“กินด้วยกันเถอะ อย่าขี้เหนียวหน่อยเลย !” มู่ยู่วฉีดึงเย่ชูวเสวียที่กำลังหันหลังกลับ และเดินเข้าโรงแรมโดยพูดพล่อยๆตลอดทาง
หนานกงเจาถอนหายใจอย่างโล่งอก และสบตากับเซียวอวี้หลินด้วยความเจ็บปวด “ตกใจแทบตาย ยังคิดว่าจะถูกจับได้แล้ว !”
เซียวอวี้หลินตบไปที่ไหล่ของหนานกงเจาทีหนึ่ง “มาเถอะ ครั้งนี้จะต้องสำเร็จ คุณจะต้องเตรียมตัวเลี้ยงข้าวพวกเราสองพี่น้องซะดีๆเถอะ!”
“แน่นอน แน่นอนสิ”
หนานกงเจามองไปทางที่เย่ชูวเสวียไป และเดินไปในทิศตรงกันข้ามพร้อมกับเซียวอวี้หลิน
……
เมื่อต้วนอีเหยาตื่นขึ้นมา เย่จิงเหยียนก็นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างด้วยความงุนงง แสงจันทร์ส่องผ่านเส้นผมของเขา ตัวของเขาเต็มไปด้วยแสงสีเงิน
เธอเฝ้าดูอย่างเงียบๆ โดยไม่ขยับเป็นเวลานาน และเย่จิงเหยียนก็ยังคงอยู่ในท่านั้นไม่ไหวติง ถ้าไม่ใช่เพราะขนตาที่พระพือเป็นครั้งเป็นคราว เธอก็คงคิดว่าเขากำลังหลับ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย่จิงเหยียนเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเธอจ้องอยู่ จึงหันกลับไปมองที่เธอ
“อีเหยา” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ต้วนอีเหยาขยับหัวของเธอบนเตียง แสดงอาการตอบสนอง ที่จริงแล้วเธอไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แค่รู้สึกว่าการพยักหน้าเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง
อันที่จริง เย่จิงเหยียนก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะได้ยินหรือไม่ และยังคงพูดกับตัวเองว่า “พรุ่งนี้.......หรือว่าวันมะรืน คุณก็จะต้องผ่าตัดแล้ว ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอแบบนี้ ผมเกรงว่า.......”
“ผมรู้ว่าที่จริงแล้วในใจคุณรู้สึกแย่”แต่ต่อหน้าคนอื่น คุณมักจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ ที่จริงคุณควรจะร้องออกมาสักสองสามครั้ง เหมือนในวันนั้น จริงๆ จะกลัวเสียหน้าอะไรขนาดนี้ !”
ต้วนอีเหยาจ้องไปที่ปากของเขาที่เปิดและปิด แต่ในห้องไม่ได้เปิดไฟ สายตาของเธอไม่สามารถจับคำพูดที่ถี่ของเขานั้นได้เลย
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแสดงความเจ็บปวดออกมาเรื่อยๆ ในใจเธอก็พอจะเดาได้ เธออดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปที่แผลบนท้องของเธอ และอดไม่ได้ที่จะร้องสะอื้นออกมา
เย่จิงเหยียนกัดฟันด้วยความเจ็บปวด และรีบหันไปหาต้วนอีเหยา เขากลัวว่าท่าทางที่น่าเกลียดของเขาจะยิ่งทำให้ต้วนอีเหยาโศกเศร้า
หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเองลงได้แล้ว เขาก็เดินไปหาข้างๆต้วนอีเหยา และช่วยห่มผ้าห่มให้กับเธอ
ต้วนอีเหยาเงยหน้าขึ้น และยิ้มให้เขาอย่างฝืนใจ เธอพูดไม่ออก แต่ก็อยากจะปลอบเขา ผู้ชายตรงหน้าเธอควรจะมีความมั่นใจและความสุข ดวงตาคู่นั้นไม่เหมาะกับความเจ็บปวดเลยจริงๆ
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ ใจของเย่จิงเหยียนก็ดีขึ้น เขายกมือขึ้นไปจับศีรษะของเธอ “รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเตรียมตัวผ่าตัด”
ต้วนอีเหยาไม่เข้าใจและสับสน เย่จิงเหยียนทำท่าทางนอนหลับต่อหน้าเธอ เธอก็รีบตอบสนองทันที และหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
……
หลังจากที่หนานกงเจาเตรียมขั้นตอนสุดท้ายเสร็จแล้ว เขาก็ปรบมือ ดูดอกกุหลาบที่เต็มในรถด้วยความพอใจ และอดไม่ได้ที่จะทำท่าโค้ง
“คุณว่าชูวเสวียจะชอบไหม ?” เขาหันกลับไปถามเซียวอวี้หลินที่ดูเบื่อหน่าย
เซียวอวี้หลินส่ายหัว “เธอเป็นคนแปลกๆ เข้าใจยาก สิ่งที่เธอชอบในวินาทีแรกนั้น จากนั้นไม่กี่วินาทีก็ไม่สนใจแล้ว”
“แล้วจะทำยังไงดี ?” หนานกงเจาบ่นแล้วมองไปที่เซียวอวี้หลิน เมื่อครู่ตอนเตรียมทำไมเขาถึงไม่พูด ตอนนี้ของทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว ถึงเพิ่งมาซ้ำเติม !
เซียวอวี้หลินก็ทำอะไรไม่ถูก “ถ้าผมบอกคุณก่อนแล้วคุณจะหยุดเหรอ ? เห็นได้ชัดว่าไม่ !”
“ถ้างั้นฉันขอเธอแต่งงานโดยตรงเลยดีไหมหรือว่า........”
“อะไรนะ ? คุณยังจะคิดขอแต่งงานแบบตรงๆ ? ผมบอกคุณแล้วอย่าคิด มันเป็นไปไม่ได้ !” ครั้งนี้เซียวอวี้หลินมีปฎิกิริยาอย่างมาก เขาตบไหล่ของหนานกงเจาพร้อมกับส่ายหัว
“ถ้างั้นจะทำยังไงดี ?”
“ก็ปล่อยมันไปเถอะ ถ้าเธอแสดงความรู้สึกออกมา ก็แปลว่าคุณทำสำเร็จแล้ว !”
“ตกลง.........”
หนานกงเจาแตะจมูกตัวเองอย่างไม่มั่นใจ ก็คงจะอย่างั้นแหล่ะ !
หนานกงเจาและเซียวอวี้หลินหันกลับและเดินไปทางโรงแรม มองไปจากระยะไกลก็เห็นเย่ชูวเสวียและมู่ยู่วฉีกำลังเถียงกันอยู่ตรงหน้าต่าง
พวกเขาทั้งสองถกเถียงกันอย่างดุเดือดเรื่องเค้กชิ้นสุดท้าย ทั้งสองคนคุณไม่ยอมฉันฉันก็ไม่ยอมคุณ เค้กถูกดึงไปมาระหว่างมือเขาทั้งสองคน
“คุณเป็นผู้ชาย มาแย่งของกินกับฉัน ยังจะมีหน้าอยู่อีกไหม !”
หนานกงเจาเดินเข้ามา ก็ได้ยินเสียงที่ดุเดือดของเย่ชูวเสวีย เขาชะงักฝีเท้าทันที ไม่สามารถก้าวไปหรือถอยหลังได้
เซียวอวี้หลินอยู่ห่างเขาเพียงก้าวเดียว คำพูดของเย่ชูวเสวีย ได้ยินถึงหูเขาแน่นอน
เขายื่นมือออกมาและดันไปที่หลังของหนานกงเจา “ตอนนี้ก็หดตัวแล้ว แล้วหลังจากนี้จะทำยังไงล่ะ ?”
หนานกงเจาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลที่สมจริง เขาจึงไปทางที่เย่ชูวเสวียนั่งอยู่
การต่อสู้แย่งขนมหวานของเย่ชูวเสวียและมู่ยู่วฉีกำลังดำเนินไปด้วยความดุเดือด จนทั้งสองไม่มีใครสังเกตเห็นการมาของหนานกงเจา
“อะแฮ่ม.......”หนานกงเจายืนกระแอมอยู่ข้างหลังพวกเขา
เย่ชูวเสวียไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาและพูดออกไปตรงๆว่า “ที่นี่ไม่ต้องการบริการของพวกคุณ !”
หน้าผากของหนานกงเจาเต็มไปด้วยเส้นสีดำ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนพนักงานเสริฟ์ !
“เอ่อ ชูวเสวีย........”
เย่ชูวเสวียได้ยินบางอย่างผิดปกติไป ครั้งนี้จึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา ขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณมีธุระไม่ใช่เหรอ มาได้ยังไง ?"
“นั่น........ผมมาตามหาคุณ !”
“หาฉัน หาฉันทำไม ?”
เย่ชูวเสวียมองเขาอย่างแปลกใจ หรือว่ายังมีอะไรอร่อยอีก ?
เมื่อเธอเสียสมาธิ มู่ยู่วฉีก็รีบแย่งขนมไปจากมือเธอ โดยไม่รอให้เธอมีปฎิกิริยา เขาก็กัดมันไปคำหนึ่ง
“มู่ยู่วฉี !”เย่ชูวเสวียกำหมัดแน่นอย่างโกรธๆ “คุณจะเกินไปแล้วนะ !”
มู่ยู่วฉีไม่สนใจว่าเธอจะโกรธแค่ไหน เขาส่ายหัวใส่เธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอจะแสดงออกกับผมแบบไหนก็ได้
“คุณคายออกมาให้ฉัน คายออกมา !”เย่ชูวเสวียลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เธอบีบหน้าของมู่ยู่วฉ๊โดยไม่สนใจอะไร
ปากของมู่ยู่วฉีกำลังเคี้ยว เขาถูกเย่ชูวเสวียทำให้กระวนกระวายจนพูดอะไรไม่ออก “อื้ออื้ออื้อ..........”
“พอแล้ว พอแล้ว !”เซียวอวี้หลินบอกให้พวกเขาเลิกทะเลากัน และดึงเย่ชูวเสวียออกมา
เมื่อเห็นว่าเธอยังคงพยายามฉุดกระฉากมู่ยู่วฉี เขาก็อดไม่ได้ที่จะสอนเธอ “ก็แค่ขนมหวานไม่ใช่เหรอ ทำตัวปากร้ายให้คนอื่นหัวเราะเยาะ ถ้าอยากกิน พรุ่งนี้ก็ให้หนานกงเจาไปซื้อก็ได้ !”
“จริงเหรอ ?”เมื่อเย่ชูวเสวียได้ยินว่าพรุ่งนี้ก็ยังกินได้ จึงรีบหันไปมองหนานกงเจา
ทีแรกเธอไม่เห็นด้วยกับขนมหวานนี้ แต่เมื่อกินเข้าไปคำแรก เธอก็รู้สึกประหลาดใจกับรสชาติ รสชาติที่ทำให้เธอไม่สามารถหยุดได้
“จริงสิ !”เมื่อหนานกงเจาเห็นเย่ชูวเสวียมองมาทางเขา ก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
เย่ชูวเสวียปล่อยมือจากมู่ยู่วฉี “ถือว่าวันนี้คุณโชคดี ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คุณอาเจียนเอาของในท้องออกมาให้หมด !”
เมื่อมู่ยู่วฉีได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนเนี่ย ทำไมโหดเหี้ยมขนาดนี้ แล้วใครยังจะอยากได้เธอ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...