“ห๊ะ ?”เหยียนซิวแปลกใจเล็กน้อย เดิมทีดูเหมือนว่าเขาดูคุ้นเคยกับเย่ชูวเสวีย ยังคิดอยู่เลยว่าจะทำยังไงดี แต่ตอนนี้ท่าทางของชูวเสวียกลับดูรังเกียจ มันจึงทำให้เขาสับสนไปหมด
“เอ่อ......ชูวเสวีย !”หนานกงเจาดึงสติกลับจากความคิด เงยหน้าขึ้นมองเย่ชูวเสวียและเหยียนซิวเดินไปไกลแล้ว จึงรีบเร่งฝีเท้าตามไปทันที
พวกเขาทั้งสามเข้าใกล้สถานที่นั้นมากขึ้น และหนานกงเจาก็มีเหงื่อออกที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆก้าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเธอ
“คุณเดินดีๆหน่อยได้ไหม ? ”อดทนอยู่นานจนในที่สุดเย่ชูวเสวียก็อดไม่ได้ที่จะถามเขา
แม้ว่าเธอจะคุยอยู่กับเหยียนซิวอยู่ตลอด แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ ท่าทางชัดเจนมาก ไม่รู้จักซ่อนมันไว้ !
หนานกงเจาเห็นว่าตัวเองถูกจับได้ล้ว ก็รีบหันหน้าไปทางอื่นด้วยความตื่นตระหนก “ได้......ได้”
เขามองไปเห็นความโกรธที่ถูกสะสมของเย่ชูวเสวีย จนเธอแทบหายใจไม่ออก
เธอรู้สึกว่ามีในงานเลี้ยงนี้มีบางอย่างผิกปกติ คนคุ้นเคยเพียงรอบๆนี้ทำตัวแปลกๆ แต่พวกขาก็แสร้งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิดว่าเธอโง่หรือว่าพวกเขาคิดว่าตัวเองปกปิดได้ดี ?
“ชูวเสวีย เดี๋ยวก่อน !”ในที่สุด หนานกงเจาก็อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอหยุด
“มีอะไรอีก ?”เย่ชูวเสวียหันไปถามอย่างร้อนรน พวกเขาไม่สามารถหยุดเดินได้ เดินเดินหยุดหยุดมาตลอดทาง ในระยะทางเพียงสั้นๆนี้ใช้เวลามาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เอ่อ นั่น.........”หนานกงเจาอยู่ในความคิดของเขา และพยายามหาเหตุผลที่จะหยุดเธอไว้
เมื่อเห็นว่าความอดทนของเย่ชูวเสวียลดลงทีละน้อย เขาก็กังวลทำอะไรไม่ถูก และถอนหายใจในใจเงียบๆ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ดี เขาไม่มีความหวังแล้ว !
ในเวลานี้ ในที่สุดมู่ยู่วฉีจะเห็นทั้งสามคนเผชิญหน้ากันที่ชายหาด เขาเงยหน้ากลอกตาและรีบวิ่งไปเงียบๆ
วันนี้เขาเหมาะสมกับทุกสถานะ ถ้าครั้งนี้สำเร็จ เขาก็จะชื่นชมตัวเอง เรื่องบริษัทเขาก็คงไม่จำเป็นต้องดูแลแล้ว และไปเปิดบริษัทจัดหาคู่ เชี่ยวชาญเรื่องเพื่อนทุกประเภทและความรักที่ยากลำบากได้เลย
“พวกคุณอยู่ที่นี่เอง !หาจนผมลำบากไปหมด !”มู่ยู่วฉีวิ่งมาจากทางข้างหลังหนานกงเจา และวางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของเขาอย่างผ่อนคลายดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อเห็นเย่ชูวเสวียและเหยียนซิวอยู่ใกล้ๆกัน ก็ขมวดคิ้วขึ้นว่า “คนนี้.............”
“สวัสดีครับ ผมชื่อเหยียนซิว”เหยียนซิวยื่นมือออกไปทักทายมู่ยู่วฉีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มู่ยู่วฉีก็ไม่เกรงใจ เอื้อมมือไปกอดเขา “สวัสดีครับ มู่ยู่วฉี เป็นลูกพี่ลูกน้องเย่ชูวเสวีย”
เมื่อได้ยินว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง เดิมทีเหยียนซิวที่ตั้งรับก็ผ่อนคลายลงทันที เขาไม่ใช่คู่ปรับเรื่องรัก ไม่อย่างนั้นเขาจะไปต่อได้ยังไง ?
ในเมื่อชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของชูวเสวีย เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องเขาอย่างน่าเกรงขาม !
“ขอโทษที น้อสาวผมยังเล็กอยู่ ไม่สามารถไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้าได้ ”มู่ยู่วฉีรู้ว่าแววตาของเขาช่างเวทนาขนาดไหน จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
ปากเขาไม่เพียงแต่พูดแบบนั้น เขายังทำท่าทางลากเหยียนซิวออกมา จากนั้นก็ไปยืนข้างเย่ชูวเสวีย
เหยียนซิวมองอย่างตกตะลึง ตอนนี้เขารู้สึกอายเล็กน้อย หัวใจที่เพิ่งถดถอยเมื่อครู่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขาคงไม่ใช่พี่ชายต่างแม่หรือแม่หรอกนะ ดูไม่เหมือนเลย !
แน่นอนว่ามู่ยู่วฉีไม่สนใจต่อสายตาแปลกๆของเขา เขาโอบหลังเย่ชูวเสวียและหันไปขยิบตาให้หนานกงเจา เมื่อหนานกงเจาได้รับคำตอบ ก็พยักหน้าเล็กน้อย
“ชูวเสวีย ไปเดินทางนู้นเป็นเพื่อนพี่หน่อย” มู่ยู่วฉีดูสนิทสนมมาก เขากอดไหล่ของเย่ชูวเสวีย
“เดินก็ได้อยู่หรอก แต่คุณปล่อยความหลายใจนี้ก่อนได้ไหม ?” เย่ชูวเสวียจ้องมองไปที่มู่ยู่วฉีและกัดฟันพูด
แต่มู่ยู่วฉีกลับกอดแขนของเธอย่างไร้ยางอาย “ฮ่าฮ่า มีปัญหากับพี่ชายอีกแล้ว เธอนี่ไม่เป็นเด็กดีเลยจริงๆ !”
“คุณปล่อย”เย่ชูวเสวียจับมือของเขาอย่างหงุดหงิด แต่ไม่คิดเลยว่าแรงของเขาจะมากขนาดนี้ ราวกับจะกำกำปั้นเหล็กของเธอไว้แน่น
มู่ยู่วฉีหัวเราะเสียงดัง และพาเย่ชูวเสวียออกจากสภานที่แห่งนี้ ทิ้งไว้เพียงเหยียนซิวที่ยังงุนงง
หนานกงเจาแอบภูมิใจ ใครบอกให้คุณไม่ให้เงินผมล่ะ ? ใครบอกให้คุณไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่ยู่วฉีและเสี่ยวอวี้หลินล่ะ ? ยังอยากจะมาสู้กับฉันอีก !
เขาปกปิดความดีใจไว้ภายในใจของเขา และถามเหยียนซิวที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า “คุณยังจะไปไหม ?”
“ไม่ล่ะ ”เหยียนซิวคิดว่าเย่ชูวเสวียอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของพี่สะใภ้เธอ เขาไปด้วยก็คงจะไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงเตรียมหันกลับและจากไป
หนานกงเจาไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้ ในสายตาของเขามันมีความชั่วร้ายอยู่ เขาเดินไปได้เพียงสองก้าว “เอ่อ.......ผมขอทางหน่อยนะ”
“โอ้........”เหยียนซิวถอยหลังไปสองก้าว ให้หนานกงเจาเดินผ่าน เมื่อเดินไปตรงหน้าเขา หนานกงเจายังทำสายตายั่วยุให้เขา
ไม่ว่าเขาจะอารมณ์ดีแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกโกรธเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นชายหาด เขาเดินเอนไปสองก้าวก็ผ่านไปได้แล้ว แล้วจะบอกว่าขวางทางได้ยังไง ?
และเมื่อตอนเดินผ่าน สายตาของเขานั้นช่างน่ารำคาญจริงๆ !
เมื่อเห็นว่าเขาสามารถผ่านไปได้อย่างสบายๆ เมื่อเห็นมู่ยู่วฉีควบคุมน้องสาวอย่างไม่เกรงกลัว เขาก็รู้สึกหวั่นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงบทสนทนาเมื่อครู่ และตอนที่มู่ยู่วฉีขยิบตาให้หนานกงเจา ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูสนิทสนมกันมาก ถ้าเขาบุ่มบ่ามเข้าไปแบบนี้ จะผิดไหม ?
เขายืนคิดอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน จนกระทั่งมีคนมาเรียกเขา เขาเหลือบมองไปทางที่เย่ชูวเสวียอยู่โดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หันจากไป
“วันนี้คุณกินยาผิดหรือไง ?” เมื่อถึงที่หมาย เย่ชูวเสวียก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนของมู่ยู่วฉีออกจากไหล่ของเธอ
แน่นอนว่า เมื่อเธอเห็นมู่ยู่วฉีไม่มีการคุกคามใดๆ เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ดังนั้นเขาถึงดึงเย่ชูวเสวียออกมาอย่างง่ายดาย
“ไม่นะ ฉันก็แค่ไม่ได้สนใจเป็นห่วงน้องสาวมานาน เลยอยากจะชดเชยนิดหน่อยเอง !”
มู่ยู่วฉีถูนิ้วของตัวเอง เย่ชูวเสวียคนนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเล็บยาวขนาดนี้ เธอจิกเล็บใส่เขามาตลอดทาง ถ้าปล่อยช้ากว่านี้อีกนิดเดาว่าเขานิ้วหักแน่ๆ
“ฉันไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของคุณหรอก !”ถ้าเขามีความคิดแบบนี้ได้ เขาคงไม่เอาเค้กชิ้นสุดท้ายใส่ปากของตัวเอง
มู่ยู่วฉีรู้ว่าเธอยังโกรธเรื่องเค้กอยู่ จึงกางมือออก “ที่จริงฉันเห็นว่าเธอกินเค้กเยอะเกินไป จะไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนั้นฉันเลยช่วยแก้ปัญหาให้เธออย่างไม่เต็มใจ แต่ว่าเธอก็ต้องรู้ว่าฉันไม่ชอบของหวาน !”
เย่ชูวเสวียมองไปที่เขา “เชื่อคุณก็บ้าแล้ว !”
เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบกินของหวาน ดังนั้นเธอจึงแปลกใจ ว่าทำไมจะต้องต่อสู้กับเธอเพื่อชิ้นนั้น ในท้ายที่สุดก็กินไปแค่สองคำ ซึ่งมันก็สูญเปล่า
ให้เธอยังจะดีซะกว่า ยังสามารถมีประโยชน์สูงสุด !
ทั้งสองถกเถียงกันและพูดคุยกันได้ไม่นาน หนานกงเจาออกมาจากข้างหลังเย่ชูวเสวีย “ชูวเสวีย ผมมาแล้ว ”
“คุณมาทำอะไร ?”เย่ชูวเสวียจ้องมองเขา
“ผมมาอยู่กับคุณไง !”
……
มู่ยู่วฉีใช้เวลานี้ของหนานกงเจาและเย่ชูวเสวีย รีบเดินไปอีกด้านหนึ่งอย่างลับๆ เธอไปจนเกือบจะลับสายตาของพวกเขา ก็หันกลับมาขยิบตาให้หนานกงเจา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...