วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 285

ผู้ชายคนนี้ ตอนที่ไม่รักเธอ จะทำให้เธอแทบอยากจะฆ่าเขา แต่ตอนที่รักเธอ เขาก็รักปานจะสิงตัวเธอ

ความรักที่เรียบง่ายทำให้ความเจ็บปวดของมู่เวยเวยบรรเทาลงไปได้มาก บางทีน้องสาวคนเล็กในท้องเธอก็ได้ยินเสียงร้องเพลงเหมือนกัน ค่อยๆสงบลง

หลังจากร้องจบหนึ่งเพลง เย่ฉ่าวเฉินก็เริ่มร้องเพลงอีกเพลง ซึ่งยังคงเป็นเพลงคลาสสิกของโจวเจี๋ย

หลังจากร้องเพลงทั้งสี่เพลง รถก็ไปโรงพยาบาล ท้องของมู่เวยเวยก็ไม่ปวดมากแล้ว

"ยังไงก็ตรวจดูสักหน่อย ไหนๆก็มาแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยความสบายใจ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าที่เจ็บปวดของเธอเปลี่ยนไป

"โอเค"

เมื่อไปถึงที่ห้องตรวจครรภ์ ตามกำหนดการล่วงหน้า หลังจากการตรวจโดยละเอียดแล้วหมอก็พูดอย่างจริงจังว่า " เมื่อกี้มันเป็นอาการหดตัวผิดปกติ ไม่ใช่ปวดท้องจะคลอด พวกคุณ......แอบทำอะไรดึกๆกันหรือเปล่า?"

ใบหน้าของมู่เวยเวยเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เธอก้มหัวลงและไม่กล้า พูดเย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างจริงจัง “พวกเรายังไม่ได้ทำ แค่หยอกๆเอง”

หมอก็แอบรู้อยู่เหมือนกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ฉ่าวเฉินพูด ใบหน้าของเขาก็ไม่แดงและหัวใจไม่เต้นแรงพูดว่า "อย่าทำแบบนี้อีก อีกแค่สามสัปดาห์ก็จะคลอดแล้ว หากมดลูกของคุณผู้หญิงตั้งครรภ์อ่อนไหวเกินไปจะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ง่าย "

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ฉ่าวเฉินก็จริงจังขึ้นมาทันที "ฉันรู้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก"

"เอาล่ะ กลับกันเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องระวังหน่อย อย่าสัมผัสที่ท้องบ่อยนัก มันทำให้เกิดการหดตัวผิดปกติได้ง่าย อย่างไรก็ตามการหดตัวผิดปกติก่อนคลอดถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีอาการปวดมากมาเป็นระยะๆให้รีบมาโรงพยาบาลทันที "

“เข้าใจแล้วครับหมอ”

เย่ฉ่าวเฉินช่วยมู่เวยเวยออกจากห้องตรวจ เธอมีน้ำโห และแอบหยิกหลังเขาทีนึง

“โอ้ยๆ คุณเมียยกโทษให้ฉันด้วย” เย่ฉ่าวเฉินบีบคอและร้องขอความเมตตาอันที่จริงมันไม่ได้เจ็บมากแค่เล่นตามกับเธอ

“ครั้งหน้ายังกล้าอีกไหม?” ใบหน้าของมู่เวยเวยยังแดงก่ำ

เย่ฉ่าวเฉินตอบอย่างรีบร้อน "ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ครั้งหน้าไม่กล้าละครับ"

จากนั้นมู่เวยเวยก็ปล่อยเขาไปและแสยะยิ้มว่า "เพราะเธอแท้ๆ ทำให้อายคนเขาไปหมดเลย"

เย่ฉ่าวเฉินรีบปลอบภรรยาของเขา“ไม่อายสักหน่อย หมอเป็นผู้รอบรู้อยู่แล้ว มีเหตุการณ์ไหนที่ไม่เคยเห็นบ้าง? มากสุดก็แค่ขำเราเอง”

“ยังจะเถียงอีก?”

"ก็ได้ก็ได้ ไม่เถียงแล้ว กลับบ้านกันเถอะ" เย่ฉ่าวเฉินโอบเอวเธอแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยรอยยิ้ม

โชคดีที่ไม่มีอันตรายมิฉะนั้นเย่ฉ่าวเฉินคงรู้สึกผิดไปจนตายแน่

ดูเหมือนว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่สามารถสัมผัสมู่เวยเวยได้ หญิงสาวสุดที่รักของเธอกำลังเปาะบาง

กลับมาที่รถ จางเหอถามอย่างเป็นห่วง "คุณชาย คุณนายเย่เป็นยังไงบ้าง?"

"ไม่เป็นอะไร หมอบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ" เย่ฉ่าวเฉินอธิบายสั้นๆ เขาได้รับสายตาเตือนจากมู่เวยเวย

"งั้นก็ดีแล้ว" จางเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก และสตาร์ทรถเพื่อกลับบ้าน

ในตอนนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสวมเพียงเสื้อยืดบางๆ เขามัวแต่กังวล ก็เลยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แต่ตัวเองเพียงหยิบเสื้อตัวหนึ่งมาสวมก็รีบไป

กลับมาถึงบ้าน ผู้ดูแลหวังเปิดไฟรอพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนกลับมาแล้ว สีหน้าของคุณนายเย่ก็ไม่ได้แย่แล้ว โล่งใจและกลับไปนอนต่อ

หลังจากผ่านมาทั้งคืน มู่เวยเวยก็เหนื่อยมาก เธอหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น

ในช่วงเวลานี้ เย่ฉ่าวเฉินเข้ามาดูหลายครั้งเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร

สักพัก มู่เวยเวยก็บ่นหิวและออกไปหาอะไรกิน เธอประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหมอหานนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“หมอหาน ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่? ”

หมอหานดูหงุดหงิด“ก็คุณเย่นั่นแหละ โทรหาฉันตั้งแต่เช้าให้มาหาที่บ้าน แล้วบอกให้ฉันมาอยู่ที่บ้านจนกว่าคุณจะคลอด แต่ฉันไม่ได้เอาอะไรมาเลย”

"เอาล่ะเอาล่ะ ผ่านมาครึ่งวันแล้ว" เย่ฉ่าวเฉินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถ้วยชา ตะโกนเรียกจางเหอ "ส่งหมอกลับไปเอาของ อย่าลืม ต้องพาคนกลับมาด้วย"

"เข้าใจแล้ว" จางเหอตอบด้วยรอยยิ้ม

หมอหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ออกไป

มู่เวยเวยถามอย่างไม่เข้าใจ“หมอหานเป็นไรอะ? เขาไม่อยากมาที่นี่หรอ?”

"ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในโรงพยาบาลหลายแห่ง เขายุ่งกับการหาเงินทุกช่วงเวลา ฉันจะพาเขามากักอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือน เขาจะมีความสุขได้ยังไง"

"อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง" มู่เวยเวยพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นก็ฝืนสิ มาเพราะให้ชื่อเสียงเธอ"

เย่ฉ่าวเฉินดูหมิ่น "ชื่อของฉันมีค่ากว่าเงินสินะ"

มู่เวยเวยขี้เกียจจะเถียงกับเขา เข้าไปในห้องครัว

วันแล้ววันเล่า ตามที่แพทย์บอกการหดตัวผิดปกติของมู่เวยเวยมีบ่อยขึ้น แต่ว่าที่บ้านมีหมอหานอยู่ด้วย เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว

ทำให้หมอหานลำบากเลย เขาเป็นศัลยแพทย์ที่ดี แต่เย่ฉ่าวเฉินทำให้เขาเป็นแพทย์สูติแล้วครึ่งหนึ่ง

ผิงอันรู้ว่าแม่ของเธอไม่สบาย จึงไม่ค่อยมารบกวนเธอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเวลาเล่นกับเจ้าซามอยด์มากขึ้น

หลานตัวน้อยของตระกูลมู่ก็ได้ครบเดือนแล้ว มู่เวยเวยก็กำลังจะคลอดลูกในอีกสี่วันข้างหน้า ตอนนี้เธอยังเดินไหวอยู่ เธอพาเย่ฉ่าวเฉินและลูกชายไปร่วมงานงานเลี้ยงครบเดือนของหลานชาย

เนื่องจากมู่เทียนเย่และเสี่ยวซีหรานยังไม่ได้จัดงานแต่งงาน เสี่ยวซีหรานเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบความตื่นเต้นวุ่นวาย ดังนั้นคนที่มาในวันนี้จึงเป็นญาติทั้งหมด ยกเว้นตระกูลเย่ฉ่าวเฉินและพ่อแม่ตระกูลเสี่ยว

"ว้า วข้างนอกหิมะตกเหรอ?" ผิงอันพิงกระจกรถและส่งเสียงตื่นเต้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหิมะและความตื่นเต้นของเขาก็เกินคำบรรยาย

มู่เวยเวยหันออกไปนอกหน้าต่างและตอบคำถามของลูกชายขว่า "ใช่แล้ว นี่คือหิมะ"

“ เมือง A ไม่ได้หิมะตกมาหลายปีแล้ว และนี่หิมะแรกในฤดูหนาว สวยงามมาก” เย่ฉ่าวเฉินโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอและมองดูหิมะแรกที่โปรยลงมาที่หน้าต่าง

อุณหภูมิบนพื้นดินยังคงสูงอยู่เล็กน้อย เกล็ดหิมะจะละลายทันทีที่กระทบพื้น

“ พ่อครับ เมื่อไหร่จะปั้นตุ๊กตาหิมะแบบในทีวีได้?” ผิงอันมองไปที่เย่ฉ่าวเฉินด้วยสายตาที่โหยหา

"รอให้หิมะตกเยอะกว่านี้ เยอะกว่านี้ก็ปั้นได้แล้ว"

ผิงอันตบมือและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้หิมะตกหนักๆเลย ผมก็จะปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ได้เลยใช่ไหม?"

"ใช่แล้ว"

เขาได้รับคำตอบยืนยันและพิงไปที่หน้าต่างอีกครั้ง

สวรรค์ดูเหมือนจะได้ยินคำปรารถนาของผิงอัน ในช่วงเวลาสั้นๆเม็ดหิมะเล็กๆก็กลายเป็นเกล็ดหิมะรูปเพชรขนาดใหญ่และในไม่ช้าพื้นก็ปกคลุมไปด้วยหิมะ

ความเร็วของรถช้าลง ปกติใช้เวลายี่สิบนาทีก็ถึง แต่วันนี้จางเหอใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะถึง

ผู้ดูแลบ้านและมู่เทียนเย่รอพวกเขาอยู่ที่ประตู

ผิงอันไม่สนใจลุงคนโปรดของเขา ทันทีที่ลงจากรถก็ลงกลิ้งไปมาที่หิมะ หัวเราะดีใจและหยิบหิมะมาหนึ่งกำมือแล้วโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า

เย่ฉ่าวเฉินกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดและตะโกนใส่เขาว่า " อยากมาหาน้องชายไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวค่อยมาเล่น รีบเข้าบ้านก่อน"

ผิงอันก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขามาที่นี่ทำไม เขากระทืบเท้าและวิ่งไปหามู่เทียนเย่ “คุณลุง สัตว์เทพสองตัวนั้นล่ะ?”

มู่เทียนเย่ย่อตัวลงและจับมือเล็กๆที่เย็นเฉียบของเขา เขาหายใจเป่าออกและทำให้มืออุ่นขึ้นและพูดว่า " น้องๆอยู่ในบ้าน หนาวแล้วล่ะสิ ดูจมูกแดงไปหมดแล้ว”

ผิงอันยิ้มคิกๆ ปล่อยมือและวิ่งเข้าบ้าน "ฉันไม่หนาว"

เย่ฉ่าวเฉินช่วยมู่เวยเวยลงจากรถ ส่วนมู่เทียนเย่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า " หิมะตกขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาก็ได้ อันตรายเกิน"

“ ออกเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้วเพิ่งเริ่มตก จะว่าไป วันครบเดือนของหลานชายทั้งที น้าอย่างฉันจะไม่มาได้ยังไง”

“เธอกลมีเหตุผลล้านแปดตลอด รีบเข้ามาบ้านก่อน ข้างนอกหนาวมาก”

ข้างในบ้าน ผิงอันมองดูตัวน้อยทั้งคู่อย่างสงบ อยากสัมผัสพวกเขา แต่ก็กลัวมือที่เย็นเฉียบของตัวเองทำให้น้องเป็นหวัด เมื่อเห็นเสี่ยวซีหรานเดินมา อมยิ้มแล้วพูดว่า " คุณป้าครับ น้องๆน่ารักมากเลย น่ารักกว่าผมอีก”

เสี่ยวซีหรานก้มลงจูบหน้าผากของเขา “ พูดเก่งจริงๆเลย แต่ว่าหนูกับน้องๆน่ารักเท่ากันเลย”

“ คุณป้า พวกเขาจะเดินแล้วพูดได้เมื่อไหร่?” ผิงอันถามอีกครั้ง

" ปีหน้าของฤดูนี้ เป็นเวลาที่จะเดินได้"

ผิงอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ อีกตั้งนานเลยอะ”

" ทำไมล่ะ?"

“ ผมอยากจะพาพวกเขาไปเล่น ” ผิงอันกระพริบตา ที่จริงมีอีกประโยคหนึ่งคือเขาอยากได้ยินคนอื่นเรียกเขาว่าพี่ชาย เขาเห็นในทีวีพี่ชายมีอำนาจมากและสามารถกำกับให้น้องๆทำอะไรก็ได้

แน่นอนว่าเสี่ยวซีหรานไม่รู้ความคิดที่ของเขา ยิ้มบานและพูดว่า "ได้สิ ถ้าพวกเขาเดินได้แล้วป้าจะพาไปหา หนูเป็นพี่ชายต้องปกป้องน้องๆนะ"

ผิงอันตบหน้าอกตัวเอง " ฝากไว้กับผมได้เลย "

มู่เวยเวยเข้ามาและพูดสวัสดีพ่อแม่ของเซียวซีหราน เธอตกใจมากเมื่อเห็นเสี่ยวซีหราน "พระเจ้า พี่สะใภ้ ทำไมเธอผอมลงไวขนาดนี้?"

เสี่ยวซีหรานยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ " ต้องเลี้ยงลูกสองคนทุกวัน ต่อให้เป็นไอ่หมูตอนหนึ่งร้อยแปดสิบกิโล ก็ผอมลงได้ง่ายๆเลย"

“ งานหนักจริง ” มู่เวยเวยเดินเข้ามาหาเธอแล้วกระซิบ “ แต่ว่าส่วนที่ไม่ควรผอมก็อย่าให้ลดนะ เดี๋ยวหุ่นไม่ร้อนแรง”

เซียวซีหรานมีผิวหนังที่หนากว่ามู่เวยเวยมากและพูดโดยไม่อาย " ให้ฉันสอนความลับให้เอาปะ "

ดวงตาของมู่เวยเวยเป็นประกาย “ เอาแน่นอน ”

เสี่ยวซีหรานกวักมือเรียกและกระซิบที่หูของเธอ ใบหน้าของมู่เวยเวยแดงด้วยความอับอาย เย่ฉ่าวเฉินดูก็รู้ว่าเสี่ยวซีหร่านไม่ได้คุยเรื่องที่เป็นสาระ

รอยยิ้มขดที่มุมปากของมู่เทียนเย่ บรรยากาศนี้อบอุ่นมาก ภรรยาและน้องสาวของเขาเป็นเพื่อนรักกัน ลูกชายทั้งสองของเขาก็สุขภาพดีและมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ ยังเป็นคู่คอยอยู่เคียงข้างกันแต่เสียอยู่อย่างเดียว......พ่อกับแม่ไม่อยู่

ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ เห็นหลานๆน่ารักขนาดนี้ พวกเขาต้องมีความสุขมากแน่ๆ

“ กำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมสีหน้าของแกเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน” เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองเขาอย่างงงงวย

มู่เทียนเย่ขจัดความเศร้า วันนี้เป็นวันดีต้องมีความสุขต่อให้จะคิดถึงพ่อแม่ก็ตาม

“ ฉันกำลังคิด ทำไมแกถึงมาแบบมือเปล่า?” มู่เทียนเย่ล้อเล่น

"ใครบอกว่าฉันมามือเปล่า? ฉันเอาของขวัญที่ไม่เหมือนใครมาด้วย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ