วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 310

มีคอนโดตั้งอยู่ใกล้ๆ หนานกงเจานั่งรถแท็กซี่ตรงมาที่ประตูคอนโด ในรถ เย่ชูวเสวียรู้สึกอึดอัดใจจึงดึงที่คอเสื้อ หนานกงเจากลัวว่าคนขับจะเห็นดังนั้นเธอจึงจับมือของเธอไว้ พูดข้างๆหูด้วยเสียงต่ำ “ที่รักอย่าจับวุ่นวายสิ ใกล้จะถึงแล้ว”

หนานกงเจาก็มีอาการเมา แต่เย่ชูวเสวียเมาหนักกว่า

ทั้งสองคนเมาช่วยกันพาเข้าไปในลิฟต์ แล้วจูบกัน หนานกงเจาพาเธอไปที่มุมลิฟต์ด้านหลังซึ่งเป็นกล้องวงจรปิด

“ดิ่ง” ประตูลิฟต์เปิดออก หนานกงเจาประคองหญิงสาวออกจากลิฟต์

ถึงคอนโด หนานกงเจาใช้มือเปิดประตู แล้วอุ้มเธอเข้าไปในห้อง.......

สมองของเย่ชูวเสวียสับสนวุ่นวาย......ส่วนหนานกงเจาไม่ต้องพูดถึง ช่างเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหล ไม่มีผู้ชายคนไหนต้านทานได้ นับประสาอะไรกับ.....

จากทางเดินจนถึงห้องนอน......

ต่อจากนั้น.....

ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หนานกงเจาอยู่ในความปิติยินดี เอนตัวไปถามเธอว่า “ที่รักนี่เป็นครั้งแรกของคุณเหรอ?”

เย่ชูวเสวียทุบไหล่ของเขาเบาๆ และพึมพำ “ครั้งแรกอะไร?”

“คุณเคยนอนกับผู้ชายไหม?” หนานกงเจายังคงถามต่อ

“ไม่เคย.....”

แสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาในห้อง หนานกงเจาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อเห็นใบหน้าของนางฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ก็จดจำทุกสิ่งที่สับสนวุ่นวายเมื่อคืนนี้

โอ้ พระเจ้า แท้จริงแล้วเขามีความสัมพันธ์กับลูกสาวคนคนโตของตระกูลเย่ อย่างไรก็ตามเขาไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีความสุขมากต่างหาก

เสียงน้ำซาวซาวซาวในห้องน้ำ เย่ชูวเสวียรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยน้ำเย็น เริ่มรู้สึกเสียใจและกลัว เธอรู้ดีถึงสิ่งที่ไม่มีความสุขที่เกิดขึ้นท่ามกล่างการเติบโตของเธอมู่เวยเวยแม่ของเธอยิ่งไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อตระกูลหนานกง ถ้าพ่อเธอรู้เรื่องที่เธอทำในวันนี้ เธอจะต้องโดนตัดขาหรือไม่?

โอ้ พระเจ้า ทำไมเมื่อคืนเธอต้องแสดงบารมีที่บ้าพลังด้วย ทำไมต้องไปดื่มเหล้าปีศาจขี้เมากลับชาติมาเกิดด้วย? มันจบแล้ว ก้าวพลาดกลายเป็นความเกลียดชังชั่วนิรันดร์

มันจบแล้ว

พ่อแม่ต้องตีฉันตายแน่ๆ……

ก้มมองลงไปที่ลำตัวเป็นที่ช้ำเขียวช้ำม่วง เย่ชูวเสวียอยากจะเอามีดสับผู้ชายคนนั่นจริงๆ

เดี๋ยวนะ อีกสักครู่เธอจะสวมอะไร? เสื้อผ้าเมื่อคืนฉันใส่ไม่ได้แล้ว

หายใจเข้าลึกๆ เย่ชูวเสวียเปิดประตู และตะโกนออกไปข้างนอก “หนานกงเจา ให้ฉันส่งเสื้อผ้ามาให้”

หนานกงเจายิ้มอย่างเงียบๆขณะที่นอนอยู่บนเตียง หญิงน้อยตัวนี้ค่อนข้างเงียบสงบ รีบหยิบโทรศัพท์บนพรมปูพื้นขึ้นมาโทร สั่งให้ผู้ช่วยส่งชุดเสื้อผ้าผู้หญิงไซส์ S และถุงมืออีกหนึ่งชุด

“เจ้านาย ต้องการไซส์อะไร?”

หนานกงเจาดูไปที่มือ “34D”

“ค่ะ”

วางสายโทรศัพท์ หนานกงเจา ไปที่ห้องรับฝากของ หาเสื้อเชิ้ตที่ยังไม่ได้สวมเอาไปที่ห้องน้ำ ยืนพิงกำแพงแล้วพูดว่า “ฉันมีเสื้อตัวใหม่ อีกสักครู่คุณสวมมันนะ”

“ไม่ต้อง ตัวใหม่นั้นว่าไว้ที่ผ้าปูที่นอน” เย่ชูวเสวียไม่ต้องการสวมเสื้อของเขา พูดก็พูดเถอะ สวมเสื้อแล้วส่วนล่างจะสวมอะไรละ?

หนานกงเจายักไหล “โอเค”

นอนแช่นอนอยู่ครึ่งชั่วโมง เย่ชูวเสวียออกมาจากห้องน้ำด้วยความสงบ มองเห็นผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มบนเก้าอี้ ขณะนี้

เธอหยิบมันขึ้นมา กำลังจะพันรอบตัว ก็สังเกตเห็นดวงตาที่กระตือรือร้นคู่หนึ่งจ้องมองมาจากด้านหลังเธอ เย่ชูวเสวียกัดฟัน เธอสะบัดผ้านวมให้ปลิวไปคลุมบนศีรษะของเขา

หนานกงเจาอึ้ง หลังจากดึงผ้าห่มออกแล้ว ผ้าปูที่นอนก็พันรอบตัวเย่ชูวเสวีย เหมือนชุดราตรีหรูหรา เขายังทิ้งร่องรอยบนไหล่ทั้งสองข้างของเธอ

เย่ชูวเสวียเดินยิ้มเข้ามาด้วยความเยาะเย้ย “เธอไม่แปลกใจเลย ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะพูดอะไรกับเธอ”

หนานกงเจามองไปที่เธอ แล้วพูดตะกุกตะกัก “พ่อของฉันพูดนิดหน่อย แต่เขาพูดแค่ว่า เย่... ลุงคือ ... ไม่ได้พูดว่าคุณก็...”

“ไม่ผิด ฉันก็ทำได้ และเก่งกว่าพ่อมากๆ” เย่ชูวเสวียเท้าทั้งสองปวดเมื่อย นั่งอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง “แต่หนานกงเจา อย่าพยายามขู่คุกคามฉันด้วยความลับนี้ ฉันไม่กลัวอะไร ไม่เห็นจะสำคัญอะไรก็แค่ปลาตายทั้งที่ตาข่ายขาด”

“ฉันพูดออกไปไม่ได้” หนานกงเจาท่าทางหวาดกลัวและจริงจังจนน่าผิดปกติ

เย่ชูวเสวียเหลือบมองเขาเบาๆ กระดิกนิ้ว ผ้าปูที่นอนที่พันบนตัวเธอทำให้ดูเสมือนขายาว ห่อหุ่มเธออย่างแน่นหน่า เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้

“เรื่องของเธอ พูดแล้วเธอก็ไม่มีหลักฐาน” เย่ชูวเสวียผมยาวของเธอเหมือนน้ำตกที่โดดแสงแดดสาดส่อง “แล้วก็ ดีที่สุดลืมเรื่องนี้ไปซะ ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ”

“เธอรู้สึกว่าฉันหนานกงเจาไม่คู่ควรกับเธอ?” หนานกงเจา รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ยังไงลูกชายคนเดียวของตระกูลหนานกงอยู่ดี

เย่ชูวเสวียไม่ให้ห้าเขาสักนิด พูดตรงๆ “ฉันกลัวพ่อจะหักขาฉัน และ เธอก็มีผู้หญิงอีกมากมายที่อยู่ข้างนอก ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว”

“คุณและพวกเขาไม่เหมือนกัน”หนานกงเจาเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เย่ชูวเสวีย กางมือออกเธอดูหมิ่นเล็กน้อย “มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน”

หนานกงเจาพูดออกมาว่า “ฉันชอบคุณ”

เย่ชูวเสวียตกตะลึงเป็นเวลาสองวินาที จากนั้น เธอก็หัวเราะเสียงดัง ฮาๆๆๆๆๆ “หนานกงเจา สมองเธอน้ำเข้าเหรอ”

“ฉันพูดเรื่องจริง” หนานกงเจาแสดงถึงความตั้งใจสุดขีด

เย่ชูวเสวียได้รับการสารภาพมาเยอะ จนไม่มีการตอบสนองใดๆแล้ว แต่อีกฝ่ายคือ หนานกงเจา ซึ่งแตกต่างออกไป “อื้ม...หนานกงเจา ฉันคิดว่าเธอควรไปนอนแช่น้ำเย็นสงบสติอารมณ์แล้วค่อยคุยกัน”

หนานกงเจามองไปที่เธอ รู้สึกซื่อบื้อเล็กน้อย เธอจึงหยิบเสื้อผ้าและเข้าไปในห้องน้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก เย่ชูวเสวียก็เดินไปเปิดประตู ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับถุงสองใบในมือของเขา

“สวัสดี เจ้านายให้นำสิ่งนี่มาส่ง”

เอื้อมมือไปหยิบ แล้วปิดประตู

ผู้ช่วยยืนอยู่ข้างนอกนึกคิด ครั้งนี้เจ้านายหาผู้หญิงช่างสวยงามจริงๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนเนี่ย?

เหมือนฟ้าผ่ามีแสงวาบขึ้นมา ผู้ช่วยขาแข็งตัวหยุดนิ่ง นี่นี่นี่คุณหนูคนโตตระกูลเย่ เย่ชูวเสวียสาวงามคนแรกในเมือง A ไม่ใช่หรือ? เจ้านายสะกิดคนในตระกูลเย่จริงหรือ? ยังเป็นเย่ชูวเสวียอีก?

จบแล้วจบแล้ว ตระกูลเย่และตระกูลหนานกงกำลังเริ่มต้นอีกครั้ง

ในห้อง เย่ชูวเสวียรีบสวมเสื้อผ้า ในขณะที่หนานกงเจายังอยู่ในห้องอาบน้ำ เธอรีบหยิบโทรศัพท์กระเป๋าแล้ววิ่งหนีไป

จิตใตของเขาแข็งนอกอ่อนใน ทำเพื่อหน้าตาของตัวเองจึงต้องแข็งแกร่ง แต่เวลานานไปทุกอย่างก็จะเปิดเผย รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง

ไม่ได้กลับบ้านหนึ่งคืน เย่ชูวเสวียเปิดโทรศัพท์ มีสองสายที่ไม่ได้รับ อีกสายมาจากพ่ออีกสายมาจากเซียวอวี้หลิน

เธอเรียนรถแท็กซี่จากด้านนอก บอกคนขับรถไปเย่ฮวางกรุ๊ป นั่งรถไปกดโทรหาเซียวอวี้หลินไป “ฮัลโหล? พี่สาม”

“ในที่สุดเธอก็เปิดเครื่องแล้ว” เซียวอวี้หลินพูดแบบทำอะไรไม่ถูก

“พ่อของฉันตามหาฉันอยู่ใช่ไหม?”

“ใช่ เมื่อคืนโทรหาฉัน ถามทำไมเธอยังไม่กลับบ้าน ฉันบอกว่าเธอดื่มเมาแล้วเลยนอนที่บ้านฉัน”

เย่ชูวเสวียถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่สาม ฉันรักพี่เหลือเกิน ขอบคุณมาก”

“พูดมา เมื่อคืนเธอไปไหนมา?” ทำไมเธอไม่กลับบ้านละ? เซียวอวี้หลินถามแบบไม่มีความสุข

“เรื่องนี้มันสับซ้อน วันไหนพอมีเวลาจะบอกพี่นะ ฉันวางสายก่อน เดี๋ยวจะโทรกลับไปที่บ้าน บายๆ”

ไม่สนใจคำว่า “เดี๋ยวๆ”เย่ชูวเสวียวางสายตรง จากนั้นถอนหายใจ บีบยิ้มเพื่อโทรหาพ่อของเธอ

“ฮัลโหล คุณพ่อ เมื่อคืนฉันดื่มหนักไปหน่อย ก็เลยนอนที่บ้านพี่สาม”เย่ชูวเสวียรีบพูดรับผิด ทัศนคติดีมาก

เย่ฉ่าวเฉินไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร และพูดว่า “หลังต่อไปโทรบอกที่บ้านสักคำ ได้ไหม แม่ป็นห่วง”

“รู้แล้วค่ะพ่อ ก็ดื่มจนเมาแล้วไง ฮี่ๆๆ”

เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงเบา “ดื่มไปเยอะแค่ไหนละ ทำไมถึงเมาได้ขนาดนี้ แล้วตอนนี้เธอทำอะไร ?”

“ฉันกำลังไปทำงาน”

“ทานข้าวหรือยัง? อาการเมาค้างมันน่าทรมาน ทานโจ๊กจะรู้สึกดีขึ้นหน่อย”

เย่ชูวเสวียอุ่นใจขึ้น “ค่ะ ข้างร้านขนมหวานมีร้านโจ๊ก เดี๋ยวฉันจะไปกิน”

“โอเค ฉันวางละ แม่ของเธอกำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ข้างนอก ฉันจะไปช่วยเขา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ