วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 252

เย่ฉ่าวเฉินคิดแล้วคิดอีก พูดอย่างไม่แน่ใจว่า"น่าจะเคยเห็นนะ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางตัดใจอย่างเด็ดขาดกับกาวินหรอก ถ้าหากว่านายเป็นฉู่เซวียน กาวินมีลักษณะอย่างไรยังไม่รู้ นายจะสามารถรักเขาไหม?"

มู่เทียนเย่จ้องเขม็งใส่เขา "กูชอบผู้หญิงโว้ย!"

"ฉันรู้ๆ ฉันมีตามองเห็นอยู่ ฉันแค่พูดว่าถ้าหาก นายตื่นตระหนกเพื่ออะไร?"เย่ฉ่าวเฉินหยอกล้อเขา

"ไร้สาระ ทำไมนายถึงไม่ยกตัวอย่างตัวนายเอง?"

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราเบาๆ"กูไม่ได้โง่"

มู่เทียนเย่ยกเท้าขึ้นเหมือนจะถีบ แต่เย่ฉ่าวเฉินหลบหลีกอย่างว่องไว"พูดเรื่องกูต่อหน้า?อยากถูกตีใช่ไหม?"

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะไม่ได้พูดอะไร

หมอหานได้พักผ่อนอย่างสบายอยู่หลายเดือน ถูกพ่อบ้านหวังโทรตามให้มาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่

"คุณอาหวัง ใครป่วยอีกล่ะ?" หมอหานลงมาจากรถ ถามอย่างระมัดระวัง

พ่อบ้านหวังหัวเราะอย่างอ่อนโยน "คุณหนูครับ"

เวลานั้นหมอหานยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา "คุณหนูคนไหน?"

พ่อบ้านหวังจ้องเขม็งใส่เขา"จะมีใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าเป็นมู่เวยเวย"

"ห้ะ? เธอกลับมาแล้ว?"หมอหานถามอย่างประหลาดใจ

พ่อบ้านหวังผงกศีรษะอย่างมีความสุข "กลับมาแล้วๆ ยังมีคุณชายน้อยด้วยนะ"

"อย่างนั้น......" หมอหานสอดรู้สอดเห็นกระซิบข้างหูพ่อบ้านหวัง"คนฮ่องกงที่ชื่อฉู่เหยียนคนนั้นล่ะ?"

พ่อบ้านหวังโบกมือพัลวัน "ฉู่เหยียนอะไรไม่มีหรอก ตระกูลเย่ของพวกเรามีแค่คุณหนูคนเดียว นั่นก็คือมู่เวยเวย"

หมอหานนึกว่าพ่อบ้านหวังไม่ให้ตัวเองพูดถึง กลัวว่ามู่เวยเวยรู้แล้วจะอึดอัดแล้วโกรธ คิดไปเองแล้วผงกศรีษะพูดว่า"ใช่ๆ มีแค่มู่เวยเวย เอ้ะ? เธอเป็นอะไรอีกล่ะ? เรียกผมมาทำอะไร?"

พ่อบ้านหวังถอนหายใจออกมาเบาๆ "สมองเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่กี่วันมานี้พักฟื้นที่โรงพยาบาลทำการผ่าตัด ช่วงนี้คุณก็รับผิดชอบเปลี่ยนยาให้เธอ จำไว้ว่าเรื่องที่ไม่ควรถามห้ามถาม"

"วางใจเลย ผมอยู่ที่นี่มาตั้งนาน เข้าใจกฎเกณฑ์"

พ่อบ้านหวังพาเขาขึ้นไปชั้นสอง เคาะประตูห้องของเย่ฉ่าวเฉิน

"คุณชาย"หมอหานมาแล้วครับ

"อ้อ เข้ามาเถอะ " เย่ฉ่าวเฉินใส่ชุดลำลอง เป็นเสิ้อเชิ้ตสีเทา กางเกงลำลองสีเข้มกับสวมใส่รองเท้าสลิปเปอร์

สายตาของหมอหานสะดุดกับขวดนมที่เย่ฉ่าวเฉินถืออยู่ในมือ เขาคาดไม่ถึงเหมือนกับฟ้าผ่าอย่างรุนแรง ผู้ชายที่อำมหิต มือที่ถือปืนเปลี่ยนมาถือขวดนม คาดไม่ถึงว่าจะเหมาะสมอย่างนี้

ห้องไม่ได้สะอาดโล่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ละพื้นที่มองเห็นของเล่นเด็ก ตุ๊กตาหมี รถถัง เครื่องบินเล็ก ของที่ควรจะมีก็มี

"ผิงอัน ดื่มนมกัน" เสียงของเย่ฉ่าวเฉินอบอุ่นและนุ่มนวล ราวกับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นในวันที่หนาวเหน็บ

หมอหานยืนฟังอยู่ด้านหลังจนรู้สึกว่าขนลุกจนหลุดออกมา พระเจ้า นี่ใช่เย่ฉ่าวเฉินที่เขารู้จักไหม?เสียงอบอุ่นเกินไปแล้ว ผิงอัน?ลูกชายของเย่ฉ่าวเฉิน?

สายตารีบมองหาภายในห้องอย่างรวดเร็ว มองเห็นบนพรมปูพื้นมีเด็กนั่งอยู่ กำลังก้มศีรษะเล่นรถยนต์คันเล็กอยู่ ในกล่องด้านหน้ามีชิ้นส่วนอะไหล่อยู่มากมาย

ตอนที่เขากำลังเงยศีรษะขึ้นมาอย่างน่ารักนั้น หมอหานชะงักฝีเท้า

ถึงอย่างไรช่วงมหาวิทยาลัยเขาก็เรียนเรื่องวรรณกรรมวัยรุ่นชาย แต่ทว่าในเวลานี้ไม่รู้จะทำอย่างไรกับรูปร่างหน้าตาของเด็กคนนี้ สวย?น่ารัก?ละเอียดงดงาม?หรือว่าจะใช้คำเหล่านี้ทั้งหมด?ที่โดดเด่นคือดวงตาของเขาทั้งสองข้าง ดวงตาของเขาไม่เหมือนกันได้อย่างไร?

เขาเรียนหมอมาหลายปี ไม่เคยเจอเด็กที่มีดวงตาไม่เหมือนกัน และอีกทั้งพูดตามหลักพันธุศาสตร์ เขาไม่ควรที่จะมีดวงตาสีม่วง

ผิงอันรับนมที่เย่ฉ่าวเฉินยื่นมาให้ ไม่ได้พูดอะไรสักคำ สายตาก็กลับไปสนใจอยู่ที่รถยนต์คันเล็กที่รื้อออก

"ยังไงก็อย่าให้มู่เทียนเย่เห็น นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่มีจำกัด หาอยู่นานถึงจะซื้อมาได้" เย่ฉ่าวเฉินลูบศีรษะลูก หันศีรษะกลับมาพูดกับหมอหานที่ยืนมึนงงอยู่ว่า"นี่คือลูกชายของผม"

นี่คือลูกชายของผม

คำพูดสั้นๆ แต่ทว่าหมอหานรับรู้ได้ถึงความภาคภูมิใจ

"อืม ดูออกแล้ว มีลักษณะคล้ายคุณมาก" หมอหานตอบตามความจริง

เย่ฉ่าวเฉินพาเขาเดินไปทางระเบียง ผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกสีชมพูนั่งอยู่ใต้แสงแดด สงบนิ่งเหมือนภาพวาด

คือมู่เวยเวย หมอหานจำข้างหลังของเธอได้

ได้เจอกันอีกครั้ง หัวใจของหมอหานก็รู้สึกเจ็บจี๊ดอย่างไม่รู้สาเหตุ ผู้หญิงคนนี้ผ่านประสบการณ์มาในช่วงเวลาสั้นๆ เทียบกับเขาสามสิบกว่าปีถือว่ามีอนุภาพที่แข่งแกร่ง ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับในละคร

เก้าอี้สำหรับเอนด้านข้างวางกล่องยาอยู่ ด้านในมียาที่ในช่วงนี้มู่เวยเวยจำเป็นต้องใช้อยู่ในนั้น

"เวยเวย ควรจะเปลี่ยนยาแล้วนะ"

มู่เวยเวยเงยศีรษะขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน สายตาแสดงออกถึงการปฏิเสธ เปลี่ยนยาเจ็บมากเลย

"ไม่ต้องกลัว หมอหานมือเบามาก "เย่ฉ่าวเฉินอ่านสายตาเธอออก พูดปลอบโยนเธอ

มู่เวยเวยมองชายแปลกหน้าที่อยู่ทางด้านหลังเขา ไม่เหมือนกับที่หมอหานคิดว่าเธอจะทักทาย และยังใช้สายตามองเหมือนคนแปลกหน้า ก็ยังหันศีรษะกลับไปอย่างไม่มีความสุข

ตามจากไหวพริบตามสายอาชีพของหมอหาน หมอหานดูออกอย่างรวดเร็วว่ามู่เวยเวยผิดปกติ

เมื่อก่อนเธอเกรงใจเขามาก ถึงจะอารมณ์ไม่ดีแต่ก็ไม่มีทางใช้สายตาเย็นชามอง

"คุณนายเย่เป็นอะไร?" หมอหานถามเย่ฉ่าวเฉินตรงๆ

เย่ฉ่าวเฉินหลบสายตาลงยากที่จะสังเกตเห็นความเจ็บปวด พูดเสียงราบเรียบว่า"สมองเธอได้รับกระทบกระเทือน ตอนแรกสายตาก็มองไม่เห็นอะไรเลย ไม่กี่วันมานี้ได้ทำการผ่าตัด การมองเห็นกำลังกลับมาฟื้นฟู แต่ความทรงจำยังคงยากหน่อย หลายคนหลายเรื่องราวเธอก็จำไม่ได้แล้ว"

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้

"ยานี้เป็นยาที่นำมาจากโรงพยาบาล นี่คือผ้าพันแผลที่ใช้กับยา หมอกำชับมาว่าทุกเช้าต้องทำการเปลี่ยนยาให้เธอ "

หมอหานดูยาทุกตัวอย่างละเอียด ส่วนหนึ่งคือใช้ฟื้นฟูบาดแผล อีกส่วนหนึ่งคือใช้รักษาระบประสาท

"ผมเข้าใจแล้ว เรื่องในนี้มอบให้ผมดูแลเถอะ"หมอหานพูด

เย่ฉ่าวเฉินแสยะยิ้มที่มุมปาก "เกรงว่าจะไม่ได้ ตอนนี้เธอกลัวเจ็บมาก ถ้าหากผมไม่อยู่เป็นเพื่อนเธอ คาดว่ายาของคุณก็คงไม่มีหนทางได้เปลี่ยนแล้ว"

หมอหานยักไหล่พูดว่า"ก็ได้"

เย่ฉ่าวเฉินถอดหมวกสีชมพูของเธอออก มองเห็นศีรษะล้านๆของเธอ ด้านซ้ายของศีรษะมีผ้าปิดปากแผลอยู่

"โอเคแล้ว คุณทำได้เลย"

เย่ฉ่าวเฉินเปิดทางให้ ย่องอขาลงกอบกุมมือของมู่เวยเวย พูดคุยเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ "สองวันก่อนหน้านี้มู่เทียนเย่บอกว่าเขาอยากขอเสี่ยวซีหร่านแต่งงาน"

มู่เวยเวยสนใจกับข่าวที่ได้รับจริงๆ"ขอแต่งงาน?"

"ใช่ พวกเขาสองคนไม่เหมาะสมกัน พวกเขาปีศาจร้ายทั้งคู่ ควบคุมไว้ทั้งสองฝ่ายดีแล้ว หลีกเลี่ยงการปลดปล่อยออกมาเป็นอันตรายต่อคนอื่น"เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสะเทือนใจ

มู่เวยเวยได้ยินคำว่าปีศาจร้ายก็หัวเราะเหอะๆ

"แต่เธอไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้เห็น มู่เทียนเย่พูดแล้ว เขาต้องการวางแผนให้รอบครบ และอีกทั้งยังรอเธอฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ดีถึงจะขอแต่งงาน เธอดีใจไหม?"ที่จริงเย่ฉ่าวเฉินรู้ว่ามู่เทียนเย่ไม่อยากให้น้องสาวรู้สึกเสียดาย

ในโลกนี้แล้ว นอกจากผิงอันก็เหลือแค่มู่เทียนเย่กับมู่เวยเวยที่มีสายเลือดเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองถึงต้องให้ความสัมคัญกัน

"อืม ดีใจ" มู่เวยเวยยิ้มเล็กน้อย

เย่ฉ่าวเฉินก้มศีรษะลงจูบที่มือของเธอ "ถ้าดีใจเธอต้องรีบดีขึ้นมานะ ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่มู่เทียนเย่จะได้แต่งงานกับเสี่ยวซีหร่าน?"

มู่เวยเวยยิ้มแหยๆ"ได้สิ "พูดจบก็รู้สึกเจ็บหนังศีรษะนิดหนึ่ง จิตใต้สำนึกทำให้เธอหดศีรษะถอยสักพักหนึ่ง

เย่ฉ่าวเฉินใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มเธอไว้ พูดเหมือนปลอบโยนเด็ก "โอเคแล้วๆ อีกสักพักก็ดีแล้ว เวยเวยแข่งแกร่งที่สุด"

ดวงตาใสสะอาดของมู่เวยเวยน้ำตาคลอเบ้า ยาเข้าไปกระตุ้นโดนบริเวณบาดแผล ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะออกอาการสั่นระริก

เย่ฉ่าวเฉินเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงหัวใจ รีบพูดเร่งหมอหาน"คุณเร็วๆหน่อยสิ"

"หนึ่งนาที"หมอหานพูดอย่างเรียบง่าย เขากำลังทำขั้นตอนสุดท้าย ใช้เทปกาวทางการแพทย์แปะเสร็จเรียบร้อย ปกปิดรอยแผลที่น่ากลัวนั้นไว้

"โอเคแล้ว" ทำเสร็จทั้งหมดแล้ว หมอหานก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก็นับว่าทำเสร็จแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินลูบแก้มมู่เวยเวยเบาๆอย่างไม่อาย"เยี่ยมมาก" หลังจากนั้นก็หยิบหมวกมาใส่ให้เธอใหม่อีกครั้ง

หมอหานมองการกระทำของเย่ฉ่าวเฉินแล้วรู้สึกระทมทุกข์

เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนไปมาก ถ้าเขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเย่ฉ่าวเฉินจะมีความอบอุ่นนุ่มนวลเหมือนเส้นที่อยู่ในน้ำ

เขารู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินต้องเคยเห็นบาดแผลนั้น เขาเป็นหมอ เห็นบาดแผลอย่างนั้นรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่อีกทั้งยังไม่ได้มีท่าทีที่รังเกียจหรือไม่เหมาะสมออกมา หมอหานยอมรับนับถือเขาตรงจุดนี้

หมอหานเก็บกระเป๋ายา อดไม่ได้ที่จะถามเย่ฉ่าวเฉิน"ที่จริงเรื่องการเปลี่ยนยาเป็นเรื่องง่าย คุณเย่ก็สามารถที่จะทำเองได้ทั้งหมด"

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาแวบหนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา"อย่างนั้นแล้วมีคุณไว้ทำไม?"

เอ่อ.....

"ทำเหมือนว่าผมไม่ได้ถามละกันนะครับ" หมอหานคิดผิดแล้ว เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้เปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนทุกอย่างให้เพียงแค่มู่เวยเวย ใช่แล้วยังมีอีกคนคือลูกชายของเขา

เย่ฉ่าวเฉินส่งเขาออกไป ถามอีกว่า"ลักษณะอาการของเวยเวยเป็นอย่างนี้ คุณคิดว่าเธอจะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่?"

หมอหานไม่มั่นใจ เขาไม่ใช่หมอเฉพาะทางด้านสมอง

"เรื่องนี้ผมตอบไม่ได้จริงๆ"หมอหานตอบอย่างเคร่งขรึม"เรื่องระบบประสาทและสมองของคนเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่งของการศึกษาของวงการแพทย์ ลักษณะอาการของคุณนายเย่เหมือนกับว่าลำธารเล็กๆที่ถึงมีก้อนหินขวางกั้น เตรียมตัวว่าวันไหนที่ลำธารเล็กๆจะสามารถผ่านทะลุจากก้อนหินไปได้อย่างกะทันหัน อย่างนั้นเธอก็หายแล้ว"

เย่ฉ่าวเฉินฟังจบ มอบให้กับเขาว่า"ไร้สาระ"

หมอหานเงียบสนิทไม่พูดออกมา อึดอัดใจมากเลยรู้ไหม? เขาพูดอะไรผิด?เขาพูดความจริงทั้งนั้นเลย

"หรือว่าไม่มีวิธีที่ดีที่สุดแล้วเหรอ? ทำได้แค่เพียงรอ?" เย่แ่าวเฉินพูดอย่างหงุดหงิด

หมอหานพูดเพื่อจะสะท้อนให้เห็นเฉพาะสาขา คิดแล้วคิดอีกพูดว่า"อืม.....คุณนายเย่ชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ชอบไปเที่ยวที่ไหน รอแผลของเธอหายสมานกันแล้ว คุรสามารถที่จะพาเธอไปทดลองดู อารมณ์ของคนไข้ดีหรือไม่ดีก็ส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกายด้วย ถ้าหากว่าอยู่บ้านทุกวัน คนก็ง่ายต่อการจิตใจหดหู่หนักสุดก็ง่ายต่อการเป็นโรคซึมเศร้า"

เย่ฉ่าวเฉินฟังอย่างละเอียด ไม่ได้ออกความคิดเห็นแต่อย่างใด แต่ทว่าในใจคิดจะทำวิธีการของหมอหาน

เธอชอบทำอะไร?เย่ฉ่าวเฉินรู้ว่าเธอชอบออกแบบเสื้อผ้า งานอดิเรกอย่างอื่นไม่รู้อะไรทั้งนั้น

อย่างนั้น เอากระดาษให้เธอแผ่นหนึ่งกับดินสอหนึ่งแท่งลองดูไหม?

คิดได้อย่างนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็มาห้องข้างๆที่มู่เวยเวยเคยพักอยู่ หยิบสมุดงานออกแบบเมื่อก่อนของเธอออกมาจากลิ้นชัก ก็เป็นเธอในเวลาที่เป็นฉู่เหยียน เย่ฉ่าวเฉินเห็นสมุดเล่มนั้นที่อพาร์ตเมนต์

หยิบสมุดออกแบบเล่มหนาวางลงตรงหน้ามู่เวยเวย สายตาของเธอแพรวพราวขึ้นมา

"นี่เป็นงานออกแบบเสื้อผ้าของเธอเมื่อก่อน ดูสิ เธอยังจำได้ไหม?"เย่ฉ่าวเฉินนั่งลงข้างเธอ วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เขามีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกเยอะ ส่วนลูกชายก็สามารถเล่นคนเดียวได้สบายมาก เขาอยู่อีกด้านเหมือนเป็นส่วนเกิน

มู่เวยเวยพลิกสมุดออกแบบ หน้าแรกวาดกระโปรงยาวของผู้หญิง ลายเส้นเรียบง่าย

เข้ากับเอวได้อย่างเหมาะสม ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความคุ้นชิน อีกทั้งยังใหม่เช่นนี้

"นี่คืออะไร?"มู่เวยเวยถามอย่างระมัดระวัง

เย่ฉ่าวเฉินโอบเอวของเธอ ทำให้เธออยู่บนตัวของเขา "นี่คือกระโปรงที่เธอออกแบบ"

"ฉัน?"มู่เวยเวยไม่อยากจะเชื่อ

"ใช่ เธอนั่นแหละ เธอเป็นนักออกแบบที่เก่งมาก"

มู่เวยเวยยิ้มออกมาอย่างดีใจ พลิกไปทีละแผ่นเรื่อยๆจนถึงหน้าสุดท้าย เธอมองเห็นว่าออกแบบชุดเด็กเป็นจำนวนมาก ตกตะกอนความคิดว่าเป็นผิงอันที่เติบโตมาในโลกนี้พูดว่า"ลูกสินะ"

เย่ฉ่าวเฉินผงกศีรษะ"อืม คือผิงอัน"

มู่เวยเวยยิ้มอย่างมีความสุขอิ่มเอิบหัวใจ"ฉันวาดสินะ"

เย่ฉ่าวเฉินมองความน่ารักน่าหลงใหลของเธอ โน้มตัวไปด้านหน้าจูบที่ริมฝีปากของเธอ"ใช่เธอเป็นคนวาด"

สาวน้อยมีความสุขมาก ใช้มือลูบเบาๆที่ลายเส้นนั้น รู้สึกว่ามีบางอย่างวิ่งผ่านสมองของเธอไป เธออยากจับไว้แต่ทว่าจับไม่ได้

เย่ฉ่าวเฉินนั่งข้างเธอ ตอนแรกยังนั่งอาบแดดอย่างสงบเสงี่ยม แต่ทว่าร่างกายของมู่เวยเวยมีกลิ่นอายที่หอมหวล ยั่วยวนเซลล์ทุกเซลล์ที่อยู่ในร่างกายของเขา ทำให้เขาละสายตาจากแผ่นหลังที่สวยงามของเธอไม่ได้เลย มือทะลวงล้วงเข้าไปภายในเสื้อของเธอ

มู่เวยเวยรับรู้ได้ถึงการวุ่นวายตอแยของเขา ในที่สุดก็หันความสนใจจากสมุดออกแบบไปที่ใบหน้าของเขา เขาล้วงสัมผัสผิวด้านในของเธออย่างหยาบโลน ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอิบชื่นมื่นหัวใจ

เธอมองเขา เขามองเธอ ทั้งสองฝ่ายมองตากัน ทำให้รู้สึกเกิดเสียงพลุแตกดังขึ้น

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น สาวน้อยยื่นริมฝีปาก.....

เย่ฉ่าวเฉินคาดไม่ถึงว่าเธอสูญเสียความทรงจำแล้ว จะเปลี่ยนกลายเป็นคนกล้าหาญอย่างนี้ เธอจูบเขาเอง

อีกทั้งยังเป็นเวลากลางวันแสกๆ สถานการณ์สร้างความผาสุกอย่างนี้เธอไม่เคยทำให้เขามาก่อนเลยสักครั้งเดียว

จูบเธอสัมผัสที่อ่อนหวานนุ่มนวล คล้ายกับค่อยๆเป็นเผยความรักของเขาออกมาทีละนิด

เดิมที่เป็นจูบที่เพียงลิ้มลองแล้วหยุดไป แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินทำให้เป็นจูบที่มีกลิ่นอายล้ำลึกร้อนระอุ เต็มไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรง

คเย่ฉ่าวเฉินไม่พึงพอใจกับจูบที่ค่อยเป็นค่อยไปนี้ เขาต้องการมากกว่านี้

"แม่——"เสียงที่อ่อนนุ่มนวลและประหลาดใจของเด็กน้อยดังขึ้น

เย่ฉ่าวเฉินได้สติกลับมา เขาลืมเด็กน้อยคนนี้ไปได้อย่างไร?เขารับรู้ได้ว่าตัวของหญิงสาวแข็งทื่อไป ใบหน้าแดงก่ำรีบลุกเป็นพัลวันออกจากตัวของเขา

"คุณกัดแม่ทำไม?"สองตาคู่นั้นมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยความโกรธ

เย่ฉ่าวเฉินเอามือลูบหน้าผาก ใครสามารถที่จะบอกเขาว่าคำถามนี้จะตอบได้อย่างไร?

"อย่างนี้นะ ผิงอัน ฉันไม่ได้กัดแม่เลย ฉันรักแม่ของหนูถึงได้ทำอย่างนี้"

ผิงอันเป็นเด็กอายุน้อยที่ฉลาด เลยไม่เชื่อคำพูดของเขา"คนโกหก"

"จริงๆ"

"ผมจะไปถามคุณปู่" คุณปู่ที่ว่าก็คือพ่อบ้านหวัง

ผิงอันวิ่งไปทางประตู เย่ฉ่าวเฉินตกใจวูบ รีบลุกขึ้นวิ่งตามเขาไป สั่งสอนเขาอย่างจริงจังว่า"เรื่องอย่างนี้ไม่ควรที่จะไปถามคนอื่น และไม่ควรที่จะบอกคนอื่น"

ผิงอันสงสัยมาก"ทำไมล่ะ?"

"เพราะว่า...เพราะว่า..."เวลานี้เย่ฉ่าวเฉินไม่มีคำพูด พูดคำว่าเพราะว่าอยู่เป็นเวลานานถึงพูดออกมาว่า"หนูโตขึ้นก็รู้แล้ว อีกอย่างไม่ควรที่จะถามคนอื่น ก็ทำเหมือนว่าเป็นความลับระหว่างพ่อแม่กับลูก ตกลงไหม?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ