ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในค่ายทหาร ต้วนอีเหยาก็รับป้ายหยกนี้ไว้ ไปไหนก็พกไปด้วยตลอด คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไป 20 ปี โดยไม่รู้สึกว่าพกมันไว้เลย
เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้า ข้างในเต็มไปด้วยเครื่องแบบทหาร มีแค่ข้างในสุดที่มีชุดรำรองสองชุด ยังคงเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำกับเสื้อแจ็คเก็ตสีเทาอ่อน ต้วนอีเหยาก้มหน้าลงคิดอยู่ชั่ยครู่ แล้วหยีบกระเป๋าเดินทางพร้อมกับใส่เสื้อลายพรางเข้าไปไม่กี่ตัว กับเสื้อรำรองที่เธอต้องสวมพรุ่งนี้
ไม่เป็นไรหรอก เธอไปเยี่ยมเด็กซุกซน ไม่ใช่ไปสู่ขอซักหน่อย แต่งตัวแบบนี้ก็ถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว
รุ่งเช้าของวันที่สอง เสียงนาฬิกาดังขึ้นปลุกเธอตื่น เมื่อเก็บข้าวของเสร็จ เธอถือกระเป๋าเดินทางออกมา ก็เห็นรถจอดอยู่ด้านนอกรอแล้ว
คนขับรถเสี่ยวลิ่วถอดแว่นพร้อมกับทักทายเธอด้วยความไม่พอใจว่า " เจ้านาย คิดจะสวมแบบนี้ไปจริงๆหรอ "
ต้วนอีเหยาก้มหน้าสำรวจตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีดำ เสื้อคุมสีเทาอ่อน กางเกงขาม้าลายทหาร รองเท้าบูทคู่หนึ่ง เอวบางๆที่มีเข็มขัดรัดไว้ ดูแล้วแมนมาก ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย
" ฉันแต่งแบบนี้ ไม่โอเครหรอ" ต้วนอีเหยาถามด้วยความสงสัย และในคำพูดยังมีความกดดันด้วย
"ทั้งหล่อ และเท่ระเบิด ดูก็รู้ว่าสุดยอด" เสี่ยวลิ่วตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ต้วนอีเหยาโยนกระเป๋าเดินทางเขาไปในรถทหาร ประตูยังไม่ทันเปิดก็โดดเข้าไปแล้ว ตบไหล่ของเสี่ยวลิ่วแล้วบอกว่า "ออกเดินทางได้ ไปที่สนามบิน"
"รับทราบ "เสี่ยวลิ่วตอบพร้อมทำความเคารพแบบทหาร จากนั้น "ฮง"เริ่มเดินทาง
ตามทางที่ออกจากค่าย จะเห็นทหารที่กำลังฝึกอยู่ เห็นเหงื่อที่ไหลออกมาอาบบนกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เต็มไปด้วยความเป็นชายฉกรรจ์ แต่ว่าต้วนอีเหยาเห็นภาพแบบนี้ 20กว่าปีแล้ว รู้สึกเบื่อต้้งนานแล้ว
" หัวหน้า เล่นสนุกไหมครับ"ขณะที่ขับผ่านสนามฝึกแห่งหนึ่ง รองผู้บังคับบังชา ทักทายในระหว่างที่กำลังออกกำลังกาย
ต้วนอีเหยายิ้มอย่างจืดชืดพร้อมพูดว่า “พวกคุณน่ะ อย่าอู้งาน ถ้าฉันกลับมาเห็นว่ากำลังลดลงล่ะก็....”
“หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอ มีแต่จะเข็มแข็งขึ้น ไม่มีอ่อนแอลง” รองผู้บังคับบัญชาตอบขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ
"รู้ก็ดี ไปล่ะ" ต้วนอีเหยาโบกมือให้พวกเขา
"หัวหน้า ครั้งนี้ท่านจะพาพี่เขยกลับมาด้วยไหม" ทหารนายหนึ่งถามด้วยรอยยิ้มที่เฮฮา
“เจ้าทึ่ม นายหญิงเป็นคนที่หาง่ายอย่างนั้นหรือ” รองผู้บังคับบัญชาตบที่คอของทหารคนหนึ่ง “นายหญิงเราจะแต่งงาน ก็ต้องแต่งงานกับระดับนายพลนั่นแหละ”
“ วิดพื้น เพิ่มอีก 100 ครั้ง” ต้วนอีเหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่จืดชืด
“ รับทราบ”เสียงดังขึ้นในสนามฝึก
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า รถก็มาถึงที่สนามบิน เสี่ยวลิ่วยื่นหัวออกมาถามว่า “หัวหน้า ท่านจะไปที่ไหนนะ”
“เมือง A”
“ท่านจะไปเมืองA ทำอะไรล่ะ”เสี่ยวลิ่วถามด้วยความงง
“ ไปหาคนสนิท ที่ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”
ในตาของเสี่ยวลิ่วเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น “หัวหน้า อย่าบอกนะว่าจะไปหารักแรกพบของท่าน”
ต้วนอีเหยาใช้บัตรเจ้าหน้าที่ตีลงไปที่หัวเขาที่หนึ่ง” รักแรกพบอะไรเล่า รีบกลับไปเถอะ”
“อ้อ ”เสี่ยวลิ่วเปลี่ยนสีหน้าทันที “หัวหน้า ระวังตัวด้วย”
“รู้แล้วล่ะ ไปเถอะ”
เมื่อรถทหารออกไปแล้ว ต้วนอีเหยาหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม เดินเข้าไปในสนามบิน
เพราะว่ามีบัตรเจ้าหน้าที่ ต้วนอีเหยาขึ้นเครื่องอย่างสบายใจ
จริงๆแล้ว ถ้าเขาอยากได้ข้อมูลของเย่จิงเหยียนเพียงแค่โทรศัพท์ก็ได้แล้ว แต่ว่าต้วนอีเหยาอยากรู้จริงๆว่า เด็กซุกซนคนนี้ยังรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไหม จึงอยากพยายามจับตามองด้วยตนเอง
เธอตัดสินใจว่า เมื่อถึงเมืองA ค่อยถามคนที่เจอ ดูซิว่าจะมีคนรู้จักต้วนอีเหยาไหม ถ้าหากหาไม่เจอจริงๆแล้วค่อยโทรศัพท์หาคนอื่นก็ยังได้
เมืองA
จากการผ่านการฝึกฝนมา 2 ปี เย่จิงเหยียนรับตำแหน่งประธานบริษัทเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนล
งานนั้น1 เดือนก่อนก็ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เพิ่งจะปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เย่ฉ่าวเฉินพร้อม ภรรยามู่เวยเวย รีบวิ่งไปยังสนาม ในที่สุดก็ได้ใช้เวลาด้วยกันสองต่อสอง
ต้วนอีเหยาลงจากเครื่องแล้วตรงไปยังทางออก เผอิญเห็นขโมยคนหนึ่งกำลังลวงมือเข้าไปในกระเป๋าของคนคนหนึ่ง ด้วยว่าเธอเป็นคนที่ยึดความถูกต้อง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วดึงมือของขโมยนั้นออกมา พูดอย่างเย็นชาว่า “ทำอะไรน่ะ”
ขโมยถูกหยิกจึงร้อง “ โอ้ยเจ็บ โอ้ยเจ็บ”ออกมา เวลานั้นเจ้าของกระเป๋าถึงรู้สึกตัว บังเอิญจริงๆ คนนั้นก็คือมู่เวยเวย เนื่องจากเย่ฉ่าวเฉินไปเปลี่ยนบัตรที่นั่ง เธอเลยยืนรออยู่ที่นั่นคนเดียว
“ตรวจดูซิของเธอหายไปหรือเปล่า” ต้วนอีเหยาเตือนเธอ
มู่เวยเวยรีบเช็คกระเป๋าของเธอ “ไม่มีอะไรหาย ขอบคุณแม่นางมาก”
“ปล่อยมือปล่อยมือ” เธอจะหักมือฉันอยู่แล้ว โจรร้องด้วยใบหน้าที่ซีดจัง (พูดตลก ต้วนอีเหยาเป็นถึงอันดับ 1 ของ กองCจากการแข่งขันวัดพละกำลัง แม้ผู้ชายในกองทัพยังยอมแพ้ แน่นอนว่ากำลังมือของเธอมีมากกว่าที่คิด)
ต้วนอีเหยาไม่อยากสร้างเรื่อง เมื่อเห็นตำรวจกองบินเดินเข้ามา จึงปล่อยมือหัวขโมย สิ่งที่คิดไม่ถึงคือขโมยกลับคิดจะวิ่งหนี ต้วนอีเหยายืดขาออกไป “โครม”หัวขโมยหกล้มลงบนพื้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น”เย่ฉ่าวเฉินถาม หลังจากที่เปลี่ยนบัตรที่นั่นเสร็จแล้ว กลับมาเห็นเหตุการณ์แบบนี้
มู่เวยเวยอธิบายว่า “เขาจะขโมยกระเป๋าของฉัน โชคดีที่ได้แม่นางคนนี้จับได้”
เย่ฉ่าวเฉินหันไปมองต้วนอีเหยา คิดในใจว่า แม่นางคนนี้เต็มด้วยรังสีสังหาร ร่างกายสง่า ดูก็รู้ว่าเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
“ขอบคุณแม่นาง” เย่ฉ่าวเฉินพูด
ต้วนอีเหยาผยักหน้าเบาๆ ขณะนั้นตำรวจมาพอดี มู่เวยเวยจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกรอบ ตำรวจ 2 นายแสดงออกมาเหมือนกัน “ เข้าใจละ เข้าใจล่ะ พวกคุณไปได้แล้ว”
จากนั้นก็หันไปหาต้วนอีเหยา “แม่นาง ขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วย”
“ไม่เป็นไร แล้วฉันไปได้หรือยัง”
ตำรวจยิ้มแล้วพูดว่า “ ยังครับ ตามระเบียบเราจะต้องจดบันทึกไว้”
ต้วนอีเหยาเริ่มรู้สึกรำคาญ จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบบัตรนายทหารออกมา ตำรวจเปิดดูแป๊บนึง รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสกว่าเดิม
“ไม่ต้องบันทึกแล้วล่ะ เชิญท่านไปได้”
“อืม” ต้วนอีเหยาถือกระเป๋าเดินทางขึ้นมาแล้วเดินออกไปข้างนอก
เย่ฉ่าวเฉินหันกลับไปมองเธออีกหลายครั้ง เพื่อพิสูจน์การคาดเดาของเขา
“คุณดูอะไรน่ะ” มู่เวยเวยก็หันกลับไปดู เห็นแต่ผู้คนไปไปมามา
เย่ฉ่าวเฉินเอามือกอดลงบนไหล่เธอ ยิ้มพูดว่า “แม่นางเมื่อกี้ เป็นทหาร”
มู่เวยเวยถามด้วยความแปลกใจ “คุณรู้ได้ยังไง”
“ ดูออกน่ะ กลิ่นไอบนตัวนางไม่เหมือนคนทั่วไป เป็นกลิ่นไอที่มีในทหาร”
“ใช่หรอ ทำไมฉันดูไม่ออกล่ะ”
“เธอดูไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก….”
เมื่อเข้าไปใจกลางเมืองของเมือง A ต้วนอีเหยาไปในที่ที่เธอเคยไปบ่อยก่อน แล้วก็ไปเยี่ยมศูนย์เด็กกำพร้า จากนั้นในช่วงบ่ายเธอเข้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“กุ้งมังกรน้อยกับปลาต้มน้ำ เอารสเผ็ด”
“ได้”
ในระหว่างที่รออาหาร ต้วนอีเหยาดูโทรทัศน์ที่อยู่ใจกลางของร้านอาหารอย่างตั้งใจ ในนั้นกำลังถ่ายทอดข่าวเกี่่ยวกับเมืองA
“ ข่าวใหม่วันนี้ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปเย่ฉ่าวเฉินวันนี้ลาออกจากกิจการ ลูกชายของท่านเย่จิงเหยียนรับช่วงต่อกิจการของเว่ฮวางทั้งหมด ตามที่ได้ยินมาปีนี้ เย่จิงเหยียนมีอายุ 25ปี …. ”
ต้วนอีเหยาถึงกับตะลึง “เย่จิงเหยียน” “เป็นคนเดียวกับที่ตนเองรู้จักหรือเปล่า”
เขาเป็นถึงทายากของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปเลยหรือ ถึงจะไม่รู้ว่าเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปใหญ่แค่ไหน แต่สามารถออกข่าวได้ อยู่ในเมืองA น่าจะไม่ธรรมดา
ต้วนอีเหยาจองหน้าจอทีวี อยากรู้ว่าเย่จิงเหยียนมีรูปร่างหน้าตายังไง แต่ว่าในข่าวมีแต่โลโก้ของบริษัท แม้ว่าจะมีรูปของเขา มันก็เป็นแค่รูปถ่าย
จะว่าไปแล้ว แค่รูปภาพรูปนี้ก็เพียงพอแล้ว บนโลกใบนี้ไม่น่าจะมีคนที่มีตาพิเศษ และชื่อเย่จิงเหยียนแน่นอน
ต้วนอีเหยารู้สึกว่าตนเองโชคดีจริงๆ เพิ่งจะมาถึงก็ได้ข่าวคราวของเขาแล้ว
ประธาน ฮึงฮึง ชื่อนี้ฟังแล้วก็น่าสนใจดี
เมื่อพนักงานเสิร์ฟอาหารมาถึง ต้วนอีเหยาจึงถามนางว่า “สวัสดี ขอถามหน่อย จากนี่ถึงเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปไกลไหม”
“ เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปหรือ ไม่ไกลเท่าไหร่ ถ้าคุณนั่งรถแท็กซี่ 20-30 นาทีก็ถึง อยู่ใจกลางเมือง ตึกที่สูงที่สุดและดูหรูหราที่สุดนั่นแหละคือเย่ฮวาง” พนักงานพูดอย่างสนิทสนม
“ขอบคุณ”
พนักงานดูชุดที่เธอสวม ข้างเก้าอี้เธอมีกระเป๋าเดินใบนึง จึงถามว่า “แม่นาง จะไปสมัครงานหรือ”
ต้วนอีเหยายิ้ม“ไม่ใช่ฉันจะไปหาคน”
“ออ ฉันคิดว่าเธอมาหางานทำซะอีก ได้ยินมาว่า เงื่อนไขการรับพนักงานของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปมีความเคร่งครัดมาก”หน้างานสังเกตสีหน้าของเธอที่ไม่อยากจะสนทนาด้วย ยิ้มหัวเราะเบาๆมีกี่คำแล้วเดินจากไป
เวลานั้นเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกโบตั๋นบนถนนของเมืองA อยู่เป็นกลุ่มเป็นกลุ่มดูแล้วสวยงาม กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจายทั่วบนท้องฟ้า
20 กว่าปีแล้วที่ไม่ได้กลับมา เมืองAเปลี่ยนไปมาก มีหลายที่ที่เธอจำไม่ได้แล้วต้วนอีเหยาไม่ได้ต่อรถไป เธอเลือกที่จะเดิน เพราะเธออยากจะสัมผัสบรรยากาศของเมืองนี้
เดินไปเดินไป ปรากฏว่า 4 โมงกว่า ต้วนอีเหยาถึงจะมาถึงตึกของเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป เป็นอย่างที่พนักงานพูดไว้จริงๆ ตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดในบริเวณนั้น เป็นที่น่าอิจฉาของผู้คนจริงๆ
เธอลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันเข้าประตู ก็ถูกยามขวางไว้
“ ขอโทษนะ คุณผู้หญิง คุณไม่ใช่พนักงานที่นี่ ไม่สามารถเข้าไปโดยพละการได้”ยามพูดด้วยความสุภาพ
ต้วนอีเหยายืดตัวตรง พูดยังกลางๆว่า “ฉันมาหาคน”
“ ขอถามหน่อย ท่านต้องการหาใคร”
“ฉันมาหาเย่จิงเหยียน ”
ยามอึ้งไปสักพัก ดูเธออย่างละเอียด การแต่งตัวของเธอธรรมดา และยังลากกระเป๋าเดินทาง ดูแล้วน่าหัวเราะจริงๆ “ คุณผู้หญิง ขอถามหน่อยมีใบนัดไหม”
“ จะพบเขายังต้องมีใบนัดหรือ”ต้วนอีเหยาแสดงออกถึงความไม่รู้ เพราะเธอห่างไกลจากการใช้ชีวิตธรรมดามานานแล้ว
“จำเป็นแน่นอน ประธารเย่เป็นประธานของบริษัท งานที่ต้องทำในแต่ละวันมีมาก ถ้าไม่มีนัด ฉันจะไม่ปล่อยคุณเข้าไปเด็ดขาด”
ต้วนอีเหยาก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ “ รบกวนคุณช่วยเข้าไปบอกเขาที มีคนแซ่ต้วนมาหา เป็นเพื่อนเก่าของเขา”
ยามลังเลสักพัก ก็กลัวว่าจะทำให้พระโกรธ ได้แต่พูดว่า “ รบกวนท่านรอสักครู่”
เมื่อมาถึงหน้าห้อง ยามบอกให้พนักงานหน้าห้องว่า “ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาประธานเย่ บอกว่าเป็นเพื่อนเก่า แซ่ต้วน เธอช่วยบอกให้กับเลขาหน่อย”
หน้างานหน้าห้องเช็ดปาก แล้วมองออกไปทางปากประตูเห็นร่างที่สูงสง่า ก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “แม้กระทั่งแมวแมวหมาหมาก็จะมาพบประธาน ประธานเย่ยุ่งจะตายอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันว่านางมาพึ่งประธานเย่แน่”
ยามยิ้มอย่างเขินเขินว่า “ ยังไงเธอก็โทรหาเลขาที อาจจะเป็นเพื่อนเก่าจริงๆก็ได้”
“ ไม่ต้องโทรหรอ ประธานเย่หลังประชุมเสร็จ ก็ลงไปยังสาขาอื่นเพื่อเซ็นสัญญาแล้ว ไม่อยู่”
“โอเคร ฉันเข้าใจแล้ว ”
เมื่อกลับมาถึงหน้าประตู ยามพูดด้วยอาการขอโทษว่า “ คุณผู้หญิงท่านประธานแย่ของเรา ไปเซ็นสัญญายังบริษัทลูกแล้ว ไม่ได้อยู่ ห้องทำงาน”
ต้วนอีเหยาปวดคิ้ว “ แล้วเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ เรื่องนี้ให้คำตอบยาก ถ้าหากว่าดึกจริงๆ อาจจะรวดกลับบ้านไม่เข้ามาบริษัทแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...