วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 451

ฉีฉีไม่มีทางเข้าใจเซี่ยอันน่า เซี่ยอันน่าก็ไม่คิดอยากให้ฉีฉีเข้าใจเรื่องราวเลวร้ายเหล่านี้เช่นกัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู เซี่ยอันน่าจึงหันไปพูด “เข้ามา”

คุณยายฉางเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้ ยิ้มแล้วพูดว่า “สาวๆ มาดื่มน้ำผมไม้สักหน่อยเถอะ”

“ขอบคุณค่ะคุณยาย”

คุณยายฉางวางแก้วน้ำผลไม้ลง สังเกตไปที่ฉีฉี แล้วเอ่ยถาม “หนูเป็นเพื่อนที่โรงเรียนอันน่าหรือจ๊ะ?”

“ค่ะ เราเป็นรูมเมทกันค่ะ”

“เฮ้อ มองดูพวกหนูแล้วช่างสวยกันจริงๆเลย”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉีฉีก็จับที่ท้ายทอยตัวเอง พลางยิ้มอย่างซื่อๆ

คุณยายฉางเอื้อมมือไปจับมือของฉีฉี แล้วพูดว่า “ถ้าหนูไม่ว่าอะไรก็มาอยู่เป็นเพื่อนอันน่าสิ ที่นี่เหงามาก พวกคุณจะได้อ่านหนังสือด้วยกัน ที่นี่อาจเป็นที่เฉพาะหน่อย แต่ก็มีคนขับรถไปรับไปส่งหนูได้”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของฉีฉีก็เต็มไปด้วยความสุข

เธอไม่เคยเสพสุขกับสภาพแวดล้อมดีขนาดนี้มาก่อน ถ้ามีประสบการณ์ได้สัมผัสสักครั้งต้องมีความสุขมากแน่ๆ

แต่ในฐานะเพื่อนของเซี่ยอันน่า ฉีฉีต้องแสดงศักดิ์ศรีสักเล็กน้อย อย่าปล่อยให้คนอื่นถูกดูเซี่ยอันน่าได้

ดังนั้น ฉีฉีจึงกล่าวอย่างสุภาพ “เอ่อ แล้วหมายความว่ายังไงคะ”

“ถ้าไม่ว่าอะไร หนูมาอยู่เป็นเพื่อนอันน่าได้ไหม เธอจะได้มีความสุขขึ้นมาหน่อย แบบนี้อาการป่วยจะได้ดีขึ้นเร็วๆ อันน่าหนูว่าไงจ๊ะ?”

เซี่ยอันน่าคิดว่า เมื่ออาการป่วยดีขึ้น เสี่ยวอวี้หลินอาจไม่มีข้ออ้างที่จะเก็บเธอไว้ จึงพูดชักชวน “ฉีฉี ถ้าแกมีเวลาว่าง ก็มาทบทวนด้วยกันก็ได้ เค้กที่นี่อร่อยมากเลยนะ”

ฉีฉีถูกล่อลวง เมื่อได้ยินว่ามีของกินอร่อยๆ ก็รีบพยักหน้าโดยเร็ว ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ๆๆ สภาพแวดล้อมที่นี่ดีกว่าห้องสมุดมาก ไม่ได้ไปจับจ้องที่นั่งก่อน”

เมื่อเห็นว่าฉีฉีรับปาก คุณยายฉางจึงรีบพูด “งั้นก็ดี พรุ่งนี้เราจะให้คนขับรถไปรับหนูนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูนั่งรถบัสมาเองได้”

“เดินจากที่นี่ไปป้ายรถเมล์ไกลมาก ไม่ค่อยสะดวก ในเมื่อหนูจะมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนอันน่า เราจะไม่ทำให้หนูลำบาก เพียงแค่หนูเตรียมตัวตามที่ยายบอก”

“งั้น ก็ได้ค่ะ”

……

จากการเชิญชวนของคุณยายฉาง ฉีฉีก็กลายเป็นแขกที่เข้ามาเยี่ยมชมในคฤหาสน์หลังนี้

ทั้งสองใช้ที่นี่เป็นห้องเรียน อ่านหนังสือ เรียน กินขนม พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก

แต่ทางด้านเซี่ยอันน่า มีความกลัดกลุ่มใจที่แน่นหนาเกินกว่าจะปล่อยวางได้

ขณะที่กำลังอ่านหนังสือเซี่ยอันน่าก็หันออกไปมองนอกหน้าต่าง และเริ่มเหม่อลอยอีกครั้ง

ฉีฉีคาบปากกาไว้ในปาก จ้องมองไปที่เซี่ยอันน่า

หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยอันน่าก็ได้สติกลับมา บังเอิญประสบเข้ากับสายตาของฉีฉีพอดี

เซี่ยอันน่าชะงักไป แล้วก็ยิ้ม “แกมองอะไร มีบทเรียนอยู่บนหน้าฉันหรือไง?”

ฉีฉีขมวดคิ้ว ใบหน้างงงวย “อันน่า ทำไมแกดูไม่มีความสุขเลย?”

เธอกระพริบตา เซี่ยอันน่าพลิกหน้ากระดาษพร้อมกับพูดว่า “ใกล้จะสอบแล้วฉันยังทบทวนไม่เสร็จเลย แน่นอนว่าก็ต้องไม่มีความสุขอยู่แล้ว”

ฉีฉีโน้มตัวไปข้างหน้า จนใบหน้าของเธอเกือบจะชนเข้ากับใบหน้าของเซี่ยอันน่า พูดขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ฉันรับรู้ได้ถึงความเศร้าในแววตาแก กับความกังวลเรื่องเรียนมันไม่เหมือนกัน”

เซี่ยอันน่ายื่นมือออกไปผลักหน้าผากของฉีฉี แล้วถอยกลับมา “ฉันไม่เป็นรู้สึกเลย แกเป็นผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เรื่องความรู้สึกรึไง?”

“สัญชาตญาณของฉันแม่นยำมาก อันน่าบอกฉันมาแกกำลังคิดอะไรอยู่”

เซี่ยอันน่าลู่ตาลง พูดขึ้นน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรให้รักษาระยะห่างจากเสี่ยวอวี้หลินได้”

“พวกเธอสองคนเป็น…”

ฉีฉียังพูดไม่ทันจบ ก็ได้รับการเตือนจากสายตาของเซี่ยอันน่า

จึงกลืนคำพูดหลังจากนั้นไป และเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ ฉันหมายถึงพวกเธอเป็นคนโสดด้วยกันทั้งคู่ ถ้าลองคบๆกันดู จะมีปัญหาอะไรไหม?”

“ใครบอกว่าคนโสด ต้องลองคบกันดู? เขากับฉันอยู่กันคนละโลกมาตั้งแต่แรก จะดีกว่าไหมถ้าไม่ต้องทำให้มันยุ่งยาก”

คำพูดเหล่านี้ทำให้ฉีฉีพูดไม่ออก

“อันน่าแกมาจากยุคโบราณในศตวรรษไหน ทำไมในหัวมีความคิดคร่ำครึแบบนี้? ถ้าชอบก็ต้องกล้าที่จะไล่ตามมัน ความสุขของตัวเอง ตัวเองไม่สู้ คิดจะให้คนอื่นมอบมันให้แกรึไง?”

“แต่ฉันไม่ชอบเสี่ยวอวี้หลิน”

ฉีฉียิ้มแล้วพูดว่า “คำนี้แกหลอกคนอื่นได้ แต่แกหลอกฉันไม่ได้”

“ฉันพูดความจริง”

“ช่างเถอะ ฉันอยู่กับแกตลอดทั้งวัน คิดว่าไม่รู้เหรอว่าแกคิดยังไง? แม้ว่าเสี่ยวอวี้หลินจะไม่ค่อยน่าไว้ใจในบางครั้ง แต่เขาก็ปกป้องแกจากคนอื่น เพื่อแก้ปัญหามรสุมของแก ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวนะ ลองคิดดูดีๆ”

“ใครเป็นคนบอกว่าเขาดีกับฉัน ก็ต้องคิดว่าชอบฉัน? ก็อาจจะเป็นได้…” น้ำเสียงขาดหายไปชั่วขณะ สีหน้าของเซี่ยอันน่าดูเศร้าหมอง “เป็นไปได้ว่าตอนที่เบื่อๆ ก็แค่หาอะไรเล่นเพื่อฆ่าเวลา”

ฉีฉีจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเซี่ยอันน่า เธอเอียงศีรษะและพูดความฉงน “อันน่าเมื่อก่อนแกไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้”

ใช่ เมื่อก่อนเธอรุกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่กลัวฟ้าดิน

แต่ตั้งแต่ที่ได้พบกับเสี่ยวอวี้หลิน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

เธอกลัวว่าจะควบคุมหัวใจของตัวเองไม่ได้ เช่นนั้น เธอคงทุกข์ทรมานจริงๆ

ดังนั้น เซี่ยอันน่าจึงบอกตัวเองตัวเองซ้ำๆ อย่าให้อารมณ์หวั่นไหว อย่าใจอ่อน เธอและเสี่ยวอวี้หลินไม่เหมาะสมกัน ทุกอย่างจะได้ค่อยๆ จางหายไป

หลับตาลงเบาๆ เซี่ยอันน่าปกปิดเยื่อใยในแววตา “เมื่อไม่นานมานี้มีหลายอย่างเกิดขึ้น ฉันต้องเตรียมพร้อมป้องกันตัวจากคนอื่น”

“แบบนี้ก็คงไม่ได้ คนที่แกเป็นกังวลจริงๆ แกก็ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามา”

เซี่ยอันน่าไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ เงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มให้ฉีฉี “ช่างเถอะฉีฉี เราอ่านหนังสือกันต่อเถอะ”

“อืม”

เมื่อฉีฉีเห็นว่าเซี่ยอันน่าไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ต่อ จึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าอ่านหนังสือ สายตาจริงๆ กลับมองไปที่เซี่ยอันน่า

วันนี้ทบทวนบทเรียนเสร็จเรียบร้อย ฉีฉีเก็บของแล้วจากออกมา

เมื่อเดินมาถึงประตู ฉีฉีก็พบกับคุณยายฉาง จึงยิ้มทักทายเธอ

“คุณยายฉาง หนูกลับแล้วนะคะ”

“ค่ะ วันนี้เหนื่อยเลยนะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ที่นี่มีของให้กินให้ดื่ม แถมยังมีเครื่องปรับอากาศ สะดวกสบายมากค่ะ”

“แต่พวกหนูเรียนกันหนักขนาดนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของอันน่าเหรอจ๊ะ?”

“ยังไหวอยู่ค่ะ”

คุณยายฉางถอนหายใจ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ยายเห็นว่าสองวันมานี้อันน่าจริงจังมาก คิดว่าอาการของเธอจะทรุดหนักอีกรอบ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีฉีก็รีบพูด “ตอนนี้คุณยายก็เห็นว่าอันน่าไม่มีความสุขเหมือนกันเหรอคะ?”

“ใช่จ้ะ” คุณยายฉางคิ้วขมวด รอยย่นบนใบหน้าปรากฎลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้วเอ่ยถาม “หนูเป็นเพื่อนร่วมห้องของอันน่า รู้ไหมทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้?”

ฉีฉีครุ่นคิด แล้วตอบไป “อันน่าไม่ได้บอกหนูตรงๆ หนูคิดว่าอันน่ามีบางอย่างที่อธิบายออกมาไม่ได้”

“แบบนี้ งั้นเราต้องช่วยอันน่าแก้ปมในใจ เกรงว่าหากติดอยู่แบบนั้นจะทำให้สุขภาพยิ่งแย่ลง”

เมื่อได้ยินว่าสถานการณ์ร้ายแรง ฉีฉีจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “หนูจะคุยกับอันน่าให้ค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ