เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างโกรธๆว่า “เจ้าเด็กเหม็นนี่ ถ้าคิดอะไรแย่ๆอีก ต่อแต่นี้ไป ฉันก็ช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้แล้ว”
เย่จิงเหยียนไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ “พ่อ เมื่อคืนคุณเป่าผมให้คุณแม่ ผมเป็นเด็กผู้ชายจะคุกเข่าก็ไม่เป็นไร แต่หรูอี้เป็นเด็กผู้หญิง ถ้าร่างกายได้รับบาดเจ็บมันจะไม่ดี”
“พอแล้วพอแล้ว พวกเธอคุกเข่าก่อน ฉันจะไปพูดให้”ขณะที่เดินไปเย่ฉ่าวเฉินก็ยังชี้ไปที่ลูกสาว “เธอหน่ะ ไม่ให้ฉันได้วางใจเลยจริงๆ”
เมื่อพ่อจากไป เย่ชูวเสวียก็ยิ้มหัวเราะ “มีคนบางคนคุกเข่าเป็นเพื่อน ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปก็ไม่นานขนาดนั้นแล้ว”
เย่จิงเหยียนมองเธออย่างโกรธๆ โน้มตัวเข้ามาและกระซิบถามเธอว่า “เอ๊ะ พี่ชายถามเธอ เมื่อคืนเธอเมาจริงเหรอ ? หรือว่ากึ่งเมากึ่งมีสติ”
ใบหน้าของเย่ชูวเสวียแดงระเรื่อ เอามือผลักเขาออกและพูดอย่างโกรธๆว่า “แม่งเอ้ย มีพี่ชายที่ไหนถามน้องสาวแบบนี้ ”
“ฮ่า เธอพูดคำหยาบเป็นแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าหนานกงเจาสอน”
ทันทีที่พูดชื่อนี้ออกมา โทรศัพท์ของเย่จิงเหยียนก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับหัวเราะใหญ่
“หัวเราะอะไร ?”เย่ชูวเสวียมองเขาอย่างระแวง
“พูดถึงใครคนนั้นก็มา”
สีหน้าของเย่ชูวเสวียเปลี่ยน ยืนขึ้นและแย่งโทรศัพท์มา “อย่ารับ”
“โอเคโอเคโอเค ไม่รับ เธอไม่ต้องแย่งโทรศัพท์ฉันแล้ว ”ทั้งสองยื้อแย่งกันไปมา โดยไม่รู้ว่าเผลอไปกดโดนปุ่มรับได้ยังไง
เย่ชูวเสวียเงียบลงทันที เย่จิงเหยียนกระแอมในลำคอก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฮัลโหล ?”
“เย่จิงเหยียน ผมคือหนานกงเจา ชูวเสวียกลับบ้านรึยัง ?”
ชูวเสวีย ? เรียกกันอย่างสนิทสนม เย่จิงเหยียนจ้องมองไปที่น้องสาว
“กลับบ้านแล้ว”
“ถ้างั้นผมขอคุยกับเธอหน่อยได้ไหม ?”
“ไม่ได้ ”เย่จิงเหยียนปฎิเสธอย่างไม่ไยดี
หนานกงเจาผิดหวังมาก “ตกลง แค่เธอกลับถึงบ้านก็ดีแล้ว”
เย่จิงเหยียนดูถูกชายคนนี้อย่างมาก และพูดเตือนว่า “หนานกงเจา คุณอย่ามายั่วยุน้องสาวของผมอีก ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกคุณจะเป็นยังไง ก็จะไม่มีผลลัพธ์อะไรอยู่ดี”
หนานกงเจาตกตะลึง ใช้เวลาสักพักกว่าสติจะกลับมา “คุณ..........คุณรู้แล้ว ?”
“ไม่ใช่แค่ผมที่รู้ ทุกคนในบ้านก็รู้แล้ว หนานกงเจา ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะจริงใจหรือว่าเล่นๆ ได้โปรดไปหาคนอื่น ต่อไปนี้ถ้ายังกล้าแตะต้องน้องสาวผม ผมจะสับมือคุณ”
“เย่จิงเหยียน ชูวเสวียยังโอเคไหม ?”หนานกงเจาคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่ไม่ดี
เย่จิงเหยียนพูดอย่างเย็นชาว่า “ต้องขอบคุณคุณ เธอถูกพ่อฉันตีขาหักแล้ว ผมแนะนำให้คุณระวังไว้หน่อย ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้อารมณ์ของพ่อผมจะเย็นลงบ้างแล้ว แต่กับคนตระกูลหนานของพวกคุณเขาก็ยังไม่เกรงใจ ไม่แน่บางทีอาจจะกลั้นใจทำให้คุณหายไปเลยก็เป็นไปได้”
หลังจากคุกคามหนานกงเจา เย่จิงเหยียนก็กดวางสายทันที
“ผู้ชายคนนี้ใส่ใจเธอมาก” เย่จิงเหยียนพูดติดตลก
“หญิงสาวไม่ต้องการให้เขามาใส่ใจ”เย่ชูวเสวียพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ขอแค่เขาไม่มาสร้างปัญหาให้ฉันก็ต้องขอบคุณพระเจ้าแล้ว”
“เธอก็ยังรู้จักตัวเองดีนะ”
“ฉันเป็นแบบนี้มาตลอด”เย่ชูวเสวียคุกเข่าจนรู้สึกขาชา ขยับขาที่คุกเข่าอยู่บ้าง “ไม่รู้ว่าตอนนั้นหนานกงเฮ่าทำเรื่องอะไรไว้ พ่อแม่ถึงเกลียดเขาขนาดนั้น”
“เรื่องของคนรุ่นก่อนพวกเราไม่จำเป็นต้องไปถาม”เย่จิงเหยียนถอนหายใจ “ฉันน่าสงสารจริงๆ ยังต้องมาคุกเข่าเป็นเพื่อนเธอ”
“เหอะเหอะ ใครบอกให้คุณมาเป็นพี่ชายฉันล่ะ ? อ้อใช่แล้ว พี่สาวไปแล้วเหรอ?”
“ไปแล้ว ถ้ายังไม่ไปฉันจะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เหรอ?”
เย่ชูวเสวีย “ร้องไห้” ออกมา ขณะเดียวกันจางเห่อมาพร้อมกับผ้าฝ้ายสองผืน และพูดเบาๆว่า “พวกเธอคุกเข่าบนนี้ ฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวเกินไป จะได้ไม่เจ็บเข่า”
“ขอบคุณค่ะ/ครับคุณลุงจาง พวกเรายังคงคุกเข่าบนพื้นนี่แหล่ะ ถ้าหากว่าหม่าม้ารู้ว่าพวกเราโกง” อาจจะได้คุกเข่าไปถึงเช้า”เย่ชูวเสวียปฎิเสธ
เย่จิงเหยียนพยักหน้า “ก็ใช่ คุณลุงจางคุณปล่อยไปเถอะ”
จางเห่อมองทั้งคู่อย่างปวดใจ ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวมากจากประตูใหญ่ที่ทำให้พวกเขาตกใจ หนานกงเจามา
“ไอ้บ้า เขามาทำอะไร ?” เย่ชูวเสวียระเบิดออกมา
จางเห่อรีบปลอบเธอ “เธออย่าเพิ่งกังวล ผมจะออกไปดู”
“คุณลุงจางคุณรีบไป และห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”
เย่จิงเหยียนคนก่อเรื่องอยู่ข้างๆ “เธอจะร้อนรนอะไรขนาดนี้ หรือกังวลว่าถ้าเขาเข้ามาจะถูกพ่อตีขาหัก”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันแค่กลัวว่าคุณแม่จะโกรธจนเป็นลมไป”
สิ้นเสียงเย่ฉ่าวเฉินก็ปรากฎขึ้นในสายตาทันที เขาเหลือบมองไปที่ลูกสาวอย่างผิดปกติและถามจางเห่อว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
เย่ชูวเสวียขยิบตาให้จางเห่ออย่างหมดหวัง แต่จางเห่อก็ยังคงพูดต่อไปว่า “หนานกงเจามาครับ”
“ใคร ?”เย่ฉ่าวเฉินถามอย่างประหลาดใจอย่างมาก
“ก็คือลูกชายของหนานกงเฮ่า หนานกงเจา”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธจากใจ พูดเสียงดังว่า “โอเค ฉันกำลังอยากจะไปหาเขา แต่ไอ้สารเลวนี่กลับมาถึงที่ ไป เอาตัวมันมาให้ฉัน”
เย่ชูวเสวียบีบมือของเย่จิงเหยียนอย่างแรงและกระซิบว่า “ต้องโทษคุณ พูดอะไรว่าฉันโดนตีจนหาขัก ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเขาจะกล้าหาญขนาดนี้ ถึงกล้ามา”
ในไม่ช้า ร่างสูงก็วิ่งมาท่ามกลางแสงจันทร์ วิ่งมาจริงๆแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน เมื่อเห็นทั้งสองคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็รีบวิ่งมาข้างหน้าเย่ชูวเสวีย พร้อมกับคุกเข่าอยู่บนพื้นถามด้วยอย่างใจจดใจจ่อว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง ? บาดเจ็บตรงไหนไหม ?”
“คุณมาทำไม ?”เย่ชูวเสวียถามด้วยความโกรธ
“พี่ชายคุณบอกว่า......”พูดได้ครึ่งเดียว หนานกงเจาก็ถูกเย่ฉ่าวเฉินเตะกระเด็น ตัวเขากระเด็นนอนราบอยู่บนพื้น อีกนิดฟันของเขาก็จะกระแทกเข้ากับพื้นหิน
“ไอ้สารเลว แกยังกล้ามาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ของพวกเรา?” เย่ฉ่าวเฉินด่าด้วยความโกรธ
หนานกงเจาลุกขึ้นมาและคุกเข่าเหมือนกับเธออยู่ช้างๆเธอ เงยหน้าและพูดอย่างหนักแน่นว่า “คุณลุง ผมจะรับผิดชอบเย่ชูวเสวีย”
“ฉันไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบ ”เย่ชูวเสวียพูดตรงๆ
หนานกงเจาไม่สนใจเธอ และพูดกับเย่ฉ่าวเฉินต่อว่า “คุณลุง เป็นความผิดผมเอง ตอนนั้นผมหน้ามืดจึงทำเรื่องแบบนั้นไป แต่ว่าผมชอบเย่ชูวเสวียจริงๆ ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาศผม ผมจะรักดูแลเธอเป็นอย่างดี”
หัวของเย่ชูวเสวียจะระเบิด “หนานกงเจาคุณหุบปาก ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบของคุณ จะต้องให้ฉันพูดประโยคนี้อีกสักกี่รอบคุณจะเข้าใจ ?”
เย่ฉ่าวเฉินมองทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา “หนานกงเจา แกคิดถึงสังคมศักดินาของครบครัวฉันบ้างไหม? แกกับลูกสาวฉันมีอะไรกันแล้วฉันจะให้เธอแต่งงานกับแก ? ฝันโง่เง่าเกินไปแล้ว !ฉันจะบอกแก ตระกูลเย่ของพวกเราจะไม่มีทางมีความสัมพันธ์กับตระกูลหนานของพวกแกเด็ดขาด”
ผลลัพธ์นี้หนานกงเจาคาดการณ์มาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจ และยังคงพูดอย่างหนักแน่นว่า “คุณลุง ฉันรู้ว่าพวกคุณรุ่นก่อนมีความคับแค้นใจกัน แต่รุ่นของพวกเราไม่ควรที่จะสร้างความเกลียดชังต่อไป”
เย่ฉ่าวเฉินไม่อยากพูดไร้สาระกับเขา และพูดกับจางเห่อว่า “ยังมัวทำอะไรอยู่ ? หักขาของเจ้าเด็กคนนี้ แล้วส่งกลับไปให้ตระกูลหนาน”
“ครับ คุณท่าน”จางเห่อที่รู้เรื่องในอดีตนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงไม่มีความเห็นใจให้กับหนานกงเจา รีบหันกลับไปเรียกบอดี้การ์ด
เด็กทั้งสามคนไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะทำจริง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะใจหาย เย่จิงเหยียนจึงเอ่ยปากพูด “พ่อ นี่ไม่ค่อยเหมาะสมนะ”
“มีอะไรไม่เหมาะสม ?”เย่ฉ่าวเฉินมองอย่างโกรธๆ
“เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหนานกง......”
“หึ ถึงแม้ว่าหนานกงเฮ่าจะมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังจะทำ”เย่ฉ่าวเฉินมองไปทางหนานกงเจา และยิ้มอย่างเยือกเย็นว่า “แน่นอน ตอนนี้แกสามารถไสหัวออกไปได้ และชีวิตนี้อย่ามาปรากฎตัวที่คฤหาสน์ตระกูลเย่อีก”
หนานกงเฮ่าจ้องมองไปที่ดวงตาของเย่ฉ่าวเฉินอย่างไม่เกรงกลัว “ถ้าหากว่าหักขาผมแล้วจะสามารถลดความโกรธของคุณลุงได้ มันก็คุ้มค่า”
เย่ชูวเสวียตกตะลึง “คุณบ้าไปแล้วเหรอ ?”
หนานกงเจามองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง “ใช่ผมบ้าไปแล้ว บ้าไปตั้งแต่เจอคุณที่ร้านเหล้าคืนนั้น”
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยินคำพูดพวกนี้ก็ยิ่งโกรธ “ตีเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินเจ้านายสั่ง หมัดของบอดี้การ์ดสี่ห้าคนก็กระแทกลงบนร่างกายของหนานกงเจา เขาเอามือกุมศีรษะไว้ ถ้าเขาตอบโต้บอดี้การ์ดสี่ห้าคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ถ้าเขาต่อสู้ เขารู้ว่า เขาก็จะไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาที่นี่อีกต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว มู่เวยเวยก็วิ่งออกมาจากบ้าน เห็นบอดี้การ์ดที่บ้านกำลังล้อมตีคนๆหนึ่งอยู่ ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก “ลูกชายสารเลวของหนานกงเฮ่ามา ผมกำลังสั่งสอนเขา”
มู่เวยเวยอ้าปากค้าง “เขากล้ามาได้ยังไง ?”
“หึ นี่เห็นว่าตระกูลเย่ของพวกเรารังแกได้สินะ พวกแกสองสามคนออกแรงตีอีก”
บอดี้การ์ดทั้งหลายร่างกายแข็งแรง และภายในเวลาไม่กี่นาที ใบหน้าของหนานกงเจาก็มีสีขึ้น เมื่อเย่ชูวเสวียเห็นใบหน้าที่ย่ำแย่ของเขา ในใจก็รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ได้
“หนานกงเจา แกแค่พูดออกมาคำเดียว ต่อไปนี้จะไม่มาหาลูกสาวฉันอีก ฉันก็จะปล่อยแกไปตอนนี้” เย่ฉ่าวเฉินพูดเยาะเย้ย
“ไม่มีทาง ผมชอบเธอ ผมจะต้องแต่งงานกับเธอ”หนานกงเจาถูกทุบตีจนอ่อนแรง แต่ประโยคนี้พูดอย่างหนักแน่นมาก
เย่ฉ่าวเฉินสถบอย่างดุร้าย “แต่งกับเธอ ? พึ่งแก ? เจ้าราชาปีศาจ ? ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกแก แต่เมื่อตอนหนานกงเฮ่าอายุเท่าแกนี้ยังทำเรื่องแข็งแกร่งกว่าแกไม่รู้กี่เท่า”
หนานกงเจากัดฟัน และเริ่มเสียใจกับความเกียจคร้านในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าหากว่าเขาฟังที่พ่อสอน ก็คงไม่ต้องมาก้มหัวต่อหน้าเย่ฉ่าวเฉินในวันนี้ แม้กระทั่งพูดโต้แย้งยังทำไม่ได้เลย
เย่ชูวเสวียเห็นเขาถูกทุบตีจนแทบจะหายใจไม่ได้ เลือดที่มุมปากของเขายังคงไหลออกมา เธออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงจึงเอ่ยปากของร้องแทนเขาว่า “พ่อ อย่าตีเลย เรื่องนี้จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ ฉันเองก็มีส่วนผิด”
เย่ฉ่าวเฉินตีด้วยความโกรธ“เธอยังพูดแทนไอ้สารเลวนี่อีกเหรอ ?”
น้ำเสียงของเย่ชูวเสวียมีความกังวล “พ่อ ฉันไม่ได้พูดแทนเขา ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันทำผิดฉันรับผิดชอบความผิดเองได้ ขอร้องคุณอย่าตีเขาอีกเลย ถ้าคุณยังตีเขาจะตายได้”
เย่จิงเหยียนที่อยู่ข้างๆก็ช่วยพูด “ใช่ คุณพ่อ พวกเราและตระกูลหนานกงอยู่กันอย่างสงบสุขมาตั้งหลายปี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เล่ห์เหลี่ยมของตระกูลหนานกงพวกนั้นกับเราไม่เป็นไรหรอก แต่คุณแม่จะทำยังไง ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...