รอจนแน่ใจว่าเขาออกไปแล้ว เย่ชวูเสวียรีบใส่เสื้อผ้า เพราะเขาได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้เธอหมดแล้ว
อยู่ในถ้ำเสือแบบนี้ อีกไม่นานคงต้องโดนกินแน่ เพราะฉะนั้นแล้วเธอต้องรีบหนี แต่ว่ากุญแจรถและโทรศัพท์ล่ะ?
เย่ชวูเสวียเดินหารอบๆทั้งห้องครัวและห้องรับแขก แต่ก็หาไม่พบ หนานกงเจาถามอย่างรู้ทัน "หาโทรศัพท์หรือ?"
"เอามาให้ฉัน" เย่ชวูเสวียยื่นมือไป
หนานกงเจาหาได้สนใจไม่ เขายกถ้วยข้าวมา และพูดว่า "ทานเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันให้ ที่นี่ไม่มีรถแท็กซี่หรือรถอะไรมากหรอก เธอแอบออกไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยขน์อะไร"
เย่ชวูเสวียทำได้แค่นั่งลงและเตรียมทานข้าว
"ฉันเป็นคนช่วยชีวิตเธอเลยนะ นั่งทานข้าวกับฉันสักมื้อคงไม่เกินไปหรอกใช่ไหม?" พูดจบ เขาก็ยกอาหารมาอีก "ปกติแล้วฉันไม่ค่อยทำอาหาร วัตถุดิบในตู้เย็นเลยไม่ค่อยมีอะไรมาก เธอกินไปก่อนแล้วกัน"
เมื่อสักครู่ยังไม่รู้สึกหิว แต่เพราะความหอมของอาหารเตะเข้าที่จมูกทำให้ท้องเริ่มร้องออกมา เธอยิ้มหรี่ตาและพูดว่า "นายทำอาหารเป็นด้วย"
"ฉันทำอาหารเป็นนี่แปลกมากหรือไง?" หนานกงเจาถาม
เย่ชวูเสวียชิมอาหารฝีมือเขา และตอบเขาว่า "ลักษณะท่าทางนายทำให้คนมองดูเหมือนนายทำไม่เป็น"
"งั้นเธอทำเป็นไหม?" หนานกงเจาถามอีก
เย่ชวูเสวียยักไหล่ และตอบว่า "ไม่เป็น พ่อไม่ให้เรียน"
หนานกงเจามองเธอ และพูดต่อว่า "คุณอาพูดถูก เธอไม่ต้องเรียน ฉันทำได้ก็พอแล้ว"
"เฮ้ หนานกงเจา นายอย่ามาเอาเปรียบฉันซิ"
หนานกงเจาไม่อยากยั่วโมโหเธอ จึงขำเบาๆและตอบกลับว่า "ล้อเล่นหน่า อย่าซีเรียสขนาดนั้นซิ"
เย่ชวูเสวียไม่รู้โกรธมาจากไหน พูดต่อว่า "ใช่ซิ นายมันคือเพล์บอยผู้มีเชื่อเสียงโด่งดังของเมืองเออยู่แล้วนี่ จะล้อเล่นยังไงก็ได้"
หนานกงเจาช็อกชั่วขณะหนึ่ง เขาจะพูดเล่นแบบนั้นทำไม?
"เมื่อกี้ที่ฉันบอกว่าทำอาหารเพื่อเธอ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ" หนานกงเจาพูดเสริม
เย่ชวูเสวียยิ้มอ่อนและบอกอย่างไม่แยแสว่า "แล้วแต่ เพราะจะจริงหรือหลอกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?"
หนานกงเจารู้สึกเหมือนมีมีดบาดลงกลางใจ มองไปที่เธอและพูดว่า "ชวูเสวีย กับเธอฉันตั้งใจนะ"
"หนานกงเจา นายพูดแบบนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว? ลองนับดูนับไหวหรือเปล่า" เย่ชวูเสวียพูดต่อ "พากลับบ้าน ทำอาหารให้ทาน บอกกับผู้หญิงว่าชอบอย่างนั้นชอบอย่างนี้ พวกผู้หญิงพวกนั้นคงจะตื้นตันตายเลยใช่ไหมล่ะ"
"ฉันไม่เคยพาผู้หญิงกลับมาบ้านด้วย และไม่เคยทำอาหารให้ผู้หญิงคนไหน เธอคือคนแรก" หนานกงเจาอธิบายอย่างตั้งใจ
เย่ชวูเสวียเบ้ปาก "เคยพาหรือเปล่า ไม่มีใครรู้หรอก"
หนางกงเจาเห็นว่าเธอไม่เชื่อ จึงพูดต่อว่า "ตั้งแต่ที่เจอเธอ ฉันก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย ฉันสาบานได้"
ไม่น่าพูดเรื่องนี้ก็ดี พอพูดขึ้นมา เย่ชวูเสวียก็พาลไม่ยอมกินข้าว และแบมือยื่น ถามเขาว่า "โทรศัพท์กับกุญแจรถล่ะ?"
หนานกงวเจาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไป ทำไมไปพูดถึงผู้หญิวคนอื่นแบบนี้? โง่จริงๆเลย ทั้งๆที่ตัวเองเป็นปรมาจารย์ทางด้านความรักเลยนะ แต่ทำไมอยู่ต่อหน้าเย่ชวูเสวีย เขากลับเป็นไอ้งั่งคนหนึ่ง อะไรควรทำไม่ควรทำแยกไม่ออกเลยหรือ
"ฉันจะถามอีกรอบเดียวนะ โทรศัพท์ กุญแจรถอยู่ไหน!" เธออยู่ๆก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
หนานกงเจาเห็นเธอโกรธ จึงทำได้แค่ควักกุญแจกับโทรศัพท์ออกมาให้เธอ "เดี๋ยวฉันไปส่ง"
"ไม่ต้อง" เย่ชวูเสวียคว้ามา และเตรียมหมุนตัวออกมาหน้าประตู
หนานกงเจารียถอดผ้ากันเปื้อนและวิ่งตามเธอไปในลิฟต์ และเพิ่งสังเกตเห็นว่าทั้งสองใส่รองเท้าแตะ
อากาศในลิฟต์ค่อนข้างหนาว เธอเอาแต่ก้มมองพื้นไม่มองหน้าเขา เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง หนานกงเจารีบคว้ามือเธอไว้และพูดต่อว่า "เธอเรียกรถที่นี่ไม่ได้หรอก ให้ฉันไปส่งเถอะ"
เย่ชวูเสวียสะบัดมือออก แต่ก็ไม่หลุด เธอพูดอย่างโมโหว่า "หนานกงเจา ทำไมนายถึงน่ารังเกียจมากขนาดนี้นะ?"
หนานกงเจารู้สึกสบายใจแปลกๆ เพราะคำพูดพวกนี้ ผู้หญิงที่กำลังงอนอยู่มักจะพูดกัน
"ใช่ๆๆ ฉันน่ารังเกียจ แต่เธอดูซิดึกขนาดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นให้ฉันไปส่งดีกว่าไหม?" หนานกงเจาพยายามหว่านล้อมเธอด้วยความอบอุ่น
เย่ชวูเสวียมองไปที่เขาและถามอย่างสงสัยว่า "ตอนนี้นายไม่กลัวพ่อฉันตีขาหัก?"
"จะตีขาหักก็ต้องไปส่ง ผมไม่ไว้ใจปล่อยให้คุณกลับดึกๆคนเดียวแบบนี้หรอก" หนานกงเจาพูดจบ ค่อยๆดึงแขนเธอเบาๆ และพูุดว่า "ไปเถอะ รถจอดอยู่ข้างนอก"
เย่ชวูเสวียยอมเดินตามเขาไป อย่างไรซะตอนนี้ก็ดึกแล้ว กลับคนเดียวคงไม่ปลอดภัย
ระหว่างทางเย่ชวูเสวียเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา หนานกงเจาก็กลัวตัวเองจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดอีก จึงไม่ปริปาก ทำให้บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด
เมื่อถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่ชวูเสวียไม่รีบลงรถ หนานกงเจารีบคว้ามือเธอไว้
"อะไร?" เย่ชวูเสวียกล่าว
หนานกงเจากระซิบกับเธอ "แผลที่เท้าเธอยังไม่หายดี อย่าลืมทายาด้วยนะ ที่บ้านมีหมอประจำบ้านใช่ไหม"
"มี"
"งั้นก็ดี หมอน่าจะมียา เธอค่อยๆเดิน ระวังเจ็บ"
"รู้แล้ว" เย่ชวูเสวียพูดต่อว่า "จู้จี้จุกจิก"
เมื่อหนานกงเจาได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดผิดอีกแล้ว ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าชอบเย่ชวูเสวียขนาดไหน แต่ที่รู้คือชอบจนนิสัยเปลี่ยนหมดแล้ว
ทันทีที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์ เย่ชวูเสวียก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เพราะทั้งพ่อ แม่พี่ชายของเธอ ต่างพานั่งบนโซฟาโดยไม่พูดไม่จา ท่าทางดูจริงจัง
เกิดเรื่องอะไรอีก?
เย่ชวูเสวียพาตัวเองกะเผลกๆไปจนถึงห้องรับแขก และถามเย่จิงเหยียนเสียงเบาว่า "พี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
มู่เวยเวยหันมามองและถามว่า "ทำไมลูกเพิ่งกลับมาตอนนี้?"
เย่ชวูเสวียตกใจ หรือพวกเขาจะรู้เรื่องเธอกับหนานกงเจา...
ไม่ได้ๆๆ เป็นตายร้ายดีอย่างไรจะให้พวกเขารู้ไม่ได้
"เอ่ออ...คือ.." เย่ชวูเสวียไขว้มือไว้ด้านหลัง "วันนี้หนู.."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...