนไม่ดี มู่เวยเวยเองก็ไม่อยากให้เธอตาย
ในขณะที่อ้ายลี่ซากำลังอาบน้ำ มู่เวยเวยเขย่าแก้วนมเพื่อเร่งการละลายของยา ยี่สิบนาทีต่อมาอ้ายลี่ซาออกมาจากห้องน้ำและใส่ชุดนอน
มู่เวยเวยแสร้งทำเป็นก้มลงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกเธอ แต่สายตาแอบเหลือบมองอ้ายลี่ซาที่กำลังเช็ดผมและดื่มนม อาจเป็นเพราะกลิ่นยาแรงเกินไปและเธอดื่มแค่จิบเดียวก็ขมวดคิ้ว
"ทำไมวันนี้นมรสชาติแปลกๆ"
มู่เวยเวยใจเต้นรัว ใบหน้าของเธอเรียบเฉยและพูดกับเธอว่า "คงเป็นเพราะว่านมที่ขายที่นี่ไม่เหมือนกัน รสชาติก็เลยแตกต่างไป"
"จริงหรอ?" อ้ายลี่ซาหยิบกล่องคำบรรยายขึ้นมาดูแล้วพึมพำกับตัวเอง "มันยังไม่หมดอายุ" จากนั้นเธอก็ดื่มอีกสองสามครั้งก่อนจะวางแก้วลงแล้วนั่งลงบนเตียงเช็ดผม
มู่เวยเวยรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะพุ่งออกมา จ้องไปที่การกระทำของอ้ายลี่ซา ไม่กี่นาทีต่อมา "ฟุบ" เธอก็ล้มลงกับพื้น
มู่เวยเวยตกใจ เมื่อเห็นเธอหลับตาแน่นเขย่งเท้าไปหาเธอเขย่าไหล่และตะโกนว่า "อ้ายลี่ซา? อ้ายลี่ซา?"
คนสวยหลับเป็นตาย มู่เวยเวยอยากอุ้มเธอขึ้นเตียง แต่มีบาดแผลที่แขนข้างหนึ่งเธอจึงไม่มีแรง เธอเลยถอดใจและปล่อยให้นอนอยู่กับพื้น
มู่เวยเวยรีบใส่เสื้อผ้าหนาๆสองสามตัวให้เด็กทารก อุ้มเขาวางเขาไว้ในกระเป๋าสะพาย มีเพียงศีรษะที่โผล่ออกมา จากนั้นก็ใช้เสื้อสองตัวพันจากด้านหลังมาที่อกเธอ
ตอนที่กำลังทำสิ่งนี้ เด็กน้อยไม่ส่งเสียง เขาอาจคิดว่าการกระทำของแม่น่าสนใจและสนุกมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...