มู่เวยเวยหัวเราะเบาๆ "รู้แล้ว"
เย่ฉ่าวเหยียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวซีหร่านดี เมื่อรวมกับความช่วยเหลือของมู่เทียนเย่แล้ว การที่ตระกูลเย่จะถูกทำลายนั้นเป็นไปได้มาก เขาจึงรีบพูดว่า "พี่สาว ผมสัญญากับคุณเลยว่าเวยเวยจะไม่โดนรังแกแม้แต่น้อย คุณกับพี่มู่สบายใจได้"
"ถ้าอย่างนั้นก็ดี"
มู่เทียนเย่เดินมาตรงหน้าพวกเย่ฉ่าวเฉินสามคน หลังจากมองไปทั่วๆแล้ว เขาก็มาจ้องเย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาดุร้าย “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันรู้ว่านายความจำเสื่อม แต่ความคิดของนายยังอยู่ ช่วงที่ความทรงจำยังไม่กลับมาอย่าทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียใจทีหลัง ไม่งั้นครั้งนี้ฉันไม่ให้อภัยนายแน่"
เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เสียใจเรื่องอะไร เขาหมายถึงเสี่ยวเหมยเหรอ
หลังจากที่มู่เทียนเย่กับเสี่ยวซีหร่านกลับไป มู่เวยเวยก็พูดกับพ่อบ้านหวังด้วยสีหน้าเย็นชา "อาหวังให้คนทำความสะอาดห้องนอนแขกสองห้อง แล้วก็มาพาเย่ฉ่าวเฉินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะคะ เราจะไปโรงพยาบาลทันที”
เสี่ยวเหมยจับมือของเย่ฉ่าวเฉินเวยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ฉันอยากนอนห้องเดียวกับฉ่าวเฉิน"
ทุกคนต่างตะลึง
มู่เวยเวยดูจะไร้ความรู้สึกแล้ว เธอพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ เต็มไปด้วยอำนาจ “ฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านตระกูลเย่ คำพูดฉันถือเป็นสิทธิ์ขาด”
"แต่ฉ่าวเฉินเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เขาใหญ่กว่าคุณ" เสี่ยวเหมยเขย่าแขนของเขา และพูดด้วยรอยยิ้ม "ฉ่าวเฉิน คุณจะว่าอะไรมั้ยถ้าเราจะนอนด้วยกัน เรากำลังจัดงานแต่งงานกันแล้วนะ"
เย่ฉ่าวเฉินลังเลยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินมู่เวยเวยพูดว่า "สาวน้อย ฉันขอเตือนเธอนะ งานแต่งยังไม่ทันได้จัดเสร็จ และถึงจะจัดเสร็จก็ไม่มีอะไรยืนยันได้"
คำพูดของมู่เวยเวยได้อธิบายเรื่องราวให้คนอื่นฟังอ้อมๆไปด้วย
"พี่ฉ่าวเฉิน" เสี่ยวเหมยหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอทำตัวอ้อนเขา "ดูเธอสิ…"
มู่เวยเวยมองเขาอย่างเย็นชา “คุณเลือกเอาเอง”
เย่ฉ่าวเฉินตบไหล่เสี่ยวเหมยบอกให้เธอเลิกสร้างปัญหา ทันใดนั้นผิงอันที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่ฉ่าวเหยียนก็พูดว่า “แม่ พี่สาวคนนี้คือใคร”
ผิงอันอายุปีกว่าแล้ว ดังนั้นจึงพูดได้คล่องมากแล้ว
เสียงที่เล็กๆนั้นทำให้ทุกคนเงียบไปในชั่วขณะ เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมอง และก็เห็นว่าใบหน้าเล็กๆที่คล้ายกับเขากำลังมองมาที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุด แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กคนนี้ แต่เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกเหมือนฝันถึงเขาเป็นพันๆครั้งแล้ว โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ มันมักจะปรากฏในคืนที่ปั่นป่วน นำเขาไปสู่แสงสว่างเสมอ
มู่เวยเวยยิ้มอย่างนุ่มนวล "ถามพ่อดูสิลูก"
ผิงอันเชื่อฟังมาก เขาถามด้วยรอยยิ้ม "พ่อ พี่สาวคนนี้เป็นใคร"
เย่ฉ่าวเฉินตกตะลึง เขารู้สึกอึดอัดใจที่จะตอบ "เธอเป็น…เพื่อนของพ่อ"
เขายังคงแพ้ให้กับดวงตาอันบริสุทธิ์ของลูกชาย
“ พี่ฉ่าวเฉิน….พี่” เสี่ยวเหมยโกรธเล็กน้อย
"อย่าสร้างปัญหา" เย่เส้าเฉินปลอบเธอ เสร็จแล้วก็หันไปถามมู่เวยเวย "แล้วฉันจะนอนที่ไหน"
"คุณเป็นสามีของฉัน คุณว่าคุณต้องนอนที่ไหนล่ะ" เสียงที่นุ่มนวลของมู่เวยเวยมีความประชดเล็กน้อย
เสี่ยวเหมยดิ้นเร่าๆอีกครั้ง แต่ก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินหยุดไว้ “แต่ผม….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบมู่เวยเวยก็พูดอีกครั้ง "แต่ในสถานการณ์แบบนี้คุณนอนคนเดียวแล้วกัน อาหวังทำความสะอาดห้องเก่าของฉันให้คุณชายพักด้วยนะคะ”
"คุณหนูห้องนอนของคุณผมทำความสะอาดทุกวัน" พ่อบ้านหวังกล่าวด้วยความเคารพ
"โอเค มีอะไรอีกมั้ย" มู่เวยเวยเลิกคิ้วถามเย่ฉ่าวเฉินกับเสี่ยวเหมย
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเหมยไม่พอใจกับการจัดเตรียมนี้ แต่เมื่อคิดดูแล้วเย่ฉ่าวเฉินก็นอนคนเดียวเช่นกัน เธอจึงอดทนเก็บคำพูดไว้
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้ว่าอะไร มู่เวยเวยจึงหันหน้ามาพูดกับพ่อบ้านหวังว่า “ ผู้หญิงคนนี้ช่วยชีวิตคุณชายไว้เธอเป็นแขกผู้มีเกียรติที่สุดของตระกูลเย่ของเรา จัดสาวใช้มาคอยรับใช้ข้างๆตัวเธอด้วย อย่าละเลยเด็ดขาด "
พ่อบ้านหวังเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างมู่เวยเวย จากนั้นเขาก็เข้าใจทันทีว่าเธอหมายความว่ายังไง “ไม่ต้องห่วงครับคุณหนู ผมจะจัดการอย่างดี”
"โอเคพาคุณชาย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เราจะไปโรงพยาบาลกัน"
"ครับ"
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินและเสี่ยวเหมยเข้าไปในบ้านแล้ว เย่ฉ่าวเหยียนจึงถามมู่เวยเวยว่า "เธอโอเคมั้ย"
มู่เวยเวยถอนหายใจ "ดีสิ ทำไมจะไม่ดีล่ะ" สายตาของเธอปรากฏรอยยิ้ม "รู้ไหมตอนฉันเห็นเขาในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆนั้น ฉันก็เบาใจไปทันทีตั้งแต่แวบแรก ที่จริงแค่เขายังมีชีวิตอยู่นั้นสำคัญกว่าสิ่งใด"
เย่ฉ่าวเหยียนมองไปที่เวยเวยในสภาพนี้ และอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ “ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะไปสั่งพ่อบ้านหวังให้ดูเธอให้ดี อย่าให้ก่อเรื่อง”
"ฉันไม่กลัว" มู่เวยเวยเงยหน้า หันไปมองพระอาทิตย์ทางทิศตะวันตก และหรี่ตาเบาๆ "อย่างมากก็แค่หย่ากัน ตอนนี้ไม่มีใครมาขวางทางฉันแล้ว แต่ว่าของที่เป็นของฉัน ถ้ามีคนมาแย่งไป อย่าหาว่าฉันหยาบคายแล้วกัน”
เย่ฉ่าวเหยียนยิ้มเบาๆ มู่เวยเวยเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เธอมีเกราะของตัวเองแบบนี้ดีมาก
พ่อบ้านหวังพาเย่ฉ่าวเฉินไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็สั่งให้สาวใช้พาเสี่ยวเหมยและพี่ชายของเธอไปยังห้องรับรองแขกที่ไกลที่สุด
เมื่อผลักประตูห้องเข้าไปก็เห็นของเล่นเด็กกระจัดกระจายอยู่บนพรมหนา พ่อบ้านหวังอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายน้อยไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องของของเขา เมื่อเขาเล่นเสร็จ ตอนกลางคืนเขาจะเก็บของเขาเองครับ"
ในอากาศมีกลิ่นหอมจางๆลอยมาแตะจมูก กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่อยู่ในใจเขามานาน
หมอนคู่หนึ่งวางอยู่บนเตียงใหญ่ ถัดจากเตียงใหญ่เป็นเตียงเล็ก ซึ่งน่าจะเป็นของลูกชาย บนโต๊ะวางกรอบรูปอยู่ ในรูปเป็นภาพสามคนพ่อแม่ลูก เขาซบหัวลงบนไหล่ของมู่เวยเวย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล มู่เวยเวยมองลูกด้วยสายตาสดใส ส่วนผิงอันก็ถือเครื่องบนลำเล็กไว้ในมือ และก็เหมือนมีใครเรียกเขาอยู่ ดวงตากลมโตจึงหันไปมองกล้องพอดี
ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
เย่ฉ่าวเฉินมองภาพนั้นอย่างตะลึง เขามีรอยยิ้มอย่างนั้นจริงหรอ
"รูปนั้นคุณชายมู่เป็นคนถ่ายครับ" พ่อบ้านหวังอธิบาย "เขาเป็นพี่ชายของคุณหนู ตอนนั้นคุณบอกว่ารูปนี้สวยก็เลยขอมา และให้ผมเอาไปอัดกรอบด้วยตัวเอง”
"เมื่อก่อน...ฉันรักเธอมากหรอ" เย่ฉ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะถาม
พ่อบ้านหวังผงะ ตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “ใช่ครับ คุณรักคุณหนูถึงขนาดยอมตายแทนได้ คุณคิดว่าคุณรักมั้ยล่ะ”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบ แต่เขาจำไม่ได้เลย
“เรื่องพวกนี้ผมค่อยๆบอกดีกว่า ผมจะพาคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ”
เมื่อเดินมาจนสุดทางเดิน พี่ชายของเสี่ยวเหมยก็มองดูด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นการเลือกที่ถูกต้องที่สุด เขาไม่เคยอยู่ในบ้านที่ดีขนาดนี้มาก่อน
หลังจากคนรับใช้ออกไปเขาก็รีบมาที่ห้องข้างๆ “เสี่ยวเหมยเห็นไหมเขารวยมาก พี่บอกไว้เลยนะว่าเธอต้องจับเขาให้ได้ ถึงทำให้เขาหย่าไม่ได้ก็เป็นเมียน้อยก็ยังดี เธอไม่เคยดูละครรึไง คนรวยๆมีบ้านเล็กบ้านน้อยกันทั้งนั้น แค่พวกเราจับเย่ฉ่าวเฉินได้ พวกเราอยากได้อะไรก็จะได้ทั้งหมด"
เสี่ยวเหม่ยพูดแทรก "รู้แล้วๆ"
ด้านนอกประตูสาวใช้ฟังบทสนทนาข้างในและจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จ ทุกคนก็ไปโรงพยาบาล
"ฉันอยากไปด้วย" เสี่ยวเหมยรีบวิ่งออกไปจับแขนของเย่ฉ่าวเฉินอย่างคุ้นเคย
“เธอจะไปทำไม” มู่เวยเวยถามอย่างเย็นชา
“ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอจะพาเขาไปทำอะไร ฉันไม่สน ฉันจะตามไป”
"ตลก" มู่เวยเวยยิ้มเยาะ "กลัวฉันพาเขาไปฆ่ารึไง"
"ยังไงก็ช่าง พี่ฉ่าวเฉินไปไหนฉันไปด้วย"
มู่เวยเวยพูดไม่ออก หน้าหนาจริงๆ
"โอเค แล้วแต่เธอ แต่ถ้าไปถึงโรงพยาบาลช่วยหุบปากด้วย ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นฉันส่งเธอกลับแน่ ไม่สนว่าเธอจะเป็นใคร" มู่เวยเวยพูดเตือนเธออย่างดุดัน ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าเย่ฉ่าวเฉินความจำเสื่อมจะเป็นการดีงั้นหรอ
"ทไเป็นใหญ่ไปได้ ฉันไม่รู้จักใครสักหน่อย จะไปคุยกับใครล่ะ" เสี่ยวเหมยเบะปาก
เดิมทีมีเพียงเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวย และเย่ฉ่าวเหยียนเท่านั้นที่ไปโรงพยาบาล และพวกเขาก็นั่งในรถได้พอดี แต่พอตอนนี้มีคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน รถจึงอึดอัดขึ้นมา
เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายระหว่างทาง เย่ฉ่าวเหยียนจึงเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ "พี่นั่งหน้า"
เย่ฉ่าวเฉินได้ยินที่เขาพูดก็นั่งลงไปทันที
เสี่ยวเหมยเห็นว่าไม่มีทางแล้วจึงได้แต่เข้าไปในรถด้วยความโกรธ โดยมีเย่ฉ่าวเหยียนนั่งอยู่ระหว่างผู้หญิงสองคน
พ่อบ้านหวังพูดกับฉินหม่าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อมองส่งรถไปจนลับตา "ดูเหมือนว่าเราเจอปัญหาอีกแล้ว"
“ก็ใช่น่ะสิ”
ทันใดนั้นสาวใช้ที่ถูกสั่งให้อยู่ข้างๆเสี่ยวเหมยเข้ามากระซิบว่า "พ่อบ้านหวังฉันมีเรื่องจะบอก"
สีหน้าของพ่อบ้านหวังเปลี่ยนไป เขาพูดอย่างเย็นชา "ว่ามา"
สาวใช้พูดสิ่งที่เธอได้ยินอย่างเบาๆ แต่ยิ่งพ่อบ้านหวังได้ยินสีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ไปเรื่อยๆ แม้แต่ฉินหม่าก็โกรธมาก
ผู้หญิงคนนี้ดูซื่อๆ เธอทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ถึงจะเป็นผู้มีพระคุณของคุณชาย แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ตีท้ายครัวคนอื่นแบบนี้
"ทำดีมาก จากนี้ต้องตามติดเธอตลอด โดยเฉพาะตอนกลางคืนอย่าให้เธอได้เข้าใกล้ห้องคุณชายเด็ดขาด" พ่อบ้านหวังสั่งเสียงเข้ม
"ค่ะ"
เสี่ยวหวังเห็นเสี่ยวฟางเดินมา จึงตะโกนบอกว่า "เสี่ยวฟางบอกทุกคนมารวมกัน ฉันมีเรื่องจะพูด"
“ครับอาหวัง”
"แล้วพี่ชายของผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน" พ่อบ้านหวังถาม
"อยู่ในห้องค่ะ" สาวใช้อีกคนตอบ
"อื้ม" พ่อบ้านวังขมวดคิ้วพูดอย่างจริงจังเมื่อทุกคนเข้ามา "ฉันจะพูดสามเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องที่คุณชายความจำเสื่อมทุกคนต้องปิดปากเป็นความลับ ถ้าข่าวรั่วออกไปฉันไม่เบามือแน่”
"ครับ" คนสิบคนพูดพร้อมเพรียงกัน
"ทุกคนอยู่ในบ้านนี้มานานแล้ว ต่างก้รู้ดีว่าคุณชายรู้สึกยังไงต่อคุณหนู ถึงวันนี้จะจำคุณหนูไม่ได้ แต่ก็ต้องมีวันหนึ่งที่จะจำได้ ดังนั้นใครเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ คำสั่งใครคือเป็นสิทธิ์ขาดทุกคนคงจำได้ดี หวังว่าทุกคนจะตาสว่าง อย่าเชื่อคนผิด อย่าทำเป็นไม่รู้ ไม่อย่างนั้นถ้าคุณชายจำความได้ขึ้นมาคงจะรู้ชะตาตัวเองดีนะ"
"ครับ"
“เรื่องที่สาม คุณชายน้อยเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัวเรา ตอนนี้เขาวิ่งและกระโดดได้แล้ว อย่าให้เกิดอุบัติเหตุอะไรกับเขา ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ถ้าใครเห็นก็ให้ช่วยจับตาดู ปกป้องเขา ที่ฉันพูดทุกคนเข้าใจความหมายใช่มั้ย"
คนที่สามารถทำงานที่นี่ได้มักจะฉลาดกว่าคนปกติ พวกเขาก้มหน้าลงสบตากัน จากนั้นก็พูดพร้อมกัน "เข้าใจแล้วครับ"
เมื่อทุกคนแยกย้าย พ่อบ้านหวังก็พูดกับฉินหม่าอย่างเป็นห่วงว่า "ฉันกลัวจริงๆว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นเฉียวซินโยวคนต่อไป คุณชายกับคุณหนูเพิ่งจะอยู่กันอย่างสงบได้ไม่นาน เธออย่ามาทำให้มันวุ่นวายอีกเลย"
ฉินหม่าส่ายหน้า "ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะออมแรง แต่เธอชั้นต่ำกว่าเฉียวซินโยวไปหลายขั้น ไม่น่าทำเรื่องอะไรใหญ่มาก"
“ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
.....
มู่เหว่ยเว่ยพาเย่ฉ่าวเฉินไปโรงพยาบาลเอกชนในเมือง A ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เธอพักเมื่อครั้งที่แล้วด้วย เธอเลือกที่นี่เพราะโรงพยาบาลนี้เก็บความลับได้ดีมาก
เย่ฉ่าวเฉินไปตรวจร่างกายกับพยาบาล
มู่เวยเวยนั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง และแน่นอนว่าข้างๆเธอคือเสี่ยวเหมย
เย่ฉ่าวเฉินเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับน้ำสองขวดในมือ เขายื่นขวดหนึ่งให้กับมู่เวยเวย "ฉันให้พยาบาลอุ่นให้แล้ว" จากนั้นเขาก็ให้น้ำเย็นอีกขวดกับเสี่ยวเหมย
มู่เวยเวยจิบน้ำอุ่นๆ ให้มันค่อยๆไหลเข้าสู่อวัยวะภายใน จากนั้นร่างกายของเธอก็รู้สึกตื่นขึ้นมาทันที หลังจากที่ขาของเธอได้รับบาดเจ็บจากอากาศเย็นจัด หมอหานก็ไม่ให้เธอดื่มน้ำเย็นอีก เพราะขาของเธอโดดน้ำเย็นไม่ได้ และเย่ฉ่าวเฉินก็ยังจำมันได้
"ตอนนี้หาพี่ชายเจอแล้ว เธอจะเตรียมตัวไปทำงานเลยมั้ย" เย่เฉาเหยียนถามเธอ
มู่เวยเวยยกมือขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น "มือของฉันไม่ได้แตะดินสอมานานแล้ว ฉันเกือบลืมวิธีถืวาดไปหมดแล้ว นายคิดว่าฉันยังเหมาะที่จะเป็นดีไซน์เนอร์มั้ย"
"มันจะเป็นแค่ชั่วคราว เมื่อเธอไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้น เดี๋ยวเธอก็ชินมือขึ้นมาเอง ฉันเชื่อว่าเธอทำได้"
มู่เวยเวยถอนหายใจ “รอผลตรวจฉ่าวเฉินออกมาก่อนเถอะ ฉันยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”
"โอเค ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็ไปรายงานตัวที่แผนกออกแบบได้เลย"
"เข้าใจแล้ว"
เย่ฉ่าวเหยียนเห็นเด็กผู้หญิงอีกคนนั่งเบื่ออยู่ เขาจึงยิ้มให้บางๆ "ฉันยังไม่จักชื่อเธอเลย"
"ฉันชื่อฟานเสี่ยวเหมย" หญิงสาวรับยิ้มตอบ เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายของเย่ฉ่าวเฉิน และมีศักดิ์ในบ้าน เธอควรทำดีกับเขา
"เสี่ยวเหมย เธอบอกพวกเราได้ไหมว่าเจอพี่ชายของฉันได้ยังไง" เย่ฉ่าวเหยียนถามอย่างสุภาพ
ฟานเสี่ยวเหมยยิ้มอย่างดีใจ "เรื่องมันยาวมาก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...