วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 240

เย่ฉ่าวเฉินถามอยู่หลายคน แต่ก็ไม่มีใครที่พูดชัดเจน

เสี่ยวซีหร่านนึกถึงเพื่อนที่เป็นตำรวจอาชญากรรม บอกให้เย่ฉ่าวเฉินเอาที่บันทึกเสียงให้กับเธอ ไม่นานทางด้านนั้นก็สั่งสถานที่มาให้อย่างละเอียด

ด้านล่างนี่เป็นตำบลเล็กๆที่อยู่ในอำเภอของมณทลFเมืองC ข้ามจากฝั่งพวกเขาไปอย่างน้อยต้องใช้สี่ชั่วโมง แต่ที่โชคดีก็คือเหยี่ยวราตรีกำลังอยู่ที่เมืองC

ดังนั้นเย่ฉ่าวเฉินจึงให้เหยี่ยวราตรีรีบตามไป เย่ฉ่าวเฉินจะรีบตามไปที่เมืองC ครั้งนี้อาจจะยังไม่เจอมู่เวยเวย อย่างน้อยก็ได้เข้าใกล้แล้วหนึ่งก้าว

ตลอดเส้นทางติดต่อกับเหยี่ยวราตรีอยู่ตลอด ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เหยี่ยวราตรีหาโรงแรมนั้นเจอ หลังจากรู้ทิศทางการหนีออกไปของฝั่งตรงข้าม รีบกลับรถตามไป

"มีเบาะแสอะไรไหม?"เย่ฉ่าวเฉินถามเหยี่ยวราตรีผ่านโทรศัพท์

"ไม่มากครับ เพียงแค่เห็นพวกมันขับรถออกไปทางทิศตะวันตกครับเจ้านาย ตอนนี้ผมกำลังตามไป"

"มองไม่เห็นป้ายทะเบียนรถเลยเหรอ?"เย่ฉ่าวเฉินถาม

เหยี่ยวราตรีพูด"ไม่ครับ โรงแรมนี้เล็ก ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดอะไรเลย"

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกผิดหวัง "เอาเถอะ มีเบาะแสอะไรก็รีบรายงานฉัน"

"ครับ เจ้านาย"

ถ้าหากเวลาที่เจ้าของโรงแรมโทรมาบอกเวยเวยออกไปได้ไม่นาน อย่างนั้นการเดินทางของเหยี่ยวราตรีกับมู่เวยเวยก็ห่างกันแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า เพียงแค่ทิศทางถูกต้อง ตามคนพวกนั้นไปก็ไม่ใช่ปัญหา

กุญแจสำคัญคือพวกมันจะไปที่ไหน?

ภายในรถ มู่เวยเวยนั่งอยู่ด้านหลังใช้สองมือยกลูกขึ้นสอนให้ยืน บางครั้งกาวินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ใช้สายตาที่รังเกียจมองเธอ เนื่องจากเรื่องเมื่อวานตอนเย็นเกิดขึ้นอย่างไม่ราบรื่น ตั้งแต่เช้าทั้งสองคนยังไม่ได้คุยกัน

มู่เวยเวยหวังว่าเขาจะเก็บรักษาท่าทางนี้ไว้ พูดตามความจริง เธอไม่อยากคุยกับเขามากเกินไป หลีกเลี่ยงการทำให้อลิซสงสัยและก็ทำให้เธอลำบากใจ

"ลูกรัก เรียกแม่สิคะ เรียกแม่ " มู่เวยเวยเย้าแหย่ลูก

เด็กน้อยเบิกโตกว้างมองเธอที่ยิ้มอยู่ ปากเล็กๆพูดคุยออกมา แต่ทว่าเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่"แม่"

"แม่ เรียกแม่?" มู่เวยเวยไม่ล้มเลิก สอนเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่กี่วันมานี้ เพียงแค่ต้องขึ้นรถ มู่เวยเวยก็ใช้รูปแบบนี้คุยเข้าหาลูก สิ่งที่ทำให้เธอไม่ยอมแพ้คือ ลูกรักสามารถเรียก"คุณย่า"ได้แล้ว ทำไมถึงยังฝึกเรียกแม่ไม่ได้? ไม่ใช่พูดว่า"แม่" คำนี้ก็ออกเสียงง่ายไหม?

กาวินที่ฟังเธอพูดคำเดิมซ้ำๆจนทำให้รู้สึกหงุดหงิด ในที่สุดก็เอ่ยปากพูด"คุณสามารถจะหยุดได้ไหมสักครู่หนึ่ง?คุณไม่เหนื่อยแต่ลูกเหนื่อยแล้ว ลูกไม่เหนื่อยแต่ฉันฟังแล้วเหนื่อย"

มู่เวยเวยโมโหกลับไป "คุณเหนื่อย คุณก็พักผ่อนสิคะ ฉันขัดขวางคุณเหรอ?"

"คุณอยู่ด้านข้างผม ผมจะพักอย่างไร?"

"อย่างนั้นคุณก็เปลี่ยนให้ฉันนั่งรถอีกคัน"

"มู่เวยเวย คุณอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วเหรอ"

"ตัวประกันก็มีศักดิ์ศรีโอเคไหม?"มู่เวยเวยพายามยกระดับตัวเอง พูดอย่างมีหลักการไปเรื่อยเปื่อยว่า"และอีกอย่างฉันกับลูกของฉันอยู่ในช่วงเวลาฝึกเรียนการพูด ฉันไม่พูดคุยกับเขาเยอะๆ เขาโตขึ้นมามีการสื่อสารที่ผิดปกติจะทำอย่างไร?"

"ผมว่าตอนนี้คุณนะที่สื่อสารผิดปกติ"

มู่เวยเวยก็ไม่หยุดโต้เถียง"ก็ตามแล้วแต่คุณจะพูด ถ้าหากคุณอึดอัดกับฉัน ไม่ก็เปลี่ยนรถ ไม่ก็อดทน"

ถ้ากาวินไม่เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง ฝ่ามือของเขาฟาดออกไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ มีความสามารถที่ทำลายความนิ่งและการไร้ความรู้สึกที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ทุกครั้งที่ทะเลาะกับเธอทำให้เขาโมโหจนมันเขี้ยว ที่เกลียดที่สุดคือเขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้

สายตาเด็กน้อยที่ไร้เดียงสามองพวกเขาสองคนสลับไปมา หัวเราะแหะแหะ

"ลูกหัวเราะอะไร?เรียกแม่ พูดตามแม่ แม่" มู่เวยเวยก็กลับไปหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์การสอนต่อ

เด็กน้อยอ้าปากขึ้น น้ำเสียงน่ารักและก็นุ่มนวล "แม่ "ถึงแม้จะยังไม่ได้มาตรฐาน แต่ก็เป็นคำพูดที่เรียกว่าแม่แล้ว

มู่เวยเวยตื่นเต้นดีใจอีกนิดหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาแล้ว พูดด้วยความอิ่มเอมว่า"ลูกเรียกแม่ได้แล้ว? ฮ่าๆๆๆ มาๆ เรียกให้ฟังอีกทีสิคะ"

ลูกให้ความร่วมมือมาก"แม่"

คำพูดง่ายๆที่เหมือนเสียงออกมาตามธรรมชาติ เข้ามาปะทุที่หัวใจเธอตรงๆ ในเวลานั้นหัวใจของมู่เวยเวยก็ถูกมาเติมเต็มความอบอุ่น แต่ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกทุกข์ใจ

ทันใดนั้นน้ำตาก็คลอเบ้า น้ำเสียงของมู่เวยเวยกลายเป็นแหบแห้ง"ลูกรัก ในที่สุดลูกก็เรียกแม่แล้ว"

เด็กน้อยเรียนรู้คำศัพท์นี้ได้แล้ว ก็เหมือนจะมีความสุข เรียกไม่หยุด"แม่ แม่ แม่......"

มู่เวยเวยกลืนน้ำตาลงท้อง ลูบคลำที่ใบหน้าของเขา หยุดร้องไห้แล้วยิ้ม"โอเคแล้วๆ แม่ได้ยินแล้ว เป็นลูกรักที่ดีของแม่จริงๆเลย"

กาวินมองเธอที่ร้องไห้แล้วก็หัวเราะยิ้มออกมาอย่างดูแคลน "คุณควรที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาลดูจริงๆนะ จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นไหม?"

"คุณยุ่งอะไร?" มู่เวยเวยตอบโต้กลับไปอย่างจริงจัง

กาวินหัวเราะเยือกเย็น หันศีรษะกลับไปมองนอกหน้าต่าง เขาอยากอุ้มเด็กน้อยมา ให้เรียกเขาว่า"คุณอา" แต่ถ้าทำอย่างนั้นต้องถูกผู้หญิงคนนี้หัวเราะตายเลย เรื่องเด็กๆอย่างนี้ไม่ทำจะดีกว่า

"อีกสักพักพวกเราจะไปไหนกัน?" มู่เวยเวยถามไปอย่างนั้น

"จะทำอะไร?"

"นมผงของลูกกินหมดแล้ว คุกกี้ก็หมดแล้ว และยังมีผ้าอ้อม ของกินแล้วก็ของใช้สวมใส่ใช้หมดทุกอย่างแล้ว ฉันหิวมื้อหนึ่งไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาหิวหรอกนะ" มู่เวยเวยพูดอย่างจริงจัง ของเหล่านี้เป็นของกิน การจะเดินทางก็เตรียมไว้เยอะแล้วแต่ก็ใช้หมดภายในวันเดียว

กาวินหันศีรษะกลับไปมองเด็กน้อยที่หัวเราะอย่างเจิดจ้าสว่างไสว ใช่ไม่สามารถที่จะปล่อยให้เขาหิว เขาร้องขึ้นมาแทบจะเอาชีวิตคนได้เลย ดังนั้นจึงพูดกับจางเหิงที่ขับรถว่า"ด้านหน้าถ้าเจอซุปเปอร์มาเก็ตที่ใหญ่ก็จอดหน่อยนะ ถือโอกาสไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันด้วย"

"ได้ครับ เจ้านาย"

มู่เวยเวยยิ้มร้ายอยู่ในใจ เธอต้องคิดดีๆว่าอีกสักครู่นี้จะทิ้งเครื่องหมายสัญลักษณ์อะไรไว้ให้เย่ฉ่าวเฉิน

"ลูกรัก รออีกสักครู่แม่จะลงไปซื้ออาหารให้ลูกดีหรือไม่ดี?"

"ข้าวๆ ข้าว......." เด็กน้อยพูดคำนี้ได้ เพราะว่าทุกครั้งที่เขาพูดคำนี้ ก็จะได้กินอาหารที่เลิศรส

"ลูกเหมือนแม่ได้อย่างไร แม่เป็นคนกินเก่ง"มู่เวยเวยพูดใกล้ศีรษะเขา

กาวินพูดในใจว่าก็ยังดีที่ไม่ใช่คนโง่

รถเข้าไปในเมืองที่เป็นอำเภอค่อนข้างใหญ่ จางเหิงซอกแซกเข้าหาจนเจอซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ที่มองดูแล้วก็ใช้ได้ จอดรถดีแล้ว มู่เวยเวยแบมือออกต่อหน้ากาวิน

"ทำอะไร?" กาวินถามอย่างไม่เข้าใจ

มู่เวยเวยท่าทางเคร่งขรึมพูดว่า"เอาเงินมา คุณหักบัตรเครดิตฉันแล้ว หรือว่าฉันไปซื้อของถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ?"

กาวินแพ้ให้กับความหน้าด้านของเธอ แปลกประหลาด ก็เห็นชัดเจนว่าเขาโหดเหี้ยม ทำไมยิ่งนานวันเธอยิ่งไม่กลัวเขาเลย?

"จางเหิงจะไปกับเธอ จะซื้ออะไรเขาก็มีเงินติดตัวอยู่ " กาวินพูดอย่างเย็นชา

"อ้อ"มู่เวยเวยอุ้มลูกเตรียมลงรถ แต่ทว่าถูกเขารั้งไว้ ยังไม่ทันได้สติกลับมา ลูกก็ผละออกจากอ้อมกอดเธอไปอยู่ในมือของเขา

"มีปัญหาไหม?"กาวินขมวดคิ้วมองเธอ

"ไม่มี แน่นอนว่าไม่มี "มู่เวยเวยตาขวางใส่เขา อีกอย่างท่าทางอย่างนั้น ไม่มีปัญหาสิแปลก

"จางเหิง เอาคนไปเพิ่มอีกสองคน"

มู่เวยเวยกำลังจะลงรถ ได้ยินคำนี้ก็หันศีรษะกลับไปพูดถากถางว่า"ลูกก็อยู่ในมือคุณ คุณยังกลัวว่าฉันคิดหนีแล้วจะสามารถหนีไม่ไปได้?"

"ใครจะไปรู้?"

"ชิ!" มู่เวยเวยเปิดประตูลงรถ กำลังที่จะปิดประตูกระแทกเข้าไปเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์โกรธของเธอ ก็กลัวว่าจะทำให้ลูกตกใจเลยปิดประตูอย่างนุ่มนวล

กาวินไม่ไปซุปเปอร์มาเก็ตเป็นเรื่องปกติ เขาใส่หน้ากากออกไปปรากฎตัวในที่ที่คนเยอะ ก็เป็นจุดสนใจของกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว และเขาเอาเด็กไว้ หนึ่งคือเป็นเพราะเด็กอยู่ มู่เวยเวยก็ไม่มีทางทำตัวเป็นผีหลบหนี เด็กคนนี้มีเอกลักษณ์ ง่ายที่จะถูกเปิดเผยออกไป

และที่เขาสั่งให้จางเหิงพาคนไปด้วยอีกสองคน เพียงเพราะว่ากลัวว่าพวกเขาจะซื้อของเยอะ หิ้วไม่ไหวก็เท่านั้น แต่ว่ามู่เวยเวยจะคิดอย่างนั้น เขาก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ

"มา เรียกว่าคุณอาให้ฟังหน่อย" กาวินหยอกเย้าแก้มเล็กของเขา สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น

เด็กน้อยยื่นมืออกไปลูบหน้ากากของเขา แบะปากหัวเราะเหอะๆ"จุนยา"

"ไม่ใช่จุนยา คือคุณอา"กาวินตั้งใจแก้ให้เขาพูดให้ถูกต้อง

เด็กน้อยมองที่ริมฝีปากเขาสักพัก เหมือนกับเขาจะพูดอย่างนั้น ผลสรุปก็ยังคงพูด"จุนยา"

กาวินยิ้มเจื่อน "เด็กน้อย ไม่ใช่จุนยานะ เป็นคุณอา ฉันเลี้ยงดูหนูมาตั้งนาน ทำไมหนูถึงเรียกคุณอาไม่ได้เลยล่ะ?"

เด็กน้อยหัวเราะเบาไไม่หยุด"จุนยา จุนยา "

"คุณอา"

"จุนยา"

....................

ในเวลานั้น

ซุปเปอร์มาเก็ตเต็มไปด้วยความคึกคัก ยินดีต้อนรับทุกที่

เห็นข้อความลดราคากับธงสีแดง ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น นานเท่าไหร่แล้ว เธอออกจากโรงแรมก็นั่งแต่ในรถ ลงรถก็ต้องขึ้นเขา นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอสินค้ามากมายอย่างนี้

เดินมุ่งตรงไปที่แหล่งขายนมผง พนักงานแนะนำสินค้าเดินมาต้อนรับอย่างสุภาพ"สวัสดีค่ะ ต้องการให้แนะนำไหมคะ?"

มู่เวยเวยผงกศีรษะทันที "อืม ฉันต้องการซื้อนมผงค่ะ"

"ลูกของคุณอายุเท่าไหร่คะ?ตอนนี้กินนมอะไรอยู่คะ?"

"ใกล้จะเจ็ดเดือนแล้วค่ะ กินนมผงของต่างประเทศค่ะ ฉันก็ไม่ค่อยจะรู้จักเท่าไหร่"

พนักงานแนะนำสินค้ารีบมองเสื้อผ้าที่เธอใส่ ถึงแม้ว่ามองดูแล้วธรรมดา แต่ดูไม่ยากว่าฝีมือละเอียดงดงาม เสื้อผ้าก็เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด

เด็กอายุเจ็ดเดือนเหมาะที่จะกินนมที่มีแร่ธาตุเสริมค่ะ ส่วนที่จำเป็นต้องบำรุงร่างกายเด็กมีครบหมด "พนังงานแนะนำสินค้าหยิบนมผงที่แนะนำจากชั้นวางสินค้าด้านล่างมาชนิดที่ราคาแพงลิบลิ่ว"

มู่เวยเวยไม่เคยซื้อนมผงให้ลูกเลยสักครั้ง ก็ไม่รู้ว่าควรจะซื้ออย่างไร แต่เธอรู้ว่าต้องไม่เปลี่ยนมาตรฐาน คุณภาพต้องได้ตามราคา นมผงที่ราคาแพงประสิทธิภาพของมันต้องครอบคลุมรับประกัน

"ที่นี่มีนมผงที่นมเข้าไหมคะ ดีที่สุดเอาเป็นของยุโรป " มู่เวยเวยถาม

พนักงานแนะนำสินค้าตาลุกวาว หยิบนมจากชั้นวางสินค้าชั้นบนสุดลงมาหนึ่งกระป๋อง"คุณลองดูชนิดนี้ เพิ่งนำเข้ามาถึงเมื่อวานเลย นี่เป็นนมผงของออสเตรเลีย Bellamy's organic2 มีเพิ่มวิตามินกับแร่ธาตุ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยได้ดีมาก และยังไม่ใช้ยาที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ไม่ดี สุขภาพดีตามธรรมชาติเลย ลูกน้อยอายุเจ็ดเดือนกินดีมาก"

มู่เวยเวยดูราคาก็รู้สึกว่าดีมากอยู่ที่เจ็ดร้อยห้าสิบหยวน แต่ว่าไม่ได้ใช้เงินของเธอเอง เธอก็เริ่มอยากจะยืดเวลาอีก แกล้งทำเป็นถามต่อ "ยังมีที่ดีกว่านี้ไหมคะ"

"มีค่ะ " พนักงานแนะนำสินค้าหยิบกระป๋องที่แพงที่สุดให้ดูอย่างยินดี "ชนิดนี้ก็ผลิตจากออสเตรเลียนะคะ ดีกว่าชนิดนั้นมาก"

ที่ว่าดีกว่าก็คือราคาแพงกว่าชนิดเมื้อกี้หนึ่งเท่าตัวเลย

"สองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร?"

จางเหิงที่ยืนอยู่ด้านหลังทนไม่ไหว พูดอย่างหงุดหงิดว่า"เร็วกว่านี้ได้ไหม กินอะไรก็เหมือนกันไหม?"

มู่เวยเวยขมวดคิ้วสงสัย "จะเหมือนกันได้อย่างไร?แน่นอนว่าฉันต้องถามนมผงที่เหมาะสมกับให้ลูกฉันกิน"

"วุ่นวายจริงๆ"จางเหิงบ่นอย่างไม่พอใจ

"ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่าวุ่นวายก็ไปซื้อของที่คุณอยากซื้อสิ ทำไม่จะต้องตามฉันอยู่ตลอด?"

จางเหิงจ้องเธอเขม็งด้วยความโมโห เพื่อที่จะประหยัดเวลา เขาพูดกับลูกน้องสองคนว่า"พวกนายดูเธออยู่ที่นี่ ซื้อของเสร็จแล้วโทรหาฉัน พวกเราเจอกันที่จุดชำระเงิน"

"ครับ"

มู่เวยเวยแกล้งถามพนักงานแนะนำสินค้าต่อ แต่ทว่าในใจรู้สึกลำพองใจ เพียงแค่จางเหิงไปก็ง่ายขึ้น

ตอนนี้นมผงหนึ่งกระป๋องหนึ่งอาทิตย์ลูกกินหมด มู่เวยเวยคิดแล้วคิดอีกถามพนักงงานแนะนำสินค้าว่า"เอาที่แพงที่สุดให้ฉันสองกระป๋องนะคะ"

"ได้เลยค่ะ "พนักงานแนะนำสินค้ายิ้มกว้าง นานแล้วที่เธอไม่ได้เจอลูกค้าที่รวยใช้เงินอย่างนี้

"คุณถือไว้ " มู่เวยเวยหันเอานมสองกระป๋องยื่นให้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง เป็นคนใช้แรงงาน ทำไมเธอถึงจะต้องไม่ใช้?

บอดี้การ์ดที่ยืนห้อยแขนอยู่ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรรับ มู่เวยเวยขมวดคิ้วพูดยั่วยุ"นี่พี่ชาย กาวินสั่งให้พวกคุณมาหิ้วของนะ ต้องการที่จะโทรหาเขาเพื่อยืนยันไหม?"

ทั้งสองคนมองตากัน รับนมสองกระป๋องมาถืออย่างเงียบๆ

ที่จริงมู่เวยเวยสามารถซื้อได้มากกว่านี้ แต่ว่าซื้อเยอะแล้วครั้งหน้าก็ไม่มีโอกาสออกมา อย่างนั้นก็ซื้อไปนิดหน่อยดีกว่า อย่างนั้นจะทำให้มีโอกาสอีกหลายครั้งเข้าซุปเปอร์มาเก็ต ก็จะสามารถทิ้งร่องรอยไว้ได้มากขึ้น

มาถึงแผนกของใช้เด็ก มู่เวยเวยมองเห็นของใช้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยรู้สึกชอบจนอดใจจะไม่ไหว ชุดรับประทานอาหาร หมวก เสื้อผ้า ยังมีประเภทขวดนมให้เด็กจับเอง ของเล่น แก้วน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นต้น เพียงแค่รู้สึกว่าลูกสามารถใช้ได้ ก็หยิบที่ราคาแพงมาทั้งหมด

ไม่นานมือของบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็เต็มไปด้วยของใช้ที่หยิบมา

"พวกคุณไปหารถเข็นมาสิ อย่างนี้จะถือไหวได้อย่างไร?ยังมีอีกเยอะที่ฉันยังไม่ได้ซื้อ "มู่เวยเวยพูด

บอดี้การ์ดทำอะไรไม่ได้ อีกคนหนึ่งที่หอบหิ้วของเต็มมือไปหารถเข็นมา

พนักงานแนะนำสินค้าตื่นเต้นกับการกระทำของเธอ ท่าทางก็ยินดีให้บริการเพิ่มมากขึ้น มู่เวยเวยมองเห็นโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเธอแวบหนึ่ง ในใจมีแผนการขึ้นมาทันที

หยิบครีมอาบน้ำเด็กยี่ห้อหนึ่งลงมากจากชั้นวางสินค้า ปากก็พร่ำรำพันว่า"อันนี้น่าจะใช้ดี"

พนังงานแนะนำสินค้ารีบพูดทันที"ใช่ๆ ครีบอาบน้ำนี้เป็นชนิดอ่อนโยน เหมาะกับลูกน้อยใช้มากๆ"

มู่เวยเวยไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบครีมอาบน้ำวางใส่มือบอดี้การ์ดเป็นชั้นให้สูงขึ้น ไม่ระมัดระวังโยกสั่นหวั่นไหว

"โครม——"ของที่อยู่ในอ้อมแขนหล่นลงมาทั้งหมด

มู่เวยเวยมองด้วยสายตาโกรธ "คุณทำไมไม่ระมัดระวัง ?รีบเก็บขึ้นมาเลยนะ"

บอดี้การ์ดคนนี้พูดง่าย ก้มศีรษะลงไปเก็บของขึ้นมา

มู่เวยเวยรีบลากพนักงานแนะนำสินค้ามาอีกชั้นวางสินค้าแถวอื่น พูดเบาๆว่า"สวัสดี ขอใช้โทรศัพท์ได้ไหม?ฉันอยากส่งข้อความให้สามี"

พนักงานแนะนำสินค้ามึนงง"โทรศัพท์ของคุณล่ะ?"

"ฉันอธิบายอะไรมากไม่ได้ ขอร้องคุณนะคะ ฉันมีธุระด่วนจริงๆ ฉันกับสามีถูกบังคับให้แยกจากกัน ฉันต้องให้เขารีบมาช่วยฉัน"

พนักงานแนะนำสินค้าอาจจะถูกแววตาที่น่าสงสารของเธอโน้มน้าวใจ หยิบโทรสัพท์ขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอ หลังจากนั้นก็ยื่นให้เธอ

มุ่เวยเวยใจเต้นแรงเหมือนพายุโหมกระหน่ำ เธอกดเบอร์ที่คุ้นเคย มือทั้งสองข้างสั่นเทากดพิมพ์ข้อความ ฉันคือเวยเวย นี่เป็นโทรศัพท์ของคนอื่น ฉันอยู่ในอำเภอหนึ่งที่อยู่ในเมืองC

พิมพ์คำเหล่านี้เสร็จ เธอกดส่งออกไป หลังจากนั้นก็คืนโทรศัพท์ให้พนักงานแนะนำสินค้า

"ยังซื้อไม่เสร็จอีกเหรอ?" เสียงเย็นชาดังขึ้นด้านหลัง มู่เวยเวยสีหน้าหยุดชะงักแข็งทื่อ หนึ่งวินาทีถัดมาก็ปรับสีหน้าหันกลับมาพูดว่า"คุณนี่เร็วจริง"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ