ในไม่กี่พริบตา ก็มาถึงวันแต่งงาน ต้วนอีเหยายังคงนอนหลับอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เธอตื่น
เธอยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นชื่อบนโทรศัพท์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย “ ฮัลโหล จิ่นอี้?”
"ฉันเอง" เสียงของไป๋จิ่นอี้ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ฟังดูมีความกังวลเล็กน้อย "เธอยังไม่ตื่นเหรอ?"
"ใช่สิ? วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ร้านดอกไม้ของฉันไม่ยุ่ง" ต้วนอีเหยาคิดไม่ออก มองเวลาก็เพิ่งหกโมง!
เพิ่งเจอเมื่อวาน วันนี้โทรหาเธอแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?
“ จะสายแล้ว เธอรีบลุกเลย ฉันจะไปรับ”
ยังไม่ทันรอให้ต้วนอีเหยาตอบกลับ ไป๋จิ่นอี้ก็รีบวางสาย ทิ้งให้ ต้วนอีเหยาถือโทรศัพท์คาไว้ด้วยความงุนงง
เธอตกตะลึงอยู่หลายนาที ก่อนที่เธอจะกลับมามีสติ รีบลุกจากเตียง ไป๋จิ่นอี้บอกว่าเขาจะมารับทันที เธอกลัวว่าเมื่อเขามาถึง เขาจะยังเห็นเธอนอนอยู่บนเตียง
แต่งตัว ล้างหน้า หวีผมในคราวเดียว เธอเงยหน้ามองนาฬิกา ใช้เวลาไปแล้วกว่าสิบนาที
ในเวลาเดียวกัน เสียงกริ่งดังขึ้น ต้วนอีเหยาจัดเสื้อผ้าของเธอและออกไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเปิดประตูเธอก็ยิ่งน่าหลงใหล
"ทำไมเธอถึงแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้?" ไป๋จิ่นอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอสวมสูท ผูกโบว์ที่คอ เสื้ออุปกรณ์ทางการ แบบนี้ไม่เหมือนกับการไปสอนหรือไปเที่ยวเลย!
เมื่อเธอ้าปากพูด ไป๋จิ่นอี้ก็ประหลาดใจกับชุดของเธอ “เธอจะใส่ชุดนี้หรอ?”
“ ใช่ ทำไมหรอ?”
ต้วนอีเหยาเหลือบมองตัวเอง ที่สวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ มันก็เป็นชุดปกติไม่ใช่หรอ? น่าแปลกใจตรงไหน?
เมื่อเห็นว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ตัวเอง ต้วนอีเหยาก็ตื่นตระหนก มีอะไรผิดปกติกับชุดของเธองั้นหรอ?
เมื่อสายตาจ้องไปที่ชุดสูททางการ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสียความมั่นใจ แม้ว่าชุดเธอจะไม่เข้ากับเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกว่านี่มันปกติ!
"อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปกล้วว่าวันนี้คือวันอะไร?"
"วันอะไร?"
วันครบรอบที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน วันเกิดของเขาหรือวันพิเศษอื่นๆที่เธอจำไม่ได้?
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องแต่งตัวเป็นทางการขนาดนี้เลย มันไม่ใช่งานแต่งซะหน่อย......
งานแต่ง!
ต้วนอีเหยาตกใจ “ วันนี้มีงานแต่งงานใช่ไหม?”
"ในที่สุดเธอก็จำได้!" ไป๋จิ่นอี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ "เมื่อคืนฉันก็บอกเธอแล้ว......"
เมื่อคืน?
ต้วนอีเหยานึกถึงเมื่อคืน ไป๋จิ่นอี้พาเธอไปทานอาหารค่ำ ระหว่างทางดูเหมือนว่าเธอจะได้พบกับเย่จิงเหยียนและแฟนสาวของเขา ซึ่งทำให้เธอเหม่อลอยระหว่างรับประทานอาหารและ ไป๋จิ่นอี้น่าจะบอกตอนนั้น
"เธอไปเปลี่ยนชุดก่อนเลย ฉันจะรออยู่ตรงนี้ แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำผม"
"ฮ่าฮ่า……"
ต้วนอีเหยาเกาหัวของเธอ แต่เธอรู้สึกแย่ในใจ เธอเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน แม้ว่าเธอจะถอนตัวออกมาแล้ว แต่เธอก็ยังมีแค่ชุดในกองทัพ มีกระโปรงในตู้น้อยมาก นับประสาอะไรกับชุดราตรี......
"เธอไม่มีชุดราตรีเหรอ" ไป๋จิ่นอี้ดูเหมือนจะมองทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอ เห็นต้วนอีเหยาพยักหน้าอย่างเชื่องช้าและเหลือบมองนาฬิกาในมือ
“ จะทันไหมเนี่ย?”
ขณะที่ต้วนอีเหยากำลังสับสน ไป๋จิ่นอี้ก็จับมือเธอแล้วเดินลงไปชั้นล่าง
“ ไป๋จิ่นอี้?”
"ฉันจะพาไปซื้อชุด" ไป๋จิ่นอี้พูดกับเธอโดยไม่หันมามอง เดินตรงไปที่รถ
ในรถ ไป๋จิ่นอี้หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรออก "ฮัลโหล เฉิงยวี เธอช่วยฉันเตรียมชุดราตรีหน่อย เอิ่ม...... "
เขาขมวดคิ้ว มองไปที่วนอีเหยาและพูดต่อ "ช่างเหอะ ฉันจะพาเธอไป"
ต้วนอีเหยาที่นั่งอยู่ข้างคนขับใบหน้ามึนงง รูปร่างของเธออธิบายยากขนาดนั้นเลยหรอ? จนเขาต้องหยุดคิด
ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ดูจากข้างนอกเงียบมาก เวลานี้ยังไม่มีร้านไหนเปิด
ต้วนอีเหยามองไปที่ไป๋จิ่นอี้อย่างสงสัย “ เธอกำลังจะบอกว่าเราจะเข้าไปจากตรงนี้หรอ?” ดูเหมือนว่าคนธรรมดาจะเข้าไปที่นี่ไม่ได้และประตูยังไม่เปิด!
ไป๋จิ่นอี้พยักหน้า "อืม พวกเรา...... "
พูดถึงแค่ครึ่งเดียว ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนกวักมือเรียกพวกเขา เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่!"
ต้วนอีเหยามองตามสายตาของเขา เห็นว่าชายคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทันสมัยและหมวกของเขาเต็มไปด้วยลายกราฟฟิก
เฉิงหยูวิ่งเหยาะๆออกมาจากประตู เขาขยี้ตาและมองไปที่ต้วนอีเหยา "โอย เช้าขนาดนี้ก็ให้ฉันเตรียมชุดราตรี ฉันยังไม่ตื่นเลย!"
"อย่ามัวพูดแล้ว เวลามีจำกัด เธอว่าจะเรียบร้อยภายในเวลาเท่าไหร่?"
"จะมัวมายืนอยู่ที่นี่ทำไม เข้ามาก่อน" เฮิงยวีเป็นเดินนำไป๋จิ่นอี้และต้วนอีเหยาเข้าไป
ลิฟต์หยุดที่ชั้นที่สิบแปด ทันทีที่ต้วนอีเหยาลงจากลิฟต์ เธอก็ของทุกอย่างขวางหน้า มองไม่เห็นอะไรเลย กระโปรงสีขาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดแขวนไว้ทั้งห้องและแสงที่พื้นก็ส่องเข้ามาราวกับว่าเธอหลงไปในห้องแต่งตัวของเจ้าหญิง
"เธอลองเลือกดูสิ ทั้งหมดนี้เป็นงานออกแบบใหม่ล่าสุดของฉันเอง" เฉิงหยูกางมือของเขาและนั่งลงบนโซฟาข้างหน้าต่าง
ไป๋จิ่นยี่เดินวนไปรอบๆ พลางขมวดคิ้ว “ พวกนี้หรอ?”
"ไม่คิดเลยว่าตาถึงเหมือนกันนะเรา อะไรพวกนี้? นี่ฉันทำทั้งกลางวันและกลางคืนเลยนะเว้ย ถ้าเป็นคนอื่นมาขอซื้อตอนนี้ฉันไม่ขายให้หรอก อย่าว่าแต่ให้เลย!"
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ถือว่าฉันซื้อของเธอละกัน”
ใบหน้าของไป๋จิ่นอี้เฉยชา แต่เฉินยวีไม่พอใจมาก " อะไรคือถือว่าแกซื้อ ฉะนเป็นคนแบบนั้นหรอ? เพื่อเงิน จะทิ้งความสัมพันธ์งั้นหรอ?"
“ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น!”
เฉิงหลยวีหันกลับมาและไม่มองเขา "เธอค่อยๆเลือกเองนะ ดูแล้วชอบก็เอาไปเลย ถ้าไม่ชอบฉันก็ช่วยไม่ได้!"
ไป๋จิ่นอี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกต้วนอีเหยาหยุดไว้ “ตัวไหนก็ได้ ฉันไม่ใช่เจ้าสาวซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องจริงจังเรื่องชุดขนาดนั้น ว่าจะไป เสื้อผ้าที่นี่ สวยทุกชุดเลย
"หึ" เฉิงยวีเหล่ไปที่ไป๋จิ่นอี้ "ดูสิว่าสาวคนนี้พูดดีแค่ไหน ไม่เหมือนใครบางคน ที่อุตส่าเป็นเพื่อนมาหลายปีแต่มันกลับดูถูกฉัน!”
ไป๋จิ่นอี้มีปัญหาในการโต้เถียงและหยุดพูด ตั้งสมาธิกับการมองหาเสื้อผ้า เมื่อเขาเดินไปที่ห้องเก็บของ เขาค่อยๆผลัก ก็ถูกเขาผลักออก
ข้างในมีแสงสว่างไม่เพียงพอ เขาเปิดไฟ ข้างในเป็นชุดราตรีสีขาวที่มีดีไซน์เปลือยขนาดใหญ่เกินจริงที่ด้านหลัง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เขาหยิบมันและเดินกลับไปหาต้วนอีเหยา
“ ลองชุดนี้ดูสิ”
ต้วนอีเหยารับมันไป เห็นว่ามันโชว์แผ่นหลังมากเกินไป หน้าแดงเล็กน้อย “ นี่มัน......จะเกินไปไหมอะ!”
"ชุดราตรี มันก็เป็นแบบนี้แหละ" ไป๋จิ่นอี้พูดเรื่องไร้สาระ
ต้วนอีเหยาไม่เชื่อ "แต่ที่ฉันดูมาหลายตัวไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย...... "
บทสนทนาของพวกเขาดึงดูดความสนใจของเฉินยวี เขาหันศีรษะไปเพื่อดูว่าพวกเขาถืออันไหนอยู่ เมือเขาเห็นก็ต้องตกใจ
เขาเด้งตัวออกจากโซฟาและดึงชุด "ชุดนี้เธอไปเจอมันที่ไหน?"
ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ตอบคำถาม “ก็แกบอกว่าชุดในนี้เลือกได้ตามใจเลยไม่ใช่หรอ?
"ฉันหมายความในนี้!" เฉิงยวีชี้ไปที่ห้อวโถง "แต่ฉันไม่ได้บอกข้างในประตู!"
"แล้วมันต่างกันยังไง?"
เฉิงยวีกัดฟันอย่างโกรธๆ “ก็ต้องต่างกันสิ ชุดนี้เป็นความพยายามของฉัน ฉันจะเอามันไปงานแฟชั่นโชว์!”
"พวกเราใส่เสร็จแกก็ค่อยเอาไปงานก็ได้นิ" ไป๋จิ่นอี้ยกมือขึ้นด้วยความสับสน
"มึงบ้าหรือเปล่า!"
เฉิงยวีด่าลับๆในใจ "ถ้าพวกเธอใส่ออกไปแล้วช่างภาพถ่ายรูป ชุดนี้ก็ไม่มีความหมายแล้วสิ"
“ แต่ฉันคิดว่าชุดนี้เหมาะกับอีเหยา ฉันว่าตัวอื่นเธอไม่ชอบแน่เลย เธอจึงไม่มีความมั่นใจ”
เฉินยวีกำปั้นด้วยความโกรธ "แกหมายความว่าไง?"
"ความหมายที่แท้จริง"
"น่ารังเกียจ!"
ในฐานะหัวหน้านักออกแบบที่มีชื่อเสียงในระดับสากล เขาไม่เคยถูกพูดเช่นนี้มาก่อน แต่วันนี้ไป๋จิ่นอี้พูดให้เขาดูไร้ค่า
“ งั้นชุดนี้แกเก็บไว้เถอะ ฉันแค่เห็นว่ามันเหมาะกับอีเหยา แต่ถ้าแกอยากไปงานแฟชั่นโชว์ด้วยชุดนี้ มันยังไม่พอหรอก!"
ไป๋จิ่นอี้ทำตามที่เขาพูด หันกลับไปมองหาชุดอื่น แต่เฉิงยวีไม่สามารถสงบลงได้ มาบอกว่าเขาทำได้ บอกการออกแบบของเขา ทนไม่ได้จริงๆ
"หยุด!"
ไป๋จิ่นอี้หยุดเดิน “ มีอะไรหรอ?”
"ชุดนี้ให้แก"
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมาย ไป๋จิ่นอี้หันกลับมาและมองเขาอย่างสงสัย “ ให้ฉันหรอ?”
"ใช่" เฉิงยวีพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ฉันจะออกแบบชุดที่แกเห็นแล้วต้องขนลุกอีกแน่!"
ไป๋จิ่นอี้ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขา พยักหน้าอย่างไม่อ้อมค้อมและส่งเสื้อผ้าให้ต้วนอีเหยา “ อีเหยา ไปลองดูสิ”
ต้วนอีเหยารับเสื้อผ้ามาแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องลองชุด ในขณะที่ไป๋จิ่นอี้นั่งรออยู่ที่เก้าอี้
"ชุดนี้ฉันออกแบบตามหุ่นของนางแบบ เธอ......ฉันว่าใส่แล้วไม่มีออร่า" เฉิงยวีมองไปที่โซฟา กอดอกและพูดอย่างเย็นชา
ไป๋จิ่นอี้ไม่พูดอะไร แค่นั่งเงียบบนโซฟาและจ้องไปที่ผ้าม่านที่ปิดอยู่
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดไป๋จิ่นอี้ก็ลุกขึ้นและเดินไปหน้าม่าน ถามเบาๆว่า "อีเหยา เสร็จหรือยัง?"
“ เอ่อ……”
“เสร็จแล้วเสร็จแล้ว แต่...... ”
"ไม่เป็นไร เธอออกมาสิ!"
หลังจากพูดจบ ประมาณสามนาทีก่อนที่ม่านจะถูกเปิดออก ต้วนอีเหยาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองในชุดราตรีสีขาว
รองเท้าส้นสูงที่อยู่ในห้องลองแม้ว่าขนาดจะใหญ่เกินไป แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชุดเธอ
ผมของต้วนอีเหยาถูกมัดขึ้น และการออกแบบสายรัดที่ด้านหลัง กระโปรงสีขาวกับผิวสีขาวที่ไร้ที่ติของเธอ ราวกับนางฟ้าในสวรรค์บนโลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...