เป็นเพราะเย่ชูวเสวียหวาดกลัว ใช้กำลังสุดความสามารถที่จะไม่สั่นและก็ไม่ก็เคลื่อนไหว ปล่อยให้หนานกงเจากอดไว้
บริเวณที่ไกลๆ บริเวณรอบพวกเขาคือเรือยอชต์ที่เล็กกว่าพวกเขามาก เดิมทีเย่ชูวเสวียคิดว่าพวกเขาจะออกแบบที่ทันสมัยไม่เหมือนใคร แต่ทว่าเพียงแค่จอดอยู่ที่ทะเลสาบ เปลี่ยนแล้วไม่กี่ครั้ง สุดท้ายก็ขับออกไปทังหมดแล้ว
"คุณจะทำอะไร?"
หนานกงเจากอดเย่ชูวเสวีย ทำเสียงชู่วว์เพื่อให้เธอเงียบ
เย่ชูวเสวียไม่ได้พูดอะไรมาก อยากรู้ว่าเขาจะมีลวดลายมากแค่ไหน
พอคิดอย่างนี้ บริเวณแสนไกลสถานที่ที่เคยจอดเรือยอชต์อยู่ก็มีแสงไฟขึ้น คลื่นทะเลค่อยๆซัดเข้ามาใกล้พวกเขา สุดท้ายแล้วเรือของพวกเขาก็พัดเข้าๆออกๆอยู่หลายรอบ แสงไฟก็ส่องสว่างขึ้น
เย่ชูวเสวียมองหนางกงเจาด้วยความหวาดระแวงสงสัย รอดูการกระทำของเขาต่อไป ใครจะรู้ว่าหัวเรือของพวกเขาจอดอยู่อย่างนั้นสิบห้านาทีไร้การเคลื่อนไหว
หนานกงเจาอดไม่ได้ที่จะด่ากราดอยู่ในใจ ไม่รู้ว่ามู่ยู่วฉีมีลวดลายอะไรอีก เมื่อกี้ก็จงใจกลั่นแกล้งเขา ตอนนี้ก็เล่นอย่างเดิมอีก
จนตอนที่เย่ชูวเสวียหมดความอดทน บนท้องฟ้าก็มีโดรนบินมา
"อืมเชอะ?"
เห็นหนางกงเจารับโดรนมาจากด้านบน เย่ชูวเสวียเหมือนเดาเหตุการณ์ต่อไปได้ มองหนานกงเจาอย่างน่าขัน
จ้องมองจนเขารู้สึกเก้อเขิน ถึงเบนเเอียงสายตาไปทางอื่น
หนานกงเจาเก้อเขินลูบแล้วลูบอีกที่จมูก ด่าตัวเองเงียบๆที่ไม่แสดงออก แค่จ้องก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย มุ่งตรงคุกเข่าต่อหน้าเย่ชูวเสวีย ชูของที่ปิดปังไว้เมื่อกี้ขึ้น
"ชูวเสวีย ผมชอบคุณ ชอบมากๆ คุณคบกับผมได้ไหม?"
เย่ชูวเสวียไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไร แต่มองสิ่งของที่อยู่ในมือเขา สีหน้าแสดงออกว่ารู้ทันที ที่แท้ก็เป็นสิ่งที่เธอเดา
"ชูวเสวีย? "หนานกงเจาเห็นเธอไม่มีปฏิกิริยา อดไม่ได้เลยเรียกชื่อเธอ
เย่ชูวเสวียตื่นจากภวัง"ห้ะ? เออ........"
หนานกงเจามองเธออย่างมีความหวัง"ได้ไหม?"
"อันนี้......."ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เกลียดหนานกงเจา แต่นึกถึงปฏิกิริยาของพ่อแม่ที่อยู่ที่บ้าน ก็อดไม่ได้ที่จะปวดศีรษะ ที่บ้านไม่มีคนเห็นด้วยเลย นี่จะให้เธอตอบตกลงได้อย่างไร?
กำลังสงสัยอยู่ แสงไฟด้านล่างก็เริ่มเปลี่ยนไป บนท้องฟ้าก็มีพลุ นกพิราบกลุ่มหนึ่งก็บินล้อมอยู่ด้านบนพวกเขาในปากก็คาบกลีบดอกไม้อยู่ บินวนปลิวหล่นลงมา
เปลี่ยนมาเป็นโรแมนติกอย่างกะทันหัน เย่ชูวเสวียปรับตัวไม่ได้เล็กน้อย เธอทำตัวไม่ถูกแล้วยื่นมือออกไป เพิ่งจะได้ครึ่งหนึ่ง ก็เริ่มลังเลใจอีก
"ชูวเสวีย!"
หนานกงเจามองเธออย่างน่าสงสาร ในสายตามีความหวังอีกทั้งยังมีความอ้อนวอนแฝงอยู่
"ใช่..........."
"คุณไม่ต้องพูด ผมรู้"หนานกงเจาเก็บของที่อยู่ในมือไว้ คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอ ศีรษะเหมือนกับไก่ตัวผู้ที่แข่งขันแพ้ ตกลงมาอยู่ที่หน้าอก
ดวงจันทร์กลมในทะเลส่องมาที่ตัวของเขา นอกจากเงียบสงบ ก็ไม่ได้มีอะไร
เย่ชูวเสวียทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย "อย่างนั้น......ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย คุณก็รู้แล้ว?"
"ผมรู้ แค่ตอนเริ่มต้นก็รู้แล้ว"หนานกงเจาเสียงทุกข์ใจ พูดจนถึงตอนท้าย แล้วเขาก็นอนเงยหน้าอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือ ใช้มือข้างขวาวางไว้บนดวงตา
เย่ชูวเสวียที่ยังคงอยู่ จับราวกั้นไว้ ก็ไม่กล้าที่จะขยับตัว ห่างไปสักพัก หนานกงเจาถึงพูดต่อ"รออีกสักพักเรือก็ถึงฝั่งแล้ว คุณลงไปก่อนเถอะนะ ผมอยากอยู่ที่นี่สักพัก"
เสียงของเขาแหบแห้ง ดังเข้ามาในหูของเย่ชูวเสวีย คาดไม่ถึงว่าในใจเธอจะรู้สึกเศร้า
"คุณอย่าเป็นอย่างนี้สิ......"
"ผมไม่เป็นอะไร ชูวเสวีย!"หนานกงเจาท่าทางไว้อาลัย คาดไม่ถึงว่าจะมีความเย้าแหย่คนอย่างบอกไม่ถูก "เพียงแค่วันนี้เหนื่อยเล็กน้อย อยากนอนอยู่ตรงนี้สักพัก"
ตั้งแต่เช้ายุ่งกับงานจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องธุระเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ใช้แรงพละกำลังมากเหมือนกัน มีด้านนี้ก็มีด้านนี้อีกที่ปิดบังความคิด ฝึกการแสดง ถึงตอนสุดท้ายก็รีบร้อนเลยได้มีผลสรุปอย่างตอนนี้
เขาเหนื่อยมากจริงๆ ไม่เปิดปากพูดมาโดยตลอด ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ แต่ที่มากสุดคือเจ็บปวดหัวใจ
"หนานกงเจา คุณลุกขึ้นเถอะ ฉันไม่ได้ไม่ตอบตกลงคุณนะ!"
หนานกงเจาฝืนยิ้ม "ชูวเสวีย ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผม เมื่อก่อนอย่างไร ตอนนี้ก็อย่างนั้น เพียงแค่ผมไม่กล้ายอมรับความจริง เพราะฉะนั้นสุดท้ายถึงได้จู่โจมมากขนาดนี้"
"ฉันไม่ได้โง่ เพียงแค่แกล้งโง่ คิดว่าอย่างนี้ ผมถึงคิดว่าคุณจะสามารถชอบผมได้ แต่ว่าผิดไปแล้ว ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบทำอย่างไรก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นผมไม่เคยโทษคุณ โทษแค่เพียงตัวเอง......"
แสงของดวงจันทร์ส่องมาที่มือของหนานกงเจา เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อย เป็นเหมือนแดดที่ร้อนที่สุดของตอนเที่ยง ก็ส่องมาจนกระตุ้นน้ำตาของเขา
ไม่นานเรือก็หยุดอยู่ที่ฝั่ง หนานกงเจาไม่ลุกขึ้นจริงๆ เพียงแค่ชูมือขึ้นหนึ่งข้าง แกว่งแล้วแกว่งอีกมาทางเธอ
"ชูวเสวีย คุณไปเถอะ ต่อไปผมจะไม่รบกวนคุณอีกแล้ว"
เย่ชูวเสวียชะงักฝีเท้า มึนงงอยู่ที่ดาดฟ้าของเรือ นานมากเธอถึงผงกศีรษะ"อย่างนั้นก็ดี"
พูดจบก็เดินลงจากดาดฟ้าเรือไม่หันกลับมา มุ่งตรงออกไปจากตรงนั้น คนคนหนึ่งออกมาตรงถนนใหญ่คนเดียว เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ในใจมีความตะลึงอยู่ อยากจะหาที่ระบายออกมา
ตอนที่เธอลงบันไดขั้นสุดท้าย ขอบตาของหนานกงเจาก็มีน้ำตาไหลออกมา เมื่อกี้ที่เย่ชูวเสวียอยู่เขาปิดตาลง เพียงแค่ไม่อยากให้เธอเห็นน้ำตาของเขา
"ชูวเสวีย ลาก่อน......."
........................
ต้วนอีเหยาถูกแสงอาทิตย์ส่องจนแสบตาทำให้ตื่น เธอเห็นศีรษะทางด้านหลังที่คุ้นเคย ดวงตาใสเหมือนน้ำหยุดมองอยู่สักพักหนึ่ง
เธอยื่นมือออกไปลูบศีรษะของเย่จิงเหยียน ที่ไม่กี่วันมานี้อยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอมาตลอด ผมยาวขึ้นมากแล้ว ไม่เหมือนกับตอนที่ตัดสั้นแล้วทำให้ทิ่มแทงคน กลับโอนอ่อนตามเล็กน้อย
เย่จิงเหยียนตื่นตั้งแต่ตอนที่ต้วนอีเหยาหมุนตัวแล้ว เพียงแค่เขาอยากจะรู้ว่าต่อไปเธอจะทำอะไรอีก รอตั้งนาน ที่แท้ก็ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้
ที่จริงเมื่อเช้าเขาตื่นขึ้นมา เรื่องแรกก็อย่างนี้ ไม่ได้มีอย่างอื่น การรักทะนุถนอมอย่างนี้ทำให้เขารู้สึกว่าใกล้ชิดแบบแปลกๆ
เย่จิงเหยียนไม่แกล้งหลับต่อ เขาเคลื่อนไหวร่างกายไปมา ยกศีรษะยืดเอวบิดขี้เกียจ ต้วนอีเหยารีบนอนลงไป แต่หลับตาลงไม่ทัน ก็ได้สบตาเข้ากับเขา
"สวัสดีตอนเช้า!"เย่จิงเหยียนทักทายเธออย่างสบายใจ
"สวัสดีตอนเช้า สวัสดีตอนเช้า.........."ต้วนอีเหยาในใจมีความผิดปกติ ปากพูดแต่ก็พูดอย่างอึดอัด
เย่จิงเหยียนรีบเข้าประชิด "เป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหนไหม?"
"ไม่....ไม่นะ"
เห็นเธอเขินอายอย่างนั้น เย่จิงเหยียนอดขำไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...