เซี่ยอันน่าดึงเข็มขัดที่เสี่ยวอวี้หลินพึ่งรัดให้ด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ทำไมท้องต้องมาร้องเวลานี้ด้วย!
เสี่ยวอวี้หลินเหลือบมองเธอแล้วกลับไปนั่งลงบนโซฟา " ล้างหน้าล้างตาให้สะอาดก่อนค่อยว่ากัน "
เซี่ยอันน่าสัมผัสใบหน้าของตัวเอง เมื่อกี้ร้องไห้หนักขนาดนั้น สภาพเธอในตอนนี้ต้องเหมือนเต่าลายแน่ๆ! ถ้าแค่ล้างหน้าธรรมดาตาที่บวมแดงของเธอมันต้องปิดไม่มิดแน่ๆ
เธอมองไปที่เสี่ยวอวี้หลินอย่างสงสัย แต่เขากลับดูเฉยเมย ไม่มีท่าทีใดๆทั้งนั้น และไม่มีทีท่าที่จะไปหยิบยาหรือของที่ลดอาการตาบวมแดงออกมาให้เธอ
เซี่ยอันน่าทนต่อความหิวของตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ในห้องน้ำ มีกระจกบานใหญ่บานหนึ่งซึ่งสามารถส่องเห็นทั้งตัว เพราะว่าเมื่อกี้เครียดๆอยู่เลยไม่ทันได้ชื่นชมการดัดแปลงชุดเสื้อผ้าของเสี่ยวอวี้หลิน
ชุดเสื้อยืดกระโปรงสีขาวพอใส่อยู่บนตัวเซี่ยอันน่ามันทำให้ผิวของเธอขาวออร่ามากขึ้นและไร้ที่ติ ชุดที่หลวมในตอนแรก พอมีเข็มขัดเข้ามามันทำให้ชุดนี้เข้ากันมากขึ้นและเป็นชุดสบายๆ
เข็มขัดที่รัดอยู่ที่เอวเธอในตอนนี้ไม่ใช่แบบที่เธอเคยเห็นมาก่อน ขนาดของมันเหมาะสมและพอดี มีลวดลายที่วิบวับประดับประดาอยู่ เป็นได้ทั้งเข็มขัดของผู้ชายและผู้หญิง พอใส่เข็มขัดคู่กับกระโปรงทำให้มันเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งยังดูมีรสนิยมอีกด้วย
เซี่ยอันน่าล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้ววิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ
" ฉันเสร็จแล้ว ออกไปกินข้าวกันเถอะ! "
" ไปสิ " เสี่ยวอวี้หลินวางหนังสือที่พึ่งเปิดอ่านลงแล้วเดินไปเปิดประตู
......
" เธอค่อยๆก็ได้! "
หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามพอเห็นอาหารมาเสิร์ฟเธอก็ใช้มือทั้งสองข้างคีบอาหารในจานยัดเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างหิวโหย
เสี่ยวอวี้หลินเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาร้านนี้บ่อย แต่ไม่แน่อาจจะเจอคนรู้จักก็ได้ ถ้าพวกเขามาเห็นเข้า ต้องโดนหัวเราะเยาะไปอีกนานแน่ๆ!
" อู้ว อร่อย ทำไมคุณไม่กิน? " เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นมองอย่างมึนงง พอเห็นเสี่ยวอวี้หลินเอาแต่จ้องเธอ เธอก็รู้สึกเขินอายและทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
เธอหิวมากจริงๆ เลยไม่ทันได้ระวังภาพลักษณ์ พอเห็นเขาเอาแต่มองหน้าเธอแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าคุณค่าในตัวเองลดลง
" ฉันไม่หิว เธอกินเถอะ " เสี่ยวอวี้หลินมองไปที่ดวงตาที่ส่องประกายของเธอ และผลักอาหารตรงหน้าตัวเองไปทางเธอ
" ถ้าอย่างนั้น......ก็ได้ "
พอได้รับอนุญาตจากเสี่ยวอวี้หลินแล้ว เซี่ยอันน่าก็รู้สึกสบายใจในการกินมากขึ้น เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอเงยหน้าขึ้นมามองเสี่ยวอวี้หลินเป็นครั้งคราว พอเห็นว่าเขไม่ได้มีท่าทีใดๆก็เลยไม่ได้สนใจเขามากนัก
" ถ้ากินเสร็จก็บอกฉันด้วยนะว่าบ้านเธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง "เสี่ยวอวี้หลินพูดขึ้นอย่างลวกๆพร้อมกับสวมแหวนที่นิ้วชี้ของเขา
" ไม่เป็นไร! "
พอได้ยินว่าเขาจะส่งเธอกลับบ้าน เซี่ยอันน่าก็รีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้เป็นคนในพื้นที่นี้ ก็แค่มาเรียนที่นี่เฉยๆ ถ้ากลับไปที่โรงเรียนรถของเขาจะเด่นเกินไป ถ้าเห็นคนที่ลงจากรถคือเขา ต้องมีคนเอาเธอไปพูดเสียๆหายๆลับหลังแน่ๆ!
" บอกให้พูดก็พูดมาเถอะ อย่าลีลามากได้ไหม? " เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้ว มีคนส่งเธอกลับบ้านยังไม่ยอมอีก หรือว่าจะให้เธอยืนโบกรถอยู่ข้างถนนแล้วกลับเอง?
ความเป็นไปได้นี้ แค่คิดก็ถูกปฏิเสธโดยเสี่ยวอวี้หลินแล้ว คนอย่างเขาเสวี่ยอวี้หลินถึงจะไม่ได้เป็นคนเมตตาอารีมากนัก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่มีความรู้สึก
" ถ้าเธอไม่ยอมบอก เราก็อยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆนั้นแหละ " เสี่ยวอวี้หลินทำมือกอดอก นั่งไขว่ห้าง และมองเธออย่างสบายๆ
" ไม่ใช่แบบนั้น " เซี่ยอันน่ารู้ว่าเขาเข้าใจสิ่งที่เธอพูดเธอผิดไปเลยรีบอธิบาย " ฉันพักอยู่ที่โรงเรียน ถ้ากลับไปแบบนี้มันไม่สะดวก "
เสี่ยวอวี้หลินไม่เข้าใจ " ไม่สะดวกยังไง? "
" รถของคุณ......" เซี่ยอันน่าไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง พูดออกไปได้สามคำก็ไม่ได้พูดต่อ มองเขาที่ดูพึงพอใจในตัวเองแบบนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงต่อไปดี
พอเสี่ยวอวี้หลินได้ยินคำพูดของเธอ ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที " จะกลัวทำไม? ฉันจะคอยดูว่าใครมันจะกล้านินทา!"
" แต่ว่า......" คุณอยู่พวกเขาก็ต้องไม่กล้าพูดอยู่แล้ว พอคุณกลับไป ฉันต้องยับเยินแน่ๆ!
" ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปเถอะ " เสี่ยวอวี้หลินหยิบเสื้อแจ็คเก็ตจากมือพนักงานมา จากนั้นก็หันไปส่งสายตาให้เธอเดินตามตัวเองมา จากนั้นเขาก็ก้าวขาเดินออกไปเลย
เซี่ยอันน่าถอนหายใจไปหนึ่งที สู้เขาไม่ได้ก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเขา
......
ต้วนอีเหยานั่งอยู่บนโซฟา รอให้คนที่กำลังยุ่งๆอยู่ในครัวยกอาหารออกมาเสิร์ฟ
วันนี้ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ จู่ๆถึงอยากเข้าครัวทำอาหารให้เธอ! ถึงแม้ว่าบาดแผลของเธอยังไม่หายสนิท แต่ว่าแค่ทำอาหารเธอสามารถทำเองได้ แต่เย่จิงเหยียนกลับยืนยันว่าต้องให้เธอพักผ่อน แล้วเขาจะลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะมีการผิดพลาดในการทำอาหารอยู่หลายครั้ง แต่ว่าสุดท้ายมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ต้วนอีเหยารู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงชำนาญมากขนาดนี้ ตอนนี้มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะแล้ว
" เป็นอะไร? " เย่จิงเหยียนที่พึ่งนั่งลงก็เห็นต้วนอีเหยาที่หน้าจ้องมองอาหารบนโต๊ะด้วยความตะลึง
สิ่งแรกที่ต้วนอีเหยาทำไม่ใช่การหยิบตะเกียบและชิมอาหาร แต่กลับเงยหน้าขึ้นแล้วถามเขา " คุณทำอาหารได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? "
" ก็ดีมาตลอดนิ! "พอได้รับการยืนยันจากต้วนอีเหยา เย่จิงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมใจ แล้วหยิบตะเกียบยื่นให้เธอ " เธอลองชิมดู รสชาติต้องอร่อยแน่! "
ต้วนอีเหยารับตะเกียบมา เธอไม่รู้ว่าควรชิมตรงไหนก่อนดี ถึงแม้ว่าจะทำอาหารออกมาได้เสร็จสมบูรณ์ แต่ว่าหน้าตาอาหารยังไม่จัดว่าดี มีความยุ่งเหยิงเต็มจานไปหมด เธอไม่รู้เลยว่าจะเริ่มชิมจากตรงไหน
ต้วนอีเหยาลังเลอยู่สักพัก สุดท้ายเธอก็วางตะเกียบลง และลองถามเขาว่า " ให้คุณกินก่อนดีไหม? "
" ฉันไม่หิว! " เย่จิงเหยียนจ้องไปที่ต้วนอีเหยาด้วยสายตาคาดหวัง เห็นเธอหันไปหันมา ไม่รู้ว่าควรเลือกอันไหน
เขาเลยพูดขึ้นอย่างเข้าใจว่า " กินได้เลย กินจานไหนก็ได้ ถึงยังไงทั้งหมดนี้ก็เป็นอาหารที่ทำให้เธอกินอยู่แล้ว"
" ได้ " ต้วนอีเหยากัดฟันตัวเองและฝืนยิ้มให้เขา เธอเลือกคีบอาหารจากจานที่อยู่ใกล้เธอที่สุดเข้าปาก
เธอเคี้ยวอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น เธอก็เบิกตากว้าง " นี่คุณทำเองจริงๆหรอ? "
พอเย่จิงเหยียนเห็นท่าทีของเธอ ก็รู้สึกโล่งใจ " ก็ต้องเป็นฉันแน่นอนอยู่สิ นอกจากเราสองคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ยังมีใครอีก? "
ต้วนอีเหยาครุ่นคิด นอกจากเขาสองคนมันไม่มีคนอื่นจริงๆ อาหารจานนี้ถึงหน้าตาจะดูไม่ดี แต่พอลองกินแล้วมันไม่ได้แย่เหมือนที่คิด ไม่สิ จากฝีมือของเย่จิงเหยียน แบบนี้ก็ถือว่าอร่อยแล้ว
เย่จิงเหยียนรู้สึกดีใจ ตอนแรกก็เพราะว่าหน้าตาอาหารทำให้เขาลังเลอยู่นาน แต่พอลองชิมเท่านั้นแหละเขาก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
" ทำไมฝีมือการทำอาหารของคุณถึงพัฒนาแบบก้าวกระโดดขนาดนี้ละ? " เธอจำได้ว่าเขาทำอาหารไม่เป็นนะ วันนี้ที่เขาเอ่ยปากบอกว่าจะเข้าครัวทำอาหารเอง ถึงแม้ว่าตอนนั้นเธอจะดูทีวีอยู่แต่เธอก็เฝ้ามองไปทางทิศของห้องครัวอยู่ตลอด กลัวว่าเขาจะไม่ทันระวังแล้วระเบิดห้องครัวมอดไหม้หมด
" ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะเป็นพรสวรรค์มั้ง แค่เมื่อก่อนไม่เคยทำ"
เย่จิงเหยียนทำหน้าพอใจสุดๆ ราวกับว่าเป็นเด็กที่ได้รับช่อดอกไม้
ต้วนอีเหยาทนดูท่าทีภาคภูมิใจแบบนั้นของเขาต่อไปไม่ไหว กำลังจะพูดสบประมาทเขา ทันใดนั้นเสียงออดประตูก็ดังขึ้น
" ใครกันที่มาในเวลานี้? " เย่จิงเหยียนขมวดคิ้ว พ่อแม่เขาไม่น่าจะมาในเวลาอาหารเที่ยงแบบนี้นะ คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าจะเข้ามาหาก็ต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากันอยู่แล้ว ที่มากดออดหน้าบ้านแบบนี้น่าจะเป็นคนแปลกหน้า
พอเปิดประตู มีคนที่ใส่เครื่องแบบตำรวจยืนอยู่หน้าประตูสองคน เย่จิงเหยียนยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก " มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ? "
ตำรวจยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา "นี่เป็นหมายเรียกจากศาล หวังว่าคุณเย่จะมาตรงตามเวลา! "
เย่จิงเหยียนรับมา ชำเลืองมองไปที่กระดาษ เป็นเรื่องของต้วนจื่ออิ๋ง สองสามวันมานี้เขาใช้ชีวิตแบบสบายใจมากไปหน่อยจนเกือบจะลืมไปแล้วว่าเรื่องนี้ยังจัดการไม่เสร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...