“ไม่ใช่ไม่ใช่ ผมแค่พูดไปเรื่อย คุณอย่าใส่ใจเลย เรื่องที่ทำในวันนี้มันรู้สึกดีมาก และฉันจะต้องไปดื่มกันต่อ”
“ดื่มเหล้า ผมประหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
“งั้นก็ไปร้านเหล้าป่ะ ไปกัน !”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นมากนัก แต่พวกเขาต่างรู้ดี ความอึดอัดก่อนหน้านี้ มันได้หายไปหมดแล้ว
วันรุ่งขึ้น——
เสี่ยวอวี้หลินไปหาเซี่ยอันน่า และเชิญเธอไปทานอาหาร
“เฮ้ คุณช่วยผมมาตั้งขนาดนี้ อาหารมือนี้ผมเลี้ยงเอง”
“เรื่องการจ่ายให้ ให้ฝ่ายชายเป็นคนจัดการเถอะ”
“แต่ว่า..........”
เขายื่นมือมาปิดริมฝีปากของเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินถอนหายใจและพูดต่อว่า:“ ไม่ต้องห่วง ยังมีเวลาให้คุณได้ตอบแทนอีก”
หลังจากเสี่ยวอวี้หลินพูดจบ เขาก็ใช้นิ้วลูกริมฝีปากของเซี่ยอันน่า
สัมผัสที่หยาบกร้าน ทำให้ร่างกายของเซี่ยอันน่าสั่นเทา เธอรีบก้าวเท้าถอย เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างสองคน
“โอเค ไม่แกล้งคุณแล้ว ลงรถเถอะ แล้วผมจะพาคุณไปทานของอร่อยๆ ”
เซี่ยอันน่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงข้างๆเสี่ยวอวี้หลิน ด้วยท่าทางสงบโดยไม่แสดงท่าทางเหมือนโจรแบบเมื่อกี้
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทางเธอ ก็ถามด้วยความแปลกใจว่า “ครั้งนี้ทำไมคุณไม่หลบหลีกเลี่ยงล่ะ ?”
เซี่ยอันน่าพูดขณะคาดเข็มขัดนิรภัยว่า:“ ข้างนอกข่าวแพร่กระจายไปขนาดนั้นแล้ว พูดเพิ่มอีกสักหน่อย ก็คงไม่เป็นไรหรอก”
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่เมื่อเสี่ยวอวี้หลินฟังแล้วก็รู้สึกทุกข์ใจ
พวกเขาสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เสี่ยวอวี้หลินรู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ขี้ขลาด และชอบปกปิดอารมณ์ของเธอไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
ถ้าเธอสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ แสดงว่าเธอเคยมีเรื่องที่หนักใจกว่านี้มาก่อน
แต่ในโรงเรียนนี้ มีคนใจร้ายมากมายขนาดนี้เลยเหรอ ?
ดูเหมือนว่า ตัวเองจะยังรู้จักเซี่ยอันน่า ไม่มากพอ
แววตาของเขามืดมนลง เสี่ยวอวี้หลินเหยียบคันเร่ง และขับรถออกไป
เสี่ยวอวี้หลินรู้ว่า ถ้าไปร้านระดับไฮเอนด์จะต้องทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอัดอัด ดังนั้นครั้งนี้ เขาจึงพาเซี่ยอันน่าไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่พิเศษ สภาพแวดล้อมหรูหรา และบรรยากาศดี
มันก็เป็นสิ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไรขนาดนั้น ในขณะที่ทานอาหาร จิตใจเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ทำไมทานข้าวแล้วยังไม่มีความสุขอีกล่ะ ยังคิดถึงข่าวลือเหล่านั้นอยู่เหรอ ?”
เซี่ยอันน่าส่ายหัวและพูดว่า:“ เมื่อวานฉันเจอลูกพี่ลูกน้องชายแล้ว”
เมื่อคิดถึงชายที่ร้องตะโกนเสียงดังคนนั้น เสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกขยะแขยยง อาหารที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีความน่าสนใจอีกเลย
ไม่แปลกใจที่เซี่ยอันน่าทานอย่างไม่มีความสุข ที่แท้ก็มีคนมาสร้างความลำบากให้เธอ
อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เขาคงไม่กล้าปรากฎตัวต่อหน้าเซี่ยอันน่าแล้ว ไม่อย่างนั้น เขาจะตัดนิ้วทั้งเก้านิ้วที่เหลือทิ้ง !
ร่องรอยของความโหดร้ายปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ปกปิดมันอย่างดี โดยไม่ทำให้เซี่ยอันน่ารู้
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่และถามว่า:“ คุณว่า มีวิธีใดบ้าง ที่จะเปลี่ยนความชั่วร้ายให้กลับมาเป็นปกติดีได้ ?”
เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัว และพูดว่า:“ ถ้าติดการพนัน คนๆนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว ก็คงต้องรอให้ครอบครัวพังทลาย”
ถึงแม้ว่าเซี่ยอันน่าจะพูดถ้อยคำที่โหดร้ายกับลูกพี่ลูกน้องชาย แต่เธอก็ยังคงจดจำเขาไว้ในใจ
เมื่อนึกถึงความดีก่อนหน้านี้ของเขา ในใจก็ยิ่งรู้สึกแย่
“จริงๆแล้วเมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องชายฉันเป็นคนดีมาก เขาดีกับฉันมาก แต่เขาถูกเพื่อนชักนำไปทางไม่ดี ถึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องแย่ๆแบบนี้”
แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาส่ายนิ้วและพูดว่า:“ คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องเขาแล้ว คนแบบนั้น เลวไปถึงกระดูกแล้ว ช่วยไม่ได้แล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็ไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเธอแสดงความหดหู่ออกมา
นี่เป็นมื้ออาหารใหญ่ที่เสี่ยวอวี้หลินเตรียมให้เซี่ยอันน่า เขาไม่อยากถุูกหมาแมวมาพังมันลง เขาตบมือของเซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ อย่าอารมณ์เสียกับคนแบบนั้นเลย รีบทานเถอะ อีกเดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูหนัง”
ในเวลานี้เซี่ยอันน่าจะยังมีอารมณ์ที่ไหนไปดูหนัง เธอพยักหน้าแต่ในใจก็ยังคงเหม่อลอย
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าเป็นแบบนี้ เสี่ยวอวี้หลินก็ยิ่งรู้สึกเป้นทุกข์มากขึ้น
ยัยผู้หญิงโง่ใจดีคนนี้ คนอื่นทำกับเธอขนาดนี้แล้ว เธอยังมีใจคิดถึงคนอื่นอยู่อีก
เธอเป็นแบบนี้ จะเจ็บปวดได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อมีเขาอยู่ ใครก็ไม่สามารถมาทำร้ายเธอได้
……
สัปดาห์หน้า ชั้นเรียนจะมีการสอบ เซี่ยอันน่าถือหนังสือจำนวนมาก เตรียมที่จะไปอ่านทบทวนที่ห้องสมุด
แต่เมื่อไปถึงห้องสมุดกลับพบว่า หนังสือที่วางจองที่นั่งของเธอ ถูกโยนลงพื้น และในขณะเดียวกัน ที่นั่งตรงนั้น ก็มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งยิ้มอยู่
เซี่ยอันน่าเดินเข้าไปเตือนด้วยอารมณ์ที่เย็นว่า “นักเรียน นี่เป็นที่นั่งของฉันค่ะ ”
ชายคนนั้นสูดหายใจและพูดว่า:“ ที่นั่งของคุณ ? งั้นคุณลองตะโกนดู ว่ามันจะตอบกลับไหม ”
คำพูดเหล่านี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกไม่พอใจ และมองไปอย่างกระตือรือร้น
เซี่ยอันน่าไม่อยากจะโต้เถียงกับเขา เธอจึงก้มลงเก็บหนังสือ และไปหาที่นั่งอื่น
แต่ห้องสมุดในเวลานี้ คนจะเยอะมาก มิฉะนั้นนักเรียนคงจะไม่มาจับจองที่นั่งก่อนหรอก
เพียงแต่วันนี้เซี่ยอันน่าอารมณ์ดี และเธอก็พบว่ามีที่นั่งว่างอยู่ตรงหัวมุม
เธอเดินไปอย่างเงียบๆ เซี่ยอันน่ากำลังจะนั่ง แต่มีคนบางคนที่อยู่ข้างๆเธอก้าวมาเร็วกว่า และโยนกระเป๋าหนังสือไปไว้
เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นกำลังหาเรื่อง
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและถามว่า “คุณทำอะไร ?”
“ที่นี่มีคนแล้ว”
“เมื่อครู่ยังไม่มีใครเลย”
“แต่ตอนนี้ มีคนแล้ว”
“คุณ.........”
เซี่ยอันน่าโกรธมาก และจ้องมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม
แต่อีกฝ่ายก็ยังมีเหตุผลอีกมายมาย และพูดอย่างประชดประชันว่า:“ ที่นี่เป็นสถานที่เรียนรู้ บางคนที่จะมาเพิ่มความรู้ความสามารถ เธอรีบไปเถอะ อย่าทำให้ที่นี่มีมลทินเลย”
คำพูดของนักเรียนคนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างอย่างรวดเร็ว
“นั่นก็คือ มีเธออยู่ตรงนี้ ทำให้อากาศที่นี่สกปรก”
“ยังอยู่ทำไมอีก โดนรังเกียจขนาดนี้แล้วยังไม่ไปอีก ? ไม่มีความละอายเลยจริงๆ”
“คนที่ทำเรื่องแบบนั้น ยังมีความละอายอีกเหรอ ?”
“ก็ถูกนะ ฮ่าฮ่า——”
คำพูดต่อมา เริ่มทนไม่ได้มากขึ้น เซี่ยอันน่ารู้สึกอาย เธอหันหลังจะจากไป
เซี่ยอันน่าแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คำพูดที่ชั่วร้ายเหล่านั้นจะไม่ทำร้ายจิตใจของเธอ
เธอรีบเดินออกจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว เซี่ยอันน่าหาที่ที่ไม่มีใครอยู่ โอบแขนของตัวเองไว้ และไหล่ของเธอก็สั่นเล็กน้อย
ทำไมต้องมีข่าวลือแบบนั้น ? ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมต้องมาแบกรับข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ ?
เธอเป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมต้องให้ตัวเองมาประสบปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดด้วย ?
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอพบเจอมาในช่วงนี้ เซี่ยอันน่าก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา
“นักเรียน ?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้เซี่ยอันน่ารีบเช็ดน้ำตาที่มุมตา หันกลับไปและถามว่า “มีธุระอะไรเหรอ ?”
“คุณคือเซี่ยอันน่าใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ศาสตราจารย์เรียกหาคุณ บอกว่าเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษา”
มุมตาของเธอเป็นประกาย เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะรีบไปตอนนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...