วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 264

ผิงอันที่อยู่ทางด้านข้างกำลังดูทุกคนหัวเราะกัน เขาก็หัวเราะตามพร้อมทั้งยังเลียนเสียงพูด “ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะๆ”

มู่เวยเวยอดที่จะหัวเราะไม่ได้พร้อมกับบีบไปที่จมูกเล็กๆของผิงอันและพูดว่า“ลูกก็มาดูเราสนุกกันหรอ?”

“ขอร้องปล่อยฉันไปเถอะๆ”ผิงอันหัวเราะฮิๆและพูดขึ้น

“ฮ่าๆๆๆ”เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะขึ้นเสียงดัง “ผิงอันชั่งเป็นหลานที่น่ารักของอาเสียจริง มานี่สิ อาขอชื่นชมเธอหน่อย”เย่ฉ่าวเหยียนคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้นขึ้นมาหยุดต่อหน้าเขา จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในปากของเขา

“ขอบคุณครับคุณอา”ผิงอันมีน้ำเสียงที่สดใสน่ารัก

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกลูก”เย่ฉ่าวเหยียนลูบๆที่ผมอ่อนของเขา

ในเวลานี้มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะคละเคล้าอย่างมีความสุข พ่อบ้านหวังทำหน้าที่รินเหล้าด้วยความตื้นตันใจ บ้านหลังนี้ไม่มีเรื่องราวที่ทำให้มีเสียงหัวเราะแบบนี้นานแล้ว

แต่ก็มีทั้งคนที่มีความสุข และคนที่กำลังโมโห

“ผละ——”ฟานเสี่ยวเหมยวางตะเกียบลง ทันใดนั้นเสียงของมันก็ได้ดังขึ้นมาขัดจังหวะความสุขของคนที่อยู่รอบๆข้าง

มู่เวยเวยรู้ดี แต่ก็ยังคงถามเธอด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับมีร้อยยิ้มว่า“คุณฟาน มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณไม่สบายใจอย่างนั้นหรอ?”

“อาหารของฉันทำไมยังไม่มา?ยังอยากจะให้คนกินอยู่หรือเปล่า?”ฟานเสี่ยวเหมยพูดด้วยความโมโห

มู่เวยเวยไม่โกรธ เมื่อกี้พ่อบ้านหวังพึ่งจะเข้าไปเร่งพวกเขา แต่เห็นเพียงแค่สาวใช้คนเดียวยกอาหารสองอย่างออกมา

“มานี่ มาวางตรงนี้ ”มู่เวยเวยเคลื่อนจานอาหารสองจานก่อนหน้ามาวางไว้ตรงหน้าของฟานเสี่ยวเหมย และจานที่อยู่ในมือของสาวใช้ด้วย

จานหนึ่งคือผัดเนื้อ และอีกหนึ่งจานคือเต้าหู้หมาล่า

แม่บ้านฉินก็นะ……ทำออกมาพอเป็นพีธีเพื่องานนี้

แต่เธอไม่ชอบ

“อาหารพื้นๆแบบนี้หรอ?”ฟานเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

สาวใช้โค้งตัวลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“แม่บ้านฉินบอกว่า ที่บ้านไม่ได้เตรียมเรื่องวัตถุดิบอาหารไว้ ดังนั้นจึงสามารถทำออกมาได้เพียงอาหารสองอย่างนี้ที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย”

พ่อบ้านหวังเดาออกทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงอธิบายว่า “วัตถุดิบอาหารของบ้านนี้ทุกวันเราจะเริ่มไปซื้อตอนเข้ามืดเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุด เป็นปกติที่เวลานี้ห้องครัวจะไม่มี”

ฟานเสี่ยวเหมยจะพูดอะไรได้อีกล่ะ พี่ชายที่อยู่ทางด้านข้างสะกิดที่แขนของเธอเพื่อบอกให้เธอสงบปาก

ฟานเสี่ยวเหมยถอดหายใจหนึ่งครั้ง และจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า“เอาอย่างนั้นก็ได้”

มู่เวยเวยหัวเราะพร้อมกับนั่งลง ในใจของเธอแอบคิดเบาๆว่า สาวน้อย บ้านตระกูลเย่ไม่ใช่ว่าเธอคิดแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้นนะ

……

นอกจากมีเสียงเพลงประกอบละครแทรกเข้ามา บรรยากาศของการทานอาหารในค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นกันดี เพื่อเป็นการทำให้เย่ฉ่าวเฉินนึกเรื่องราวในอดีตออก เย่ฉ่าวเหยียนเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายในสมัยที่พวกเขาเป็นเด็กให้เขาฟัง รวมทั้งเรื่องที่เขาปลอมเป็นผู้ปกครองของน้องเพื่อไปเข้าร่วมงานประชุมผู้ปกครองและถูกคุณครูสั่งสอน เรื่องที่มีผู้หญิงเขียนจดหมายรักมาส่งให้ถึงมือของเขาแต่เขาโยนจดหมายนั้นทิ้งจนทำให้ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ เรื่องที่สองพี่น้องไปเที่ยวบนภูเขาและเกิดหลงทางและยังมีเรื่องอื่นๆอีก เรื่องราวพวกนี้มู่เวยเวยได้ฟังเป็นครั้งแรก

ชนแก้วกันไปกันมา ตอนนี้ก็ดื่มเข้าไปห้าถึงหกขวดแล้ว

เย่ฉ่าวเฉินเห็นเธอหน้าแดงจึงพูดกับเธอหนึ่งประโยคว่า“เธออย่าดื่มอีกเลยดีไหม”

ใครจะรู้ว่ามู่เวยเวยจะทำท่าโบกมือ“ฉันไม่เป็นไร ฉันยังดื่มได้อีก สองสามเดือนที่คุณหายไป ตกกลางคืนถ้าฉันนอนไม่หลับก็จะอาศัยการดื่มเหล้าแบบนี้แหละ คุณดูสิ ฉันฝึกดื่มจนดื่มได้มากขนาดนี้แล้วนะ”

เธอพูดอย่างมีความสุข แต่คนที่ฟังกลับรู้สึกทุกข์ใจ โดยเฉพาะเย่ฉ่าวเหยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ

เรื่องที่มู่เวยเวยนอนไม่หลับเขารู้ดี แต่เรื่องที่เขาไม่รู้คือ ตกถึงตอนกลางคืนเธอจะแอบดื่มเหล้า

สายตาของเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด

เย่ฉ่าวเหยียนถามคำถามเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ “พี่ เอาแบบนี้ไหม พรุ่งนี้เราไปที่บริษัทกัน ไม่แน่ว่าสภาพแวดล้อมของที่นั่นอาจจะทำให้คิดอะไรออกได้บ้าง ความทรงจำของพี่อาจจะกลับมาได้เร็วขึ้นก็เป็นไปได้ ฉันก็จะได้ออกจากสภาพแวดล้อมที่มันร้อนเป็นไฟแบบนี้เร็วขึ้นหน่อย”

เย่ฉ่าวเหยียนเขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำงานอยู่ที่บริษัท เมื่อเห็นตารางงานของตัวเองในบริษัทที่ไม่เหมือนกันในแต่ล่ะอาทิตย์ หัวของเขาก็จะระเบิดแล้ว และการจัดการในแต่ล่ะเดือนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาคิดว่าเขายังคงเหมาะสมกับการเป็นเจ้าชายที่อยู่ว่างๆและออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆจะดีกว่า หากมีพี่ชายอยู่แน่นอนว่าก็คงยังมีเงินใช้จ่ายได้สบาย

เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเขารู้สึกทำตัวไม่ถูก“แต่ว่าถ้าฉันไปก็ทำอะไรไม่เป็นอยู่ดี จะให้ฉันไปทำไมล่ะ?”

“ความรู้ด้านการทำธุรกิจของพี่มันมีมากกว่าผมเยอะ ตั้งแต่ที่เรียนมาก็เรียนได้เร็วกว่าผม และเรื่องวันพรุ่งนี้ก็ไม่ซับซ้อนอะไรมาก ทำหน้านิ่งๆก็ได้แล้ว”

“อย่างนี้……ก็ได้หรอ?”

มู่เวยเวยแขวะเขาขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนิ วันๆก็ชอบทำหน้าเย็นชา ราวกับว่ามีใครไปทำให้คุณลำบากใจอย่างนั้นแหละ”

เอ่อ……เขาเป็นประธานที่มีลักษณะอย่างนั้นจริงๆหรอ?

“เอาเป็นว่าแบบนี้และกัน วันพรุ่งนี้พี่ไปบริษัทกับผม และก็ไม่ต้องตื่นเต้น ผมจะคอยยืนอยู่ด้านข้างของพี่”เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า“เวยเวย พรุ่งนี้เธอก็ไปด้วยกันสิ เพื่อเป็นการป้องกันคนอื่นซุบซิบนินทา”

“ซุบซิบนินทาอะไร?”มู่เวยเวยถามด้วยความสงสัย

เย่ฉ่าวเหยียนจำใจเขาวางมือลงที่โต๊ะ“ยังจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ?พนักงานในบริษัทต่างคิดว่าฉันเป็นคนแย่งชิงตำแหน่งประธานบริษัทไป สายตาของพวกเขาแปลกๆเวลามองมาที่ฉัน พวกเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าคนอย่างฉันที่เป็นคนดีมีน้ำใจจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ?ดังนั้นพวกคุณทั้งสองต้องไปเป็นพยานให้กันฉันในวันพรุ่งนี้ด้วย”

“เอาล่ะๆ พูดซะน่าสงสารเลย ฉันไปก็ได้ โอเคมัย?”มู่เวยเวยใช้ตะเกียบเคาะไปที่สันจมูก จากนั้นก็ เชอะ ออกมาหนึ่งที

ฟานเสี่ยวเหมยไม่ฟังว่าใครจะมีความคิดย่างไร“ฉันก็จะไปด้วย”

“ติง——”ตะเกียบของมู่เวยเวยหล่นลงไปในแก้วจึงมีเสียงใสๆของแก้วดังขึ้น เธอหันหน้าไปมองที่ฟานเสี่ยวเหมย“เธอจะไปทำอะไรล่ะ?ที่นั่นคือบริษัทนะไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าซะหน่อย”

ฟานเสี่ยวเหมยพูดเสียงแข็งว่า“ฉันอยากไปดูบริษัทของพี่ฉ่าวเฉินไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”

วันนี้มู่เวยเวยดื่มมากไปหน่อย เธอพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก“สาวน้อย เธอรู้ไหมว่าพี่ฉ่าวเฉินหนะ เวลาอยู่ต่อหน้าหพนักงานเป็นคนอย่างไง?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”ฟานเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่ค่อนยุติธรรม เธอไม่ได้เคยทำงานบริษัทสักหน่อย

มู่เวยเวยวางมือข้างหนึ่งลงที่ไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน “เขานะ มีหน้าตาที่หล่อเหลา ทำงานก็เก่ง มีน้ำใจและใจกว้างต่อพนักงาน รักภรรยาและรักครอบครัวมาก คนในที่ทำงานล้วนแต่มองเขาว่าเป็นดังเทพ ที่เธอไปเพื่อต้องการจะบอกทุกคนว่า ชายคนที่พวกเขารักและเคารพ เป็นประธานที่อยู่เหนือหัวของพวกเขาเป็นคนหลายใจอย่างนั้นใช่ไหม?”

การพูดแบบไม่ได้ตั้งของเธอแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกได้ คำพูดที่มู่เวยเวยพูดออกมานี้ล้วนแล้วไม่ได้ถูกกลั่นกรองออกมาจากสมอง แต่เมื่อเย่ฉ่าวเฉินฟังแล้วกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

แท้จริงแล้วสำหรับพนักงานเขาเป็นคนแบบนี้หรือ?

“แต่ว่า……แต่ว่า……”ฟานเสี่ยวเหมยคิดคำพูดตั้งนาน แต่ก็พูดไม่ออก

มู่เวยเวยยกมือขึ้นจากไหล่ของเย่ฉ่าวเฉิน จากนั้นก็เลื่อนมาจับที่คางของเขาและพูดต่อว่า“สาวน้อย ฉันดูแล้วเธอคงอยากพักที่นี่เป็นเวลานาน แม้ว่าเธอคิดอยากจะแย่งเย่ฉ่าวเฉินไปจากฉัน ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ เอาอย่างนี้ไหม สองสามวันนี้เธอก็อยู่เมือง Aเที่ยวไปก่อน อยากซื้ออะไรหรืออยากไปเที่ยวที่ไหนก็ไปได้”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็หันไปทางพ่อบ้านหวังและพูดขึ้นว่า“ลุงหวัง รบกวนไปหยิบกระเป๋ามาให้ฉันหน่อย”

พ่อบ้านหวังไม่รู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร เขารีบไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในห้องโถงมาให้กับเธอ จากนั้นมู่เวยเวยก็บัตรออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่ในมือของคุณฟางพร้อมพูดขึ้นว่า“ในนี้มีเงินอยู่ห้าแสนบาท ค้าใช้จ่ายต่างๆอยู่ในบัตรใบนี้ หากว่าไม่พอฉันจะให้คุณอีก เป็นผู้หญิงค่อนข้างลำบากนะ ต้องซื้อเสื้อผ้าสวยๆ กระเป๋า เครื่องสำอาง แต่งหน้าทำผมทำให้ตัวเองดูดี ถึงจะมีผู้ชายมาชอบเยอะๆ”

ฟานเสี่ยวเหมยมองมู่เวยเวยและรู้สึกว่าเธอมีความเหยียดหยามตัวเองเล็กน้อย ไม่ใช่แค่มู่เวยเวยคนเดียวที่เหยียดหยาม ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเหยียดหยามเธอด้วย มู่เวยเวยไม่ควรมองว่าฟานเสี่ยวเหมยเป็นศรัตรูหรอกหรอ ?ทำไมถึงได้ทำดีกับเธอย่างกะทันหัน

หลังจากดื่มไวน์เสร็จยังไม่มีความรู้สึกเมามาก แต่สักพักกลับรู้สึกขึ้นเมาอย่างดื้อๆ มู่เวยเวยรู้สึกเวียนศีรษะ เพื่อไม่เป็นการทำให้เธอเสียภาพพจน์มาก เธอใช้มือจับที่เก้าอี้จากนั้นก็พยายามยืนขึ้นและเตรียมตัวไปจากที่นี่ “อย่างนั้น พวกคุณทานกันต่อได้เลย วันนี้ฉันเหนื่อยมากมาทั้งวันแล้ว ขอตัวไปพักที่ด้านบนก่อนนะ”

เมื่อหันหลังกลับเดินไปได้เพียงสองก้าว ขาของเธอก็เดินไม่ค่อยถนัด เธอเดินไถลไปทางด้านหน้าเกือบจะล้ม แต่ยังดีที่สายตาและมือของเย่ฉ่าวเฉินไว เขารีบเข้าไปประคองที่เอวของเธอไว้

มู่เวยเวยจับที่มือมองเขาแล้วพยุงตัวเองขึ้น เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยพร้อมกับสายตามองไปที่เขา“ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไร”เย่ฉ่าวเฉินอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้ขนาดที่ว่ามองเห็นตัวเองในดวงตาของเธอ ร่างกายของหญิงสาวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆของตัวเธอ ทำให้ร่างกายของเขาร้อนขึ้นมาทันที สายตาของเขาลดลงไปมองที่ปากที่มีสีเหมือนเชอร์รี่ของเธอ

ชมพูระเรื่อ แถมยังมันวาว ชั่งดูน่าลิ้มลองเสียจริง

เย่ฉ่าวเฉินถูกความรู้สึกของตัวเองปลุกให้มีสติกลับมา เขารีบปล่อยมือจากเธอ

มู่เวยเวยดื่มมากเกินไปจริงๆ เธอเห็นภาพใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินลอยขึ้นมา เธอจึงหัวเราะฮิๆและพูดว่า“หา และแล้วก็ลับมาแล้ว ดีจริงๆเลย”

เย่ฉ่าวเฉินกลับไปที่เดิม เมื่อได้สติกลับมา หญิงสาวคนนั้นที่มาลวนลามเขาได้ค่อยๆเดินไกลออกไป จากนั้นไม่นานก็มีเสียงเพลงที่เธอร้องดังเข้ามา

“พวกเราประชาชนตาดำๆหนะ วันนี้ชั่งมีความสุขเหลือเกิน พวกเราประชาชนตาดำๆหนะ วันนี้ชั่งมีความสุขเหลือเกิน……”

ร้องวนไปเวียนมาก็ประโยคเดิม และยังร้องเสียงเพี้ยนอีกต่างหาก ฟานเสี่ยวเหมยกับพี่ชายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เย่ฉ่าวเหยียนยักไหล่“ดูสิ ฉันเคยพูดว่าไงนะ?อย่าให้เธอได้เมานะ คนที่รับกรรมก็คือพวกคุณไง”

แต่เย่ฉ่าวเฉินกลับคิดว่า มู่เวยเวยที่เป็นแบบนี้ดูน่ารักมากๆ

นางเอกของงานไปแล้ว งานก็ค่อยๆจบลง

“วันนี้ทุกคนยุ่งมาทั้งวันแล้ว คิดว่าทุกคนคงจะเหนื่อยกันมาก รีบไปพักผ่อนกันเถอะดีไหม”เย่ฉ่าวเหยียนเดินจนลืมว่าผิงอันเดินอยู่ทางด้านหน้า เขาจึงก้มตัวลงไปถามผิงอันว่า“เด็กดี วันนี้นอนกับอาดีไหม?”

“ไม่ดี”ผิงอันปฏิเสธออกมาทันที

“อย่างนั้นเธออยากจะนอนกับใครล่ะ”

ผิงอันจับที่ปลายนิ้วโป้งของชายคนที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง“ผมจะนอนกับคุณพ่อ”

เย่ฉ่าวเหยียนลูบๆที่จมูกเล็กๆของเขา“เด็กคนนี้ ทันทีที่คุณพ่อกลับมาก็ไม่ชอบคุณอาซะแล้ว?”

“ก็ชอบอยู่ แต่อยากนอนกับคุณพ่อ”

“ไม่ต้องทำตัวใส่ซื่อขนาดนั้น?”เย่ฉ่าวเหยียนลูบไปที่เส้นผมอ่อนๆบนศีรษะของเขา“เอาล่ะ ฝันดีนะครับ”

“ฝันดีครับคุณอา”ผิงอันพูดอย่างอ่อนหวาน

เย่ฉ่าวเหยียนบิดขี้เกียจและเดินจากไป ฟานเสี่ยวเหมยที่เดินอยู่ไม่ห่างทางด้านหน้าของเย่ฉ่าวเฉิน พูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจว่า“พี่ฉ่าวเฉิน ทำไมถึงได้ให้เธอมาจับที่หน้าของพี่ล่ะ ฉันไม่ชอบเลย”

เย่ฉ่าวเฉินถอนหายใจ “ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอเมาหรอกหรอ”

“อย่างนั้นก็ไม่ได้ ”ฟานเสี่ยวเหมยน้อยในหน้าบูดหน้าเบี้ยว“พี่เป็นของฉันนะ”

เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้ามองผิงอันที่มีสายตาอันเย็นชากำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ เขารู้สึกตกใจจึงรีบสลัดมือของฟานเสี่ยวเหมยออก “เอ่อ วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ”เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มผิงอันและรีบเดินดุ่มๆจากไปโดยไม่สนใจว่าฟานเสี่ยวเหมยจะมีสีหน้าอย่างไร

พ่อบ้านหวังที่เห็นเหตุการณ์รีบเดินตามเย่ฉ่าวเฉินไป

เมื่อถึงชั้นบน เย่ฉ่าวเฉินกำลังกังวลอยู่ภายในใจ ทำไมระยะเวลาตอนที่อยู่กับฟานเสี่ยวเหมยถึงได้ไม่มีความรู้สึกอยากจะทำอะไรเธอแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเธอจะอยู่บนร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่มีความรู้สึกสนใจในตัวเธอเลย แต่เมื่อกี้ที่มู่เวยเวยเข้ามาอยู่ใกล้ๆเขา เขากลับรู้สึกว่าอยากจะจูบเธอล่ะ ?

หรือว่าจะเป็นความทรงจำของร่างกาย?

พ่อบ้านหวังพาทั้งสองคนมาที่ห้องที่มู่เวยเวยเคยอยู่ เพราะว่าเป็นสถานที่ที่คุ้นเคยในอดีต ของทุกชิ้นในภายห้องสามารถบอกได้ถึงความคิดของเธอ

“คุณชาย คุณก็พักที่นี่เถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้”

“ตกลง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ