เพราะความวิตกกังวล เสียงของฉีฉีจึงสั่นไหว
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วเหรอ ?”
“มีนักข่าวต้องการสัมภาษณ์เธอ”
“ฉันยังไม่ดังเลย มาสัมภาษณ์ฉันทำไม ?”
“ไอ่หยา นี่มันตอนไหนกันแล้ว เธอยังล้อฉันเล่นอีก !มีใครก็ไม่รู้ถ่ายรูปเธอกับศาสตราจารย์จาง แล้วโพสต์ลงในฟอรัม แค่เพียงครึ่งวัน ก็มีคนแชร์ไปเป็นหมื่นแล้ว ตอนนี้ยังมีคนจากสถานีโทรทัศน์มา บอกว่าต้องการจะเปิดโปงเรื่องนี้”
“เปิดโปง ? พวกเขาจะเปิดโปงอะไร ?”
“พูดอะไรนะ นักเรียนหญิงล่อลวงอาจารย์ เพื่อชิงทุนการศึกษา”
“ไร้สาระ !”เซี่ยอันน่าโกรธมาก จึงพูดว่า “นักข่าวพวกนั้นอยู่ที่ไหน ฉันต้องการไปอธิบายกับพวกเขาให้ชัดเจนตอนนี้”
“ไอ่หยา จะอธิบายให้ชัดเจนได้ยังไงล่ะ พวกเขามีทั้งปืนยาวปืนสั้น แม้แต่ศาสตราจารย์ก็ยังทนไม่ไหว เขาถึงผลักเรื่องทุกอย่างมาให้เธอ และเขาก็พักงานกลับบ้านไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวจะอธิบายยังไง ?”
“ผลักเรื่องทุกอย่างมาให้ฉัน ? นี่มันหมายความว่ายังไง ?”
ฉีฉีชะงักไปชั่วขณะ เพราะว่าบางคำพูด เธอก็รู้สึกว่าไม่ควรพูดออกมา
แต่เซี่ยอันน่าทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงตะโกนออกมาว่า:“ ไอ่หยา เธอพูดออกมาสิ !”
ไม่มีทางเลือก ฉีฉีที่โหดร้ายจึงเปิดปากพูด
“ศาสตราจารย์บอกว่า เป็นเธอ เพื่อที่จะได้รับทุนการศึกษา เธอจึงอุทิศตัวให้เขาด้วยความสัมครใจ ศาสตราจารย์ไม่ได้รั้งเธอไว้ จึงถูกเธอล่อลวง”
เซี่ยอันน่ารู้สึกทุกอย่างตรงหน้ามืดมนไปหมด ตัวเธอสั่น เธอกัดฟันและพูดออกมาว่า:“ ไอ้เลว เขาพูดโกหก !”
“ฉันก็คิดว่าเขากำลังพูดโกหก แต่คนอื่นไม่เชื่อหน่ะสิ นักข่าวพวกนั้นรออยู่ที่ใต้หอหญิงนี่ เธออย่าเพิ่งกลับมานะ ฉันคิดหาวิธีไล่พวกเขาไปก่อน”
หลังจากพูดจบ ฉีฉีก็ตัดสายไป
และเซี่ยอันน่าที่ยืนอยู่ข้างถนน ทันใดนั้นก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา
โลกกว้างขวางขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างสำหรับเธอเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้.......
เธอนั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้คนเดียว จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เซี่ยอันน่าถึงได้รับโทรศัพท์จากฉีฉี
เธอบอกว่าโรงเรียนได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา และไล่นักข่าวพวกนั้นไปแล้ว เซี่ยอันน่าสามารถกลับมาได้แล้ว
แต่พูดตามตรง เซี่ยอันน่าไม่อยากกลับไปที่โรงเรียนนั่นแล้ว เธอสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนแล้วจะต้องเผชิญกับอะไร
แต่บางเรื่อง ก็ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการหลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่ามันจะยาก เซี่ยอันน่าก็จำเป็นต้องเดินต่อไป
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยอันน่าก็เรียกรถกลับโรงเรียน
ตามที่เซี่ยอันน่าคาดการณ์ไว้ เธอกลายเป็นจุดสนใจของโรงเรียนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงพวกนักเรียนเท่านั้นที่ไม่ชอบเซี่ยอันน่า
เมื่อเธอเดินเข้าระตูหอพักมา ป้าที่ดูแลหอก็ตะโกนออกมาและด่าว่า:“ พ่อแม่ก็เลี้ยงมาเหมือนกันหมด แต่ทำไมคนบางคนถึงไร้ยางอาย ถึงแม้ว่าชีวิตจะเสียหาย แต่ก็ยังหลอกล่อศาสตราจารย์ที่เคารพได้ ช่างอันตรายจริงๆ”
เสียงฝีเท้าหยุดลง เซี่ยอันน่าก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าหันหลังให้ตัวเอง ป้าที่หอก็พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า:“ เฮ้ เซี่ยอันน่า ฉันพูดถึงเธอนะ อยู่ข้างนอกเธอจะทำยังไง ฉันไม่ยุ่ง แต่เมื่อกลับมาที่โรงเรียนแล้ว เธอก็ควรจะซื่อสัตย์หน่อย อย่าใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนั้นที่นี่ เธอรู้ไหมว่าเมื่อครู่ฉันต้องใช้ความพยายามขนาดไหน ในการขับไล่นักข่าวพวกนั้นออกไป ?”
เธอหันศีรษะเล็กน้อย เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ขอโทษค่ะ”
จากนั้น เธอก็รีบขึ้นไปชั้นบน
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซี่ยอันน่า ป้าที่หอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ จริงๆเลย ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย จะมีความสามารถแบบจิ้งจอกอย่างนั้นได้ยังไงกัน !”
เมื่อตรวจสอบทุกอย่าง เซี่ยอันน่าก็กลับมาถึงห้องนอน
ฉีฉีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวเธอยังคงเปียกชื้นอยู่ เธอในตอนนี้ กำลังเป่าด้วยเครื่องเป่าไฟฟ้าอยู่
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ฉีฉีก็เงยหน้าขึ้นมองและพูดว่า:“ อันน่าเธอกลับมาแล้ว”
“อืม”
“ไม่มีใครมายุ่งกับเธอ ใช่ไหม ?”
“ใช่ เงียบมากเลย”
เธอหยิบอาหารจากโต๊ะและส่งให้กับเซี่ยอันน่า ฉีฉีพูดว่า:“ ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม อันนี้ให้เธอ”
“ขอบคุณนะ แต่ฉันทานไม่ลง”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี แต่ก็ต้องทานอะไรหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ไหวเอา และตอนนี้สีหน้าเธอก็ดูแย่มากด้วย”
เสียงของเซี่ยอันน่าแหบเล็กน้อย เธอยังพูดปฎิเสธ:“ แต่ว่าฉันทานไม่ลงจริงๆ ขอบคุณเธอมากนะ”
“โอ้ย กับฉัน เธอยังต้องขอบคุณอะไรอีก”
เธอพิงไหล่ของฉีฉี เซี่ยอันน่าพูดเบาๆว่า:“ ฉีฉี ถ้าหากว่าไม่มีคำพูดของเธอ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป”
“อย่าเสียใจเลย ของปลอมก็คือของปลอบ ช้าเร็วนี้จะต้องมีการชี้แจงแน่นอน”
เซี่ยอันน่าพยักหน้า เธอแค่เพียงสามารถใช้วิธีนี้ปลอบตัวเอง
เธอก็ไม่ได้จะโชคร้ายตลอดไปหรอก พรุ่งนี้เปิดกองละครเรื่องใหม่ เธอจะต้องมีสติและกำลังใจ
วันรุ่งขึ้น——
เซี่ยอันน่าแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อน จากนั้นก็ไปยังสถานที่ถ่ายทำ
ในห้องแต่งตัว เซี่ยอันน่ากำลังท่องบทอยู่ ในขณะที่รอเข้าฉาก
ผู้จัดการกองถ่ายเดินมาทางนี้ เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิง จึงถามว่า:“ เธอเป็นใคร นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?”
เซี่ยอันน่ารีบลุกขึ้นและพูดอย่างนอบน้อมว่า:“ อ่อ ฉันเป็นคนที่ผู้กำกับหลี่ให้ลองเล่นดูเมื่อวาน ผู้กำกับหลี่ให้ฉันเล่นบทบาทของตัวละครหมิงซิงนี้”
“เธอชื่ออะไร ?”
“ฉันชื่อเซี่ยอันน่า”
ผู้จัดการกองถ่ายพลิกดูสมุดของตัวเอง และขมวดคิ้วขึ้นมา
“เธอจำผิดแล้วรึเปล่า ไม่มีชื่อของเธอนะ และบทบาทของหมิงซิง เป็นคนอื่น ไม่ใช่เธอ”
ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเครียด และพึมพำว่า:“ จะเป็นไปยังไง”
“ไม่เชื่อเธอก็ดู”
หลังจากรับสมุดของผู้จัดการกองถ่ายมา เซี่ยอันน่าก็หาชื่อของตัวเองไม่เจอจริงๆ
“นี่...........”
“โอเค ในเมื่อเธอไม่ใช่นักแสดงชองที่นี่ ก็รบกวนเธอออกไป อย่ามาทำให้งานของพวกเราล่าช้า”
เซี่ยอันน่าออกจากห้องแต่งตัว และโทรศัพท์หาผู้กำกับหลี่ เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์
“ฮัลโหล ผู้กำกับหลี่ ฉันคือเซี่ยอันน่า ฉันเพิ่งไปที่กองถ่ายมา ทำไม.........”
ยังไม่ทันรอให้เซี่ยอันน่าพูดจบ ผู้กำกับก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมา
ขออภัยด้วย พวกเราตัดสินใจเปลี่ยนคนมาแสดงบทบาทของตัวละครหมิงซิง
เซี่ยอันน่าถึงกับผงะและรีบถามว่า:“ ทำไมล่ะ เมื่อวานคุณยังชมว่าฉันแสดงดีอยู่เลย”
“พวกเราเห็นโพสต์พวกนั้นที่เกี่ยวกับคุณแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้คนใหม่ มาทำลายชื่อเสียงของหนังเรื่องนี้”
“แต่ฉัน.........”
เซี่ยอันน่ายังไม่ทันพูดจบ ผู้กำกับหลี่ก็ตัดสายไปแล้ว
เสียงตัดสาย “ตู๊ดตู๊ด”ของโทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยอันน่าตาแดงและพูดด้วยเสียงสะอื้น:“ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมฉันต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ?”
เมื่อเดินออกมาจากกองถ่าย เซี่ยอันน่าก็มานั่งข้างแม่น้ำคนเดียว และร้องไห้อย่างเงียบๆ
เซี่ยอันน่าในขณะนี้ ในใจก็รู้สึกหมดหวัง เธอไม่รู้ว่าจะเดินออกจากวงจรอุบาทว์นี้ยังไงดี เธอไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร
นี่ไม่ใช่อุปสรรคที่พยายามแล้วจะสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ถึงแม้ว่าเธอจะมีจิตใจที่เข้มแข็งขนาดไหน ก็ไม่สามารถรักษามันไว้ได้อีกต่อไป
จากระยะไกล เสี่ยวอวี้หลินมองเห็นเซี่ยอันน่านั่งอยู่ริมแม่น้ำคนเดียว
หลังจากได้ยินว่าวันนี้เซี่ยอัน่น่ามีถ่ายละคร เสี่ยวอวี้หลินก็ตั้งใจมาเซอร์ไพรส์เธอเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่แดงของเซี่ยอันน่า เขาก็ประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...