วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 346

ไป๋จิ่นอี้วางตัวสง่าผ่าเผยอย่างน่านับถือและพูดอย่างมีมารยาทมากว่า “สวัสดีพวกคุณครับ ผมคือไป๋จิ่นอี้ครับ” เขาสังเกตเห็นสายตาของผู้คนมากมายมองขึ้นมาข้างบนอย่างคาดหวัง สายตาจ้องมองอย่างกับต้องการมองตัวเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

“พวกนี้เป็นเพื่อนทหารร่วมกองทัพของฉันมาก่อนน่ะ” ต้วนอีเหยากล่าวสั้นๆจากนั้นพูดกับฮัวเสี่ยวชุ่ยว่า “งานในร้านพรุ่งนี้เช้าค่อยมาเก็บกวาดก็ได้ เธอมีนัดกับแฟนไม่ใช่เหรอ รีบไปตามนัดเถอะ”

“ค่ะ เถ้าแก่” ฮัวเสี่ยวชุ่ยพูดอย่างตื่นเต้น

“พี่ใหญ่ไป๋ วันนี้ต้องรบกวนพี่หน่อยนะ แลกกับฉันเลี้ยงข้าวพี่เอง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นเรื่องที่ควรช่วยเหลือเพื่อนกันอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้ฉันว่างไม่ได้มีธุระที่ไหน” ไปจิ่นอี้พูดอย่างอบอุ่น เขามีนิสัยที่ดีมาก หน้าตาก็ดี ง่ายมากที่จะได้รับความชอบจากผู้อื่น

ชิงหลงแอบมองเขา คิดในใจอยู่หลายรอบ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย? อาชีพนี้ฟังดูดีกว่าไอ้เด็กหน้าขาวนั่นก่อตั้งบริษัทเยอะเลย

ดังนั้นจึงมีไม่กี่คนที่ยังอยู่คุยกันและปิดร้าน ไป๋จิ่นอี้รู้ตัวเองดีว่าถ้าตามไปคงไม่เหมาะสม ดังนั้นล่างมือเสร็จเขาก็กล่าวลา แม้ว่าจะไม่ได้นัดทานข้าวกับต้วนอีเหยาในวันวาเลนไทน์ของจีนแต่กลับเข้าใจอดีตของเธอมากขึ้น

เดิมทีเมื่อก่อนเธอเป็นทหาร ไม่แปลกเลยที่หลังของเธอมักจะตั้งตรงเสมอไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรเธอก็ทำได้เรียบร้อย เมื่อเชื่อมโยงบทสนทนาของเหล่าทหาร น่าจะเพราะเธอได้รับบาดเจ็บที่หูดังนั้นจึงถูกปลดประจำการ

ต้วนอีเหยาไปร้านอาหารที่อยู่แถวนั้น ด้านในเต็มไปด้วยผู้คนจนแออัด

ช่วงเทศกาลส่วนใหญ่จึงเป็นคู่รัก ทุกคนปลดปล่อยความรักของตัวเองอย่างเต็มที่และป้อนอาหารกันจนหวานเลี่ยน

ต้วนอีเหยากวาดตามองหนุ่มสาวที่หน้าต่าง พวกเขาสวมเสื้อผ้าคู่รักน่ารักๆ หญิงสาวสวมที่คาดผมหูแมว ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปให้ผู้หญิง ในบางครั้งทั้งสองคนก็ทำปากจู๋เข้าหากันอย่างน่ารักให้กับกล้อง

ต้วนอีเหยามองดูความสุขเล็กๆระหว่างคู่รักนั้นมุมปากก็ยิ้มเล็กน้อย ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

แต่ว่า ตั้งแต่เธอได้เริ่มเกิดมา ก็ถูกลิขิตไม่ให้ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็อย่าไปอิจฉาชีวิตคนอื่นเลย

อยู่ๆในหัวของต้วนอีเหยาก็มีภาพของคนหนึ่งลอยเข้ามา ภาพในอดีตย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจของเธอให้เจ็บปวด

ถ้าคนนั้นอยู่ข้างกายตัวเธอในวันนี้ เราอาจจะนั่งอยู่ข้างตู้กระจกนั่น สวมเสื้อผ้าคู่รักและถ่ายรูปเซลฟีกับเขาก็เป็นได้?”

แต่ก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น

จู่เชวี่ยปัดผมสองสามทีและเดินไปด้านเคาน์เตอร์ “เถ้าแก่ ห้องส่วนตัว”

“ครับ เชิญด้านในครับ…” เจ้าของร้านตอบอย่างสดใสและให้พนักงานนำทาง

หลังจากนั้น ภายใต้การนำทางของพนักงานต้วนอีเหยาและผู้ชายนับสิบเดินกรูกันเข้าไปนั้น เดิมทีร้านนี้ไม่ใช่ร้านใหญ่ก็ถูกทำให้แน่นขนัดขึ้น ดึงความสนใจของคู่รักมาไม่น้อย

“พี่ใหญ่ วาเลนไทน์พวกเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ดึงดูดสายตาคนมากเลย” ขณะขึ้นบันได จู่เชวี่ยเดินตามด้านขวาของต้วนอีเหยาและหัวไปยิ้มให้เธอ

ต้วนอีเหยาเลิกคิ้ว“นี้อะไรกัน ทุกปีก็มีวาเลนไทน์สากล วันวาเลนไทน์จีน ทุกคนไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือไง?”

ใช่สิ เธอไม่เคยมีเทศกาลอย่างนี้และอยู่ด้วยกันกับแฟนในช่วงเทศกาลน่ะสิ

จูเชวี่ยได้ยินเธอพูดก็หัวเราะเยาะ

ชีวิตที่ต้องผ่านมาอย่างโชกโชนของกองทหารก็เป็นเหมือนค่ายคนโสด

กลุ่มคนเดินเข้ามาถึงห้องส่วนตัวและได้นั่งลงรอบๆโต๊ะกลมจากนั้นทุกคนก็ให้ต้วนอีเหยาเป็นคนสั่งอาหาร ต้วนอีเหยาสั่งซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานเสร็จก็ส่งเมนูอาหารให้คนอื่น ไม่นานอาหารอันโอชะก็มาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ

“ทุกคนขยับตะเกียบได้ !”

รออาหารได้ประมาณหนึ่งต้วนอีเหยาก็โบกตะเกียบทำลายบรรยากาศที่หยุดชะงัก เมื่อทุกคนเห็นว่าเธอนำคีบอาหารแล้วจึงลงมือตาม บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ค่อยๆคึกคักขึ้น

“พี่ใหญ่ ขอโทษนะ…” เมื่อมองคางเล็กบางของต้วนอีเหยา ชิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะหยุดตะเกียบลง ภายในใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

แม้ต้วนอีเหยาจะไม่ได้ถือสาอะไร แต่ภายในใจของเขาก็ยังมีความรู้สึกละอายใจซ่อนอยู่ในนั้น เจอเธอคราวนี้ ตอนเรียกเธอ ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับแต่อย่างใด เขาจึงรู้ว่าเธอนั้นยังคงมีอิทธิพลต่อเขามาก

การตำหนิตัวเองของชิงหลงทำให้ความรู้สึกของคนที่อยู่รอบๆแย่ลงไปด้วยและวางตะเกียบลงตามๆกันไป

“ชิงหลง!”

ต้วนอีเหยาตะโกนใส่เขา จ้องมองและพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องที่ผ่านมามันเป็นอดีตไปหมดแล้วจะเอามาพูดถึงอีกทำไม!”

เห็นชิงลงยังโทษตังเองและรู้สึกละอายใจอยู่ ต้วนอีเหยาก็ถอนหายใจและพูดว่า “สถานการณ์ตอนนั้น แม้ว่าไม่ใช่นายทำก็ต้องเป็นคนอื่นทำและฉันก็จะช่วยเหมือนกัน นายไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก”

“พี่ใหญ่….”

กลุ่มพวกเขาต่างประทับใจกับคำพูดของต้วนอีเหยาและพากันพูดเกี่ยวกับชีวิตของเหล่าทหาร จากนั้นบรรยากาศก็ค่อยๆสมานฉันท์กันมากขึ้น

ทุกคนเริ่มดื่มเพื่อให้เกียรติแก่เธอ ต้วนอีเหยาอยู่กองทัพมาเป็นเวลานาน การดื่มเหล้าเริ่มดุเดือดมากขึ้น แต่ชิงหลงยังคงตกอยู่ภายใต้การปิดกั้นตัวเอง

……

หลังภูเขาและแม่น้ำ

เย่จิงเหยียนเดินช้าๆไปตามแนวแม่น้ำ ในมือเขาถือโคมไฟไว้และดอกบัวเล็กๆที่มีแสงไฟปรากฏอยู่

เดินๆไป ภาพของต้วนอีเหยาก็ปรากฏขึ้นมาในหัว เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าคนที่ตัวเองใฝ่ฝัน เขาจะหายสาบสูญไปจากโลกนี้และไม่มีทางที่จะได้พบเจออีก

ถ้าหากเขามีโอกาสอีกครั้ง….

เย่จิงเหยียนฝืนยิ้ม มันจะเป็นอย่างไรถ้าหากเขามีโอกาสอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เพียงถ้าหาก

อยู่ๆก็มีลมพัดแรง โคมไฟอธิษฐานในมือเขาถูกลมพัดขึ้นลงไปมา เขารีบหัวตัวบังเปลวไฟทันที

แต่ไม่นานมันก็ดับและลมก็ยังคงแรงอยู่เหมือนเดิม เย่จิงเหยียนเม้มริมฝีปากด้วยความเสียดาย หรือว่าเธอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา

คิดมาถึงตรงนี้ เขารีบส่ายหน้าทันทีกลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้าไป จึงรีบเดินไปที่ริมน้ำ ขณะกำลังจะลอยโคมอธิษฐานลงน้ำ สายตาเขาก็มองตัวอักษรที่เขียนอยู่บนนั้น : ขอให้คนที่ผมรักมากรอผม

รอ?

รอนานแค่ไหน?

หนึ่งเดือน หนึ่งปี สิปปี หรือมากกว่านั้น?

โคมอธิษฐานหมุนวนไปมาในน้ำล่องลอยไปตามสายลมโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น เย่จิงเหยียนใจลอยเล็กน้อย มือก็กวักน้ำอย่างว่างเปล่า เมื่อได้สติบนมือเขาก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว

“พี่จิงเหยียน พี่กลับมาแล้ว!” ต้วนจื่ออิ๋งเห็นเย่จิงเหยียนเดินกลับมาด้วยความสิ้นหวัง จึงรีบออกไปต้อนรับเขา

เย่จิงเหยียนเลี่ยงมือของต้วนจื่ออิ๋งและพยักหน้าอย่างขอไปที “อืม”

พูดจบก็เดินเข้าไปในบ้าน มือของต้วนจื่ออิ๋งค้างเติ่งอยู่ที่เดิมและยืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงทางเดิน เธอรอให้เขาออกมาพบอีกครั้ง ในมือถือเหล้าและแก้วสองใบ

“ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

หน้าของต้วนจื่ออิ๋งบานเป็นดอกไม้ทันทีและวิ่งไปหาเขาอย่างคนบ้าและพยักหน้าพูดว่า “อืมอืม”

“พี่จิงเหยียน พี่เป็นอะไร?”

“พี่จิงเหยียน ทำไมพี่ไม่พูดล่ะ?”

“พี่จิงเหยียน…..”

ตั้งแต่เธอตกลงดื่มเหล้ากับจิงเหยียน ก็ไม่ได้ยินเสียงเขาสักพยางค์ ต้วนจื่ออิ๋งอดไม่ได้ที่จะอยากรู้เหตุผลจึงพูดพล่ามต่อหน้าเขาไม่หยุด

ตอนนี้เย่จิงเหยียนเอาแต่คิดถึงต้วนอีเหยาและเอาแต่ดื่มเหล้า ปิดกลั้นไม่รับฟังคำพูดที่อยู่ข้างหู

ต้วนจื่ออิ๋งพูดไปได้พักหนึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบกลับมา เธอค่อนข้างน้อยใจจึงไม่ได้พูดต่ออีกและนั่งลงดื่มเหล้าข้างเขา

เหล้าในตู้เก็บเหล้าถูกย้ายออกมาหมด ขวดเหล้าเปล่าวางระเกะระกะอยู่ใต้เท้าของเย่จิงเหยียน

“มา ดื่มอีก”

เย่จิงเหยียนชูแก้วเหล้าไปมา สายตามองต้วนจื่ออิ๋งที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็นภาพเงาซ้อนสองคน เขาส่ายหัว พอเงาซ้อนทับกันพอดีกลายเป็นรูปลักษณ์ของต้วนอีเหยา

“อีเหยา?”

เขาโยนแก้วที่อยู่ในมือทิ้งและโผเข้ากอดต้วนจื่ออิ๋งและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “คุณรู้ไหมว่าผมคิดถึงคุณ อีเหยา….”

“คุณเกลียดผมก็ได้ ทำไมต้องมาล้อเล่นกับผมอย่างนี้”

ต้วนจื่ออิ๋งทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกเย่จิงเหยียนกอดอย่างกะทันหัน แต่ก็ยังคงกอดเขาแน่นตบที่หลังเขาเบาๆและปล่อยไปตามคำพูดของเขา “ฉันไม่ได้เกลียดคุณ”

“จริงๆ ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ฉันรักคุณ!”

เย่จิงเหยียนที่ซบอยู่บนตัวเธอได้ยินประโยคนี้ ก็ชะงักทันทีจากนั้นก็ร้องไห้ขึ้นมา “ผมก็รักคุณ...อีเหยา ผมก็รักคุณ….”

หยดน้ำตาร้อนไหลลงบนไหล่ของต้วนจื่ออิ๋ง อยู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ มีเพียงแค่ตัวเองที่ต้องสวมรอยคนอื่นเท่านั้นถึงจะได้ยินคำว่ารักจากเขา แต่เธอกลับหยิบยื่นความจริงใจออกมาวางไว้ตรงหน้าเขาด้วยความซื่อตรง

อีเหยา อีเหยา…..

เป็นชื่อที่ไพเราะจริง เธอรู้ไหมว่ามีคนอิจฉาเธออยู่? ไม่สิ อิจฉาเธอ อิจฉาเธอจนแทบจะเป็นบ้า !

เย่จิงเหยียนยังคงพึมพัมอยู่กับตัวเอง เทความคิดที่สะสมเอาไว้ออกมาจนหมด

“พี่จิงเหยียน พี่อย่าเสียใจไปเลย เธอไม่อยู่แล้วแต่พี่ยังมีฉันนะ….จื่ออิ๋งจะอยู่ข้างๆพี่เอง”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรักเขา เธอตกหลุมรักเข้าตั้งแต่แรกพบ จะพูดอย่างไรดีล่ะ ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดมากๆ ถ้าไม่มีเขา...ไม่มีคำพูดใดๆของเขา ตลอดชีวิตเธอคงไม่ประสบกับ “ความรัก”และความรู้สึกอย่างนี้

เย่จิงเหยียนได้ยินไม่ชัดว่าเธอพูดอะไรเขาจึงพยักหน้าไปอย่างงั้น จนกระทั่งเขารู้สึกว่ามีเสียงงึมงำอยู่ข้างหูตลอดเวลา จึงอดไม่ได้ที่จะผละออกและใช้ปากประกบเข้าที่ปากของเธอ

“ตูม——”

อยู่ๆหัวของต้วนจื่ออิ๋งก็ระเบิดออกมา เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะจูบเธอ เขาจูบตัวเธอเอง !

ทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะต้วนอีเหยา เขารักเธอได้มากถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

เธอไม่ทันได้มีเวลาคิดเรื่องนี้เพราะเย่จิงเหยียนกำลังบีบให้เธอเปิดริมฝีปาก ทั้งสองโอบกอดกัน ต้วนจื่ออิ๋งสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไปและโผเข้าหาจูบนี้ด้วยความเต็มใจ

เมื่อพบปฏิกิริยาเธอตอบกลับเช่นนี้ เย่จิงเหยียนจึงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยเห็นว่าคือต้วนอีเหยาจริงๆความตื่นเต้นและหวั่นไหวภายในใจนั้นก็ห้ามไว้ไม่อยู่

มือของจิงเหยียนสอดผ่านเสื้อผ้าของเธอ….

“อีเหยา!”

อยู่ๆการกระทำของเย่จิงเหยียนก็หยุดลง

“ฉันคิดถึงเธอ ฉันคิดถึงเธอจริงๆ….”

คาดไม่ถึงเลยว่าสายตาประหลาดที่สวยงามของเย่จิงเหยียนนั้นจะมีแสงสว่างเล็กๆกระจายอยู่ทั่ว เขากำลังร้องไห้?

ต้วนจื่ออิ๋งหยุดไปพักหนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็รักผู้หญิงคนนั้นมาก เธออิจฉา…..

“ฉันก็คิดถึงคุณจิงเหยียน”

ต้วนจื่ออิ๋งตอบกลับ ครั้งแรกที่เธอไม่เรียกเขาว่าพี่ทั้งยังเอ่ยเรียกเขาเสียงเบา หากแต่เสียงนี้กลับเป็นเสียงที่เย่จิงเหยียนคิดถึงสุดหัวใจ

เขาขยับมือใหม่อีกครั้งและเขาก็บ้าคลั่งมากกว่าเดิม เร็วเกินไปแล้ว….

“ให้ผมนะ อีเหยา ผมต้องการคุณ….”

เย่จิงเหยียนเหมือนกำลังกล่าวคำขอ ทั้งสองใกล้ชิดลึกซึ้งกันมากขึ้น

ต้วนจื่ออิ๋งหลับตาลง รู้สึกวาบหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กลางดึก ทั้งห้องอบอวลไปด้วยคนสองคนที่ผลัดกันลุกกันรับอย่างร้อนแรง แสงจันทร์นอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามาทำให้ผิวของพวกเขาเคลือบไปด้วยสีเงิน

เอาอย่างนี้เลยแล้วกัน เธอพร้อมที่จะกลายเป็นคนของเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าคนที่เขารักจะไม่ใช่เธอเองก็ตาม ต้วนจื่ออิ๋งคิด

“อืม……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ