วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 409

ไม่ว่าจะช่วยเธอหรือยกเลิกตั๋ว เธอก็ยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

เย่ฉ่าวเฉินรับรู้ถึงสายตาของมู่เวยเวยไม่รู้ทำยังไงดี “ถ้างั้น...ฉันยกเลิกตั๋วก่อนไหม”

“คุณปู่ ฉันจะออกโรงพยาบาล ฉันต้องการออกจากโรงพยาบาล” เย่ชูวเสวียลุกขึ้นมานั่งบนเตียง สะเทือนถึงบาดแผล เธอรีบหยุดพูดทันที

“อะไรนะ เธอจะออกจากโรงพยาบาล” หนานกงเจาตกใจ เขาคิดว่าจะออกไปหาอะไรกินหรือซื้ออะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าการโหวตครั้งนี้คือเพื่อออกจากโรงพยาบาล

“นายเป็นอะไรไป” เย่ชูวเสวียมองไปยังหนานกงเจาด้วยอาการเป็นห่วง

“ฉันไม่เห็นด้วย” หนานกงเจาไม่ได้สบตาเธอ แต่พูดออกมาตามที่ตัวเองตัดสินใจ

“นี่คุณ...ลูกศิษย์ทรยศ” เย่ชูวเสวียระเบิดอารมณ์และชี้หน้าหนานกงเจา “เมื่อกี้ตกลงกันแล้วนี่ อะไรก็จะฟังฉัน ทำไมตอนนี้เปลี่ยนใจล่ะ”

“เรื่องนี้ไม่เหมือนกัน เรื่องอื่นฉันตามคุณได้ แต่ว่าคุณจำเป็นต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเท่านั้น”

“ฉันหายดีแล้ว อยู่ในโรงพยาบาลเหมือนเป็นการทรมานตัวเองชัดๆ” เย่ชูวเสวียมีใจรีบร้อน เธอเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่กับที่ การที่อยู่แต่โรงพยาบาล จะทำให้เธอเบื่อตายได้

เย่ฉ่าวเฉินกางมือออก มองไปยังเย่ชูวเสวีย “ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”

“คิดไม่ถึงจริงๆ พวกคุณ...” เย่ชูวเสวียถอนหายใจที1 หันหลังให้พวกเขา มองไปยังเพดานที่ขาวดุหิมะ

มู่เวยเวยถอนหายใจและใสหัว เห็นหนานกงเจาพร้อมกับของกิน ออกไปกลับเย่ฉ่าวเฉิน

หนานกงเจาฉวยโอกาสนี้ วิ่งเข้าไปข้างๆเย่ชูวเสวีย “ ชูวเสวีย ดูสิ ฉันเอาอะไรอร่อยๆมาให้เธอ”

“ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมายุ่ง” เย่ชูวเสวียปัดมือด้วยความรู้สึกน้อยใจ “มีคุณแล้วมีประโยชน์อะไร ไม่ได้อยู่ข้างฉันซักหน่อย”

“ชูวเสวีย...” หนานกงเจาจำเป็นต้องง้อ ตามนิสัยเธอแล้ว อาจจะโกรธไปอีกหลายชั่วยาม

“ไม่ต้องมายุ่ง ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”

เย่ชูวเสวียกอดหมอนไว้ เอาหัวมุดเข้าไปในหนอน ไม่พูดอะไรอีก

หนานกงเจาถอนหายใจทีนึง แล้วหยิบของกินจากกระเป๋า วางลงบนโต๊ะทีละอย่างทีละอย่าง

“ไม่กินจริงๆนะ มีมังกรกุ้งน้อยและปูด้วย” อันนี้เป็นสิ่งที่เธอบ่นอยากจะกินตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้เขาวางลงด้านหลังเธอ กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมา ทำให้เย่ชูวเสวียแทบจะบังคับตัวเองไม่อยู่

แต่ถ้าเธอทำแบบนี้ก็รู้สึกว่าจะขายหน้า จึงพูดอย่างปากแข็งว่า “ฉันไม่กิน เอามันออกไปห่างๆหน่อย”

หลังจากบอกว่าฉันไปละ เขาวางกล่องอาหารแล้วมุ่งหน้าเดินออกไป เดินไม่ถึงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงเย่ชูวเสวียเลือกของบนเตียง

เขายิ้มแต่ไม่ได้หันกลับไปมองเย่ชูวเสวีย จากนั้นก็ได้ยินเสียงเปิดกล่องทันที

“แมวน้อยแอบกินแล้ว” หนานกงเจาเดินมาถึงข้างหน้าของเย่ชูวเสวีย ยิ้มและจ้องมองเธอ

“นี่คุณ...” เย่ชูวเสวียหยุดพูด เขาวางของไว้เยอะแยะขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะล่อเธอ

“ไม่กินแล้ว ไม่กินแล้ว ”

เย่ชูวเสวียวางตะเกียบลง ส่งสายตาไปยังอาหารบนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่ยังไม่อยากจากลา

“เดี๋ยวก่อนสิ ซื้อมาก็เพื่อให้เธอกินนั่นแหละ”

“เชอะ”เย่ชูวเสวียก็ไม่ได้พูดมาก กำลังจะยื่นมือไป แต่กลับถูกหนานกงเจาห้ามไว้

“นี่คุณคิดจะทำอะไรดี เล่นแบบนี้หมายความว่าไง”

“เดี๋ยวฉันแกะเปลือกให้ จะได้ไม่ต้องเปื้อนมือเธอ”ยิ้มให้เธอด้วยความนุ่มนวล จากนั้นก็สวมถุงมือ

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาลอกเปลือกกุ้งให้กับผู้หญิง ความรู้สึกนี้เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ก็รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น

เย่ชูวเสวียก็มีน้อยครั้งที่เธอจะหยุดนิ่งแบบนี้ ถ้าหากว่ามีคนดูแลตัวเองทุกวันอย่างนี้ จริงๆแล้วการอยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่เลว

อยู่ๆความคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้นในสมอง เธอรีบสะบัดหัวตัดขัดมันทันที ตัวเองจะอยู่แบบนี้ได้ยังไง ตนเองต้องออกไป ยังไงก็ยอมไม่ได้

แต่ว่าเมื่อเธอกินกุ้ง 5 ตัวและปู 2 ตัวแล้ว เธอเอาเรื่องทั้งหมดเก็บไว้ในส่วนหลังของสมอง

“อื้ม...แน่นท้องจัง” เย่ชูวเสวียนอนอยู่บนเตียง แล้วใช้มือคลำไปยังท้องของตัวเอง หลับตาลงด้วยความอิ่มเอม

หนานกงเจาเก็บของอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยยอมรับเขาแล้ว การป้อนอาหารให้กับเย่ชูวเสวียก็กลายเป็นหน้าที่ของเขา

และเย่ชูวเสวียก็เข้ากันมาก กินเสร็จก็นอนทันที คำพูดที่พูดกับหนานกงเจาในแต่ละวันไม่ถึง 10 คำ

แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน แม้ว่าเธอจะเอาผ้าห่มคลุมหัว พลิกตัวไปมายังไง ก็นอนไม่หลับ

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”เย่ชูวเสวียลืมตาขึ้นมาด้วยความน่าสงสาร ความกังวลนี้ เธอก็ควบคุมมันไม่ได้

หนานกงขมวดคิ้วแล้วมองไปยังขาของเธอ ไปห้องน้ำ จริงๆแล้วเรื่องทั่วไป แต่ว่าขาของเธอ…

หากว่าบาดเจ็บที่มือ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องกังวล แต่ว่าการเข้าห้องน้ำต้องใช้ขา หากหกล้มขณะที่อยู่ห้องน้ำ…

“ฉันไปเรียกคุณน้ามา”

หนานกงเจากำลังเตรียมตัวจะเดินออกไป ก็ถูกเย่ชูวเสวียเรียกให้หยุด “ยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปทานข้าวที่ไหน ถ้าเรียกมาได้ ฉันคงจะปล่องลงบนเตียงแล้วล่ะ”

“แล้วจะทำไงดี”

“นายพยุงฉันขึ้น”

“อ๋า ฉัน”หนานกงเจาชี้ที่ตัวเอง ก่อนจะได้คำตอบที่ชัดเจน

“รีบหน่อย ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว” เย่ชูวเสวียขยับตัวอยู่บนเตียง พยายามควบคุมความอยากฉี่

“โอเคร ...”หนานกงเจารู้ตัวว่าถ้าไม่รีบกว่านี้ อาจจะไม่ทันจริงๆ

“เขาเดินอ้อมขวดน้ำเกลือบนหัว แล้วพยุงเย่ชูวเสวียขึ้นมา”

เมื่อลงพื้นแล้วก็เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เขาจะอุ้มเธอเข้าไปห้องน้ำได้ยังไง ต้องดูว่าเธอจะว่าไง

“รีบหน่อย กลัวอะไร”

หนานกงเจาสัมผัสจมูกตัวเองยังไม่เป็นธรรมชาติ “ฉันอุ้มเธอเข้าไป”

เย่ชูวเสวียยิ้ม “ถ้าไม่อย่างนี้”

“เออ...เออ...ได้” จริงๆหนานกงเจาคิดจะปฏิเสธ แต่ว่าเห็นท่าทางของเย่ชูวเสวียที่ไม่แน่ไม่นอน ทำได้แค่ตอบตกลง

“มัวตะลึงอะไร มาพยุงแขนฉันสิ”

“โอ้…” หนานกงเจามองไปยังเพดาน ใจเต้นแรงมาก

เย่ชูวเสวียรู้สึกน่าขำ ดึงม่านก็ตั้งใจดึงให้มันเสียงดัง ดังจนหนานกงเจาหูแดงหน้าแดง

“อั้ยยะ นายก็อายเป็นหรือเนี่ย” เย่ชูวเสวียอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา คำพูดนี้ไม่พูดก็ไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อพูดแล้ว หนานกงเจายิ่งไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ฉันเสร็จแล้ว นายพยุงฉันขึ้นมาเลย”

เย่ชูวเสวียนั่งอยู่บนชักโครก ยิ้มยิ้มจนหน้าแดง เสียดายที่หนานกงเจามองไม่เห็น คิดว่าเธอเสร็จแล้วจริงๆ เมื่อก้มหน้าลงกลับเห็นขาที่ขาวของเธอ รีบหันหน้าขึ้นไปทันที

“เย่ชูวเสวีย นี่เธอ...”

“ฮ่าๆๆๆ....”

เย่ชูวเสวียเห็นเขาตกใจเหมือนกระต่ายตื่นตูม กั้นไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ