จ้าวเสวียนรู้จักนิสัยของเขาดี ถึงแม้ปากจะบอกว่าได้เงินน้อย แต่เขาก็ไม่ใช่คนแย่มาก ถ้าเขารู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา และทำให้ลูกเขาตายไปอีก เขาต้องมาซักไซร้ถามแน่ และเรื่องนี้ก็จะปิดเป็นความลับยาก
เย่จิงเหยียนที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินจ้าวเสวียนคุยโทรศัพท์พอดี ในใจสงสัยว่า เธอกำลังคุยกับใคร? กับนายแค่สนุกๆอะไรกัน?
จากการคาดเดา สนุกๆในที่นี่น่าจะพูดถึงเรื่องบนเตียง...
แต่เขาเคยส่งคนไปสืบประวัติของจ้าวเสวียนแล้ว เธอเคยมีแฟนมาแค่คนเดียวเท่านั้นเอง
หรือตัวเองจะคิดมากไป?
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออก จ้าวเสวียนมองเห็นเขายืนอยู่ ถึงกับตกใจหน้าซีด
"คุณ...คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ?" จ้าวเสวียนถามตะกุกตะกัก
เย่จิงเหยียนสังเกตอาการของเธอ และตอบว่า "ผมมาคุยเรื่องเมื่อวาน"
จ้าวเสวียนนึกย้อนไปตอนเมื่อกี้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้พูดอะไรออกไป ฮุ้ว เธอแอบถอนหายใจ "คุยที่ไหนคะ?"
"คุณกำลังจะไปที่ไหน?"
"อ่อ ในห้องค่อนข้างอุดอู้ เลยออกมาสูดอากาศค่ะ"
เย่จิงเหยียนสีหน้าเรียบเฉย ตอบกลับ "งั้นคุยพรุ่งนี้แล้วกัน"
จ้าวเสสวียนพูดต่อว่า "พรุ่งนี้คุณเรียกทนายมาคุยด้วยเลยแล้วกัน อย่าผลัดเรื่องนี้ออกไปอีก รีบเคลียร์ให้มันจบๆ"
"เย่จิงเหยียนรู้สึกสงสัยหนักกว่าเดิม "ทำไมอยู่ๆก็รีบร้อนขึ้นมา?"
จ้าวเสวียนยิ้มเยาะ "วันนี้ฉันไม่มีเด็กแล้ว ยังจะให้หน้าด้านอยู่ที่คฤหาสน์ต่อ? ไหนๆพวกคุณก็ไม่ชอบหน้าฉันมาตั้งนานแล้ว จะให้ฉันทนอยู่ที่นั่นหรือไง?"
"โอเค พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมว่าง จะพาทนายมาด้วย"
เย่จิงเหยียนลงจากตึก จ้าวเสวียนถอนหายใจโล่งอก ถึงตอนนี้จะไม่มีเด็กว้เป็นตัวล่อแล้ว อย่างไรซะเธอก็ต้องได้รับการชดเชยที่งดงาม อีกอย่างจบได้เร็วๆยิ่งดี เพราะเรื่องยิ่งนานยิ่งจะหลุดง่าย ขอแค่เขาเซ็นชื่อตามให้ถูดต้องตามกฏหมาย และขอให้หุ้นและเงินมาอยู่ในมือให้ได้ เท่านั้นเย่จิงเหยียนก็ทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว
ช่วงเวลาอาหารเย็น เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยกลัลับถึงบ้านด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดี
"คุณแม่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?" เย่ชวูเสวียถาม
มู่เวยเวยถอนหายใจและตอบว่า "คุณปู่ของตระกูลเสี่ยวน่ะซิ อาการแย่ลงอีกแล้ว ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาลูกๆไปเยี่ยมท่านหน่อยนะ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว"
"ครั้งก่อนที่โรงพยาบาลทหาร ไม่ใช่ว่าการรักษาโอเคขึ้นแล้วหรือครับ?" เย่จิงเหยียนถาม
มู่เวยเวยตอบอย่างเศร้าๆ "คนแก่แล้ว ได้แต่ใช้ยาเพื่อรักษาชีวิตไว้"
เย่ฉ่าวเฉินตบแขนเธอเบาๆปลอบใจ และพูดว่า "คุณเศร้ามาตลอดทางแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาของทุกคน อย่างไรซะทุกคนก็ต้องไปเหมือนกัน"
"เห้อ" มู่เวยเวยนั่งลงแต่ไม่มีอารมณ์จะทานข้าว
เย่ฉ่าวเฉินเปลี่ยนเรื่องคุย หันไปถามลูกชายว่า "ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูเงียบๆไม่มีความสุข"
"อ่อ ไม่มีอะไรครับ" เย่จิงเหยียนตอบแบบหมดแรง และมองไปที่ถ้วยข้าว
"แบบนี้เรียกไม่มีอะไรอีกหรือ?" เย่ฉ่าวเฉินถามต่อ
เย่ชวูเสวียพูดแทนพี่ชาย "วันนี้พี่อีเหยาไปแล้วค่ะ"
เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย "เธอแผลหายดีแล้วหรือ?"
"ยังค่ะ แต่มีธุระด่วนเลยออกไปเลย"
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปพักหนึ่ง พูดขึ้นว่า "เปรียบเทียบชีวิตเรากับเธอ รู้สึกว่าเรามีความสุขมากเลย"
เย่จิงเหยียนได้ยินคำที่พ่อพูด ก็วางตะเกียบลง "ผมไม่หิว ผมไม่กินแล้วครับ"
"แม่ก็ไม่หิวเหมือนกัน" มู่เวยเวยก็วางตะเกียบลง
"พ่อดูวันนี้ทุกคนคงไม่มีจิตใจจะทานข้าว ถ้างั้นวันนี้...." ยังไม่ทันพูดจบโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปลายสายคือมู่เทียนเย่ ในใจรู้สึกว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีแน่ "ฮัลโหล ว่าอย่างไรพี่ โอเค...พวกเราไปเด๊่ยวนี้"
หลังจากวางสาย เย่ฉ่าวเฉินรีบพูดขึ้นมาว่า "ไปเร็ว คุณปู่น่าจะอยู่ได้แค่คืนนี้"
พูดจบ มู่เวยเวยก็ขาอ่อน เย่ฉ่าวเฉินรีบเข้าไปประคองเธอ และพูดกับเธอว่า "คุณเข้มแข็งไว้นะ อีกเดี๋ยวเราต้องปลอบพี่สะใภ้"
มู่เวยเวยน้ำตารื้น "ฉันรู้แล้วค่ะ"
ทุกคนนั่งรถไปด้วยความรีบรน จางเห่อเป็นคนขับ เย่ฉ่าวเฉินนั่งกุมมือภรรยาที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ เย่ชวูเสวียที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ขอบตาแดงเหมือนกัน
ทั้งเย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยไม่มีญาติผู้ใหญ่แล้ว จึงคิดว่าพ่อแม่ของเสี่ยวซีหร่านเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักของพวกเขา พวกท่านเอ็นดูและรักลูกๆของตระกูลเย่มาก โดยเฉพาะลูกสาวคนเดียว เย่ชวูเสวีย
เย่จิงเหยียนมองไปทางไฟสลัวๆบนถนนข้างหน้า ในใจเขายุ่งเหยิงไปหมด ทั้งเป็นห่วงเรื่องปู่เสี่ยว ห่วงเรื่องต้วนอีเหยา และยังกำลังคิดจะส่งคนไปสืบเรื่องแฟนของจ้าวเสวียนอีก
เมื่อรถเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่ ไฟในบ้านสว่างไสว และเมื่อปู่เสี่ยวมองเห็นพวกเขาก็ดีใจจนน้ำตาไหล เย่ชวูเสวียรีบวิ่งเข้ามาจับหน้าเขาไว้
"คุณปู่คะ" เย่ชวูเสวียร้องไปเรียกไป
ปู่เสี่ยวพึมพัมไม่กี่คำ ก็จากไป...
เสี่ยวซีหร่านร้องไห้เสียงดังเจียนจะขาดใจ ขาอ่อนล้มลงหน้าเตียง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันน้ำตาไหลไม่หยุด
คุณย่าเดินเข้าไปกุมมือสามีที่รัก และพูดว่า "ไปก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ทรมาน ที่รัก คุณรอฉันอยู่ที่นั่นนะ อย่าหนีไปสบายคนเดียวนะคะ..."
ทั้งห้องระงมไปด้วยเสียงร้องไห้และหยดน้ำตา
ก่อนตาย คุณปู่สั่งไว้ว่าไม่ต้องจัดงานอะไรใหญ่โต ส่งเขาเรียบๆง่ายๆก็พอ เพราะเหตุนี้ทำให้ช่วงไม่กี่วันนี้ ตระกูลมู่และตระกูลเสี่ยวต่างก็พากันยุ่งกับการจัดงานศพ
กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ใช่เวลาไปสามวัน จิตใจของเสี่ยวซีหร่านยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งมุู่เวยเวยไม่เคยอยู่ห่างเธอเลย เวลาเธอร้องก็คอยหากระดาษมาซับน้ำตาให้ หรือเวลาเธอเหนื่อยก็เป็นที่ซบอิงให้เธอพัก
เมื่อเห็นป้ายสีดำมีชื่อพ่อของเธออยู่ ตอนนี้พ่อจากเราไปแล้วจริงๆซินะ
ด้านจ้าวเสวียนไม่รู้เรื่องอะไร ได้แต่สงสัยทำไมคนบ้านนี้ไม่กลับบ้าน พอได้ดูข่าวถึงได้รู้ว่าพ่อของเสี่ยวซีหร่านเสียแล้ว
ดูเหมือนว่าสัญญามอบเงินและหุ้น คงต้องผลัดไปอีกแล้ว
ตกบ่าย ทุกคนกลับมาถึงบ้าน จ้าวเสวียนรีบเข้าไปประจบมู่เวยเวย ยกน้ำชาให้และพูดว่า "คุณน้าอย่าเสียใจไปเลยนะคะ"
มู่เวยเวยลืมไปซะสนิทว่าจ้าวเสวียนยังอยู่ในบ้าน จึงพยายามหาเรื่องคุยว่า "ช่วงนี้น้ายุ่งๆ อาการตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างจ้ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...