"ไม่……” เย่ชูวเสวียต้องการปฏิเสธ แต่นึกถึงว่าเซียวอวี้หลินไม่สามารถให้เธอไปทานข้าวโดยไร้เหตุผล แน่นอนว่าต้องมีปัญหาอะไร เลยหันกลับไป ตอบรับ "เอ่อ……โอเค"
"ตกลง ที่โรงแรมไนท์เมาน์เท็น"
เซียวอวี้หลินวางสายไป มองไปที่ต้นไม้ริมถนนทั้งสองข้างแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บรรยากาศระหว่างพี่จิงเหยียนกับต้วนจื่ออิ๋งช่างลึกซึ้ง เขาหายใจไม่ออกเล็กน้อย……
ณ โรงแรม
เย่จิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องวีไอพีก่อน ต้วนจื่ออิ๋งเดินตามหลังเขาไปด้วยสีหน้าดีอกดีใจ เหลือเพียงแต่เซียวอวี้หลิน มู่ยู่วฉีมองสองพี่น้องมองไปที่ประตูอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด
พวกเขาคิดว่าบรรยากาศจะผ่อนคลายขึ้นเมื่อมาถึงโรงแรม แค่คาดไม่ถึงว่ายังคงแปลกๆเล็กน้อย เช่นนี้พวกเขาจะกล้าทานข้าวอย่างมีความสุขได้อย่างไร!
"คุณเข้าไปก่อนเถอะ" มู่ยู่วฉีผลักๆเซียวอวี้หลิน ให้เขาแทรกเข้าไป
เซียวอวี้หลินดึงขอบประตู เค้นคำพูดรอดไรฟันมาสองสามคำ "คุณเข้าไปก่อน"
"ทำไมอ่ะ!"
"บอกให้คุณเข้าไปก็เข้าไปสิ จะมาไร้สาระอะไรขนาดนั้น!" เซียวอวี้หลินอาศัยตอนที่ไม่ทันระวังตัว หันกลับไปอยู่ข้างหลังเขา ใช้เท้าถีบเขาเข้าไปที่ประตู
"โครม"
เย่จิงเหยียนได้ยินเสียง ก็หันไปมองพวกเขา "พวกคุณทำอะไรกัน?"
มู่ยู่วฉีกุมบริเวณที่เท้าถีบจนเจ็บแล้วมองไปที่เซียวอวี้หลิน "คุณชนะแล้ว!"
เซียวอวี้หลินเงยหน้า เลิกคิ้วมองไปทางเขา เหยียบเข้าไปในห้องวีไอพีอย่างภาคภูมิใจ ภายในมีแสงไฟอบอุ่น เก้าอี้นุ่มสบาย เพียงแต่ทั้งสี่คนนั้นใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"ขอโทษด้วย ฉันมาช้า!" เย่ชูวเสวียรีบวิ่งมาที่หน้าประตู เห็นคนด้านในนั่งไม่ไหวติง ก็แปลกใจเล็กน้อย
"ทำไมคุณดเพิ่งจะมา รอคุณตั้งนานแล้ว ไปไปไป เป็นเพื่อนฉันไปเน่งห้องครัวให้เอาอาหารมาเสิร์ฟ" เซียวอวี้หลืนเห็นผู้ช่วย ก็ลากเธอออกไปทันที
เย่ชูวเสวียรู้สึกประหลาดใจ ขณะเดินก็หยุดลง เอามือเท้าเอวจ้องมองเซียวอวี้หลิน "พูดมา ที่จะหาฉันสรุปมีเรื่องอะไร? ฉันไม่เชื่อว่าคุณให้ฉันมาเพื่อเฉพาะแค่ทานข้าว!"
เซียวอวี้หลินมองซ้ายมองขวา กะด้วยสายตาแล้วระยะทางไกลขนาดนี้คาดว่าเย่จิงเหยียนจะไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาจึงหยุดเดิน
ปิดปากเย่ชูวเสวีย "คุณเสียงเบาๆหน่อย พี่จิงเหยียนหูดีมาก!"
"อื้ออื้อ……อื้ออื้ออื้ออื้อ……”
"คุณพูดเบาๆฉันก็จะปล่อยคุณ"
เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างน่าสงสาร พยักหน้าประนีประนอม เมื่อได้รับอากาศ เย่ชูวเสวียก็สูดลมหายใจทันที "คุณคิดจะปิดให้ฉันตายเลยหรือไง!"
น้ำเสียงของเธอน่าตกใจ เซียวอวี้หลินรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินเธอ แล้วปิดปากเธอใหม่ "พี่เสียงเบาๆหน่อย!"
เห็นเธอขยับอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสองข้างกลอกไปมา เซียวอวี้หลินก็ใจอ่อน จึงปล่อยมือออก
เย่ชูวเสวียได้รับอิสระ เรียนรู้บทเรียนจากครั้งที่แล้ว มองเขาตาปริบๆ "สรุปเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ดูลึกลับๆ"
"คุณเข้าไปเมื่อกี้ไม่เห็นความผิดปกติหรอ?"
เย่ชูวเสวียรู้สึกประหลาดใจ นึกถึงสถานการณ์เมื่อกี้นี้ที่ยืนอยู่ตรงประตู ส่ายๆหัว "ไม่นะ"
"ไอ๊หยา!" เซียวอวี้หลินตบหัวของเธอเล็กน้อย "คุณเป็นผู้หญิงทำไมไม่ละเอียดอ่อนเลย! คุณไม่เห็นว่าพี่จิงเหยียนกับต้วนจื่ออิ๋งดูแปลกๆหรอ?"
เย่ชูวเสวียไม่เข้าใจ "มีอะไรแปลกหรอ? ทั้งสองคนก็เป็นแบบนี้มาตลอดหรือเปล่า?"
"ไม่ใช่ไม่ใช่!"
เซียวอวี้หลินกำกำปั้นแน่นอย่างไม่พอใจ ถือไว้ตรงหน้าเธอและเปรียบเทียบ แล้วเก็บกลับมา "พวกเขาสองคนมีปัญหากันอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ของฉัน ระหว่างพวกเขาตลบอบอวลไปด้วยเรื่องชู้สาว!"
"เชี่ย!"
เย่ชูวเสวียกลอกตาด้วยความเหยียดหยาม "เรื่องชู้สาวบ้าบออะไร! ต้วนจื่ออิ๋งชอบพี่ชายฉันอยู่แล้ว คุณมองไม่ออกเลยหรอ?"
"ไม่ใช่!" เซียวอวี้หลินร้อนใจ เดินหลับมาตรงหน้าเธอ "ฉันหมายความว่าพวกเขาออกมาจากคฤหาสน์ด้วยกัน บรรยากาศดูแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก"
"คุณก็ระแวงมากไป คนอื่นมีอะไรแปลกๆซะที่ไหนกัน? ฉันเห็นว่าก็ปกติมาก!"
"จริงๆนะ คุณต้องเชื่อฉัน ไม่งั้นลองไปถามต้วนจื่ออิ๋งสิ?"
ทั้งสองคนมองหน้ากัน เย่ชูวเสวียไม่ได้คิดมาก "มิเช่นนั้น……ลองดูหรอ?"
"อืม"
กลับไปที่ห้องวีไอพี ด้านในก็เงียบเหมือนปกติ มู่ยู่วฉีเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม ก็ลุกขึ้นต้อนรับทันที
เดินเข้าไปใกล้ๆเซียวอวี้หลิน ใช้กำปั้นทุบไปที่ไหล่ของเขา "พวกคุณทำไมเพิ่งจะมา? ไปเร่งอาหารมาเป็นยังไงบ้าง?"
"ใกล้แล้ว วันนี้ลูกค้าเยอะมาก"
เซียวอวี้หลินพูดอย่างขอไปที แล้วหันกลับไปมองเย่ชูวเสวีย ทั้งสองคนมองหน้าก็รู้ใจ แล้วก็แยกย้ายกัน เย่ชูวเสวียนั่งลงข้างๆต้วนจื่ออิ๋ง
"ชูวเสวีย คุณมาแล้ว" ต้วนจื่ออิ๋งเห็นเธอ ก็เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เธอ ดูเหมือนว่าเย่ชูวเสวียจะตกตะลึงเล็กน้อย
เธอขยี้ตา มองต้วนจื่ออิ๋งเห็นว่าเธอยังคงยิ้มอยู่ ก็อดถามไม่ได้ว่า "มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจหรือเปล่า? ถึงได้ร่าเริงขนาดนี้……”
"ไม่มี……” ต้วนจื่ออิ๋งยิ้ม ก้มหน้าพูดอย่างเขินอายว่า "เย่ชูว คุณอย่าถามเลย ไม่มีจริงๆ"
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้ว เธอก็ถามไปอย่างนั้น เห็นท่าทางเธอเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรจริงๆ!
"สนใจเรื่องของตนเองเถอะ อย่ามาถามเรื่องของคนอื่น" เย่จิงเหยียนที่ไม่ได้พูดจามาโดยตลอดก็เงยหน้าขึ้นมองทางด้านเย่ชูวเสวียนั้น พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
"พี่……”
เย่ชูวเสวียหันมา เห็นเย่จืงเหยียนสีหน้าไร้อารมณ์ ก็กลืนคำต่อท้ายลงไป ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนก้มหน้าลงด้วยความอึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
"เสิร์ฟอาหารแล้วๆ พวกคุณอย่าห่วงแต่คุยเล่น ทานข้าวเถอะ" เซียวอวี้หลินเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี พอดีกับเห็นว่ามาอาหารมาเสิร์ฟ จึงรีบจัดอาหารให้พวกเขา
เย่จิงเหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบ เคี้ยวอย่างพิถีพิถันแล้วค่อยๆกลืน ต้วนจื่ออิ๋งเห็นเขาทานข้าว ตนเองก็ยื่นมือไปคีบอาหารจานนั้นที่เขากิน
"อืม……อร่อยจริงๆ พี่จิงเหยียน!" อาหารเพิ่งจะเข้าปาก ต้วนจื่ออิ๋งทำตาโต จ้องมองเย่จิงเหยียนด้วยความประหลาดใจ
เย่จิงเหยียนไม่ตอบสนองต่อสายตาของเธอ แต่แค่ทำเสียงออกจมูกว่า "อืม"
น้ำเสียงไม่เล็กไม่ใหญ่ ทว่าทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ เย่จิงเหยียนไม่อยากคุยกับพวกเขา ทว่าตั้งใจตอบกลับต้วนจื่ออิ๋ง นี่……นี่หมายความว่าอย่างไร?
ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็ต่างครุ่นคิด พวกเขาคีบตะเกียบขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี มีเพียงแต่ต้วนจื่ออิ๋งเท่านั้นที่อารมณ์ดีมาก พูดคุยกับเย่จิงเหยียนตลอด สิ่งที่แปลกคือแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก แต่ก็ตอบกลับเป็นส่วนมาก
"ฉันจะไปห้องน้ำ" ฟลังทานอาหาร เย่ชูวเสวียก็ลุกขึ้นจัดกระโปรงเล็กน้อย เมื่อลุกจากที่นั่งก็หันกลับไปพูดว่า "จื่ออิ๋ง คุณมากับฉันหน่อย กระโปรงของฉันเปื้อน จำเป็นต้องให้คุณช่วยจับ"
"ห๊ะ? อ้อ……”
ต้วนจื่ออิ๋งถูกเรียกก็รู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินชัดเจนก็รู้ตัวทันที บอกลาเย่จิงเหยียน แล้วลุกตามเย่ชูวเสวียออกไปอย่างร่าเริง
ในห้องน้ำ ต้วนจื่ออิ๋งอยู่ด้านหลังเย่ชูวเสวียตอนนี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย "ชูวเสวีย ให้ฉันช่วยอะไรคุณหรอ?"
เย่ชูวเสวียหยิบเครื่องสำอางออหมาจากในกระเป๋า แต่งที่หน้ากระจก เธอเขียนคิ้วไปพลางถามไปพลาง "จื่ออิ๋ง คุณมีเรื่องอะไรปิดบังฉันใช่ไหม?"
"เรื่อง……เรื่องอะไร?"
ต้วนจื่ออิ๋งไม่กล้ามองกระจกฝั่งตรงข้าม กลัวถูกเย่ชูวเสวียระแคะระคาย ก้มหน้าถามกลับอย่างประหม่า
"คุณอย่ามาปิดบังฉันเลย ฉันมองออก"
"งั้นเรื่องอะไรล่ะ ชูวเสวียคุณอย่าเหลวไหลสิ"
เย่ชูวเสวียหยุดการกระทำในมือลง มองต้วนจื่ออิ๋งในกระจก "แน่นอนว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคุณกับพี่ชายของฉันเมื่อวานนี้ มิเช่นนั้นคุณจะเป็นเช่นนี้ได้ยังไง?"
"ฉัน……”
ต้วนจื่ออิ๋งไม่มีวิธีโต้แย้ง คิดสักพักแล้วเงยหน้าขึ้น "ฉันบอกกับคุณ แต่คุณห้ามไปพูดที่ไหนนะ……”
"อืม"
"อะไรนะ? คุณกับพี่ชายของฉัน……?”
สามนาทีต่อมา หลังจากฟังต้วนจื่ออิ๋งเล่าเรื่องเย่ชูวเสวียหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เป็นเรื่องที่หน้าเหลือเชื่อ
"ชูวเสวีย คุณเสียงเบาๆหน่อย!" ต้วนจื่ออิ๋งมองไปที่เธออย่างเขินอาย ฉับพลันหน้าก็แดงไปจนถึงติ่งหู
"ท้ายที่สุดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? พี่ชายฉันทำไมเขาจึงสามารถ……”
เย่ชูวเสวียไม่กล้าเชื่อ ชัดเจนว่าเย่จิงเหยียนรักต้วนอีเหยาจนไม่มีวันลืมเลือน จะสามารถไปอะไรกับคนอื่นภายในชั่วพริบตาได้อย่างไร!
"ก็……ก็……"
"ไอ๊หยา เขาคิดว่าฉันเป็นพี่อีเหยา!"
ต้วนจื่ออิ๋งเกาหัวเธออย่างหงุดหงิด "จริงๆ ฉันต้องพูดให้ชัดเจนแบบนี้"
"นี่ก็สมเหตุสมผล……” เย่ชูวเสวียถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร
เมื่อวานเป็นวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่าพี่ชายฉันต้อคิดถึงเรื่องราวของพี่อีเหยา จึงสวมบทบาทนักดื่ม บังเอิญไปเจอกับต้วนจื่ออิ๋งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนพี่อีเหยา ก็มีเหตุผลที่จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเธอ
"เย่ชูว คุณหมายความว่าอะไร?"
เดิมทีต้วนจื่ออิ๋งเขินอายมาก แต่ได้ยินเย่ชูวเสวียพูดทำให้เสียบรรยากาศว่า"พูดมีเหตุผล" ฉับพลันเธอก็ไม่มีความสุขเล็กน้อย เธอมีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าเป็นแค่เงาของต้วนอีเหยา……
เย่ชูวเสวียสติกลับมา ถอนหายใจ "ฉันไม่ได้หมายความว่าอะไร เพียงแต่คุณก็รู้ เป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายฉันจะลืมพี่อีเหยาเร็วขนาดนี้ ฉะนั้น……”
"ฉะนั้นอะไร?"
"ฉะนั้นพี่ชายของฉันเขาพูดว่าอะไรล่ะ?"
"เอ่อ……” ต้วนจื่ออิ๋งก้มหน้าลงอีกครั้ง บีบๆมุมเสื้อ " พี่จิงเหยาบอกว่าจะรับผิดชอบฉัน"
พี่ชายฉันพูดแบบนี้จริงๆหรอ?" เย่ชูวเสวียไม่เข้าใจเล็กน้อย ชัดเจนว่าในใจพี่ของเธอยังคงมีพี่อีเหยาอยู่ ทำไมถึงรับปากกับต้วนจื่ออิ๋งว่าจะรับผิดชอบเธอ?
"อืม" ต้วนจื่ออิ๋งหูแดงไปหมด กลัวว่าเย่ชูวเสวียจะถามอีก
ณ เมืองหลวง
เย่จิงเหยียนลงจากเครื่อง ลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทางรถที่มารับส่ง ตามหลังด้วยมู่ยู่วฉีกับต้วนจื่ออิ๋ง
"พี่จิงเหยียน คุณช้าหน่อย!" ต้วนจื่ออิ๋งไล่ตามเขาจนหายใจไม่ทัน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว หยุดยืนอยู่ข้างหลังเขา
"ทำไมหรอ?" เย่จิงเหยียนได้ยินเสียงคนข้างหลังหยุดเดิน ก็ขมวดคิ้วมองไปทางต้วนจื่ออิ๋ง
ต้วนจื่ออิ๋งเท้าเอวหายใจหอบตลอด "ฉัน ฉันเดินไม่ไหวแล้ว (เสียงหายใจหอบ)"
"ไม่ไกลแล้ว คุณอดทนหน่อย" เย่จิงเหยียนมองกลับไปที่รถที่จอดอยู่ที่ประตูทางเข้าสนามบิน น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย
"ฉัน……”
ต้วนจื่ออิ๋งกำลังจะเอ่ยปาก เห็นเย่จิงเหยียนหันเดินออกไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
"พอเถอะ อย่าแกล้งเลย ทักษะการแสดงไม่ได้ครึ่งหนึ่งของทักษะการแสดงของฉันเลย" มู่ยู่วฉีมาทีหลังแต่นำหน้าไปก่อน หยุดพูดประชดประชันกับเธอแล้วก็เดินไป
"คุณ……ฮือฮือฮือฮือ……" ต้วนจื่ออิ๋งโกรธ ชี้ตามหลังมู่ยู่วฉีไปแต่ทว่าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กระโดดโลดเต้น
เดินไปที่รถอย่างยากลำบาก ต้วนจื่ออิ๋งกำลังจะเปิดประตูที่นั่งเบาะหลัง ทว่าถูกมู่ยู่วฉีที่มาก่อน แย่งตัดหน้าเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...