“ว่าอย่างไรนะ?”นี่คือคำพูดของมู่เทียนเย่
เสี่ยวซีหร่านส่งข่าวมาบอก“พวกคุณลองคิดดูสิว่า เมือง A ไม่มีหิมะตกมาหลายปีแล้ว วันนี้หิมะตกลงมาหนักมาก แม้กระทั่งถนนหนทางก็ติดขัดไปหมด นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอไม่ต้องการให้เวยเวยไปโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูกจริงๆ เพราะว่าเธอกลัวว่าจะทำให้คุณหมอพวกนั้นตกใจ ถึงตอนนั้นถึงอยากจะปิดก็ปิดไว้ไม่ได้ อีกทั้งตอนที่เธอคลอดออกมาหิมะก็หยุดตก แดดก็ออก เรื่องนี้ชั่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดจริงๆ”
มู่เทียนเย่ได้ฟังความคิดของเธอก็พยักหน้าและพูดว่า“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะจริงนะ”
“พระเจ้า เด็กคนนี้เกิดมาได้ยังไง ตอนคลอดออกมาก็ทำให้คนอื่นตะลึงไปหมด หากว่าฉันไม่รู้เรื่องผิงอันจากเธอมาก่อน ก็ต้องช็อกเหมือนกันแน่นๆ”
พ่อกับแม่ของเสี่ยวซีหร่านที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ดูจากสีหน้าท่าทางและคำพูดของคนอื่น ดูเหมือนว่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ แต่ที่ได้ฟังพวกเขาพูดกันอย่างเงียบๆ มันชั่งน่าอัศจรรย์จริงๆ
มู่เวยเวยสัมผัสแก้มของเธอที่กำลังหลับอยู่ และอดไม่ได้ที่จะคุยกับเธอ“เธอหนะ แท้จริงมาแล้วจากไหนกัน ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ หรือว่า เธอจะเป็นเซียนกลับชาติลงมาเกิด แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็คือลูกสาวของฉัน ”
“หูยๆๆ เธอพูดซะเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อ แต่ว่าโลกนี้จะมีเทพมีเซียนอะไรพวกนั้นได้อย่างไงกัน”
“เหอะ ถ้ามีล่ะ?”
ผิงอันนอนมอบอยู่ด้านข้างของน้องสาวตลอด เขารู้สึกชอบน้องสาวที่น่ารักคนนี้มาก โดยเฉพาะหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ เขาก็จ้องมองน้องสาวอยู่ตลอด ขนตาของเธองอนยาว จมูกของเธอดูโด่งน่ารัก ปากของเธอดูเหมื่อนกับปากของแม่มาก
“คุณพ่อ น้องชื่ออะไรหรอครับ”ผิงอันถามเย่ฉ่าวเฉิน
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองทางด้านนอกหน้าต่าง หิมะยังคงหนาเป็นชั้นๆ เมื่อโชคดีมาเยือนจิตใจก็เป็นสุข เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้น “อย่างนั้นก็เรียกว่าชูวเสวียแล้วกัน เย่ชูวเสวีย”
เธอกับหิมะที่ตกลงมาครั้งนี้ล้วนมีคำสัมพันธ์ต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตั้งชื่อนี้ขึ้นมาบางครั้งอาจจะเป็นเพราะความตั้งใจของสวรรค์ก็ได้
“เย่ชูวเสวีย?เป็นชื่อที่เพราะมากๆเลย แล้วชื่อเล่นเรียกว่าอะไรครับ?”ตั้งแต่รู้ว่าคนมีชื่อจริงและชื่อเล่น ผิงอันก็ค่อนข้างให้ความสนใจกับเรื่องนี้
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ภรรยาของเขา“เธอคิดว่าจะตั้งว่าอะไรดี?”
มู่เวยเวยคิดชื่อลูกสาวของเธอไว้ตั้งนานแล้ว“ ตั้งว่าหรูอี้ ผิงอันกับหรูอี้ มีความหมายแฝงมากมาย ”
“ตามใจเธอแล้วกัน”เย่ฉ่าวเฉินไม่มีรู้สึกคัดค้านแม้แต่น้อย
ผิงอันเอียงศีรษะคิดแล้วคิดอีกพร้อมกับยิ้มตาหยี๋ๆและพูดว่า“หรูอี้เพราะกว่าชื่อของผมอีก”จากนั้นก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับน้องสาว“น้องสาว ต่อไปจะเรียกเธอว่าหรูอี้นะ ชอบหรือเปล่า?”
หรูอี้น้อยนอนอย่างสงบ ปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ
เสี่ยวซีหร่านเห็นมู่เวยเวยมีท่าทางอ่อนเพลีย เธอจึงลุกยืนขึ้นและพูดว่า“พวกเราออกไปก่อนเถอะ ให้มู่เวยเวยได้นอนพักผ่อนก่อน เมื่อกี้เธอเสียแรงไปมาก”
เดิมทีผิงอันอยากจะเล่นกับน้องสักพัก แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ต่อไปน้องก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกับเขาได้ตลอด จึงได้เดินออกไปอย่างมีความสุข
เย่ฉ่าวเฉินรอให้ทุกคนออกไปจนหมดแล้ว จึงเดินเข้าไปจับมือของมู่เวยเวยและจูบเบาๆลงบนหน้าผากของเธอ “ที่รักลำบากคุณแล้ว พักผ่อนเถอะ เมื่อนอนตื่นแล้วฉันจะพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล”
“อือ”มู่เวยเวยมีน้ำเสียงที่เพลีย เธอรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงมากจริงๆ
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆปิดประตู และบังเอิญได้ยินเสียงแม่ของตระกูลเสี่ยวถามเสี่ยวซีหร่านในห้องรับแขกว่า “เรื่องมันเป็นมายังไงกัน?”
เสี่ยวซีหร่านรู้สึกลำบากใจ “คุณแม่ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ฉันไม่สามารถพูดได้”
“กับแม่ก็พูดไม่ได้หรอ?”
“ใช่ พูดไม่ได้”เสี่ยวซีหร่านยืนยันอย่างหนักแน่น
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะแบบไม่มีเสียง“พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรหรอก เธอก็บอกคุณลุงกับคุญป้าไปเถอะ ล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน ”
“นายแน่ใจนะ?”เสี่ยวซีหร่านนึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมง่ายขนาดนี้
“แน่ใจสิ”
ไม่นึกว่าเมื่อเย่ฉ่าวเฉินพูดพบไปไม่นาน เสี่ยวซีหร่านก็กุมมือของแม่เธอไว้ เธอพูดด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น“มาๆ หนูจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องเป็นยังไง เมื่อพวกคุณฟังแล้วอย่าได้ช็อกเชียวนะ……”
เอ่อ……
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยความกดดัน เสี่ยวซีหร่านไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว แม้ว่าเธอจะเป็นแม่ลูกสองแล้วก็ตาม
ด้านนอกบ้านแสงแดดส่องสว่างจ้า ผิงอันกำลังปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่ทางด้านนอก กลัวว่าแสงแดดจะทำให้หิมะละลายเร็ว เขาจึงรีบวิ่งไปที่น่าประตูและร้องเรียกเย่ฉ่าวเฉิน “คุณพ่อ รีบมาช่วยผมปั้นตุ๊กตาหิมะหน่อย”
“มาแล้ว”
หลังจากที่คฤหาสน์มีการปรับปรุงการตกแต่งมาแล้วหนึ่งรอบ ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่าเมื่อก่อนมาก ผ้าม่านกับพรมล้วนเปลี่ยนใหม่หมด โดยใช้โทนสีที่ให้ความอบอุ่น เย่ฉ่าวเฉินยังตั้งใจให้ด้านในของห้องรับแขกติดตั้งเตาผิง ตอนหน้าหนาวทุกคนในครอบครัวมานั่งรอบเต้าผิง อ่านหนังสือ ดื่มชาและพูดคุยกัน ให้ความรู้สึกราวกับว่าอยู่ที่ยุโรปในฤดูหนาวยังไงยังงั้น
หรูอี้โตเร็วมาก เธอกับผิงอันพี่ชายของเธอไม่ค่อยจะเหมือนกันเท่าไหร่ ตั้งแต่เกิดออกมาผิงอันก็ยิ้ม น้อยมากที่เขาจะร้องไห้ แต่หรูอี้ พอเธอรู้สึกไม่สบายตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นหิว เหงา หรือว่าตอนที่ก้นน้อยๆของเธอแฉะ เธอก็จะอ้าปากร้องทันที บ้างครั้งก็ร้องจริงๆน้ำตาไหลออกมาเป็นสายๆ บางครั้งก็แกล้งร้อง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากมู่เวยเวย
เมื่อมาถึงช่วงปลายปี บริษัทของเย่ฉ่าวเฉินก็จะมีงานยุ่งมากกว่าปกติ แต่เขาก็ไม่เคยมีข้ออ้าง ทุกวันหลังเลิกงานเขาก็จะกลับบ้านมาดูเจ้าหญิงตัวน้อยทันที เพียงแค่ได้เห็นหน้าเธอ ความเหน็ดเหนื่อยในหนึ่งวันของเขาก็สลายหายไปในพริบตา
ชีวิตความเป็นอยู่แบบอบอุ่นและสนุกสนานเช่นนี้ ค่อยๆดำเนินมาจนถึง ใกล้ช่วงตรุษจีน
ปฏิทินจันทรคติวันสุดท้าย เย่ฉ่าวเฉินอุ้มหรูอี้พร้อมกับชี้นิ้วออกคำสั่งคนรับใช้แปะกระดาษนำโชคที่ผนัง
“ขึ้นไปด้านบนอีกหน่อย ใช่ๆๆ ได้แล้ว”
ขณะนั้น พ่อบ้านหวังวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจ“คุณชาย คุณชาย คุณมาดูสิว่าใครมา”
เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา เงาของคนที่มีลักษณะสูงบึกบึนเดินเข้ามาในระยะสายตา เป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนเข้าตา เขาจึงเห็นหน้าไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร แต่ผิงอันก็วิ่งออกไปพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดัง“คุณอา——”
เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกดีใจ น้องนายกลับมาแล้ว
เย่ฉ่าวเหยียนเอากระเป๋าเดินทางส่งให้คนรับใช้ และก้มลงเพื่ออุ้มผิงอัน เย่ฉ่าวเหยียนอุ้มเขาหมุนกับที่อยู่สองสามรอบจึงหยุดพร้อมกับยิ้มและพูดว่า“ผิงอันดูโตขึ้นเยอะเลย คุณอาเกือบจะอุ้มไม่ไหวแล้ว”
ผิงอันฮ่าๆๆหัวเราะอย่างมีความสุข “จะเป็นไปได้ยังไง ผมก็ตัวเล็กเท่านี้มาตลอด”เมื่อพูดจบ ผิงอันก็มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ทางด้านข้างของเขา พร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า“พี่สาวสวยจัง เป็นใครหรอครับ”
“นี่เป็นเพื่อนของอา จะมาอยู่ที่บ้านของเราช่วงวันตรุษจีน”เย่ฉ่าวเหยียนแนะนำ
สาวสวยยื่นมือออกมาทักทาย“สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อเสี่ยวโยว ”
ผิงอันก็ยื่นมือออกไปจับที่มือของเธอ สายตามองไปรอบๆตัวของหญิงสาวคนนี้อยู่สักพัก“สวัสดีครับ พี่สาวคนสวย”
ทั้งสามคนเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ผิงอันโน้มตัวเขาไปพูดอะไรที่บ้างหูของเย่ฉ่าวเหยียน
“คุณอา เธอเป็นแฟนของคุณอาใช่ไหม?”
เย่ฉ่าวเหยียนมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาดพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “เธอรู้ไหมว่าแฟนแปลว่าอะไร?”
“ต้องรู้อยู่แล้ว”ผิงอันเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างมั่นใจ
เย่ฉ่าวเหยียนบีบไปที่จมูกเล็กๆของเขาพร้อมกับพูดเบาๆว่า“ไม่ใช่หรอก เธอไม่ใช่แฟนของอา”
“อ้อ น่าเสียดายจัง”ผิงอันค่อยๆถอนหายใจ
“น่าเสียดายอะไรกัน?”
ผิงอันส่ายหน้าไปมา “คุณอา อาหนะหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ เธอยังไม่รีบที่จะคว้าเอาคุณอาของผมไว้ในมืออีก”
“ฮ่าๆๆๆ……”เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะเสียงดัง“ เด็กคนนี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดูฉลาดขึ้นเยอะเลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ผิงอันน้อมรับคำชมของเขาด้วยความเบิกบานใจ
เมื่อมาถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินมองน้องชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ในใจรู้สึกหมดความกังวลเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
“พี่ ผมกลับมาแล้ว”
เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้าไปตบๆที่ไหล่ของเขา“กลับมาก็ดีแล้ว”
“นี่คือเสี่ยวหรูอี้ใช่ไหม?”เย่ฉ่าวเหยียนทอดสายตามองไปที่สาวน้อยและหยุดชะงักที่เธอยู่สามวินาที จากนั้นก็ถูกสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายดึงดูดสายตา“พระเจ้า เธอน่ารักมากๆเลย ให้ฉันลองอุ้มหน่อย”
เวลานี้ ร่างกายของหรูอี้ไม่มีรอยปานหรือรอยย่นต่างๆแล้ว ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ ตาทั้งสองข้างเป็นสีม่วงดูวาววับดุจอัญมณี ล้วนแต่ทำให้คนที่มองเห็นตกหลุมรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทำไม่ถึงได้เป็นเด็กที่มีความสวยงามขนาดนี้นะ ”เย่ฉ่าวเหยียนชื่นชมสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา หรูอี้มองชายแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับมีรอยยิ้ม ขณะนั้นดูเหมือนว่าหิมะจะละลายหมดแล้ว เวลาของช่วงวันตรุษจีนก็มาถึงแล้ว
“เธอยิ้มแล้ว เธอยิ้มให้ฉันแล้ว ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดด้วยความดีใจ
เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามาดู ยิ้มจริงๆด้วยสินะ พร้อมกับพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อยว่า
“เฮ้ย เธอไม่เคยยิ้มแบบนั้นใช้ฉันเลย”
เย่ฉ่าวเหยียนได้ฟังแบบนี้แล้วก็ยิ่งมีความสุข “เสี่ยวหรูอี้ เธอชอบคุณอามากใช่ไหม ?”
มู่เวยเวยได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินออกมาดู เมื่อเห็นเย่ฉ่าวเหยียนก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ฉ่าวเหยียน?”
เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่สวมเสื้อขนสัตว์สีขาว สวมกางเกงตัวหลวม สวมรองเท้าแตะรูปกระต่ายสีชมพู ใบหน้าของเธอมีสีสมพูระเรื่อ ในตาวาววับเป็นประกาย ดูเหมือนว่าจะอ้วนขึ้นจากเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมากเลย
“เวยเวย”เขาเปลี่ยนเสียงพูดเป็นอีกเสียง ในใจรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
“นายจะกลับมาทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอกกันก่อน พวกเราจะได้ไปรับนาย ”มู่เวยเวยบ่นแต่น้ำเสียงของเธอมีความดีใจ
เย่ฉ่าวเหยียนหัวเราะและพูดขึ้นว่า“ฉันรู้จักทางกลับบ้านน่า ฉันอยากจะเซอร์ไพร์สพวกคุณไง”
“ใช่เซอร์ไพร์สมากๆเลย”มูเวยเวยมองเห็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ทางด้านข้างของเขา ตาของเธอก็เป็นประกาย พร้อมกับถามขึ้นว่า“ผู้หญิงคนนี้เป็น……”
“เสี่ยวโยว เป็นเพื่อนของฉันเอง” เย่ฉ่าวเฉินแนะนำแบบสั้นๆ
“สวัสดีค่ะๆ ยินดีต้อนรับที่คุณมาบ้านของพวกเรา”มู่เวยเวยพูดอย่างอบอุ่น
เสี่ยวโยวยิ้มแบบอ่อนๆ “สวัสดีค่ะทุกคน ขอรบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวยเลยสักนิด”มู่เวยเวยคิดว่าเธอเป็นแฟนของเย่ฉ่าวเหยียน ฉะนั้นเธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ และรีบบอกพ่อบ้านหวังว่า“รีบไปจัดการห้องให้คุณเสี่ยวโยวหน่อย ห้องที่อยู่ทางทิศใต้ห้องนั้นหนะ แสงแดดกำลังดี”
“ครับ คุณผู้หญิง”
“อย่ามายืนกันตรงนี้เลย ข้างนอกนี้อากาศเย็น เข้ามาคุยกันต่อในห้องดีกว่า”มู่เวยเวยแนะนำ
เมื่อเย่ฉ่าวเหยียน เดินเข้าประตูมา ก็ได้พบว่าด้านในของคฤหาสน์เปลี่ยนไปมาก“ตกแต่งใหม่หรอ?”
เย่ฉ่าวเฉินที่เดินอยู่ทางด้านข้างของเขา“อือ ก่อนหน้านี้มีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยรื้อและตกแต่งภานในทั้งคฤหาสน์ใหม่”
เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกประหลาดใจ น่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นต่างหากล่ะไม่อย่างนั้นคงไม่ตกแต่งใหม่หมดหรอก แม้กระทั่งผ้าม่านก็ยังเปลี่ยนใหม่
“ดูดีมากๆ อย่างนี้สิถึงจะเหมือนบ้าน ”เย่ฉ่าวเหยียนพูดชื่นชม
“นายชอบก็ดี”
เย่ฉ่าวเหยียนหันกลับไปมองที่พี่ชายพร้อมกับแสยะยิ้ม
นี่คือบ้านที่พวกเขาทั้งสองเติบโตมา เย่ฉ่าวเฉินก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน้องชายของเขาจะชอบมันด้วย
เวลาพลบค่ำ ภายในและภายนอกของคฤหาสน์ตกแต่งด้วยโครมไฟสีแดงสว่างไสว พร้อมกับธงชาติจีนที่ห้อยอยู่บนที่สูง และอักษรมงคลต่างๆที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เย่ฉ่าวเฉินและเย่ฉ่าวเหยียนเดินเล่นไปรอบๆคฤหาสน์
“เสี่ยวโยวคนนั้นคือใคร?”
เย่ฉ่าวเหยียนรู้ว่าเขาจะถามว่าอะไร จึงบอกออกไปตรงๆว่า“ไม่ใช่แฟนผมจริงๆ เป็นเพื่อนที่มหาลัย เธอเป็นคนที่มีเชื้อสายจีนแต่โตที่ต่างประเทศ เธออยากรู้มาตลอดว่าคนจีนจัดงานวันตรุษจีนอย่างไร และรู้ว่าผมกำลังจะกลับบ้าน เป็นตายก็จะตามผมมาให้ได้ เรื่องก็เป็นแบบนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...