เย่ชูวเสวี่ยทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงดึงแขนเหยียนซิวออกไปข้างนอก “ฉันอิ่มแล้ว เห็นหน้าใครบางคนแล้วกินข้าวไม่ลง”
หนานกงเจากอดหลินลั่วเสวี่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อน จนเย่ชูวเสวี่ยเดินออกไปพ้นจากสายตาแล้ว เขาจึงปล่อยมือออกและเดินจากไป
หลินลั่วเสวี่ยงง “พี่เจา พี่จะไปไหน”
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้” หนานกงเจาเดินไป หลินลั่วเสวี่ยก็เดินตาม เขาจึงหยุด และชี้เธอ “แล้วก็ไม่ต้องเดินตามฉัน”
“ทำไม” หลินลั่วเสวี่ยมองเขาด้วยดวงตากลมโตอย่างน่าสงสาร
หนานกงเจาเดินออกไปจากประตูไม่สนใจน้ำตาที่ไหลออกมาได้ยากของหลินลั่วเสวี่ย
ข้างนอกยังคงรื่นเริงเช่นเดิม แต่หนานกงเจากลับรู้สึกเบื่อมาก เขาเดินเอื่อยๆ และชนแก้วกับคนที่รู้จักแถวนั้น โดยที่ไม่เห็นเย่ชูวเสวี่ยกับเหยียนซิวอีก
น่าจะไปอยู่เงียบๆด้วยกันสองคนละมั้ง
หนานกงเจายิ้มอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเหล้าแก้วหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
“เป็นอะไร สักแก้วไหม”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นมู่ยู่วฉียืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา จึงโบกมือพูดว่า “ไม่แล้ว วันนี้ดื่มจนมึนแล้ว”
“เพิ่งจะกี่แก้วเอง วันนั้นในผับนายสั่งวิสกี้ตั้งห้าหกขวด ยังไม่เห็นจะมึนเลย”
หนานกงเจาคิดถึงคืนนั้นขึ้นมาก็อดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ ตอนนั้นเขาเกือบเมาแล้ว แต่ว่าความเจ็บปวดทำให้เขาต้องดื่มหนักเข้าไปอีก ดังนั้นยิ่งดื่มก็ยิ่งตื่น
ตอนนี้เขามีสติแล้ว ชาตินี้เรื่องของเขากับชูวเสวี่ยไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว ถ้าเป็นแค่เพราะเรื่องในครอบครัวเขาอาจจะสู้สักตั้ง แต่....
ฉากเมื่อกี้ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง ชูวเสวี่ยชอบคนอื่นแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว
มู่ยู่วฉีเห็นว่าวันนี้เขาพูดน้อย จึงคิดว่าเพราะว่าเขายังไม่ได้เจอชูวเสวี่ย ดังนั้นจึงใจอ่อน ตบไหล่เขาพร้อมปลอบว่า “ชูวเสวี่ยก็อยู่ที่นี่ แต่ว่าน่าจะ.....”
“ฉันรู้” หนานกงเจาขัดจังหวะสายตาของเขาที่กำลังมองหาอยู่ “เมื่อกี้เพิ่งบังเอิญเจอกันหลังห้องครัว”
“งั้น....” มู่ยู่วฉี มองเขาอย่างสังเกต ในเมื่อเห็นแล้วทำไมถึงไม่ดีใจ เมื่อเห็นแล้วก็ต้องเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ
เขารีบหัวเราะออกมา “เห็นก็ดี งานนี้มีผู้หญิงสวยไม่น้อยเลย”
หนานกงเจาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว เขาพูดไปเรื่อยสองประโยคจากนั้นก็เตรียมจะเดินจากไป แต่มู่ยู่วฉี
ก็รั้งเขาไว้ไม่ปล่อย
“ไหนๆก็มาแล้ว จะกลับไปอย่างนี้ไม่ดีมั้ง”
เขามองไปรอบๆจากนั้นก็ลากหนานกงเจาไปบริเวณที่มีคนเยอะ และพูดเพลินๆว่า “นานๆจะได้มางานอย่างนี้สักที จะกลับไปอย่างนี้มันน่าเสียดายนะ ไปกินเหล้ากันเถอะ”
หนานกงเจาเดินตามหลังเขาไปอย่างทำอะไรไม่ได้ “ฉันทำใจได้แล้ว แกอย่ามาพาฉันไปเสียได้ไหม”
“หรอ” มู่ยู่วฉีหันไปมองเขาอย่างร้ายกาจ “ใครบางคนยังตัดใจไม่ได้เลย”
“หมายความว่ายังไง” หนานกงเจาไม่เข้าใจ น้ำเสียงแปลกๆอย่างนี้ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหมายความว่ายังไง
มู่ยู่วฉีรู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว ขนาดเจ้าตัวยังไม่พูดเลย แต่เขาดันมาบอกล่วงหน้าอย่างนี้คงไม่ดีแน่ ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้างไปเรื่อยว่า “จะหมายความว่ายังไงได้อีก ก็หมายถึงผู้หญิงพวกนั้นน่ะสิ ถ้าพวกเขาเห็นว่าผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างนายกลับก่อนจะตัดใจได้ยังไง”
หนานกงเจาไม่ได้ถามต่อ เขารู้ว่านี่เป็นแค่การแสดง ก็ปล่อยตัวเองให่เดินไปตามแรงลากของมู่ยู่วฉี
ทันทีที่ทั้งสองคนเข้าไป ก็มีผู้หญิงเข้ามาล้อมทันทีเพื่อขอชนแก้วกับพวกเขาอย่างไม่ลดละ
ในที่สุดเซียวอวี้หลินก็แหวกฝูงชนเข้ามาได้ เขาตบหน้าอกตัวเองพร้อมพูดว่า “ในที่สุดพวกนายก็มาสักที ฉันก็ว่าอะไรที่ดึงดูดผู้หญิงเข้ามารุมอย่างกับเสือ”
“ทำเป็นกลัว ก็แค่ผู้หญิงไม่กี่คนเองไม่ใช่หรอ” มู่ยู่วฉีเหลือบตามามองเขา จากนั้นก็หันไปคลุกคลีกับผู้หญิงอีกครั้ง
หนานกงเจาหลบหลีกจากผู้หญิงที่มาหาเขาพร้อมเครื่องดื่ม และหาที่นั่งคุยกับเซียวอวี้หลิน
“เขาเป็นอย่างนี้ตลอดหรอ” หนานกงเจามองมู่ยู่วฉีที่ไปหาผู้หญิงคนโน้นคนนี้ทีอย่างสบายใจ
สมองฉายภาพของเขาตอนสมัยก่อนขึ้นมาทันทีทันใด ทายาทลูกเศรษฐีอย่างพวกเขามักจะเป็นอย่างนี้เสมอ
แต่ตั้งแต่ที่เขาเจอชูวเสวี่ย ผู้หญิงคนอื่นในสายตาของเขาก็เป็นเพียงแค่ธาตุอากาศ ไม่มีความน่าสนใจเลยสักนิด
เซี่ยวอวี้หลินก็มองไปเงียบเงียบ และบอกว่า “ทุกคนมักผ่านประสบการณ์อย่างนี้ทั้งนั้น อีกหน่อยก็โตขึ้นเอง”
ก็เหมือนกับความรัก ตอนที่ยังไม่เจอคนที่ทำให้พวกเขายอมหยุด พวกเขาก็จะหลงมัวเมาอยู่กับผู้หญิง และหาไม่หยุด
หนานกงเจาเทเหล้าหนึ่งแก้วดื่ม ด้วยรสชาติขมทำให้น้ำตาของเขาเอ่อคลอขึ้นมา ถ้าเขารู้ว่ารักแล้วจะเจ็บขนาดนี้ เขาขอไม่มีดีกว่า ทำตัวเหมือนมู่ยู่วฉีลอยไปลอยมา ถึงเวลาก็หาคนสวยสวยสักคนแต่งงานด้วย แม้จะน่าเบื่อแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียใจ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่หน้าประตู หนานกงเจาเงยหน้าขึ้น แต่ก็ถูกเซียวอวี้หลินบังไว้พร้อมกับดึงเขาขึ้นมาจากเก้าอี้ และดันไปหาผู้หญิง “เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ ดื่มกันหลายคนดีกว่าจะได้สนุกๆ”
หนานกงเจาแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเขาเยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ถูกคนล้อมไว้หมดแล้ว ได้ยินแต่เสียงชื่นชม
“ ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวย...”
“ กิ่งทองใบหยก....”
“ คู่สร้างคู่สม”
เขาแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ใครกันทำไมถึงได้รับคำชมมากมายขนาดนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
“มาๆๆๆ หนานกงเจา กินเหล้า” เขายังไม่ทันรู้ตัว เซียวอวี้หลินก็ส่งเหล้าให้เขาแล้ว
เขากำลังจะพูดแต่ก็หยุดไว้เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเซียวอวี้หลิน เขาก้มหน้าดื่มโดยไม่พูดไม่จา
กลางห้องโถง เย่ชูวเสวี่ยแอบมองไปทางที่หนานกงเจาอยู่อย่างพูดไม่ออก เขายิ้มหัวเราะกับผู้หญิงข้างๆ เธอก็ไม่เคยเห็นเขามีความสุข และดูมั่นใจขนาดนี้มาก่อน
“ชูวเสวี่ย คุณมองอะไรอยู่” เหยียนซิวมองไปตามสายตาของเธอ ก่อนจะเห็นหนานกงเจากำลังตะโกนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
เขาก้มหน้าลง ถ้าเป็นสองครั้งก่อนหน้านี้เขาอาจจะแกล้งโง่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นยังไงกันแน่ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ชูวเสวี่ย....
ชูวเสวี่ยชอบหนานกงเจา....
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือชอบมากๆ
เขาปล่อยมือเย่ชูวเสวี่ย และลังเลอยู่นานมากก่อนจะพูด “อยากไปหาเขาก็ไปเถอะ”
เย่ชูวเสวี่ยฝืนใจดึงหน้ากลับมา “ใครบอกว่าฉันอยากไป เขาอยากดื่มเหล้ากับใครก็เรื่องของเขา ฉันไม่ไปหาเขาหรอก”
เหยียนซิวเห็นเธอเป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้พูดแทงใจดำเธออีก เขาจูงมือเธอ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ตะกี้เย่ชูวเสวี่ยเสียใจขึ้นมากะทันหัน เมื่อกี้เขาตามเธอออกไปที่สวนดอกไม้ และหลังจากปลอบเธอจนดีขึ้นแล้ว เธอจึงยอมเดินกลับเข้ามากับเขา
แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับขาเม้าท์เข้า พวกเขายืนอยู่หน้าประตูและพยายามจะจับคู่ให้ทั้งสองคน จนแม้แต่พ่อแม่ของชูวเสวี่ยยังตกใจ ตอนนี้พวกเขากำลังตามให้รีบเข้าไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...