วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 325

“ใช่ใช่ใช่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ”เย่ชูวเสวียวิ่งออกไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาขยิบตาให้ต้วนอีเหยา “พี่อีเหยา คุณเป็นยาวิเศษณ์ของพี่ชายฉัน คุณดูสิ คุณมาเขาก็ฟื้นเลย” หลังจากพูดจบ ก็รีบวิ่งออกไป

ต้วนอีเหยาไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้ ปากของเด็กคนนี้สุดยอดมาก เธอสู้ไม่ได้เลย

“คุณอย่าโกรธเลย หรูอี้ก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็ก ตราบใดที่อยู่ต่อหน้าคนสนิทก็ไม่มีคำว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ”เย่จิงเหยียนกลัวว่าต้วนอีเหยาจะโกรธ จึงอธิบายแทนน้องสาวตัวเอง

“ฉันรู้ เธอมีนิสัยที่ดีมาก ฉันชอบมาก” ต้วนอีเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่จิงเหยียนจ้องมองเธออย่างทุกข์ใจและพูดว่า “คุณผอมลง”

“ผ่าตัดครั้งใหญ่น้ำหนักจะไม่ลดลงเลยเหรอ ? คุณก็เหมือนกับฉัน ผอมลงไปมาก”

สิ้นเสียง ประตูก็เปิดออก มู่เวยเวยเดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นลูกชายฟื้นแล้ว น้ำตาก็เอ่อล้นดวงตาเธอ

เย่จิงเหยียนมองไปที่แม่ของเขา และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “แม่ ผมทำให้คุณเป็นห่วงแล้ว”

มู่เวยเวยเช็ดน้ำตาที่หางตา และพูดด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาว่า “เธอฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว ฟื้นมาก็ดีแล้ว”

“คุณแม่ ผมจะต้องดีขึ้น”

“แม่รู้ แม่ก็แค่ดีใจ แม่ดีใจที่เธอฟื้นขึ้นมา ”มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาสามี “ฉันจะแจ้งให้พ่อเธอทราบ สองสามวันนี้เขาดูแลบริษัทแทนเธอ และเฝ้าหวังทุกวันว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา”

เย่จิงเหยียนยิ้ม “แน่นอนสิ ผมฟื้นแล้ว เขาสามารถโล่งใจได้แล้ว”

ไม่ช้าหมอก็เข้ามา เห็นต้วนอีเหยาก็ทักทาย และเริ่มตรวจเช็คเย่จิงเหยียน

“ฉันพักอยู่ชั้นบน คุณตรวจไปก่อน ไว้มีเวลาว่างฉันลงมาเยี่ยม” ต้วนอีเหยากระซิบ บอกให้เขาปล่อยมือ

เย่จิงเหยียนไม่อยากปล่อยเธอไป แต่ก็ต้องปล่อยเธอไปอีกครั้ง “คุณช้าหน่อย ระวังบาดแผล”

“ฉันรู้แล้ว”ต้วนอีเหยาจับแขนของเย่ชูวเสวียพยุงตัวลุกขึ้น และค่อยๆเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปภายใต้การจ้องมองของเย่จิงเหยียน

เขาจะต้องรีบหาย เย่จิงเหยียนกระซิบภายในใจ แบบนี้เขาถึงจะสามารถดูแลเธอได้ เมื่อเห็นเธออดกลั้นและดูซีดเซียว ใจของเขาก็แทบแหลกสลาย

หลังจากตรวจเสร็จ หมอก็แสดงท่าทีประหลาดใจมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อเช้านี้เขายังอาการครึ่งตายครึ่งมีชีวิต ทำไมตอนนี้ตัวบ่งชี้ทั้งหมดถึงเข้าใกล้ค่าความปกติ

หมอหลายคนพูดถึงเรื่องนี้ “สามารถย้ายเขาไปห้องผู้ป่วยปกติได้แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรมากแล้ว?”

มู่เวยเวยไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะเธอรู้ดีถึงการฟื้นฟูร่างกายของตระกูลเย่

“คุณแม่ พี่ชายไม่เป็นอะไรแล้ว คืนนี้คุณกับคุณพ่ออย่าอยู่ที่นี่เลย กลับไปพักที่บ้านให้เต็มที่เถอะ” เย่ชูวเสวียเห็นแม่ผอมลงมาก ในใจก็รู้สึกทนไม่ได้

“เธอเป็นผู้หญิงอยู่ที่นี่คนเดียวคงจะไม่สะดวก ให้คุณพ่ออยู่ที่นี่.......”

“ไม่ต้อง อีกสักพักเจ้ามอนสเตอร์น้อยก็มาแล้ว”

เย่จิงเหยียนก็ไม่อยากให้พ่อแม่ลำบาก จึงพูดต่อน้องสาวว่า “แม่ อีกเดี๋ยวคุณพ่อมาพวกคุณก็กลับไปเถอะ อยู่ที่นี่พวกคุณก็ไม่ค่อยได้นอน พรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้”

มู่เวยเวยเถียงสองคนนี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงเห็นด้วย

ชั้นบน ต้วนอีเหยาอารมณ์ดีขึ้นมาก เมื่อคิดถึงคำสารภาพของเย่จิงเหยียนพวกนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม ตอนนี้เธอบอกว่าจะเริ่มต้นใหม๋ โดยเธอจะไม่สนใจเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเขา

ตั้งหน้าตั้งตารอทุกอย่าง

และหวังว่าพวกเขาจะจบลงอย่างมีความสุข

คฤหาสน์ตระกูลเย่

จ้าวเสวียนกำลังทานอาหารอย่างกระสับกระส่าย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถ จึงหันไปดู เป็นรถที่เย่ฉ่าวเฉินใช้ในสองสามวันนี้ ด้วยความดีใจ เธอรีบวางตะเกียบและเดินออกไป

จริงด้วย มู่เวยเวยกับเย่ฉ่าวเฉินลงมาจากรถด้วยท่าทางเหนื่อยล้าสุดๆ

“คุณลุงคุณป้า พวกคุณกลับมาแล้ว อาการบาดเจ็บของจิงเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง ?” จ้าวเสวียนถามด้วยความเป็นห่วง

มู่เวยเวยพูดขณะเดินขึ้นไปบนห้องนอน “ดีขึ้นมาแล้ว ค่อยๆรักษาก็โอเคแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว”จ้างเสวียนตบอกตัวเอง

มู่เวยเวยเห็นว่าท้องของเธอใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ในใจก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ........

“สองสามวันนี้ร่ายกายเธอโอเคดีอยู่ใช่ไหม ”

จ้างเสวียนยิ้มและพูดว่า “ทารกในครรภ์โอเคมาก คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณกับคุณลุงยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม อาหารเสร็จพอดี พวกคุณมาทานข้าวค่ะ”

มู่เวยเวยโบกมือ ฉันไม่ทานล่ะ “สองสามวันนี้เหนื่อยมาก ฉันอยากขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”

แน่นอนว่าเย่ฉ่าวเฉินเดินตามติดภรรยา “เธอทานเองเถอะ พวกเราไม่ทานล่ะ ”

จ้าวเสวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและพูดว่า “คุณลุงคุณป้าราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

ในช่วงเวลาคืนนี้ทุกคนต่างนอนหลับกันอย่างสนิท

วันรุ่งขึ้น หมอและพยาบาลกลุ่มใหญ่ต่างมาล้อมห้อง เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนพิงกำแพงออกกำลังกายภายในห้องผู้ป่วย ทุกคนก็ตกตะลึง

“คุณ......คุณเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อวานไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงลุกจากเตียงลงมาออกกำลังกายได้เร็วจัง ? ”หมอที่อยู่ในกลุ่มนั้นพูดอย่างตะกุกตะกัก

เย่จิงเหยียนหยุดและอธิบายด้วยรอยยิ้มจางๆว่า “ความสามารถในการฟื้นตัวของผมดีมาตั้งแต่เด็กๆ”

“นี่มันเร็วเกินไปแล้ว มามา คุณนั่งลงบนเตียงก่อน ฉันขอตรวจให้คุณหน่อย”

หลังจากตรวจเสร็จ หมอก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ “ฉันเป็นหมอมาตั้งนาน ยังไม่เคยเจอคนไข้ที่มีความสามารถในการรักษาได้เร็วขนาดนี้เลย ถ้าหากว่าทุกคนเหมือนกับคุณ เกรงว่าโรงพยาบาลคงจะต้องปิดตัวลง”

เย่จิงเหยียนยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแข็งแรงจนบินได้ในวันนี้ แบบนี้เขาก้สามารถไปดูแลต้วนอีเหยาได้แล้ว

ประมาณแปดโมง มู่เวยเวยและเย่ฉ่าวเฉินก็มาถึง ในมือถือกล่องอาหารไว้สองกล่อง เมื่มองเห็นผิวของลูกชายดีขึ้น เย่ฉ่าวเฉินก็พูดด้วยความพึงพอใจ “สมแล้วที่เป็นลูกชายฉัน ฟื้นตัวเร็วมาก”

“ตอนที่พวกหมอมาที่ห้องผู้ป่วย สายตาพวกนั้นราวกับว่ามองมนุษย์ต่างดาว ”เย่จิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว กลุ่มมนุษย์ที่โง่เขลา

มู่เวยเวยเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วห้องผู้ป่วย “นี่เป็นซุปที่ฉันให้พ่อครัวปรุงเป็นเวลากว่าสามสี่ชั่วโมง ดื่มตอนร้อน มันจะช่วยเพิ่มเลือด”

เย่จิงเหยียนใช้ช้อนจิบ สายตาก็มองไปที่กล่องอาหารอีกใบ และถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ อีกอันคืออะไร ?”

“อันนี้สำหรับต้วนอีเหยา”

“แม่ คุณใจดีมาก” สีหน้าของเย่จิงเหยียนราวกับเด็ก

มู่เวยเวยแกล้งเขา “ฉันก็แค่กลัวว่าลูกชายที่โง่เขลาจะเอาซุปของตัวเองไปให้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำเพิ่มอีกหน่อยยังจะดีกว่า เธอว่าใช่ไหมล่ะ”

“แม่รู้ดีเรื่องลูกที่สุด !”เย่จิงเหยียนยกนิ้วให้เธอ วางช้อนลงและพูดว่า “ผมจะเอาไปส่งให้เธอ”

“เธอดื่มซุปอย่างเชื่อฟังดีกว่า” ฉันจะเอาไปส่ง มู่เวยเวยพูดอย่างเคร่งขรึม “เธอเพิ่งฟื้น อย่าเพิ่งเดินไปทั่ว”

“แม่ หมอบอกว่าให้ออกกำลังกายมากๆ ฉันไปเอง อีกเดี๋ยวค่อยลงมาดื่มซุป”

มู่เวยเวยอยากจะหยุดไว้ แต่ก็ถูกสามีรั้งไว้ “คุณให้เขาไปเถอะ ให้เขาแสดงความรัก ไม่อย่างนั้นจะผ่านเรื่องนั้นไปได้ยังไง ?”

แน่นอนว่าเรื่องนั้นหมายถึงเรื่องที่จ้าวเสวียนตั้งครรภ์

เมื่อมู่เวยเวยคิดถึงเรื่องนี้ จึงบอกลูกชายว่า “เธอค่อยๆไปนะ”

“รู้แล้วครับ”

ขณะเดียวกัน ต้วนอีเหยากำลังทานอาหารเช้าอยู่บนเตียง มีโจ๊ก ไข่หนึ่งฟอง และขนมปังสองอัน

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็ตะโกนไปว่า “เข้ามา” แต่เมื่อเห็นคนที่ปรากฎตรงหน้า ขนมปังในมือก็หล่นลงบนโต๊ะ

เย่จิงเหยียนเหลือบมองไปที่อาหารเช้าบนโต๊ะเธอ ขมวดคิ้วและพูดว่า คุณทานเรียบง่ายอะไรอย่างนี้ ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย

“เดี๋ยวก่อน คุณลุกจากเตียงได้ยังไง ?” ต้วนอีเหยาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

เย่จิงเหยียนมองไปที่เธออย่างอ่อนโยน “เพื่อที่จะมาดูแลคุณ”

“พูดดีๆหน่อย”ต้วนอีเหยารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับคำพูดบอกรักของเขา

เย่จิงเหยียนนั่งอยู่ขอบเตียง เปิดกล่องอาหารออก และกระซิบว่า ยีนของครอบครัวพวกเรามีความสามารถในการรักษาตัวเร็วมาก

ทันใดนั้นต้วนอีเหยาก็นึกถึงเรื่องส่วนตัวของเขา ที่แท้.....ที่แท้เขาไม่เพียงบินข้ามกำแพงและหายตัวผ่านกำแพงได้ แต่ยังมีพลังวิเศษนี้อีกด้วย นี่เป็นร่างกายที่ทหารทุกคนใฝ่ฝัน

“อย่าเพิ่งแปลกใจเลย มา ดื่มซุป พ่อแม่ผมเอามาจากบ้าน” เย่จิงเหยียนป้อนช้อนเขาปากเธอ

สติของต้วนอีเหยากลับมา เธอเขินและต้องการที่จะหยิบช้อนดื่มเอง แต่ก็ถูกเขาปฎิเสธ “อย่าแย่งงานของผม รีบดื่มเร็ว”

ไม่มีทางเลือก ต้วนอีเหยาอ้าปากและดื่มมันอย่างไม่เต็มใจ อร่อยมาก

“คุณดื่มรึยัง ?”ต้วนอีเหยาจับมือของเขาและดื่มมันอีกครั้ง

ท่าทีของเย่จิงเหยียนจริงจังมาก ราวกับว่ากำลังทำงานที่สำคัญมากอยู่ “ยังเลย อีกเดี๋ยวค่อยกลับไปดื่ม”

“ถ้างั้นคุณไม่ต้องป้อนแล้ว ฉันดื่มเองได้ ”ต้วนอีเหยาแย่งช้อนในมือเขามาอย่างแรง และกระซิบว่า “ไม่ใช่ว่ามือฉันจะขยับไม่ได้”

เย่จิงเหยียนไม่พูดอะไร และมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวที่ตัวเองชอบ มองยังไงก็ยังสวยยังน่ารัก โดยเฉพาะตอนกำลังตื่นแบบนี้ ผมยุ่งที่ดูมีชีวิตชีวาแบบนี้ ราวกับลูกแมวน้อย

ภายใต้ดวงตาของเขาที่ร้อนรุ่ม ใจของต้วนอีเหยาก็เต้นแรงขึ้น จนแทบจับช้อนไม่อยู่ เธอยื่นมือมาผลักไหล่ของเขา “คุณยิ้มอะไร รีบไปทานข้าว”

“งั้นคุณค่อยๆดื่ม อีกเดี่ยวผมขึ้นมาเก็บกล่องอาหาร”

ต้วนอีเหยาก้มหน้าพูด “อืม” และเอาหน้าที่แดงเธอของมุดลงในถ้วย

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ต้วนอีเหยาก็เงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจอย่างโล่งอก สายตาของชายคนนี้ดูโรคจิตขนาดนี้เลยเหรอ ?

ตลอดทั้งวัน เย่จิงเหยียนแทบจะนั่งอยู่ต่อหน้าต้วนอีเหยา ผู้ป่วยทั้งสองได้รับการสนับสนุนทำกิจกรรมบนทางเดิน ตอนบ่ายจางเห่อก็นำอาหารกลางวันมาให้ทานอีกด้วย

มู่เวยเวยนั่งถอนหายใจอยู่ในรถ “มีคนบอกว่าเลี้ยงลูกสาวเพื่อให้ครอบครัวอื่น แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าลูกชายของพวกเราก็เลี้ยงให้ครอบครัวอื่นด้วย ?”

“งั้นก็ดีแล้วนี่ เราจะได้ไม่ไปเป็นห่วง”เย่ฉ่าวเฉินพูดพลางจับมือเธอ

“จะไม่เป็นห่วงได้ยังไง แล้วคนที่อยู่ที่บ้านนั่นจะทำยังไง” มู่เวยเวยถามอย่างหงุดหงิด

เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอและพูดว่า “ลูกชายโตแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขาก่อเอง ก็ให้เขาแก้ไขเอง เพียงแต่ต่อไปเขาจะทำยังไงต่อไป คุณอย่าไปรั้งเขา”

มู่เวยเวยขมวดคิ้ว “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ? ถ้าเกิดว่าเขาบังคับให้จ้าวเสวียนทำแท้งล่ะ ?”

“คงไม่ทำหรอก ”รอเขาร่างกายดีขึ้นแล้วก็ค่อยถามว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะทำยังไง”

ในขณะเดียวกัน บุคคลที่พูดถึงนั้นกำลังไปตามหาคนที่โรงพยาบาล เธอเป็นห่วงเย่จิงเหยียนจริงๆ ถ้าเธอไม่ได้เห็นก็รู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้ ถ้าหากว่าเธอสามารถไปดูแลข้างๆเขาได้เขาอาจจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีกับเธอให้ดีขึ้นก็ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ